ระหว่างทางกลับบ้าน - ระหว่างทางกลับบ้าน นิยาย ระหว่างทางกลับบ้าน : Dek-D.com - Writer

    ระหว่างทางกลับบ้าน

    บนถนนเส้นเดิมที่คุ้นเคย ในวันธรรมดาระหว่างทางกลับบ้าน...กับเขาคนนั้น...คนที่ผมเห็นทุกวัน แต่ไม่กล้าเดินเข้าไปทักทาย...แต่วันนี้...เขาเดินข้ามฝั่งมาทักผมแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    59

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    59

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ต.ค. 66 / 14:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ระหว่างทางกลับบ้าน

    by ไฟส้ม

    ผมเห็นเขาอีกครั้ง เขายืนอยู่ที่เดิม แต่ระยะห่างระหว่างเราไกลเกินไป ผมอยากเดินข้ามสะพานไปหาเขา แต่ผมกำลังกลับบ้าน วันนี้เขาแต่งตัวเหมือนทุกวัน กางเกงยีนตัวใหญ่กับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้ม ผมมักเจอเขาเวลานี้เสมอ เราสบตากัน เขายิ้มให้ผม และผมยิ้มตอบเหมือนกับทุกครั้ง แต่ครั้งนี้…ไม่เหมือนเดิม 

              “สวัสดีครับ”

              “…สวัสดีครับ” 

               เขาเดินข้ามฝั่งมาจนถึงกลางสะพาน ผมไม่คิดว่าเขาจะทักผม ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ผมเดินผ่านตรงนี้ทุกวัน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เราได้พูดคุยกัน เป็นผมเองที่ไม่กล้าพอ… 

              “เห็นเดินผ่านตรงนี้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยคุยกันเลยนะครับ”

              “ครับ…เจอกันทุกวันเลย”

              “ผมทำงานอยู่ตึกนี้ครับ”

              เห็นเขาใกล้ ๆ แบบนี้ทำให้ผมไม่กล้าสบตาไปตรง ๆ เขาดูหล่อขึ้นมากเมื่ออยู่ในระยะประชิด เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้ากับผิวแทนคมเข้มรุนแรงกับใจผมพอสมควร 

              “เป็นวิศวกรเหรอครับ”

              “ใช่ครับ…ทำงานแถวนี้เหมือนกันใช่มั้ยครับ”

              “ผมอยู่ตึกฝั่งนู้นครับ ตึกสูง ๆ ที่มีกระจกเยอะ ๆ”

              “ไม่ไกลกันเท่าไหร่”

              “ครับ… ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

              “เช่นกันครับ”

     

               ผมไม่กล้าสบตาเขา ไม่กล้าแม้แต่จะถามชื่อ และเชื่อว่าเขาก็คงดูออก ผมเห็นเขาเผลอยิ้มออกมาบ่อยครั้งในขณะที่เราพูดคุยกัน ตรงนี้ไม่มีใครอยู่ ผมมองเข้าไปในตึกด้านหลัง มันเป็นตึกสูงปูนเปลือยที่ขึ้นโครงไว้แล้ว เขาคงรับผิดชอบโครงการนี้ และคงอีกสักพักกว่าจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้เป็นสำนักงาน

     

              “เดินผ่านตรงนี้บ่อยมั้ยครับ”

              “อืม…เท่าที่จำได้…ก็เดินผ่านตรงนี้ทุกวันมานานแล้วครับ ซอยที่เชื่อมระหว่างที่ทำงานกับรถไฟฟ้าเหมือนจะปรับปรุงอยู่น่ะครับ ผมเลยต้องมาเดินเส้นนี้แทน”

               “เหนื่อยแย่เลย ซอยนี้เปลี่ยวซะด้วย แต่ก็พอมีรถเข้าออกอยู่บ้าง ขับกันเร็วซะด้วย” 

               “ผมไม่กล้าเดินในซอยนี้ตอนมืด ๆ เลยครับ มันต้องน่ากลัวมากแน่ ๆ”

               “ฮ่า ๆ วันหลังให้ผมเดินไปส่งที่รถไฟฟ้าได้นะครับ ผมอยู่จนค่ำมืดแทบทุกวัน ต้องตรวจงานให้เรียบร้อย” 

               เขายิ้มอีกครั้งหลังพูดจบ…ผมไม่ได้ไร้เดียงสาซะจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร ยิ่งเขาชัดเจนตั้งแต่เริ่ม ยิ่งทำให้ผมรู้เร็วต้องทำอย่างไรต่อไป

               “คงเหนื่อยแย่เลยนะครับ”

               “เฉพาะช่วงนี้น่ะครับ เดี๋ยวเข้าที่เข้าทางแล้วก็ไม่คงไม่มีอะไรน่าห่วง

     

               ผมถือวิสาสะสำรวจแผงอกของคนตรงหน้า เขามีเสน่ห์มากจริง  ๆ แสงสีส้มเข้มที่พาดผ่านลงบนตัว ช่วยขับผิวของเขาให้โดดเด่นขึ้น ทว่าแสงแดดยิ่งเข้ม ยิ่งใกล้มืด ผมต้องรีบกลับบ้าน ถ้าผมช้าไปกว่านี้ คงเตรียมเนื้อหานำเสนองานวันรุ่งขึ้นไม่ทันแน่ เขายังยืนอยู่ใกล้   ผมอยากสัมผัสตัวเขา…แต่มันคงเร็วเกินไป ถึงจะเจอกันบ่อยครั้ง แต่การถูกเนื้อต้องตัวกันในครั้งแรกที่เริ่มพูดคุย อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่

     

               “มีใครรออยู่หรือเปล่าครับ”

               “อ๋อ…เอ่อ พอดีมีงานค้างนะครับ” 

               “ทำงานหนักน่าดูเลยนะครับ”

               “ช่วงนี้โดนเร่งให้ปิดยอดน่ะครับ เหนื่อยเลย…แล้วนี่…ยังไม่กลับเหรอครับ”

               “ยังครับ ผมว่าจะเดินตรวจดูงานอีกสักรอบ ตึกนี้ล่าช้าไปเยอะเลย”

               “อยู่คนเดียวเหรอครับ…แล้วกลับยังไงครับเนี่ย”

               “…ใช่ครับ…พวกคนงานกลับไปหมดแล้ว…ผมจอดรถไว้ข้างหลังน่ะ”

               

               ผมเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงของคนตรงหน้า เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่พยายามนึกเท่าไหร่ ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน ผมอาจจะเคยเดินสวนกับคนคนนี้สักที่ใกล้ ๆ หรือได้ยินเขาพูดคุยกับใครในที่ใดที่หนึ่ง

     

               “ใช่สิ คุยมาตั้งนาน ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”

               “เรียกผมว่าพอร์ชก็ได้ครับ” 

               “ผมชื่อริวนะครับ”

               “ชื่อน่ารักจัง…จำง่ายด้วย”

     

               ผมเสียอาการจนเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าเขาจะเดินเกมเร็วขนาดนี้ แต่คิดไปแล้ว ก็ดีเหมือนกัน ผมต้องรีบกลับบ้าน อย่างน้อยถ้าได้รู้ว่าเขาเองก็สนใจผม ผมจะได้ทำตัวถูก

     

                “ขอบคุณครับ…เอ่อ…คือว่าผมอาจจะต้องไปแล้วนะครับ” 

     

    เขายิ้มให้ผม ก่อนที่เราจะนิ่งเงียบกันไปราวนาทีกว่า ๆ นี่เขาไม่คิดจะเอ่ยปากขอคอนแทคผมใช่มั้ย หรือผมควรจะเป็นฝ่ายเอ่ยปาก

                “ริว”

                “...ครับ”

     

               ผมแปลกใจเล็กน้อย กับการที่คนเพิ่งคุยกันครั้งแรกเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างสนิทสนม หรือนี่เป็นวิธีที่เขาใช้อยู่เป็นปกติอยู่แล้ว

     

               “ฮึก..”

     

               เขาดึงผมเข้าไปกอด นี่ไม่ใช่ภาพที่ผมคิดเอาไว้เลยสักนิด ผมไม่ปฏิเสธว่าชอบเขา แต่การทำแบบนี้กับคนที่เพิ่งเคยคุยกันครั้งแรก ไม่ใช่เรื่องที่ผมโอเคเท่าไหร่ 

     

               “เอ่อ…ปล่อยก่อนดีกว่าครับ” 

     

                ผมพยายามขัดขืนการรุกล้ำที่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่คนตรงหน้ากลับกอดผมแน่นขึ้น ผมเริ่มได้ยินเสียงสะอื้นเหมือนคนกำลังร้องไห้…นี่เขากำลังร้องไห้จริง ๆ เหรอ 

       

               “ริว…ก่อนจะไป…ช่วยฟังผมก่อนได้มั้ยครับ” 

               “…ครับ”

     

               เขาพูดเหมือนกับรู้จักผมมานาน และผมก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าคนตรงหน้าต้องการจะบอกอะไรผม นอกจากเห็นเขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามระหว่างเดินทางกลับบ้าน ผมนึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน ผมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคนคนนี้อยู่ในหัวเลยสักนิดเดียว คงมีก็แค่ความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ ก็เท่านั้น 

     

              “ต่อให้ผมจะต้องอธิบายแบบเดิมซ้ำ ๆ อีกร้อยครั้งพันครั้ง ผมก็จะทำ…ผมขอแค่…ริวอย่าพึ่งเดินออกไปจากตรงนี้…ได้มั้ยครับ”

              “เอ่อ…ผมไม่เข้าใจ…”

     

    น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูจริงจังและแน่วแน่มากขึ้น แต่นั่นกลับทำให้ผมสับสนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

              “เราเจอกันครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อน มันเป็นช่วงที่ผมได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลไซต์งานนี้…ที่ตึกนี้”

              “…ครับ”

              “ผมเจอริวตั้งแต่ตอนนั้น ริวใช้ถนนเส้นนี้เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าทุกวัน”

              “เรื่องนั้น…” 

               ผมแปลกใจที่เขากำลังอธิบายในสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้ว ทำไมกัน 

     

               “นานพอตัวเลย กว่าผมจะกล้าเดินข้ามสะพานไปหาริว ไปทำความรู้จักกับริว” 

               “และผมก็รวบรวมความกล้า…เข้าไปทัก”

               “ผม…เอ่อ จำเรื่องนี้ไม่ได้เลยครับ เราเคยคุยกันแล้วจริง ๆ เหรอครับ” 

               “ครับ…เราเคยคุยกันแล้ว”

               “ทำไมผมถึงจำอะไรไม่ได้เลย“

               “คุณ…ความจำเสื่อม”

               “… เอ่อ …”

               “ผมไม่ได้โกหกคุณนะ คุณความจำเสื่อมจริง ๆ”

     

               ผมยังไม่ปักใจเชื่อคำพูดเขาเท่าไหร่ แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเขาทำให้ผมไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าเขากำลังโกหกหรือพูดจริง แต่เขาจะทำไปเพื่ออะไรกัน ถึงมันจะเป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกันซึ่งหน้า แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน

               “ผม… เอ่อ ไม่รู้ว่าต้องไปยังไงต่อเลย ฮ่า ๆ” 

               ผมพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน เขามองผม นัยน์ตาปนเศร้าเล็กน้อย ซึ่งนั่นทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามกับความเชื่อมั่นของตัวเอง

          

               “นี่ผม…ความจำเสื่อมจริง ๆ เหรอครับ” 

               “ฮึก…”

               “เอ่อ…เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” 

     

               หยดน้ำเล็ก ๆ เริ่มเอ่อล้นเปื้อนแก้มคนตรงหน้า ผมเริ่มปักใจเชื่อ คงเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับผม และเป็นสิ่งที่ผมลืมไปแล้วว่ามันเคยเกิดขึ้น ผมพยายามนึกย้อนกลับ และสำรวจความทรงจำที่มีอยู่ในหัว ผมตื่นนอน ลุกจากเตียงตอนเกือบ 7 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบเดินทางมาทำงาน นอกจากนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ผมก็แทบไม่ได้ทำอะไรหรือลุกไปไหน ผมออกจากออฟฟิศตอน 5 โมง ใช้ถนนเล็ก ๆ ในซอยนี้เพื่อลัดผ่านไปยังรถไฟฟ้า และผมก็เจอเขา… 

     

               “ขอโทษนะครับ ผมจำอะไรไม่ได้เลย นึกไม่ออกเลยว่าเราเคยคุยกันแล้ว”

               “…ริวครับ…ผมขอจูบคุณได้มั้ย” 

            

               ผมไม่มีคำตอบให้คนตรงหน้า ถึงแม้ว่ามันดูแปลกไปมากที่จะยอมจูบกับคนที่เพิ่งคุยกันครั้งแรก แต่ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้…ว่าทำไมถึงไม่ปฏิเสธคำขอนั้น

     

              “ครับ…”

     

               เขาใช้มือประคองใบหน้าผม และโน้มตัวเข้ามาจูบอย่างแผ่วเบา ผมแปลกใจที่เขาช่ำชองราวกับรู้ว่าผมชอบจังหวะและสัมผัสแบบไหน ผมจูบตอบ…ตรงนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากเรา แสงแดดสีเข้มบอกให้เรารู้ว่าดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แม้ถนนใหญ่ด้านหน้าจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คน…ทว่าบนถนนเส้นนี้…มีแค่เราเท่านั้น

     

              “ผมชื่อริวนะครับ…” 

              “ได้คุยกันแล้ว”

              “ผมรวบรวมความกล้าอยู่นานเลย”

              “ทำงานอยู่แถวนี้เหรอครับ เห็นเดินผ่านตรงนี้ทุกวันเลย”

              “ใช่ครับ พอดีถนนเส้นเดิมมันซ่อมอยู่น่ะครับ เลยมาใช้เส้นนี้แทน“

              “ถ้าไม่รังเกียจ…ผมขอไปส่งได้มั้ยครับ งานใกล้เสร็จแล้ว”

              “…ได้ครับ” 

               เหตุการณ์ทับซ้อนผุดขึ้นมาในความทรงจำ ผมเริ่มปะติดปะต่อภาพเหล่านั้น เห็นตัวเองในแต่ละวัน และผมก็เห็นเขา เราสบตากัน ยิ้มให้กัน พูดคุยกัน สิ่งเหล่านี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ…มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ 

     

              “ขอโทษนะครับ…” 

     

                       ผมผละคนตรงหน้าออก ในหัวมีแต่คำถาม ถ้าผมเจอคนคนนี้มานานแล้ว และเราเคยคุยกันแล้วจริง ๆ ทำไมความทรงจำเหล่านั้นถึงเลือนหายไป และกลับเข้ามาในวันที่แสนธรรมดาแบบนี้ ภาพเหล่านั้นกลับมาพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่คลอเคล้าไปคำถามมากมายในหัว

     

              “เริ่มจำได้แล้วใช่มั้ยครับ…”

              “เอ่อ… ผมเห็นภาพบางอย่าง เหมือนกับว่าเรารู้จักกันมานานแล้ว…แต่ผม…”

              “ต่อให้ผมต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานแสนนาน ถ้ามันจะทำให้ริวจำได้ ผมก็จะทำ”

              

              สายตาที่เขามองผมเต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งโหยหาและปนเศร้า เขารู้ในสิ่งที่ผมไม่รู้ แต่ทว่ามันคืออะไรกันแน่ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา 

     

             “ผม…” 

     

              แม้ประโยคที่ผมเอ่ยออกไปจะไม่สมบูรณ์ แต่บางอย่างกระตุ้นให้ผมตัดสินใจทำแบบนั้น ผมโน้มตัวเข้าหาคนตรงหน้า ประคองใบหน้าร่างสูงและโน้มตัวเข้าหาเขา ริมฝีปากของเราประกบกัน เหมือนครั้งแรกที่เขาจูบผม ต่างออกไปตรงที่ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเริ่ม 
     

              “ฮึก…”
     

              ม้วนภาพจำนวนมากไหลพรั่งพรูเข้ามาในหัว มันถูกเรียงร้อยเข้าด้วยกันอย่างเป็นระเบียบ ต่างกับครั้งแรก ภาพเคลื่อนไหวพวกนั้นบอกเล่าเรื่องราวระหว่างเขาและผม นับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ยิ้มให้กัน ใช้เวลาร่วมกัน เขาจับมือผม ผมโอบกอดเขาจากด้านหลัง เราจูบกัน ร่วมรักกันในห้องนอน ทุกอย่างมันชัดเจนโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามอะไรกับคนตรงหน้าอีก

               เขาดึงผมให้เข้าใกล้มากขึ้น ก่อนจะจูบตอบอย่างแผ่วเบาแต่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ภาพในหัวผมยังฉายต่อไปเรื่อย ๆ ราวกับภาพยนตร์รักที่มีผมและเขาเป็นตัวละครเอก ผมเห็นตัวเองเดินออกมาจากออฟฟิศ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม และเดินเลี้ยวไปยังถนนเส้นนั้น มันเป็นถนนเส้นรองที่มีไซต์งานของเขาอยู่ วันนี้เป็นวันครบรอบ เราจองร้านอาหารใกล้ ๆ ไว้ การได้ทานมื้อเย็นอร่อย ๆ กับคนรักในวันสำคัญ เป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับผมเสมอ ผมเห็นตัวเองมีความสุข ในขณะที่เดินเลียบไปตามฟุตบาทริมทาง ผมมองเห็นไซต์งานอยู่ไม่ไกลตรงหน้า คนงานกำลังทำงานอย่างแข็งขัน และผมก็เห็นเขา ในชุดวิศวกรตรวจไซต์งาน ผมเรียกเขา และเขาหันมาตามเสียงเรียกนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของร่างสูงทำให้ผมหายเหนื่อยได้เสมอ เขาเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน เราทั้งคู่ยืนพูดคุยกัน ผมมีเรื่องเล่ามากมายที่อยากให้เขารู้ เขายืนฟังผมอย่างตั้งใจ พลางหัวเราะให้กับเรื่องราวที่ผมกำลังเล่าให้เขาฟัง ใบหน้าเขาเปื้อนยิ้ม…ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลง…ราวกับตกใจสุดขีดกับภาพที่เห็น…ผมหันหลังกลับไปมอง…รถคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามายังจุดที่เราทั้งคู่ยืนอยู่…ด้วยความเร็วสูง…
     

    ….เขากอดผมไว้แน่น…รถคันนั้นพุ่งเข้ามาเร็วเกินไป…

              

               “ฮึก…ขอโทษนะครับที่จำได้ช้าเกินไป” 

    ผมซบใบหน้าลงบนอกเขา พร้อมหยดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

               “ต่อให้ต้องวนอยู่แบบนี้อีกร้อยครั้งพันครั้ง หรือกลับไปเป็นเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมก็จะไม่ยอมแพ้…”
     

               “เราจะหายไปจากตรงนี้มั้ย…ผมกลัว”

               “ผมไม่รู้ว่าเราต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน…แต่อย่างน้อยในตอนนี้ ริวก็จำเรื่องของเราได้แล้ว”

               “เหนื่อยมั้ยครับ…ฮึก…ขอโทษนะครับที่จำได้ช้าไป ขอโทษจริง ๆ ครับ”

               “ผมไม่รู้ลูปเวลานี้จะวนกลับไปจุดเริ่มต้นอีกมั้ย…แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ต่างไปจากเดิม…

               ผมโผเข้ากอดคนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบอะไรอีกแล้ว ทุกคำถามที่สับสนอยู่ภายในใจมีคำตอบให้กับตัวมันเองแล้วในตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าเราทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ผมก็ดีใจที่อย่างน้อยโชคชะตาได้ทำให้เราทั้งคู่ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ให้ผมได้อยู่กับคนที่ผมรัก ถึงแม้ว่า…เราทั้งคู่…จะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน…อีกแล้ว

    *****************

    END

             ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้า ^^

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×