คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : ดีมิเตอร์-Demeter คณะเทพวงศ์โอลิมเปียน
ดีมิเตอร์หรือในภาษาโรมันว่า “ซีเรส-Ceres” เป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ เกษตรกรรมและธรรมชาติ ธิดาแห่งเทพไททันโครนอสและเทพีรีอา สัญลักษณ์ของพระนางคือดอกป็อปปี้ ข้าวบาร์เลย์และข้าวโพด
ว่ากันว่าเทพีดีมิเตอร์นั้น เป็นเทพีที่ชาวเกษตรเคารพนับถือมาก โดยเฉพาะผู้ที่ปลูกข้าวโพด นัยว่าพระนาง จะดลบันดาลให้เจริญงอกงาม มีอยู่หนหนึ่ง ซึ่งเพอร์ซิโฟเน่ ธิดาของพระนางถูกเทพแห่งนรกใต้พิภพฮาเดส-Hades ลักพาตัวไป ทำให้พระนางเศร้าใจและออกค้นหาลูกสาว แต่ยิ่งหาก็ยิ่งไม่เจอ(ก็แน่ละ เพราะตอนนั้นเพอร์ซิโฟเน่ก็ไปถึงนรกใต้พิภพแล้วละครับ)
พระนางรู้สึกเศร้าโศกเสียอย่างมากจนไม่เป็นอันทำอะไร พระนางเอาแต่ตามหาธิดาของตนจนลืมทำหน้าที่ของตนเอง เมื่อไม่มีเทพีคอยทำให้พืชผลเจริญงอกงามนานๆเข้า พืชผลต่างๆก็เหี่ยวเฉาแห้งตายหมดเลยครับ แต่องค์เทพีก็ไม่ลดละความพยายามและทรงออกค้นหาต่อไป จนในที่สุดพระนางก็รู้ว่าธิดาของพระอยู่ที่ไหนและรีบไปปรึกษามหาเทพซุสทันที
ฝ่ายซุสกล่าวกับนางเทพีดีมิเตอร์ว่า สามารถช่วยเพอร์ซิโฟเน่ได้แต่ต้องให้แน่ใจด้วยว่าธิดาของพระนางไม่ได้กินของจากนรกใต้พิภพอันใดไป พระนางดีใจมากและออกเดินทางไปยังนรกใต้พิภพทันที
ปรากฏว่าฝ่ายราชานรกฮาเดสกล่าวว่า
เพอร์ซิโฟเน่(ซึ่งตอนนี้กลายเป็นราชินีแห่งนรกใต้พิภพไปแล้ว) ได้กินเมล็ดทับทิมไปแล้ว
3 เมล็ด เมื่อดีมิเตอร์ได้ฟังดังก็เศร้าโศกมาก
ฮาเดสรู้สึกสงสารจึงกล่าวกับพระนางว่า ในทุกๆ 1 ปี เพอร์ซิโฟเน่สามารถขึ้นมาบนโลกได้เพียง 4
ครั้ง เพื่อมาเยี่ยมพระมารดาดีมิเตอร์ได้ และว่ากันว่าทุกครั้งที่เพอร์ซิโฟเน่ออกมาที่โลกก็จะเป็นเวลาที่โลกเปลี่ยนฤดูด้วย
และด้วยเหตุนี้เพอร์ซิโฟเน่จึงกลายเป็นเทพีแห่งฤดูกาล
ดิมีเทอร์
ประทับบัลลังก์และกำลังเอื้อมพระหัตถ์อวยพรเมทาไนราที่กำลังคุกพระชงฆ์ (เข่า)
ถวายข้าวสาลี ประมาณ 340 ปีก่อน ค.ศ.
นอกจากช่วงเวลาที่พระนางดีมิเตอร์ตามหาธิดาของตนแล้ว
ก็ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพีดีมิเตอร์อีกหนึ่งเรื่อง ดังต่อไปนี้
เทพีดีมิเตอร์ได้แปลงกายเป็นยายแก่เพื่อปิดบังไม่ให้ใครรู้จัก
ซึ่งในขณะที่พระนางกำลังนั่งพักอยู่นั้น
ก็มีเหล่าธิดาของเจ้านครอีลูสิสตามมาหายายแก่ผู้นี้
เพราะรู้มาว่ายายแก่มานั่งคร่ำครวญตามหาลูก เหล่าธิดาของเจ้านครรู้สึกสงสาร
และอยากที่จะทำให้ยายแก่คลายความโศกเศร้าไปบ้าง จึงได้ออกปากชวนให้ยายแก่เข้าไปในวัง เพื่อให้ไปช่วยดูแลกุมาร
ทริปโทลีมัส-Triptolemus ผู้น้อง
ซึ่งในขณะนี้ยังเป็นทารกน้อยอยู่
ดีมิเตอร์ยินยอมที่จะดูแลทารกน้อยผู้นี้ให้
ซึ่งพอองค์เทพีได้ลูบคลำโอบอุ้มทารกก็เกิดเหตุการณ์อันแสนวิเศษที่ทำให้ทารกดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลมากขึ้น บังเกิดความสงสัยแก่เจ้านครและบริวารเป็นอย่างยิ่ง
พอตกดึก ในขณะที่พระนางกำลังเลี้ยงดูทารกอยู่ตามลำพัง พระนางก็คิดอยากจะให้ทารกได้มีโอกาสเห็นทิพยภาพเป็นอมรรตัยบุคคลของตน จึงได้นำเอาน้ำต้อยเกสรดอกไม้ออกมาชโลมกายทารก
และท่องมนต์สังวัธยายมนต์ ก่อนจะวางทารกลงบนกองไฟอันแสนเร่าร้อน
เพื่อให้ความร้อนของไฟเผาลามเลียผลาญธาตุมฤตยูที่อยู่ในกายของทารกจนหมดสิ้น
ส่วนฝ่ายมารดาผู้เป็นเจ้านคร
ก็ยังไม่เชื่อใจยายแก่มากนัก จึงแอบย่องไปคอยสอดส่องตอนกลางคืน
และได้เห็นตอนที่องค์เทพีดีมิเตอร์กำลังทำพิธีชุบทารกอยู่พอดี
นางเกิดอาการตกใจยิ่งนักที่เห็นทารกของตนถูกเผา จึงส่งเสียงหวีดร้องออกมา พร้อมกับพยายามฉุดเอาบุตรของตนออกจากกองไฟ
แต่เมื่อเห็นว่าบุตรของตนไม่มีแม้แต่อันตรายอันเล็กน้อย
จึงรีบหันมาเล่นงานถามความจากยายแก่ว่ายายนั้นทำอะไรลงไป
แต่แทนที่นางจะเห็นยายแก่ กลับพบเพียงแต่เทพีดีมิเตอร์ที่มีรัศมีเรืองรองอยู่ตรงหน้า พระเทพีเพียงแค่ตรัสพ้อต่อนางอย่างสุภาพ
ที่นางนั้นได้เข้ามาทำลายพิธีการชุบทารกให้เสียไป
และทำให้มนต์เสื่อมลงจนไม่สามารถชุบทารกได้อีกต่อไป จากนั้นเทพีก็เดินทางจากเมืองอีลูสิสไป
เพื่อความหวังที่จะตามหาธิดาของตนให้พบต่อไป
ซึ่งหลังจากที่ดีมิเตอร์ได้เจอธิดาของตนเองแล้ว พระนางก็เดินทางกลับไปยังเมืองอีลูสิสอีกครั้ง เพราะว่าเจ้าผู้ครองนครแห่งนี้และราชินีได้สร้างวิหารเพื่อไว้ถวายแก่พระนางแล้ว ซึ่งวิหารแห่งนี้เป็นอนุสรณ์ให้มนุษย์รู้จักกับการทำการเกษตร ทำไร่ ไถนา อีกทั้งเทพียังได้สั่งสอนทริปโทลีมัส ซึ่งในขณะนั้นได้เติบใหญ่เป็นหนุ่มแล้ว ทำให้เขาเรียนรู้กับการไถนา การใช้จอบและเคียว และถ่ายทอดให้แก่ชาวนาสืบต่อมารุ่นต่อรุ่นยาวนานจนถึงปัจจุบัน
วิหารเทพีดีมิเตอร์ที่ Sagri, Naxos
ความคิดเห็น