จงออกจากความเคยชิน - จงออกจากความเคยชิน นิยาย จงออกจากความเคยชิน : Dek-D.com - Writer

    จงออกจากความเคยชิน

    ที่มา: ไม่ระบุ

    ผู้เข้าชมรวม

    334

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    334

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ต.ค. 49 / 16:05 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      "คุณจะลำบากไป ๑๐ ปี การเงินจะชักหน้าไม่ถึงหลัง สุขภาพก็จะไม่สู้ดี"
      หมอดูทำนายอนาคตให้ลูกค้าคนหนึ่ง
      "หลังจากนั้น ผมจะสบาย มั่งมีศรีสุขใช่ไหม หมอ?"
      "เปล่า หลังจากนั้นคุณจะชินไปเอง"

      ไม่ว่าความทุกข์จะมาในรูปไหน
      คนเรามักมีความสามารถในการปรับตัวปรับใจให้คุ้นเคย
      จนความทุกข์นั้นๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดา
      แต่ที่ทนไม่ได้นั้น ส่วนใหญ่มักเป็นเพราะมีเวลาปรับตัวน้อยเกินไป
      หรือว่ายังไม่ทันปรับตัวจนคุ้นเคย ก็คิดสั้นไปเสียก่อน

      คนที่ประสบเหตุจนตาบอด หูหนวก แม้จะทุกข์เพียงใด
      แต่เมื่อเวลาผ่านไป จิตใจก็กลับเป็นปกติ
      บางครั้งกลับมีความสุขกว่าคนปกติธรรมดาด้วยซ้ำ
      ส่วนคนที่ติดคุกติดตาราง ทีแรกก็อึดอัดระทมทุกข์
      แต่ไม่ช้าไม่นานจะเริ่มรู้สึกว่าคุกนั้นเป็นเสมือนบ้าน
      คนที่อกหักรักคุดก็เช่นกัน สักพักก็จะทำใจได้ ยิ้มร่าได้เหมือนก่อน

      ความเคยชินทำให้เรามีภูมิต้านทานต่อความทุกข์หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา
      คนที่ไปทำงานในปั๊มน้ำมันหรือเล้าหมู ใหม่ๆ จะรู้สึกเหม็นตลบอบอวล
      แต่อยู่ไปนานๆ จมูกกลับไม่ได้กลิ่นเหล่านั้นเลย

      ความเคยชินนั้นสามารถแปรความทุกข์ให้กลายเป็นความไม่ทุกข์
      เปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นเรื่องธรรมดา นั่นเป็นข้อดีของความเคยชิน
      แต่ข้อเสียก็มีอยู่ไม่น้อย บ่อยครั้งความเคยชินก็ทำให้ปัญหาถูกบดบังและเรื้อรัง
      จนแก้ได้ยาก หรือก่อผลเสียหายในที่สุด

      คนที่เคยชินกับการนั่งหรือยืนผิดท่า
      จะไม่รู้ตัวเลยว่ากระดูกและกล้ามเนื้อเสียรูปไปแค่ไหนแล้ว
      นานเข้าๆ โครงสร้างของร่างกายก็จะเสีย จนยากจะแก้ไข
      แถมยังก่อความเจ็บปวดทรมาน
      บางคนเดินตัวเอียง จนใครเห็นใครก็ทัก แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกผิดปกติ
      นั่นก็เพราะเคยชินกับการเดินอย่างนั้นมานานนับสิบปี
      ยิ่งวันก็ยิ่งเอียงจนเหมือนหอเอียงปิซ่า ถึงตอนนั้นก็สายเกินแก้แล้ว

      เจ้านายที่เครียดเป็นกิจวัตร มักไม่ค่อยรู้ตัวว่าตนเองขี้หงุดหงิดแค่ไหน
      เพราะนอกจากตัวเองจะทำเป็นนิสัยแล้ว คนรอบข้างก็เคยชินด้านชา
      จนไม่รู้สึกรู้สาไปเสียแล้ว ฟังดูก็เหมือนดี แต่ที่จริงไม่ใช่เลย
      เพราะนับวันท่านก็จะเครียดง่ายขึ้น ถี่ขึ้น จนโรคหัวใจถามหา
      การทำหรืออยู่กับสิ่งที่เคยชินปีแล้วปีเล่า จึงไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป
      บางครั้งก็มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไปสัมผัสกับสิ่งใหม่
      หรือสภาพแวดล้อมอย่างใหม่ดูบ้าง

      คนชอบเครียด ลองเปลี่ยนเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนเที่ยวดูบ้าง
      อาจพบว่าตัวเองเอาจริงเอาจังมากเกินไป
      ยิ่งอยู่กับเพื่อนที่สบายๆ ง่ายๆ มากเท่าไร
      ก็ยิ่งเห็นความติดยึดหยุมหยิมขี้กังวลของตนมากเท่านั้น
      แล้วจะตระหนักว่าควรรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง
      สำหรับคนที่เป็นเจ้านาย การรับลูกน้องใหม่ๆ มาทำงาน
      อาจช่วยให้ตนเห็นปัญหาในหน่วยงานของตนชัดขึ้น
      เพราะคนที่เข้ามาทำงานใหม่นั้น จะเห็นปัญหาที่สะสมในหน่วยงาน
      ได้ชัดเจนกว่าคนที่อยู่นานจนเคยชินกับปัญหา
      ของที่วางระเกะระกะในห้องนั้น คนที่คุ้นเคยย่อมไม่รู้สึกเป็นปัญหา
      เพราะเดินหลบจนคล่องแคล่ว แต่ถ้าให้คนใหม่เข้ามาในห้อง
      ง่ายที่เขาจะเดินเตะหรือเดินสะดุด

      การลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคยดูบ้าง จะช่วยให้เราเห็นข้อจำกัดของตัวเอง
      นอกจากจะทำให้เราอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่รู้สึกอหังการ์ว่าข้าเก่งทุกเรื่องแล้ว
      ยังช่วยให้เราพัฒนาศักยภาพใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตและการทำงาน
      แม้กระทั่งการเปลี่ยนเส้นทางไปที่ทำงาน จากเดิมที่ใช้ชั่วนาตาปี
      ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความจำเจ ยังอาจเปิดตาให้เราเห็นอะไรใหม่ๆ สองข้างทาง
      แทนที่จะชินชากับเส้นทางเดิม

      กบนั้นเก่งในการปรับตัว เอากบไปวางไว้ในหม้อที่ตั้งอยู่บนกองไฟ
      มันจะปรับตัวให้ชินกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นๆ
      แต่พอถึงจุดหนึ่ง มันจะทนไม่ไหวและตายไปในที่สุด
      ในสถานการณ์อย่างนี้ ทางออกที่ดีที่สุดคือกระโดดออกจากหม้อขณะที่ยังมีเวลา
      ตอนนี้เราเป็นเหมือนกบในหม้อที่ร้อนระอุหรือไม่
      ถ้าใช่ น่าจะคิดได้แล้วว่าถึงเวลากระโดด ออกจากหม้อหรือยัง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×