รักเพื่อนผิดมั้ย::HanHyuk::
"เมื่อไหร่เขาจะรู้ว่าผมรักเขามากกว่าเพื่อน..." "เมื่อไหร่เขาจะรู้ว่าผมคิดกับเขายังไง..."
ผู้เข้าชมรวม
176
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ถามนิดนะ ถ้าฉันรักเพื่อนผิดไหม มีคำถามมากมายที่อยากถามเธอ เก็บเอาไว้ แต่ฉันก็เก็บไม่ไหวเธอมองกันอย่างไร อยากถามหัวใจเธอบ้างสักหน่อยที่ฉันนั้นคอยห่วงเธอ เธอรู้หรือเปล่า…
------------------------------------------------------
เม้นนะเม้น
ไม่เม้นมี nc ถึงบ้าน55555555
ตามมาด่านี่เลย
@hyukhyuk_hyuk
ทะเลาะกับแฟน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่
ระบายได้พร้อมเป็นท่อให้เธอเสมอ55555
สุดท้ายนี้
ผมหล่อมาก
ก็บอกแล้วไม่ได้อ่อยยยยย!! โสด จีบได้<3
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title : รักเพื่อนผิดมั้ย
Author : H’ fai
Character : HanHyuk
.
.
.
ถามนิดนะ ถ้าฉันรักเพื่อนผิดไหม มีคำถามมากมายที่อยากถามเธอ เก็บเอาไว้ แต่ฉันก็เก็บไม่ไหวเธอมองกันอย่างไร อยากถามหัวใจเธอบ้างสักหน่อยที่ฉันนั้นคอยห่วงเธอ เธอรู้หรือเปล่า…
[ ฮึก ฮัน... ] เสียงสะอื้นฮักของร่างเล็กผมสีทองดังลอดผ่านโทรศัพท์ทำให้ร่างสูงที่กำลังงัวเงียตาสว่างขึ้นมาทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่า ดึกแล้วนะไม่นอนหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง
[ ฮยอก ฮึก อยู่หน้าห้องฮันนะ ] ปลายสายบอกทำให้ฮันคยองกุลีกุจอลุกออกจากเตียงเพื่อไปเปิดประตู
เมื่อประตูบานหรูถูกเปิดออกร่างเล็กก็โผเข้าสู่อกอุ่นทันที ฮันคยองที่ยังตกใจบวกกับอาการมึนๆของคนเพิ่งตื่นได้สติก็หมุนตัวกลับเข้าห้องและปิดประตู มือหนายกขึ้นลูบผมสีแสบตาของคนตัวเล็กไปมา
“เอาอีกแล้ว ร้องไห้บ่อยเกินไปแล้วนะ” ร่างสูงพูดก่อนจะกอดตอบร่างเล็กที่ร้องไห้ฟูมฟายราวกับเด็กน้อย
“ฮึก ถ้าเค้ารู้ก็คงจะดี” ฮยอกแจเอ่ยบอกอย่างตัดพ้อ
“ไม่เอาน่าอย่าคิดมากสิ ชีวอนมันคงไม่รู้หรอกว่าฮยอกแจรักมันน่ะ” ฮันคยองพูดถึงคนอีกคนที่ร่างเล็กในอ้อมกอดเทใจให้หมดใจ
เขาอยากจะตะโกนถามเหลือเกินว่าพอจะเหลือเศษเสี้ยวเล็กๆพอที่จะให้เขาเข้าไปอยู่หรือไม่ รัก รักจนแทบบ้าแต่ทำไมนะคนตัวเล็กคนนี้ถึงไม่เคยตะขิดตะขวงใจเลย กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องทนเห็นน้ำตาของคนๆนี้ กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจของคนตัวเล็กกับอีกคน กี่ครั้งแล้วที่ต้องพูดปลอบใจทั้งที่ตัวเองเจ็บแทบตายแต่กลับไม่ได้รับความสนใจอะไรเลยหรือเพราะคำว่าเพื่อนมันบังตา
“ทำไมล่ะ ฮึก ทำไม ฮยอกแสดงออกไม่พอเหรอ ฮึก ถ้าฮยอกพูดชีวอนจะรักฮยอกมั้ย” เสียงหวานเอ่ยปนสะอื้นก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“อ่า~ไม่รู้สินะ พอเถอะอย่าเพิ่งพูดถึงมันตอนนี้เลย ยังไม่ได้อาบน้ำใช่มั้ยสภาพแบบนี้ ไปอาบน้ำก่อนไป” ฮันคยองว่าก่อนจะดุนแผ่นหลังเล็กไปทางห้องน้ำเมื่อประตูห้องน้ำถูกปิดลงรอยยิ้มอบอุ่นค่อยๆเลือนหายไปจากใบหน้าหล่อเหลาหากแต่ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มเศร้าหมอง ถ้าในใจของนายมีฉันอยู่บ้างก็คงจะดี...
.
.
.
“ฮันพรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า” ฮยอกแจถามคนที่นอนอยู่ข้างๆลืมเรื่องก่อนหน้าเสียสนิท
“น่าจะว่างทำไมเหรอ” ฮันคยองทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบคนที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ข้างๆ
“พาฮยอกไปเที่ยวหน่อยสิ” ร่างเล็กบอกออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม
“หืม~อายุเท่าไหร่แล้ว ยังจะให้พาไปเที่ยวอยู่เหรอ” ฮันคยองเลิกคิ้วถาม ฮยอกแจยู่หน้าใส่ทันทีเมื่อร่างสูงเอ่ยแซว
“ฮึ ไม่อยากพาไปก็ไม่ต้องพาไปฮยอกไปเองก็ได้” ฮยอกแจว่าจบก็พลิกตัวหันหลังทันทีฮันคยองที่มองอยู่ถึงกับหัวเราะน้อยๆให้กับความแสนงอนของคนตัวเล็ก
ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นดูอีกฝ่ายที่เหมือนจะเงียบไป แผ่นหลังที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะก็พอจะทำให้ฮันคยองรู้ว่าร่างเล็กได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อื้อ~” ฮยอกแจพลิกตัวกลับมาก่อนที่แขนเรียวจะวาดมากอดเอวสอบไว้แน่น
“บทจะหลับก็หลับเลย หลับง่ายไปมั้ยเนี่ย” ข้อนิ้วเรียวไล้ตามโครงหน้าหวานเบาๆอย่างทะนุถนอม
“อื้อ~ชีวอน” ร่างเล็กละเมอเอ่ยชื่อคนแอบรักแม้ไม่ดังแต่ในห้องกว้างที่เงียบสนิทก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะได้ยินอย่างชัดเจน ใบหน้าคมที่เจือยิ้มค่อยๆหุบลง
“หึ~แม้แต่ในฝันหมอนั่นก็ยังมีอิทธิพลกับนายเหรอ” ฮันคยองเอ่ยถามแม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาตอบได้ ฮันคยองแค่นยิ้มก่อนจะล้มตัวลงนอนเปลือกตาถูกปิดลงช้าๆ แค่ได้อยู่ข้างๆแบบนี้ก็ดีแล้ว ดีแล้วจริงๆ...
................................................
“อืม” ร่างกำยำสมส่วนในกองผ้าห่มสีขาวสะอาดตาครางเล็กน้อยก่อนจะวาดแขนไปหาหมอนข้างตัวอุ่นที่นอนกอดเมื่อคืนก่อนจะงัวเงียตื่นเมื่อพบเพียงความว่างเปล่าทิ้งไว้แต่เพียงไออุ่นจางๆ
ฮันคยองลุกขึ้นนั่งสะบัดหัวไปมาเมื่อได้ยินเสียงโคร้งเคร้งและกลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูก ขาเรียวพาร่างสูงลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟัน เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นฮันคยองก็เดินออกไปนอกห้องก่อนจะยืนกอดอกพิงประตูครัวมองร่างเล็กที่สวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวตัวโคร่งของเขาและบอกเซอร์ตัวเล็กสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีส้มขับให้ผิวขาวที่ขาวอยู่แล้วสว่างขึ้นไปอีก
“ฮันตื่นแล้วเหรอ รอแป๊ปนึงนะจะเสร็จแล้วล่ะ” ฮยอกแจหนัหน้าไปถามคนที่ยืนอยู่พิงกรอบก่อนจะหันกลับมาสนใจอาหารในมือต่อ
อาหารง่ายๆหน้าตาน่าทานวางส่งกลิ่นหอมอยู่บนโต๊ะไม้อย่างดี ฮันคยองหยิบช้อนส้อมเตรียมตักกินโดยมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้อง ฮยอกแจเม้มริมฝีปากมองร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างลุ้นๆ
“มองอะไรไม่กินหรือไงนี่อาหารเช้าเชียวนะ” ฮันคยองพูดวางช้อนส้อมในมือลง
“ฮันก็กินซี่~ ฮยอกทำให้ฮันกินนะ อ่ะๆฮยอกป้อนแล้วบอกด้วยอร่อยหรือเปล่า” ฮยอกแจหน้ามุ่ยเมื่อร่างสูงไม่ได้ส่งอาหารเข้าปากอย่างที่คิดก่อนจะเป็นคนจัดการป้อนเองเสีย
“อื้อ~แค่กๆๆ อย่างนี้เค้าเรียกว่ายัดแล้ว แค่กๆ” ฮันคยองที่ได้ไม่ตั้งตัวอ้าปากงับช้อนที่มีทั้งข้าวและกับข้าวพูนช้อนที่ร่างเล็กส่งให้ถึงกับสำลักข้าวไอค่อกไอแค่ก
“ ฮิ~”
“หัวเราะอะไรครับคุณนาย” ฮันคยองพูดเสียงเขียว
“เปล่าสักหน่อย” ฮยอกแจพูดส่ายหัวไปมาผมสีแสบตาสะบัดไปมายามเจ้าตัวส่ายหน้าทำให้ฮันคยองอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปยีให้มันเสียทรง
“ฮันทำผมฮยอกเสียทรงนะ” ฮยอกแจพูดพร้อมกับส่งค้อนวงใหญ่ไห้กับคนตรงหน้า
“ก็ทีใครทีมัน” ฮันคยองยักไหล่ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก
“ฮันข้อหาที่ฮันทำผมฮยอกยุ่ง พาฮยอกไปเที่ยวเลยนะ” มือเรียวตบโต๊ะก่อนจะทำสีหน้าจริงจังร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ทำเพียงเหลือบตาขึ้นมองทำให้คนตัวเล็กหน้างออีกครั้ง
“ฮันนนน~นะๆๆพาฮยอกไปหน่อยฮยอกไม่อยากไปคนเดียว มันเหงาจะตายไป” ฮยอกแจพูดเสียงเบาและทำหน้าหงอย
“โอเคครับๆ เชิญบัญชามาเลยครับคุณนาย...”
……………………………………………………..
…ในช่วงสายฮันคยองพาคนตัวเล็กออกมาเที่ยวตามคำสั่ง สวนสนุกเป็นสถานที่แรกที่ฮยอกแจเลือก ร่างบางดูตื่นเต้นเป็นพิเศษราวกับว่ารอบข้างเป็นสิ่งแปลกใหม่ทั้งที่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
มาสคอตตัวโตถือโลกโป่งสีสวยมายื่นให้คนตัวเล็ก ฮยอกแจเหลอหลามองซ้ายมองขวาเมื่อไม่มีใครจึงชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ให้ฮยอกเหรอ ขอบคุณฮะ” เจ้าตุ๊กตามาสคอตพยักหน้าก่อนจะโบกมือลาและเดินหายเข้าไปในฝูงเด็กๆ ฮยอกแจส่งต่อลูกโป่งให้คนข้างหลังถือ
“แงงงงง~ แงๆๆๆ” ห่างออกไปไม่ไกลเด็กผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังยืนร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ผู้คนมากมายเดินสวนกันขวักไขว่แต่กลับไม่มีสักคนที่จะสนใจ ร่างเล็กเอียงคอมองก่อนจะเดินเข้าไปหา ขาเรียวย่อลงนั่งให้ส่วนสูงเท่ากับเด็กน้อย ฮันคยองเดินตามมาหยุดยืนมองอย่างไม่เข้าใจความคิด
“โอ๋~คนเก่งทำไมมายืนร้องไห้อยู่คนดียวล่ะคะ คุณแม่หนูไปไหนเสียล่ะ” ฮยอกแจพูดมือบางคว้ามือป้อมๆของเด็กน้อยมาจับไว้
“ฮือ คุณแม่ไปเข้าห้องน้ำค่ะ ฮึก คุณลูกโป่งของมินจีมันติดอยู่บนโน้นมินจีหยิบไม่ถึง” เสียงใสของเด็กน้อยกล่าวปนสะอื้นนิ้วมือป้อมชี้ขึ้นไปบนกิ่งไม่เหนือหัว ฮยอกแจหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“หน้าที่ฉัน??” ฮันคยองชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นเชิงถาม ฮยอกแจยิ้มกว้างแทนคำตอบซึ่งฮันคยองก็รู้ดีว่ามันแทนความหมายว่าอะไร ใบหน้าหล่อเงยขึ้นพิจารณาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงตอบร่างเล็กอย่างมั่นใจ
“มันสูงเกินไปฉันก็เอื้อมไม่ถึง”
“แงงงงงงง~” เด็กน้อยร้องไห้จ้าเมื่อคุณลูกโป่งสีสวยไม่สามารถกลับมาหาตนได้
“โอ๋ๆๆไม่ร้องนะครับคนเก่ง อ่ะเอาคุณลูกโป่งอันนี้ไปแทนนะ” ฮันคยองปลอบพร้อมกับยื่นลูกโป่งในมือให้ มินจีรับลูกโป่งมาถือไว้ก่อนที่เสียงรั้องไห้จะค่อยๆเงียบลง
“เก่งมากค่ะ” ฮยอกแจเอ่ยชมและลูบหัวเด็กน้อยอย่างนึกเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะ ออนนี่กับโอป้าใจดีจังเลย” มินจีเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยิ้มกว้างทำเอาฮันคยองหลุดขำพรืดเพราะเขารู้ว่าคำว่าออนนี่ของเด็กน้อยนั้นหมายถึงใคร
“อะ...เอ่อโอป้าสิคะพี่เป็นผู้ชายนะ มะ...ไม่ใช่ผู้หญิง” ฮยอกแจเอ่ยพูดเสียงตะกุกตะกักทำให้เด็กน้อยเริ่มเบะปากอีกครั้ง
“ออนนี่โกหก คุณหม่ามี๊บอกว่าเด็กดีต้องไม่โกหก ออนนี่โกหกมินจีออนนี่เป็นผู้หญิง” มินจีเริ่มโวยวายเมื่อคนหน้าหวานมีความคิดไม่ตรงกับตน
“อะ...เอ่อ แต่พี่เป็นผู้ชาย...ผู้หญิงก็ได้จ่ะ” ฮยอกแจแทบกลับคำพูดไม่ทันเมื่อน้ำตาเริ่มเอ่อล้นบนลูกแก้วใสของเด็กน้อย
“เห็นมั้ยออนนี่เป็นผู้หญิง”
“มินจีลูก เฮ้อ~หม่ามี๊บอกให้หนูรอตรงโน้นไงคะลูก” หญิงวัยกลางคนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเด็กหญิง
“ขอโทษนะคะลูกของฉันรบกวนอะไรพวกคุณหรือเปล่า”
“ไม่หรอกฮะ” ฮยอกแจตอบพร้อมกับรอยยิ้มหวาน
“ขอบคุณแล้วก็ขอโทษนะคะ พวกคุณดูเหมาะสมกันดีนะรักกันนานๆนะคะ” วางระเบิดเสร็จก็จากไป ฮยอกแจและฮันคยองหันมองหน้ากันก่อนจะยิ้มเขิน สำหรับฮันคยองแล้วถ้าหากมันเป็นเรื่องจริงก็คงดีไม่น้อยเลยล่ะ...
............................................................................
เวลาคล้อยบ่ายเป็นเวลาที่พยาธิในกระเพาะอาหารเริ่มก่อกวนต่อให้อึดแค่ไหนก็คงจะทนไม่ได้ มือเล็กลูบป้อยๆที่ท้องแบนๆของตัวเองก่อนจะยู่หน้าเมื่อท้องเริ่มร้องจ๊อกๆ
“ฮัน~ฮยอกหิวข้าวววว” ฮยอกแจว่าและเขย่าลำแขนแกร่งไปมา
“นายมันตัวยุ่งฮยอกแจ หึ~” ฮันคยองว่าก่อนจะวาดมือไปโอบไหล่บางและออกตัวเดิน
“ทำเป็นว่า...แต่ก็พาไปอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ”
.
.
.
“ป้าจ๋าาา~ขอเมนูหน่อยฮะ” เสียงใสบอกกับเจ้าของร้านเมื่อเข้ามานั่ง สาวร่างท้วมท่าทางใจดียื่นเมนูให้ทั้งสองคนฮยอกแจและฮันคยองยิ้มขอบคุณ
“น่ากินทั้งนั้นเลยฮัน อะ..เอ๋ หน้าฮยอกมีอะไรติดอยู่เหรอ” ใบหน้าหวานผละออกจากเมนูอาหารก่อนที่มือเล็กจะจับไปตามใบหน้าของตนเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งจ้อง
“เปล่าหรอก เอ่อ ป้าครับเอาแนงมยอนสองถ้วยแล้วกัน เอาอะไรอีกมั้ยฮยอกแจ” ฮันคยองบอกปฏิเสธและหันไปสั่งอาหารเป็นการกลบเกลื่อน ใบหน้าหวานส่ายน้อยๆแทนคำตอบ
ไม่นานถ้วยบะหมี่สองถ้วยก็มาวางอยู่ตรงหน้าทั้งสอง ฮยอกแจตาพราวหยิบตะเกียบเตรียมพร้อมซึ่งท่าทางเด็กๆนั่นทำให้ฮันคยองยิ้มออกได้ไม่ยาก
“จะทานละน้าาา~” ฮยอกแจพูดก่อนจะสูดเส้นบะหมี่เสียงดัง ถ้าเป็นคนอื่นฮันคยองคงไม่คิดว่ามัน...น่ารัก
“เลอะหมดแล้วระวังด้วยสิ” มือหนาหยิบทิชชูเช็ดปากให้คนตรงข้าม ฮยอกแจชะงักแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ฮันอันนี้ขอนะ” เสียงใสว่าอย่างทะเล้นก่อนที่มือเล็กจะจิ้มเอาไข่ต้มฟองโตออกไปเคี้ยวตุ้ยๆ
“ฉันก็คงเอาคืนไม่ได้แล้วล่ะนะ” ร่างสูงว่าอย่างปลงๆก่อนจะคีบเอาบะหมี่เข้าปากบ้าง สงครามขนาดย่อมเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารของทั้งคู่แทนที่จะดูน่ารำคาญคนรอบข้างกลับมองว่ามันน่ารักเสียอย่างนั้น
นานพอสมควรกว่าที่ทั้งคู่จะจัดการกับบะหมี่เย็นชามเล็กๆนั่นหมดก็เพราะแย่งกันไปแย่งกันมาจนบะหมี่ในชามมันอืดหมดสุดท้ายก็เกี่ยงกันกิน จบลงด้วยการกินของใครของมัน
“ป้าครับเงินผมวางไว้บนโต๊ะนะครับ” ฮันคยองตะโกนบอกเจ้าของร้านก่อนจะพาคนตัวเล็กไปผจญภัยต่อ
“ไปไหนกันต่อดีฮัน” หลังจากเติมพลังเจ้าลูกไก่ตัวเล็กก็พร้อมซ่า
“ไม่เหนื่อยเหรอ ถามจริง??”
“ก็กินแล้วมีพลังแถมไม่ต้องออกตังค์เองอีกต่างหาก คิก~” คำพูดนั้นทำให้ฮันคยองยกมือขึ้นผลักหัวกลมๆอย่างนึกหมั่นใส้
ฮยอกแจยู่หน้าใส่ก่อนจะเอื้อมมือไปผลักหัวของคนตัวสูงกว่าบ้าง ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันค่อนข้างเยอะทำให้ฮันคยองเป็นฝ่ายได้เปรียบ ร่างสูงถอยหลบก่อนจะแลบลิ้นใส่คนตัวเล็กและวิ่งหนีออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ โอ๊ย~”
“เฮ้ย~เป็นอะไรเนี่ย นายมันตัวยุ่งจริงๆด้วยฮยอกแจ” ฮันคยองวิ่งกลับมาหาคนที่นั่งกุมข้อเท้าอยู่ที่พื้นด้วยความเป็นห่วงจึงย่อตัวลงช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นอุ้ม แต่จังหวะที่เผลอ...
“นี่แน่ะ~คิกๆ” มือเล็กยกขึ้นยีผมสีเข้มของอีกฝ่ายก่อนจะลุกขึ้นวิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฮยอกแจนายหลอกฉันเหรอ หนอย~กล้าจริงๆนะไอ้ตัวเล็ก” ขายาวลุกขึ้นวิ่งตามคนตัวขาวที่ออกตัวไปก่อนหน้า
ฮยอกแจที่วิ่งมาก่อนสะดุดตาเข้ากับร้านกิ๊ฟช็อปเล็กๆเพื่อป้องกันการหลงทางจึงหันกลับไปมองข้างหลังเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังตามมาจึงเดินเข้าไปในร้าน ฮันคยองค่อยๆชะลอความเร็วและเดินตามเข้าไปอย่างงงๆ
”อยากได้อะไรหรือไง”ฮันคยองถาม
“ก็เปล่าฮยอกไม่ได้อยากได้ คือแบบมันใกล้วาเลนไทน์แล้วใช่ม้า ฮยอกอยากซื้ออะไรให้ชีวอนบ้างน่ะ” ฮยอกแจพูดแก้มใสแต้มสีแดงระเรื่อเมื่อพูดถึงอีกคน ฮันคยองจากที่กำลังยิ้มอารมณ์ดีก็เริ่มตึงถึงจะอารมณ์เสียมากแค่ไหนก็คงทำอะไรไม่ได้
“นาฬิกาเรือนนี้ อ่า~สวยจังแต่มันก็แพงเกิน” ตากลมเป็นประกายเมื่อเห็นของถูกใจแต่ก็หม่นลงเมื่อเห็นราคาของมัน
“...งั้นเดี๋ยวฉันออกให้ก็ได้” ฮันคยองบอกก่อนจะดึงออกไปจากมือเล็กและเดินไปที่เคาว์เตอร์จ่ายเงิน
ฮยอกแจเดินกอดถุงลายน่ารักตลอดทางจนฮันคยองนึกอิจฉา ช่วงขายาวเดินตามร่างเล็กเงียบๆกับความคิดของตัวเอง
“ขอบคุณนะฮัน ใครได้ฮันของฮยอกเป็นแฟนนะโชคดีตายเลย” ร่างเล็กว่าพร้อมกับรอยยิ้มหากแต่คำพูดนั้นราวกับมีดคมๆที่บาดลึกในใจของชายหนุ่ม
ทำไมคนๆนั้นถึงไม่ใช่นายล่ะ...ฮยอกแจ
...................................................................
ในรถคันหรูของฮันคยองร่างเล็กที่นั่งมาด้วยกกำมือแน่นจนชื้นเหงื่อถึงกระนั้นกล่องของขวัญลายสวยก็ยังถูกถือไว้อย่างดี ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างคนเป็นกังวลก่อนจะหันมาขอกำลังใจจากคนตัวโตกว่า
“ฮยอกจะบอกชีวอนดีมั้ยฮัน”
“ก็ลองดูสิ” ฮันคยองตอบคำถามไปพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ เขายิ้มกว้างกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ
“ฮยอกควรจะบอกสินะ เอาล่ะเราไปกันเถอะ” ฮยอกแจสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะลงจากรถๆไป ฮันคยองมองตามก่อนจะเดินตามลงไปบ้าง
“ฮันเป็นกำลังใจให้ฮยอกด้วยนะ ไปกันเถอะ” ฮยอกแจว่าเสียงใสก่อนจะเดินควงแขนอีกคนเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง ฮันคยองเดินตามคนตัวเล็กไปเงียบๆเขาพูดไม่ออกจริงๆในใจรู้สึกเจ็บไปหมด...แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“อ๊ะ!!นั่นไงชีวอน ทำไงดีล่ะฮัน” ร่างเล็กหยุดกึกเมื่อเห็นอีกคน ฮันคยองส่งยิ้มให้น้อยๆไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปาก ฮยอกแจทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปซึ่งฮันคยองก็มองตามแผ่นหลังเล็กนั่นไม่วางตา ถ้านายรู้ว่าฉันรักนายๆจะหันมามองกันบ้างหรือเปล่าฮยอกแจ...
“ชีวอน” เสียงใสเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม
“อ้าว~ฮยอกแจ อะไรน่ะ” ชีวอนมองกล่องของขวัญลายสวยในมือพร้อมกับการ์ดใบเล็ก มือหนาเปิดอ่านข้อความด้านใน
ฮยอกชอบชีวอนนะ><
ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองใบหน้าหวานที่ไม่ยอมสบตากับตน
“แต่เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ” ชีวอนบอกกับคนตัวเล็ก
“ชีวอนใครน่ะน่ารักเชียว” เสียงหวานพร้อมกับเจ้าตัวดังขึ้นข้างๆทำให้ฮยอกแจต้องเงยขึ้นมอง ร่างเล็กมองทั้งสองสลับกับ
“อ่อ นี่ฮยอกแจเพื่อนผมน่ะครับ ฮยอกแจนี่ซิน เอ่อ ฮีชอลเป็นคนรักฉันเอง” ชีวอนแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน ฮยอกแจเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คออย่างรวดเร็วแต่ก็จำใจกลืนมันลงไป
“สวัสดีจ้ะฉันชื่อฮีชอลนะ อืม เรียกซินก็ได้จะได้ดูไม่ห่างเหิน” ฮีชอลเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มมือเรียวยื่นออกมาข้างหน้าอย่างต้องการทำความรู้จัก
“ผมฮยอกแจฮะ...ยินดีที่ได้รู้จักฮะ” ร่างเล็กพูดเสียงเบาก่อนจะยื่นมือออกไปจับกับมือของคนตรงหน้าโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เลยว่าต้องกลั้นใจแค่ไหน
หมับ
ร่างเล็กถูกมือหนาของฮันคยองดึงออกมาจากสถานการณ์น่าอึดอัดตรงหน้า ใบหน้าหวานซุกอยู่กับอกแกร่งอย่างต้องการที่พึ่ง ฮันคยองพาคนตัวเล็กออกมาที่ลานน้ำพุหลังคฤหาสน์หรู
“ร้องให้พอเถอะนะ ฉันจะอยู่ข้างๆนายเอง…เพื่อนคนนี้จะอยู่ข้างๆนายเอง...” แม้ว่านายจะไม่เคยเห็นมันก็ตาม
ฮันคยองกลั้นใจพูดออกไปแต่คำสุดท้ายเลือกที่จะเก็บเอาไว้เขายอมยอมจริงๆ ยอมเจ็บเพื่อที่จะได้อยู่ข้างๆ...อย่างนี้
.................................................................................
นานพอสมควรที่พวกเขาออกมานั่งอยู่ตรงนี้ นานจนร่างเล็กข้างๆหลับไปทั้งที่ยังสะอื้นไห้อยู่ ฮันคยองช้อนตัวคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวไปนอนบนรถมือหนาปรับเบาะให้เอนลงเพื่อให้ร่างน้อยนอนหลับได้สบาย เสื้อแขนยาวตัวโคร่งถูกถอดออกเพื่อมาคลุมทับให้คนตัวเล็ก
เสียงเพลงที่ค่อยๆเงียบลงพร้อมๆกับทั้งคนและรถพากันทยอยออกจากคฤหาสน์หรูทำให้ร่างสูงรู้ว่างานเลี้ยงได้จบลงแล้ว ขายาวของฮันคยองก้าวดุ่มๆกลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังโต
“ฉันไปนะชีวอน” เสียงหวานของฮีชอลเอ่ยบอกกับคนรัก
“ไม่ให้ผมไปส่งหรือซิน”
“นายเหนื่อยแล้วนะ ไม่เอา เดี๋ยวฉันกลับกับทึกกี้เจอกันพรุ่งนี้บายนะตาซิมบ้า” ว่าจบก็เขย่งขึ้นจุ๊บแก้มคนตัวสูงกว่า เห็นภาพแบบนี้เป็นเขาก็คงจะเจ็บเหมือนกันนั่นล่ะ
“ไอ้วอน”
“อ้าวมาด้วยเหรอวะ”
“ถ้ากูไม่มามึงจะเห็นกูยืนอยู่นี่มั้ยไอ้เพื่อนเวร” ฮันคยองพูด
“เออๆกูผิด มีอะไรมึง” ชีวอนถามอย่างไม่อ้อมค้อม เขาเห็นว่าเพื่อนคนนี้มาตั้งแต่เดินเข้าประตูมากับอีกคน
“ฮยอกแจ” ฮันคยองบอก เมื่อถามอย่างไม่อ้อมค้อมเขาก็ตอบอย่างไม่อ้อมค้อม
“ฮยอกแจ?? ทำไม” ชีวอนเลิกคิ้วถาม
“ไอ้เชี่ยมึงก็รู้ว่าเขาคิดยังไงกับมึง ทำไมมึงถึงให้แฟนมึงมาทำความรู้จักกับเขาแบบนั้น” ฮันคยองผลักไหล่เพื่อนอย่างโมโห
“เชี่ยฮันเพื่อนก็ส่วนเพื่อนแฟนก็ส่วนแฟนดิวะ กูรู้ว่าเขาคิดยังไงกูถึงให้ซินไปทำความรู้จักกับเขาเพื่อที่จะให้เขาตัดใจกูพยายามไม่ให้ความหวังเขา กูรักซินกูคิดกับฮยอกแจแค่เพื่อนไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่มึง…มึงคิดว่ากูโง่จนดูมึงไม่ออกใช่มั้ยว่ามึงรักฮยอกแจน่ะ ปัญหามันอยู่ที่มึงไอ้ฮันมึงไม่บอกเขาแล้วมึงก็มาอารมณ์เสียใส่กู มึงอ่ะโคตรควายเลยกูจะบอกให้” ชีวอนตวาดลั่นมือหนากำคอเสื้อของอีกฝ่ายแน่น
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง มึงคิดว่ากูไม่ได้ทำอะไรเลยหรือไง ถ้าเขาชอบกูรักกูซักนิดเหมือนมึงก็ดีไปหรอก” ฮันคยองพูดเสียงดังไม่แพ้กันมือหนายกขึ้นปัดมือของพื่อนออก
“ฮัน...” เสียงหวานเรียกชื่อฮันคยองอย่างเลื่อนลอยก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งหนีออกไป
.........................................................................
“ฮยอกแจ!!” ฮันคยองเรียกเจ้าของชื่อเสียงดัง สายตาคมตวัดมองเพื่อนก่อนจะวิ่งตามคนตัวเล็กออกไปเพราะแบบนี้ไงเขาถึงไม่อยากบอก
“ฮึกๆ ฮือ~” เสียงสะอื้นไห้ดังออกมาจากมุมมืดทำให้ฮันคยองสาวเท้าเข้าไปหา
“ฮยอกแจ...” ฮันคยองเรียกเสียงแผ่ว อยากเหลือเกินที่จะดึงเข้ามากอดปลอบแต่ ณ ตอนนี้คงทำไม่ได้
“ฉันผิดใช่มั้ยที่คิดกับนายเกินเพื่อน...” ฮันคยองพูดมือคว้าเอามือเล็กขึ้นมากุมไว้
“ไม่ ฮึก ไม่ ฮันไม่ผิด ฮยอกผิดเองที่คนที่ฮยอกคิดเกินเพื่อนไม่ใช่ฮัน ฮึก ฮยอกขอโทษ ฮือ ขอโทษๆจริงๆ ฮึก ฮยอกไม่รู้ฮันเจ็บมั้ย เจ็บมากหรือเปล่า ฮัน...อื้อ~” ริมฝีปากหยักก้มลงทาบทับริมฝีปากบางเพื่อเป็นการหยุดคำพูด ลิ้นหนากวาดต้อนน้ำหวานภายในโพรงปากเล็กก่อนจะไล้ตามแนวกรามสวย คนตัวสูงถอนริมฝีปากออกกย่างอ้อยอิ่งเพื่อให้คนตัวเล็กได้หายใจหายคอ
“ไม่เอานะคนดีไม่พูดอย่างนั้นนะฮยอกแจไม่ผิด…ไม่ผิดนะครับ” เสียงทุ้มว่าข้างหูของคนตัวเล็ก
“ให้โอกาสฉันได้มั้ยให้ฉันได้ก้าวเข้าไปอยู่ในนี้ของนายบ้าง สักนิดก็ยังดี...ได้มั้ย” ฮันคยองพูด มือหนายกขึ้นทาบแผ่นอกบางตรงตำแหน่งของหัวใจทำให้ร่างเล็กน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮัน...ฮึก ฮันรอฮยอกได้มั้ย...” คำตอบของร่างเล็กทำให้คนตัวสูงฉีกยิ้มกว้างมือหนาดึงรั้งร่างบางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด อย่างน้อยคนๆนี้ก็ให้โอกาสเขาล่ะนะ
“ฮันจะรอ...จะรอนะครับ”
“ฮยอกสัญญาๆว่าจะรักฮันคนเดียว ฮันอย่าทิ้งฮยอกไปไหนนะ” ฮยอกแจพูดก่อนจะซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง
“ฮันจะรอนะครับคนดี ฮยอกแจคนนี้ฮันรอมาหลายปีแล้ว รออีกซักนิดทำไมจะไม่ได้ล่ะ...”
เขาจะรอ จะรอจนกว่าเขาจะได้เป็นเจ้าของหัวใจคนในอ้อมกอดนี้...ตลอดไป
การรอคอยเป็นเรื่องที่ทรมานแต่สำหรับคนที่รักแล้วเขาสามารถรอได้...ตลอดชีวิต
--------------------------------------------------------------------
*เม้นหนาาาาาาแทน M-150 เป็นกำลังใจไง โธ่-..-
ผลงานอื่นๆ ของ H' fai ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ H' fai
ความคิดเห็น