This is my love แค่คำว่ารัก...ของเขาและเธอ - This is my love แค่คำว่ารัก...ของเขาและเธอ นิยาย This is my love แค่คำว่ารัก...ของเขาและเธอ : Dek-D.com - Writer

    This is my love แค่คำว่ารัก...ของเขาและเธอ

    "คบกับฉันได้ไหม?" นั่นเป็นประโยคแรกระหว่างธันวา ชายหนุ่มผู้เยือกเย็นประดุจน้ำแข็ง และเก้าหญิงสาวที่เฉยชาที่สุดในโรงเรียน

    ผู้เข้าชมรวม

    171

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    171

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 เม.ย. 58 / 22:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

      แนะนำตัวละคร



     


     



     











    Square root
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      บทนำ



      ธันวา: คบกับฉันได้ไหม?
              นั่นเป็นประโยคแรกระหว่างธันวา ชายหนุ่มผู้เยือกเย็นประดุจน้ำแข็ง และเก้าหญิงสาวที่เฉยชาที่สุดในโรงเรียน

      ธันวา: ฉันรอคำตอบอยู่นะ
              คำพูดของธันวาดึงให้เก้าหลุดจากภวังค์เก้าได้แต่พยักหน้ารับเพราะยังตกใจกับคำพูดของธันวาอยู่

      .............4ปีต่อมา..............
      ฟ้า: ถามจริงๆเถอะเก้าเธอทนอยู่กับคุณชายเย็นชานั่นมาตั้งสี่ปีได้ยังไงกัน
      เก้า: เขาชื่อธันวาอีกอย่างฉันไม่ได้ทนแต่ฉันรักวาจริงๆ
      ฟ้า: อะไรที่ทำให้เธอรู้สึกว่ารักกันล่ะตาวาของเธอเขาเคยบอกรักเธอด้วยเหรอ

            คำพูดแทงใจของฟ้าทำเอาเก้าพูดไม่ออก ก็จริงอย่างที่เพื่อนของเธอพูด ธันวาไม่เคยบอกรักเธอเลยสักครั้งเดียว ไม่เคยโทรหา ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกัน แม้แต่กินข้าวที่โรงเรียนก็แทบจะนับครั้งได้ แล้วอะไรกันคือสิ่งที่ทำให้เก้ารักธันวาหรือเป็นเพราะคำขอคบกันของธันวาเท่านั้นจริงๆ
      ฟ้า: เย็นนี้กลับด้วยกันนะเก้าไปกินไอติมกัน
            ฟ้าเอ่ยชวนเพื่อนที่กำลังนั่งหน้าเศร้า เพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น เก้าได้แต่พยักหน้ารับเงียบๆก่อนจะมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ

      ฟ้า: ไปเก็บกล่องข้าวเหรอ
      เก้าจ้ะเดี๋ยวมานะ
            เก้าเดินตรงไปยังล็อกเกอร์เก็บของของธันวา ก่อนจะเปิดออกด้วยกุญแจสำรองที่ธันวาเก็บเอาไว้ใต้กระถางต้นไม้ข้างล็อกเกอร์ 
      เก้า: หนักเท่าเดิมไม่ได้กินอีกแล้วสินะ
            เก้าเดินถือกล่องข้าวด้วยสีหน้าเศร้าอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธันวาไม่ทานข้าวกล่องที่เธอทำให้แต่ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ธันวาไม่เคยแม้แต่จะแกะห่อข้าวด้วยซ้ำไป หลายครั้งที่เธอคิดจะเลิกทำ แต่เพราะเธอแค่อยากจะเจอกับธันวาให้บ่อยขึ้น อย่างน้อยแค่ตอนเอาข้าวกล่องไปให้ก็ยังดี แต่ทุกครั้งเธอก็ทำได้แค่เอาข้าวกล่องไปไว้ในล็อกเกอร์เท่านั้น
      ธันวา: เก้า
            เก้าหันไปทางเดียวกับต้นเสียง
      เก้ามีอะไรเหรอวา
            เก้าถามก่อนจะแอบกล่องข้าวไว้ด้านหลัง
      ธันวาเปล่าหรอกแค่จะบอกว่าอาทิตย์หน้าซ้อมฟุตบอลดึกคงไม่ได้กลับด้วย

      เก้า: อื้มมม......จ้ะเข้าใจแล้ว
            ธันวาเดินไปสนามฟุตบอลโดยไม่พูดอะไรต่อเก้าเดินกลับห้องเรียนไปอย่าเงียบๆ
      ฟ้า: เก้า...เธอยังไม่ชินอีกเหรอ...เธอก็กลับบ้านกับฉันแทบทุกวัน...จนฉันจะเป็นแฟนเธอแทนวาอยู่แล้ว
            ฟ้าพูดพลางตักไอติมเข้าปาก ส่วนเก้าได้แต่นั่งเขี่ยไอศกรีมจนตอนนี้ละลายกลายเป็นน้ำไปแล้ว
      ฟ้าหาคนใหม่เถอะ ฉันสงสารเธอจริงๆนะ อย่าเอาความรักมาทิ้งกับผู้ชายที่เขาไม่เห็นค่าของเราเลย ไม่คุ้มหรอก
      เก้าวาเขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนะเพียงแต่.........
      ฟ้าเขาไม่เคยแสดงออกว่ารักเธอใช่ไหมล่ะ ฉันฟังประโยคนี้มากี่พันครั้งแล้วรู้ไหม ตั้งแต่พวกเธอคบกันยังไงล่ะ
            เก้านั่งนิ่ง ก่อนน้ำตาของเธอจะไหลลงมาอาบบนใบหน้า นี่เป็นอีกครั้งในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่เธอต้องเสียน้ำตาให้กับความรู้สึกเหงาในจิตใจ ฟ้าใสได้แต่ส่งทิชชู่ให้โดยไม่พูดอะไรต่อ เพราะเวลาแบบนี้เก้าจะชอบคิดอะไรเงียบๆคนเดียว

      สนามฟุตบอล
      ต้นข้าวเห้ยไอ้วา แกไม่เห็นพาแฟนมาเปิดตัวกับเพื่อนๆสักทีล่ะ ทุกคนเขาอยากรู้จักนะ ว่าใครกันที่เป็นแฟนกัปตันทีมฟุตบอล
      ธันวา: จะรู้ไปทำไมกันไอ้ข้าว..เขาไม่ชอบอยู่กับคนเยอะๆยิ่งไม่คุ้นเคยเขาก็ยิ่งไม่ชอบ
      ต้นข้าวเขาไม่ชอบหรือแกไม่ชอบ คบกันมาตั้งนาน ไม่เคยแม้แต่จะบอกว่าเป็นใคร อยู่ห้องไหน อย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน
      ธันวา: พูดมากนักก็ไปวิ่งรอบสนามสิบรอบไปปฏิบัติ
      ต้นข้าวได้ที่สั่งใหญ่เลยนะกัปตันจำไว้นะแก
             ต้นข้าวได้แต่วิ่งรอบสนามอย่างเซ็งๆ
      พายไข่: ขอโทษนะคะพี่ข้าวอยู่ไหมคะ
      ธันวา: วิ่งรอบสนามอยู่มีอะไรหรือเปล่า
      พายไข่คือว่าพายเอาขนมมาให้พี่ข้าวค่ะยังไงฝากพี่ธันวาให้เขาด้วยนะคะ
             ธันวารับขนมมาก่อนจะวางไว้ข้างๆตัว
      ต้นข้าว: น้องพายไข่ของฉันไปแล้วเหรอ
             ต้นข้าววิ่งกลับมายังมานั่งที่ธันวานั่งอยู่
      ธันวาอืม...เขาฝากนี่ไว้ให้
             ธันวายื่นถุงขนมให้กับต้นข้าวก่อนจะถอนหายใจออกมา
      ต้นข้าวเป็นอะไร...จะว่าไปไม่เห็นแฟนแกเอาขนมมาให้บ้างเลยนะ
      ธันวา: ฉันไม่กินของหวาน
      ต้นข้าวแต่ก็น่าจะมี...พวกข้าวกล่องหรือแซนวิชบ้างนี่นา
      ธันวาเขาคง....ไม่ว่างมั้ง

            ก็จริงอย่างที่ต้นข้าวพูด เขาไม่เคยได้ทานข้าวฝีมือเก้าเลยสักครั้ง จะขอให้ทำให้ก็เกรงใจ กลัวว่าเขาจะไม่ว่าง จะชวนไปกินข้าวตอนเย็นก็กลัวว่าเธอจะไม่ไป แค่ชวนกลับบ้านด้วยกันทุกวัน เขายังไม่กล้าเลย ได้แต่อ้างนั่นอ้างนี่ไปเรื่อย ที่บอกว่าเขาเย็นชา จริงๆเขาก็แค่ขี้อายก็เท่านั้นเอง ยิ่งกับคนที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกพบอย่างเก้าด้วยแล้ว เขายิ่งไม่กล้าจะทำให้เธอเสียใจด้วยซ้ำ แต่เขากลับไม่เคยรู้เลยว่าการที่เขาไม่ค่อยแสดงออกจะทำให้ความรักระหว่างเขาและเธอกำลังสั่นคลอน
      ฟ้า: ใครยืนอยู่หน้าบ้านเธอกันเก้าหน้าตาหล่อเชียว

      เก้า: นั่นมัน..........
           ชายหนุ่มปริศนาหันมาทางสองสาวก่อนจะส่งยิ้มให้
      เก้า: หมอก!
      ไอหมอก: สบายดีใช่ไหมเก้า
           เก้าโผเข้ากอดจนชายหนุ่มเกือบเสียหลัก
      เก้า: คิดถึงจังเลยกลับมาแล้วเหรอ
      ไอหมอก: หมอกกลับมาแล้วนะ จะกลับมาอยู่กับเก้าและจะไม่ไปไหนแล้ว

           ชายหนุ่มกอดตอบอย่างอบอุ่น
      ฟ้า: ไม่คิดจะทักคนอื่นเลยหรือไงจ๊ะหมอก
           ฟ้าเอ่ยอย่างงอนๆ
      ไอหมอก: อ้าว! อยู่ด้วยเหรอนึกว่าเงาของเก้าเสียอีก
      ฟ้า: หมอก! ชิ!!!
      หมอก: ฮ่าฮ่าขอโทดๆๆๆ...ผมไอหมอกคร้าบบบ!!!
           ชายหนุ่มยิ้มทะเล้นก่อนจะเดินจูงมือเก้าเข้าบ้านฟ้าจึงเดินกลับบ้านของเธอไป
      เก้า: แล้วหมอกไม่เรียนต่อที่นั่นแล้วเหรอ
      ไอหมอก: หมอกเบื่อที่จะอยู่ต่างประเทศกลับมาเรียนต่อที่นี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ
      เก้า: งั้น...ก็เรียนที่เดียวกับเก้าสิ...ดีเหมือนกันเก้าจะได้รู้สึกดีขึ้น
      ไอหมอก: มีอะไรงั้นหรอ...เล่าให้หมอกฟังได้น่ะ
           เก้าจึงเล่าเรื่องของเธอกับธันวาให้ไอหมอกฟัง
      ไอหมอก: แล้วเก้ารักเขาเพราะอะไรล่ะถึงไม่อยากเลิกกับเขา
      เก้า: เก้าก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าเก้าไม่สามารถเลิกรักเขาได้
           น้ำตาของเก้าค่อยๆไหลลงมาอย่างแผ่วเบา ไอหมอกจึงค่อยๆเอนศีรษะของเก้าซบกับไหล่ของเขาโดยไม่พูดอะไรต่อ


      ณ โรงเรียนช่วงพักกลางวัน
      เก้าหมอกเป็นยังไงบ้างที่นี่ดีไหม
      ไอหมอก: อืม...กว้างดีอากาศกำลังดีไม่หนาวมาก

           เก้าและหมอกทานข้าวพลางพูดคุยกันตามประสาคนไม่เจอกันนาน
      ไอหมอก: กินหมูเยอะๆน่ะเก้าจะได้มีแรง
           หมอกพูดพลางตักเนื้อหมูไปใส่จานของเก้า
      เก้า: หมอกต่างหากกินผักเยอะจะได้ฉลาดๆ
           เก้าตักผักใส่จานของไอหมอก ในระหว่างที่ทั้งสองสนุกสนานกับการตักนั่นนี่ใส่จานให้อีกฝ่าย พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีสายตาไม่พอใจมองอยู่ไม่วางตา
      ต้นข้าว: มีอะไรวะ...ไอ้วาไม่ไปซื้อข้าวล่ะ
      ธันวา: ไม่หิววะ
           ธันวารีบเดินออกจากโรงอาหารทันที ก่อนจะวิ่งไปซ้อมฟุตบอลท่ามกลางแสงแดดยามเที่ยงวัน ขณะที่เขากำลังจะเตะลูกฟุตบอลเข้าประตู...จู่ๆเขาก็เห็นทุกอย่างมืดลงก่อนจะ.....
      ต้นข้าว: เห้ย!!! ไอ้วา! 
           ต้นข้าวรีบวิ่งมาพยุงธันวาไปยังห้องพยาบาล ระหว่างที่พาไปก็เดินสวนกับฟ้าใสตรงทางเดิน ฟ้าใสจึงรีบไปบอกเก้าทันที เมื่อรู้ข่าวเก้าจึงรีบไปยังห้องพยาบาลทันที เมื่อไปถึงก็เห็นว่าธันวานอนหลับอยู่จึงไม่ได้ปลุกเขา
      ต้นข้าว: แฟนของไอ้วาเหรอ เอ่อธันวาน่ะ
      เก้า: ค่ะ...เก้าค่ะเอ่อ...คุณเป็นใครคะ 
      ต้นข้าว: อ้อลืมแนะนำตัวผมต้นข้าวครับเพื่อนธันวา...เขาไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอครับ
      เก้า: ค่ะคือ...เขาไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟังค่ะก็เลยไม่ทราบ
      ต้นข้าว: ไม่แปลกหรอกครับ...ขนาดพวกเราเองยังไม่รู้เลยว่าคนไหนแฟนมันแต่ผมก็เริ่มเข้าใจแล้วล่ะ
           ต้นข้าวยิ้มขึ้นทำให้เก้าเริ่มงง
      ต้นข้าว: ก็มีแฟนน่ารักแบบนี้เป็นผม...ผมก็คงไม่อยากให้ใครรู้จักเหมือนกัน
      เก้า: ฉัน….น่ารักเหรอค่ะ?
      ต้นข้าวธันวาเขาไม่เคยบอกเหรอ ต้องเข้าใจหน่อยนะครับ ธันวาเขาขี้อายมาตั้งนานแล้ว แต่คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่ามันเย็นชาตลกดีเหมือนกันแฮะ
           ต้นข้าวขำออกมาน้อยๆแต่กลับยิ่งทำให้เก้างงมากกว่าเก่า 
      ต้นข้าวจริงสิ ธันวามันเป็นลมเพราะไม่ทานข้าว แล้วยังไปซ้อมกลางแดด ก็เลยเป็นแบบนี้ ยังไงก็หาอะไรให้มันทานหน่อยแล้วกันเผื่อจะดีขึ้นแต่...ถ้าเป็นฝีมือของเก้าอาจดีขึ้นมากก็ได้
      เก้าคงไม่หรอกค่ะฉันทำให้กี่ครั้งเขาก็ไม่เคยกินเลยสักที
           เก้าตอบหน้าเศร้าๆ
      ต้นข้าวแต่ธันวามันบอกว่าเก้าไม่เคยทำให้อาหารให้มันนี่นาเอ๊ะ!มันยังไงกันล่ะ
      เก้า : ฉันทำให้เขาทานทุกวันนะคะ... แต่เอาไปไว้ในล็อกเกอร์พอตอนเย็นก็ไปเอากลับมันไม่เคยถูกเปิดออกเลยสักครั้งเดียว
           เมื่อต้นข้าวได้ยินเรื่องล็อกเกอร์เขาก็เข้าใจทันที จึงอธิบายให้ฟังว่าจริงๆแล้วธันวาจะเปิดล็อกเกอร์แค่ตอนเย็นหลังซ้อมฟุตบอลเสร็จเท่านั้น เก้าถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วธันวาไม่ได้ไม่ชอบอาหารของเธอ แต่เป็นเพราะเขาไม่เคยรู้เลยต่างหากว่าเธอทำอาหารให้เขา เก้าจึงขอตัวไปเอาข้าวกล่องมาให้ธันวาที่กำลังนอนอยู่ทันที เก้ากลับมาพร้อมข้าวกล่องเมื่อเข้ามาในห้องก็พบว่าธันวาตื่น...แล้วเก้าเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงของธันวา
      เก้า: เป็นยังไงบ้างวา
      ธันวา: ปกติดีแค่นอนไม่พอเท่านั้น
           ธันวาตอบโดยไม่มองหน้าของเก้าแม้แต่น้อย
      เก้า: ต้นข้าวบอกว่าธันวาไม่ทานข้าวแล้วก็ไปซ้อมกลางแดดเลยเป็นลม
      ธันวา: ..........
           ธันวานิ่งเงียบแต่ใบหน้าของเขากลับแดงขึ้นเรื่อยๆ เก้ายิ้มน้อยๆกับอาการของธันวา ก่อนจะยื่นข้าวกล่องให้ธันวา
      ธันวาอะไรหรอ
      เก้า: ข้าวกล่องจ้ะ...เก้าทำมาให้วาที่จริงแล้ว.........
           เก้าเล่าเรื่องข้าวกล่องของเธอให้ธันวาฟัง
      ธันวาสรุปว่าที่ผ่านมาเก้าทำอาหารให้..แต่วาไม่รู้มาตลอดเลยใช่ไหม
      เก้า: จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ
      ธันวา: เฮ้อ......อย่างนี้เองเหรอเนี่ย
           ธันวาถอนหายใจก่อนจะตกข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก
      เก้า: เอ่อ....รสชาติเป็นยังไงบ้าง
           เก้าก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าธันวาทานข้าวหมดแล้วอมยิ้มออกมาก่อนจะตอบออกมานิ่งๆว่า

      ธันวา: อร่อยมากเลย
           เก้าเงยหน้าขึ้นแต่ไม่ทันจะเห็นรอยยิ้มก็มีเสียงเรียกเธอจากข้างหลังเสียก่อน
      ไอหมอก: เก้าได้เวลาเข้าเรียนแล้วนะไปเถอะ
           ไอหมอกเดินเข้ามาในห้องก่อนจะจูงมือของเก้าออกไปโดยไม่คิดที่จะมองธันวาเลยแม้แต่น้อย
      เก้า: หมอกทำอะไรเนี่ยเดี๋ยววาเขาก็เข้าใจผิดกันพอดี
      ไอหมอก: ก็เขาไม่เคยสนใจใยดีอะไรเก้าเลยนี่นาไม่เห็นจะต้องสนใจเขาเลย
      เก้า: หมอกไม่เข้าใจหรอกว่าวาเขาเป็นคนยังไง
      ไอหมอก: จะเป็นคนยังไงก็ช่างแต่เขาทำให้เก้าร้องไห้มามากแล้ว...หมอกไม่ชอบ
           ไอหมอกจูงมือเก้าเข้าห้องโดยไม่พูดอะไรอีก

      เย็นวันต่อมา

      ไอหมอก: มีอะไรกับฉันงั้นเหรอ...ถึงเรียกฉันมาที่นี่
           ไอหมอกเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนพิงกำแพงของโรงเรียนอยู่ชายหนุ่มเดินมาประจันหน้า แสงอาทิตย์ลอดออกมาทำให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจนยิ่งขึ้น
      ไอหมอก: ธันวา
      ธันวา: นาย หมอกสินะ นายจะเป็นใครฉันไม่สน แต่ถ้านายยังยุ่งกับเก้าอยู่ล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยนายแน่!
           ธันวากระชากคอเสื้อของไอหมอกขึ้นพร้อมส่งสายตาขู่..หมอกเชิดหน้าขึ้นแล้วยิ้มที่มุมปากอ่ยางมีเลศนัย
      ไอหมอกแล้วยังไง...นายคิดว่าฉันจะกลัวอย่างนั้นสิ ฉันกับเก้า เรารักกันมานานกว่านายเสียอีก อีกอย่างฉันก็ไม่เคยทำให้เก้าเสียใจเหมือนนาย
      ธันวา: ฉันทำให้เก้าเสียใจตอนไหน!
      ไอหมอก: ก็เพราะไอ้นิสัยไม่ชอบแสดงออกของนายนี่ไง...ที่ทำให้เก้าต้องร้องไห้แทบทุกวันเพราะคิดว่านายไม่ได้รักเขา
      ธันวา: แล้วใครบอกล่ะว่าฉันไม่ระ........
      ไอหมอก: หยุดพูดดีกว่าเพราะคนที่อยากฟังเป็นเก้าไม่ใช่ฉัน
           ไอหมอกปัดมือของธันวาออกก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นให้ธันวา
      ไอหมอก: ถ้านายทำให้เก้าเสียใจฉันจะพาเก้าไปจากชีวิตของนายคอยดู!!!

           ไอหมอกเดินไปยังประตูโรงเรียนเพื่อกลับบ้านปล่อยให้ธันวายืนงงกับกระดาษแผ่นเล็กในมือ

      วันเสาร์
           หลังจากที่อ่านข้อความในกระดาษวันนั้นธันวาจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาเก้าเพื่อชวนเธอไปเที่ยวสวนสนุก 

      เก้ารอนานไหมวา
      ธันวาไม่นานหรอก...ไปกันเถอะ
           ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะเล่นอะไรเลย จนกระทั่งถึงใต้ต้นไม้ใหญ่คู่หนึ่ง ทั้งสองจึงตัดสินใจนั่งลงเพื่อทานข้าวกลางวันในระหว่างที่กำลังทานเก้าก็เอ่ยถามธันวาขึ้น
      เก้า: วาทำไมถึงชวนเก้ามาที่นี่ล่ะ
      ธันวา: เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรหรอกแค่เห็นว่าเราไม่เคยไปเที่ยวไหนกันเลยก็เท่านั้น
      เก้า: แต่ดูเหมือนวาจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลยถ้าฝืนก็ไม่เป็นไรนะ...กลับกันก็ได้
           เก้าพูดพลางก้มหน้าลง
      ธันวา: ไม่ได้ฝืนเพียงแต่วาแค่ไม่รู้จะ….ชวนเก้าเล่นอะไรดี
           ธันวาพูดก่อนจะยิ้มออกมาทำให้เก้ายิ้มรับเช่นกัน เมื่อทานอาหารเสร็จทั้งคู่จึงไปเล่นเครื่องเล่นด้วยกันจนค่ำและที่สุดท้ายของการเดทครั้งนี้คือชิงช้าสวรรค์
      เก้า: ว้าว!..ข้างบนนี้สวยจริงๆอ๊ะข้างล่างอย่างกับเมืองจำลองเลยธันวาดูสิ
           เก้าตื่นเต้นกับการนั่งชิงช้าสวรรค์มากจึงพูดไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นมาเก้านั่งมองออกไปนอกหน้าต่างพลางยิ้มเศร้าๆเหมือนคนเหม่อลอย
      ธันวา: เป็นอะไรหรือเปล่าเก้าไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า
           ธันวาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงก่อนจะลุกมานั่งข้างๆเก้า
      เก้า: นึกถึงเมื่อก่อนตอนที่มานั่งชิงช้ากับหมอกตอนนั้นเก้ายังกลัวความสูงอยู่เลย

           เก้าเล่าไปพลางยิ้มไปพลางโดยที่เธอไม่ได้รู้เลยว่าคนข้างกายเธอตอนนี้หัวใจกำลังลุกเป็นไฟอยู่แล้ว
      ธันวา: เก้าคงจะรัก….หมอกมากสินะ
      เก้า: จ้ะ...รักมากเลยแหละ...เพราะมีหมอกเก้าถึงอยู่มาได้
           คำพูดของเก้าทำให้ธันวาแทบจะกลายเป็นบ้าในทันที เมื่อชิงช้าสวรรค์หยุดลงธันวารีบเดินลงมาโดยไม่สนใจใยดีเก้าที่วิ่งตามมาเลยแม้แต่น้อย
      เก้า: เดี๋ยวก่อนวารอเก้าด้วย วา! วา! 
           ธันวาหยุดเดินเก้าจึงรีบวิ่งมาดักหน้าไว้
      เก้า: เป็นอะไรวา...ทำไมวาเป็นแบบนี้ล่ะ
      ธันวา: ก็ถ้าเก้ารักหมอกมากก็ไปหาเขาสิจะมาอยู่กับวาทำไม
      เก้า: แต่ว่าหมอกเขา........
      ธันวา: เราไม่ควรคบกันตั้งแต่แรกจริงๆ
           ธันวาเดินจากไปไม่หันกลับมามองเก้าอีกเลย ปล่อยให้หญิงสาวยืนร้องไห้อยู่คนเดียวท่ามกลางความมืด

      ยามค่ำคืนหมอกที่คอยตามทั้งสองมาโดยตลอดเข้ามาปลอบเก้าก่อนจะพาเธอกลับบ้านไป
      กิ๊ง...ก่อง (ออดประตูบ้าน)

      ธันวา: มาแล้วครับ...ฟ้า
      ฟ้า: ใช่ฉันเองแหละวา...เรามีเรื่องต้องคุยกันเดี๋ยวนี้
           ฟ้ามาหาธันวาที่บ้านแต่เช้า เพราะเมื่อคืนไอหมอกโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเก้ากับธันวาให้ฟัง แล้วยังบอกอีกว่าจะพาเก้าไปต่างประเทศด้วย...ฟ้าจึงอยากจะมาคุยกับธันวาแทนเก้าให้รู้เรื่อง
      ธันวา: มีอะไรก็ว่ามา
      ฟ้า: นายบอกเลิกเก้าทำไมรู้ไหมว่าเขาเสียใจแค่ไหน...แค่นี้นายยังทำให้เขาเสียใจไม่พออีกเหรอไง
      ธันวาบอกเลิกน่ะใช่...แต่ฉันเคยทำให้เขาเสียใจเมื่อไหร่กัน
      ฟ้า: ก็นายไม่เคยโทรหา ไม่เคยไปไหนด้วยกัน แถมยังไม่ยอมกินอาหารของเก้าเลย แบบนี้ใครบ้างจะไม่เสียใจ
      ธันวา: ..............
      ฟ้า: ที่สำคัญที่สุดคือนายไม่เคยบอกรักเก้าเลยสักครั้ง...ฉันถามจริงๆนายรักเก้าบ้างหรือเปล่า
      ธันวา: ฉันก็ต้องระ... 
      ฟ้า: หยุดเลย! คนที่อยากฟังคำนี้ไม่ใช่ฉันแต่คนที่เขาอยากฟังกำลังจะไปต่างประเทศตอนบ่ายโมงครึ่ง
      ธันวา : …..!!!
      ฟ้า: นี่นายจะเงียบให้มันได้อะไรขึ้นมา...พูดกับฉันให้รู้เรื่องได้ไหม
      ธันวา: ฉันไปพูดให้เขาฟังแล้วมันได้อะไรขึ้นมาในเมื่อเขาก็มีคนที่เขารักมากอยู่ด้วยแล้วนี่นา
      ฟ้า: นายหมายถึงใคร?
      ธันวา: ก็หมอกไง...คนที่เก้ารักมากที่สุด
           ธันวาพูดก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านไปแต่ยังช้ากว่าคำพูดของฟ้า
      ฟ้า: แต่หมอกเขาเป็นพี่ชายของเก้านะ! นี่นายคิดได้ไงเนี่ยห๊ะ!!!

           ธันวาหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมาถามฟ้าเพื่อความแน่ใจ แล้วฟ้าก็เล่าเรื่องไอหมอกให้เขาฟังเขาถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมหมอกถึงดูหวงและห่วงเก้านัก เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเก้าถึงพูดว่ารักหมอกต่อหน้าตัวเองได้

      นั่นเป็นเพราะเขาทั้งสองเป็นพี่น้องกันนั่นเอง
      ฟ้า: มัวยืนดีใจอยู่ทำไมเล่า!!!...ไม่รีบไปสนามบินเดี๋ยวเก้าก็ไปก่อนพอดีอยากจะบ้าตายจริงๆเลยฉันเฮ้อ~
           ธันวาจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาและเขายังหยิบกล่องของขวัญใบเล็กติดมือไปด้วย

      ........สนามบิน.........
      ไอหมอก: แน่ใจนะว่าไม่ไปกับหมอกจริงๆ

      เก้า: ไม่ไปหรอก...ก็หัวใจของเก้าอยู่ที่นี่นิ
      ไอหมอก: แต่เขาทำร้ายจิตใจเก้ามากนะ
      เก้า: เก้ารู้แต่เก้ารักเค้า...ถ้าจะให้เก้าเลิกรักเค้าเก้าคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่ๆ

           เก้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืนๆทำเอาผู้เป็นพี่อดเป็นห่วงเสียไม่ได้ 
      เก้า: เครื่องใกล้ออกแล้วเก้าช่วยถือกระเป๋าให้นะ

      ธันวา: เก้าอย่าไปนะ! 
           เสียงของธันวาทำให้เก้าและหมอกหันไปหาเจ้าของเสียงทันที ธันวาเดินมาหาเก้าก่อนจะพูดความในใจของเขาออกมา
      ธันวาเก้า วาขอโทษที่ตลอดมาวาทำให้เก้าเสียใจมาโดยตลอด วาขอโทษที่วาไม่ยอมแสดงออกมาว่าวารู้สึกยังไง                

           ทันทีที่ธันวาพูดจบเก้าก็โผเข้ากอดธันวาไว้
      เก้า: เก้าไม่ได้อยากฟังคำว่าขอโทษนะธันวา
      ธันวา: วารักเก้านะครับ...เรากับมาคบกันเหมือนเดิมนะคนดี
           สิ้นเสียงของธันวาน้ำตาของเก้าก็ไหลอาบทั้งสองแก้มในทันที
      เก้า: แค่นี้ก็พอแล้วแค่คำว่ารักคำเดียวที่เก้าอยากฟัง
           ทั้งสองคลายอ้อมกอดกัน...ธันวาจึงมอบกล่องของขวัญใบเล็กที่เขาหยิบมาด้วยให้กับเก้า
      ธันวา: สุขสันต์วันเกิดนะเก้า...ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้ให้...แกะดูสิ
           เก้ารับมาก่อนจะแกะออก...ภายในเป็นตุ๊กตาสีแดง...ธันวาหยิบกล่องมาก่อนจะเปิดให้เก้าดู
      ธันวา: แต่งงานกันนะครับเก้า

           พูดจบแก้มของธันวาก็ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ 
      ..........2ปีต่อมา...........
           ธันวากับเก้าก็จูงมือกัน แล้วมุ่งหน้าสู่โบสถ์เพื่อทำพิธีแต่งงานของเขาและเธอ..แค่คำว่ารักเพียงคำเดียวของเขาและเธอ..ก็มีความหมายมากกว่าคำพูดอันสวยหรูสักแสนล้านคำ


      The End

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×