สี
เกล็ดของมังกรเองก็มีสีของมันนะครับ ซึ่งสีของเกล็ดจะถูกกำหนดโดยยีนของมังกรแม่ โดยปกติมังกรแดงเท่านั้นที่จะผสมพันธุ์กับมังกรแดงอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าผลที่ได้คือ ลูกมังกรก็จะเป็นมังกรสีแดง แต่หากการผสมพันธุ์เกิดขึ้นระหว่างมังกรทองคำกับมังกรเขียวผลที่ได้อาจเป็นลูกมังกรสีบรอนซ์ นอกตากนี้เกล็ดของมังกรในตัวหนึ่งๆก็อาจไม่ได้มีแค่สีเดียวด้วย อย่างเข่นว่า ถ้ามังกรเป็นสีน้ำเงิน มันก็ไม่ได้มีแค่น้ำเงินล้วนๆ บางทีอาจจะเป็นสีน้ำเงินเข้มบ้าง น้ำเงินอ่อนบ้าง แบ่งไปตามเฉดสีเลยก็ได้ครับ
จากภาพแสดงให้เห็นถึงสีของเกล็ดมังกรที่แตกต่างกัน
ปีก
ปีกเป็นส่วนที่แยกความแตกต่างของมังกรจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ปีกมังกรนั้นเป็นอวัยวะที่ใหญ่และเหนียวแน่น กว้างมากและห่อด้วยหนัง ซึ่งพบได้ในมังกรหลายสายพันธุ์ ปีกมักจะมีขนาดใหญ่กว่าร่างของมังกรเพื่อปรับกำลังที่ไม่น่าเชื่อที่จำเป็นในการบินของมังกร
หาหากคุณมองอย่างใกล้ชิดที่กรงเล็บและปีกของโครงกระดูกมังกรคุณจะสังเกตได้ว่าปีกเป็นเพียงแขนเหยียดและมือ กระดูกทั้งสองของแขนเล็ก ๆ ติดอยู่กับกระดูกอ่อนและกล้ามเนื้อบริเวณข้อศอกของปีก
โดยปกติแล้วจะมีนิ้วยาว 4 ถึง 5 นิ้วจับหนังของปีก
แต่ละนิ้วเหล่านี้ลงท้ายด้วยกรงเล็บ
กรงเล็บของนิ้วหัวแม่มือนั้นเป็นชนิดของข้อมือที่ทุกนิ้วมือรวมกันเพื่อสร้างปีก
การได้กลิ่น
การได้กลิ่นของมังกรนั้นได้มีการพัฒนามาพอๆ
กับการมองเห็น การดมกลิ่นที่ละเอียดอ่อนนี้ขึ้นอยู่กับจมูกของมังกร ซึ่งมังกรเองรับรู้และแยกแยะของกลิ่นได้ดีมาก มันยังใช้ลิ้นงอเพื่อทดสอบอากาศเช่นเดียวกับงู
ความสามารถของมังกรในการรับรู้การมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตอื่นด้วยกลิ่นทำให้ยากที่จะจับมังกรโดยไม่รู้ตัวและการซ่อนตัวจากมังกรนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เมื่อมังกรอยู่ใกล้พอที่จะรับกลิ่นของเหยื่อ
การได้ยิน
หูของมังกรนั้นไวพอ ๆ
กับหูของมนุษย์และช่วงของเสียงที่มังกรได้ยินนั้นคล้ายกับที่มนุษย์ได้ยิน
แม้กระทั่งมังกรที่อายุน้อยที่สุด แต่มีการได้ยินที่คมชัดกว่ามนุษย์ทั่วไป ด้วยความสามารถในการรับรู้เสียงที่สำคัญ มันสามารถแยกแยะเสียงได้อย่างชัดเจน และมันยังสามารถกรองเสียงจากหลายๆเสียงเพื่อหาเสียงที่ถูกต้องหรือที่มันสนใจได้
การลิ้มรส
มังกรสามารถแยกรสชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันสามารถรับถึงการเจือปนของสิ่งแปลกปลอมในอาหารหรือน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศหรือยาพิษมังกรก็รับรู้ได้ ดังนั้นหากใครจะวางยาพิษมังกรก็ผิดแล้วละ นอกจากนี้มังกรบางชนิดมีพฤติกรรมการกินอาหารที่ค่อนข้างแปลก ตัวอย่างเช่นมังกรทองแดงเพลิดเพลินไปกับอาหารจำพวกสัตว์มีพิษ แต่สิ่งที่มังกรไม่ชอบมากที่สุดเห็นจะเป็นอาหารที่มีรสชาติวหวาน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามันแยกแยะรสชาติของอาหารประเภทที่มีความหวานไม่ได้ก็ไม่มีใครทราบ
การผสมพันธุ์
การผสมพันธุ์เป็นแบบเดียวกับนกอินทรีหัวล้าน
เพราะลูกหลานของมันประเภทหนึ่งคือ นกอินทรีหัวล้าน-Bald
eagle ซึ่งเป็นวิธีการพิสดารไม่เหมือนใคร
โดยนกอินทรีตัวผู้ตัวเมียจะใช้กรงเล็บ เกาะกุมกันไว้กลางอากาศแล้วผสมพันธุ์ ช่วงนั้นมันทั้งคู่จะปราศจาก
การควบคุมสมดุล และควงสว่านลงมาจากนภากาศ มันจะเสพสมสำเร็จ
ในวินาทีก่อนที่จะตกกระทบพื้นดิน แล้วพลันโผผินบินขึ้นสู่ท้องฟ้าผละจากกัน
มังกรตัวผู้ตัวเมีย ก็ผสมพันธุ์เฉกเช่นเดียวกับนกอินทรี หากแต่ตอนผละจากกันนั้น
มันจะพ่นอัคคีออกมาพวยพุ่งเป็นสองลำในอากาศ
มังกรเพศเมียจะผสมพันธุ์เพียง 1 ถึง 4 ครั้งในชีวิตของมัน เมื่อมังกรเพศเมียพร้อมที่จะผสมพันธุ์
มันจะส่งเสียงที่ดังก้องไปยังตัวผู้ที่โตเต็มวัยรอบๆ บริเวณรอบๆ และผสมพันธุ์กัน
การสร้างรัง
การสร้างรังของมังกรจะเริ่มในวันเดียวกับการผสมพันธุ์
ทั้งมังกรตัวผู้และตัวเมียจะสร้างรังของมันขึ้นมา วัสดุรังที่นำมาสร้างรังสามารถประกอบด้วยกิ่งไม้ที่นำมาสานต่อกันเป็นรัง หรือบางทีพวกมันอาจใช้ใบไม้สดพันด้วยทองคำและอัญมณีในการสร้างรังก็ได้ และในส่วนของพื้นรังบางครั้งมังกรจะหาเศษเหรียญหรือโลหะมาเป็นจำนวนมากและใช้ไฟเผาทำให้เป็นเนื้อเดียวกันและนำมาสร้างเป็นพื้นรังพร้อมกับประดับดาด้วยกิ่งไม้ การสร้างรังจะช้าใช้เวลาประมาณหนึ่งปีครึ่งปีในการสร้างรัง
การวางไข่
องค์ประกอบต่างๆของไข่มังกร
หลังจากตั้งท้องได้ 2 ปี มังกรเพศเมียจะวางไข่จำนวน 1-6 ฟอง ไข่ของมังกรในตอนนี้จะเหนียวและแข็งพอสมควร ไข่ในเวลานี้มีชื่อเรียกว่า "คลัตช์-Clutch" อัตราส่วนของตัวผู้กับตัวเมียคือ
3 ต่อ 1 ระหว่างการทำรังตัวผู้และตัวเมียจะผลัดกันหาอาหารและทำให้ไข่อุ่น
การฟักไข่
หลังจากการทำรัง
2 เดือนลูกมังกรก็จะโผล่ออกมาจากไข่ มังกรทารกแต่ละตัวมีฟันเจาะเปลือกไข่ซึ่งเป็นกระดูกแหลมคมที่ด้านหน้าจมูก
ใช้เพื่อแยกเปลือกออก
เมื่อมังกรตัวแรกเริ่มโผล่ออกมาและร้องไห้มันจะกระตุ้นให้ลูกมังกรตัวอื่นฟักออกมา มังกรที่เพิ่งออกจากไข่จะหิวโหยอย่างมากและหากไม่ได้รับอาหารทันทีหลังจากฟักไข่พวกมันจะกินไข่แดงและไข่ขาว
(ส่วนสีขาวของไข่) หากไม่ได้รับอาหารทันทีหลังจากนี้พวกมันจะกินพวกเดียวกันเอง ลูกมังกรเมื่อเกิดมีน้ำหนัก
80 ปอนด์และความยาวประมาณ 6 ฟุต มังกรที่เพิ่งออกจากไข่ได้ไม่นานจะไม่สามารถบินได้ทันที และมังกรจะใช้เวลาในการเจริญเติบโตอยู่ที่ประมาณ 140 ปี
การพรางตัว
ในมังกรบางสายพันธุ์เมื่อมังกรโตเต็มที่เซลล์ในเกล็ดสามารถเปลี่ยนสีได้เช่นเดียวกับกิ้งก่าที่เกิดจาก
โครมาโตฟอร์-Chromatophore เซลล์เม็ดสีในเกล็ด ปฏิกิริยานี้อาจเกิดจากอารมณ์
(ความโกรธ,ความสุข ฯลฯ ) หรือความประสงค์ของมังกรในการเปลี่ยนสี หากมังกรโกรธมันสามารถเปลี่ยนจากสีดั้งเดิมเป็นสีสว่างหรือฉูดฉาดดุร้ายเช่นสีแดงทำให้ดูน่าเกรงขามมากขึ้น หรือในระหว่างพิธีกรรมผสมพันธุ์มันสามารถเปลี่ยนสีเพื่อดึงดูดมังกรอื่นๆ
เกราะของมังกร
มังกรมีเครื่องป้องกันซึ่งถือเป็นรูปแบบการป้องกันที่เรียกได้ว่าแทบจะไร้เทียมทานเลยทีเดียวก็ว่าได้ ซึ่งเดาไม่ว่ายากว่าเกราะในส่วนที่ว่านี้ก็คือเกล็ดของมังกรนั่นละครับ หน้าที่หลักของเกล็ดคือการป้องกันเนื้อเยื่อผิวอ่อนของมังกร มังกรที่โตเต็มวัยสามารถรับแรงกระแทกโดยตรงจากดาบของอัศวินโดยแทบจะไม่ระคายผิว ทั้งนี้มังกรที่โตเต็มวัยจะมีเกล็ดรูปหยดน้ำความกว้าง 4-6 นิ้วและยาว 7-9
นิ้วครอบคลุมร่างกายของมัน รูปแบบของเกล็ดมังกรนั้นเป็นแบบแบนหมุนที่ซ้อนทับกัน
เกล็ดบริเวณหน้าอกมีขนาดใหญ่ที่สุด มันเป็นหนึ่งในสามเกล็ดที่ราบเรียบที่สุดและมักเป็นตัวบ่งบอกถึงเพศของมังกร ซึ่งเกล็ดนั้นในส่วนนี้มีรูปร่างต่างจากเกล็ดปกติเพราะเกล็ดตรงนี้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเกราะเลยก็ว่าได้ครับ นั่นก็มันทำหน้าที่ในการปกปิดและปกป้องช่องท้อง
"นุ่ม" ของมัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของมังกรแทบจะทุกตัวเลยทีเดียว รูปแบบของเกล็ดหน้าอกจะทับซ้อนกันและแบนจากคอภายใต้ร่างกายถึงปลายหาง
ข้อที่เท็จจริงที่น่าสนใจของเกล็ดมังกรอีกอย่างคือมันสามารถทำให้เกล็ดของมันตั้งขึ้นเพื่อเป็นการทำความสะอาดตัวของมันได้ด้วย และในยามที่มังกรเกิดโกรธหรือเกรี้ยวกราดขึ้นมา มันจะสามารถพองตัว และกระจายเกล็ดไปทั่วๆทำให้ดูเหมือนว่ามันตัวใหญ่ขึ้นจนข่มสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันได้
อาวุธของมังกร
มังกรสามารถใช้ปีกเป็นอาวุธโจมตีได้หากจำเป็น
แต่นี่เป็นทางเลือกสุดท้าย
เยื่อของปีกนั้นเสียหายได้ง่ายเมื่อเทียบกับส่วนที่เหลือของร่างมังกร หากเยื่อหุ้มปีกมังกรถูกเฉือนมันใช้เวลานานมากในการรักษาและมีโอกาสที่มังกรจะไม่สามารถบินได้อีก
หากถูกโจมตีบนพื้นดินมังกรมักจะวิ่งจากนั้นกระโดดขึ้นไปในอากาศและบินออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี
แต่ถ้ามังกรถูกขังอยู่บนพื้นดินมันจะยึดปีกไว้แน่นกับร่างกายของมันและใช้อาวุธซึ่งก็คือลมหายใจและกรงเล็บเพื่อปกป้องตัวเอง
หากมังกรต้องใช้ปีกในการจู่โจมมันจะเฉือนด้วยกรงเล็บแหลมคมของมันเพื่อทำให้ผู้โจมตีไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
ประสาทการรับรู้และความรู้สึก
มังกรมีความรู้สึกเหมือนกับมนุษย์
การมองเห็น การได้ยิน การดมกลิ่น การสัมผัสและรสนิยม
แต่บางตนมีความรู้สึกที่หก หรือสัมผัสที่หกซึ่งสามารถ "อ่าน"
อารมณ์ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตอื่นได้
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของมังกรนั้นไวอย่างไม่น่าเชื่อ
ยกตัวอย่างเช่นความรู้สึกของกลิ่นนั้นไวกว่าสุนัขล่าเนื้อประมาณ 100 เท่า
พวกมันสามารถดมหรือได้ยินเสียงคนหรือสัตว์ในระยะสองถึงสามไมล์ !
การพ่นไฟ!
ไฟ ถือเป็นอีกสิ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของมังกร ทำให้มังกรดูน่าเกรงขาม มันเป็นเปลวไฟที่ร้ายกาจที่สามารถเปลี่ยนเนื้อและกระดูกให้เป็นเถ้า แม้ว่าจะไม่ใช่มังกรทุกตัวที่สามารถพ่นไฟ
บางตนอาจมีลมหายใจเย็นจัด บางตนอาจมีกรดและบางตนอาจไม่พ่นไฟเป็นอาวุธเลย! แต่ว่ากันว่ามังกรที่มีอำนาจการพ่นไฟคือ มังกรแดง-Red Dragon และ มังกรเผ่าไฟเดรก-Fire Drake
มังกรพ่นไฟได้อย่างไร
ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อมังกรจับเหยื่อของพวกมัน เมื่อมังกรกินพวกมันจะย่อยอาหารในกระเพาะอาหารปกติ
การย่อยอาหารจะดำเนินต่อไปในกระเพาะอาหารที่สองซึ่งจะย่อยอาหารให้ดียิ่งขึ้น
หลังจากที่ร่างกายของมังกรได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการย่อยครั้งที่สองร่างกายก็จะเปลี่ยนอาหารและกรดที่เหลือให้เป็นผลพลอยได้ของไฮโดรเจน
มังกรสามารถเก็บไฮโดรเจนไว้ในต่อมขนาดใหญ่ต่างๆ
ในร่างกายเพื่อใช้ในภายหลังและสามารถเรียกใช้เมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ
เมื่อมังกรต้องการที่จะพ่นเปลวไฟต่อมจะปล่อยไฮโดรเจนเข้าสู่ปอดซึ่งมันจะผสมกับสารเคมีอื่นๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้น เมื่อส่วนผสมนี้พบออกซิเจนมันจะเผาไหม้ร้อนมากและรวดเร็วมาก
มังกรมักจะมีไฮโดรเจนอยู่ในร่างกายเพียงพอสำหรับการพ่นไฟสามครั้งในระยะที่ติดต่อกัน แต่นั่นก็เพียงสำหรับการทำให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นเถ้าถ่านแล้วละครับ และคำอธิบายนี้มีความหมายเหมือนกันสำหรับมังกรที่พ่นหรือหายใจด้วยลมหายใจชนิดอื่นของมังกร ร่างกายของพวกมันสลายอาหารเป็นสารประกอบต่างๆครับ
สรุปต่างๆ
โดยสรุปแล้วเริ่มจากอายุในส่วนช่วงของอายุ ว่ากันว่ามังกรนั้นขั้นต่ำมีชีวิตอยู่ได้ถึงราว 500 กว่าปี และมีชีวิตอยู่นานได้สุดถึงพันกว่าปีเลยทีเดียวครับ แต่ในชีวิตที่แสนยาวนั้น(หรือจะให้เรียกว่าพันยาวนานดี ก็แหม มันมีชีวิตอยู่พันปีจะให้เรียกว่าแสนยาวก็แปลกๆ) ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถตายได้เลย ในทางกลับกันพวกมันเสียชีวิตได้ทั้งจากอุบัติเหตุ โรคบางอย่าง หรือเป็นผลมาจากการรุกรานของศัตรูครับ
แถมอีกนิดละกัน เรื่องที่อยู่ของมังกรกันนะครับ มังกรบางตัวที่ถือในศักดิ์ศรีของตนเนี่ยมักจะแยกอยู่ในสถานที่เปลี่ยวรกร้างหรือตามสถานที่ที่ปรักหักพัง ในขณะที่มังกรทั่วไปๆจะชอบอาศัยอยู่ตามป่าหรือถ้ำต่างๆทั่วโลกครับ หากถ้ำในเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของมังกรก็จะสังเกตุได้จากผนังของถ้ำที่เรียบๆอันเกิดมาจากการถูกเกล็ดของมังกรเสียดสีจนราบเรียบนั่นเองครับ
หมายชี้บอก "มังกรอยู่ที่นี่" ในแผนที่การเดิมเรือ โดย ออเลอัส แม็กนัส-OLAUS MAGNUS, 1539
ความคิดเห็น