เสียงจากหัวใจ(พ่อ)อย่ารอให้สาย - เสียงจากหัวใจ(พ่อ)อย่ารอให้สาย นิยาย เสียงจากหัวใจ(พ่อ)อย่ารอให้สาย : Dek-D.com - Writer

    เสียงจากหัวใจ(พ่อ)อย่ารอให้สาย

    ผู้เข้าชมรวม

    917

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    917

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ธ.ค. 50 / 16:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เช้าวันศุกร์ ....ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง อีกสองวันก็ถึงวันที่ผมรอคอยและเตรียมตัวมาตลอด 2 ปี ผมเรียนพิเศษตลอด 2 ปี ก็เพื่อจุดหมายเดียวที่พ่อหวังไว้ ผมต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อให้ได้ ผมใช้เวลาวันละเกือบสิบชั่วโมง ใน 2 เดือนสุดท้าย เพื่อเตรียมตัวให้เหนือกว่าคู่แข่ง ช่วง 2 เดือนนี่เองที่ผมต้องนั่งทำแบบฝึกหัดจนถึงตี 3 ทุกวัน และก็ทุกวัน ..พ่อผมจะหากิจกรรมส่วนตัวของเขามานั่งทำเป็นเพื่อน เรานั่งอยู่ด้วยกันจนเกือบเช้าทุกวัน
                     คืนผมจะมีไมโลร้อนๆมาวางอยู่ข้างหน้า พร้อมๆกับมือของพ่อที่จะคอยตบบ่าให้กำลังใจ คอยเตือนว่า  "นอนได้แล้วหละลูก อย่าเครียดเกินไปเลย" ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงนั้นลอดหูเข้ามาเลย มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยทุกวัน ....จนบางทีก็ออกจะรำคาญที่ถูกเตือนให้นอน .........เมื่อคืนก็เป็นเหมือนทุกคืน... พ่อยังคงชงไมโลมาให้ แต่แปลกหน่อยตรงที่เมื่อคืนพ่อคุยกับแม่จนดึก ... แล้วค่อยมานั่งเป็นเพื่อนผม
                     วันนี้วันศุกร์ อีกสองวันเอง .....ผมก็จะได้สอบแล้ว.... ผมเดินสวนพ่อเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าอยากจะพูดอะไรด้วย ....แต่ก็ไม่ได้พูด .......... ผมเดินไปแปรงฟันและอาบน้ำ.... ตอนเดินออกมาพ่อก็ออกไปทำงานเสียแล้ว วันนี้รู้สึกดีใจเป็นพิเศษ เพราะ...... ผมทำคะแนนจากข้อสอบปีเก่าๆได้คะแนนสูงมากกว่าที่ประเมินไว้ ประมาณสิบเอ็ดโมง ผมทำข้อสอบชุดสุดท้ายเสร็จ และก็ตั้งใจว่าถัดจากนี้ไป 2 วัน ........ จะเป็นวันพักผ่อน เพราะไม่ต้องการให้เครียดก่อนวันสอบมาถึงผมทำข้อสอบอยู่ชั้นสองของบ้าน น้องชายก็ขึ้นมาบอกว่าพ่อแวะเอาอาหารเข้ามาให้ ...
                    ความรู้สึกตอนนั้นผมอยากจะลงไปบอกพ่อว่าทำคะแนนได้ดี... แต่ก็คิดว่าอีกซักเดี๋ยวค่อยลงไป พอลงไปอีกทีพ่อก็ออกไปทำธุระเสียแล้ว .......... ผมนั่งดูทีวีอยู่จนกระทั่งบ่ายสามโมง มีโทรศัพท์ดังขึ้น .... ผมเดินไปรับ เสียงของผู้หญิงลอดมาตามสาย ผมจับใจความได้ว่า เค้าพูดถึงชื่อพ่อผม และก็บอกว่ารถคว่ำเพราะหักหลบเด็กวิ่งข้ามถนน อาการไม่หนักนัก ผมเขียนโน๊ตไว้บนโต๊ะ แล้วรีบไปโรงพยาบาล ในใจตอนนั้น คิดว่าไปถึงพ่อคงใส่เฝือกอะไรแค่นั้น พอไปถึงอาผมก็ไปถึงพร้อมกันพอดี หมอนำเอกสารอนุญาติให้ผ่าตัดมาให้เซ็นต์ แล้วก็บอกว่าตอนนี้อยู่ห้อง X-Ray อาการไม่ค่อยดี เลือดคั่งในสมองต้องผ่าตัดด่วน แล้วเค้าก็เอาตัวพ่อเค้าห้องผ่าตัด
                     ผมไม่ได้เจอพ่อเลย ตอนเย็นแม่มา ก็สั่งให้เรากลับบ้าน มีอะไรจะโทรไปบอก .....เช้าวันเสาร์แม่โทรมาบอกว่าตอนนี้พ่ออาการดีขึ้นแล้ว .... อยู่ห้อง ICU แต่ยังไม่ได้สติ ผมตัดสินใจบอกแม่ว่า....."วันจันทร์ผมไม่เข้าสอบ ผมอยากเฝ้าอาการพ่อ". แม่รีบกลับมาบ้านโดยให้อาเฝ้าที่โรงพยาบาลแทน แล้วก็บอกกับผมว่า......"รู้รึเปล่าว่าพ่อเค้าอยากให้ลูกสอบติดแค่ไหน แล้ววันนี้ที่พ่อเค้ารีบออกไป รู้ไหมว่าเค้าไปไหน" ผมบอกว่า "ไม่รู้" แม่ขอร้องให้ผมไปเข้าสอบ ....แล้วแม่ก็บอกว่า"พ่อเค้ากำลังจะไปบนพระพรหม .....ขอให้ลูกสอบติด แต่รถคว่ำเสียก่อน" วันนั้นแม่บอกผมว่า...ถ้าเกิดพ่อฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่า... ผมไม่เข้าสอบ.. พ่อจะเสียใจขนาดไหน.... ...ผมตกลงว่าจะไปสอบ ผมหลบเข้าห้องน้ำ.... ยืนนิ่งแล้วก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าต้องเจอกับปัญหาที่หนักมาก ผมร้องไห้อยู่นานมาก ............

                      วันอาทิตย์แม่โทรมาบอกว่าพ่อได้สติแล้ว.แต่ยังไม่ให้ผมไปเยี่ยม แม่บอกแค่ว่าขอให้สอบให้เสร็จก่อน..... ทางนี้แม่จะดูแลเอง ผมสบายใจขึ้น. คิดอย่างเดียวว่าพ่อจะต้องดีใจถ้ารู้ว่า ผมสอบติด ....ผมมั่นใจมาก..... ทุกๆวันอาการของพ่อดีขึ้นเรื่อยๆ....แต่แม่ก็ไม่ยอมให้ผมไปเยี่ยม ผมเข้าสอบอยู่ 5 วันจนเสร็จ .... หลังจากสอบเสร็จที่แรกที่ผมไป คือ โรงพยาบาล.... ไปทั้งชุดนักเรียนแบบนั้นแหละ .....
                     ผมไปถึงแม่และอาก็ยังคงอยู่หน้าไอซียู แม่ถามว่า "สอบเสร็จแล้วเหรอ" ผมบอกว่า "เสร็จแล้วครับทำข้อสอบได้ไม่ดีนักแต่มั่นใจว่าน่าจะติดที่ไหนสักแห่ง " แล้วแม่จึงให้ผมเข้าไปเยี่ยมพ่อ พอผมเห็นพ่อ ผมยืนตัวแข็งเดินต่อเข้าไปไม่ได้  พ่อผมถูกโกนศรีษะเพื่อผ่าตัด พ่อผมยังไม่ฟื้น....... แม่ขอโทษ แม่บอกว่า "อาการจริงๆดีขึ้นแล้ว... เพียงแต่ยังไม่รู้สึกตัว" ผมเดินเข้าไปกุมมือพ่อ..... ผมเริ่มน้ำตาคลอ แต่ก็บอกกับพ่อว่า " พ่อครับ....ผมสอบเสร็จแล้วนะ รีบตื่นมาดูผลสอบด้วยกันนะ "...
                     ทุกคนเห็นว่านิ้วมือพ่อขยับได้ นิ้วมือเขาขยับได้จริงๆ นางพยาบาลเดินเข้ามาดูอาการ แล้วก็บอกกับผมว่าอย่างนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ...... คืนนั้นผมจึงกลับมาบ้านพร้อมกับแม่ด้วยความสบายใจขึ้น....วันรุ่งขึ้นตอนหกโมงเช้า.... แม่ไปถึงโรงพยาบาล แม่โทรกลับมาหาผมแต่เช้า บอกว่า"เมื่อคืนเตียงข้างๆ เห็นพ่อลืมตามองไปรอบๆ ...." แม่ดีใจมาก ผมบอกว่าผมจะรีบไปก่อนแปดโมง  ซักเจ็ดโมงนิดๆ แม่โทรมาอีกครั้ง แม่บอกว่าให้เอาเสื้อสูทของพ่อไปด้วย..... ตอนนั้นผมร้องไห้ออกมาทันที ผมรู้ว่าแม่หมายถึงอะไร.....
                      ผมรู้ว่าผมได้สูญเสียคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตไปแล้ว ผมไม่มีโอกาสจะได้คุยกับพ่ออีกแล้ว  พ่อรอจนกระทั่งผมสอบเสร็จ พ่อรอจนกระทั่งลูกของพ่อเดินไปบอกว่าสอบได้แล้ว พ่อถึงจากไปอย่างสงบ ครั้งเดียวในชีวิตที่ผมร้องไห้มากที่สุด คือครั้งนี้.. ผมจะไม่มีใครชงไมโลมาให้อีกแล้ว ผมจะไม่มีใครมาคอยตบบ่าให้กำลังใจ ผมจะไม่มีวันได้พูดว่ารักพ่อทั้งๆที่เค้าคือคนที่ผมรักที่สุด
                      วันนี้เวลาผ่านไปเกือบสิบปี สิ่งหนึ่งที่ยังคงทำให้ผมเสียใจ ... มาจนถึงทุกวันนี้ คือวันศุกร์เมื่อสิบปีที่แล้ว ผมเดินสวนกับพ่อโดยที่ไม่ได้คุยกับพ่อซักคำ ผมควรจะได้พูดว่าผมรักพ่อมากแค่ไหน แต่ผมก็เดินสวนไปเฉยๆ ทุกวันนี้ผมไม่เคยหยุดที่จะคิด เมื่อเวลาบอกคนที่ผมรักว่า ผมรักเค้ามากแค่ไหน ผมจะไม่ยอมเสียใจกับสิ่งที่ผมไม่ได้ทำอีก ........

      ............พ่อ.........คนที่รักผมมากที่สุด....................

      "พ่อครับ..........ผมรักพ่อครับ......... "

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×