ระหว่างทางกลับบ้าน
บนถนนเส้นเดิมที่คุ้นเคย ในวันธรรมดาระหว่างทางกลับบ้าน...กับเขาคนนั้น...คนที่ผมเห็นทุกวัน แต่ไม่กล้าเดินเข้าไปทักทาย...แต่วันนี้...เขาเดินข้ามฝั่งมาทักผมแล้ว
ผู้เข้าชมรวม
59
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ระหว่างทางกลับบ้าน
by ไฟส้ม
ผมเห็นเขาอีกครั้ง เขายืนอยู่ที่เดิม แต่ระยะห่างระหว่างเราไกลเกินไป ผมอยากเดินข้ามสะพานไปหาเขา แต่ผมกำลังกลับบ้าน วันนี้เขาแต่งตัวเหมือนทุกวัน กางเกงยีนตัวใหญ่กับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้ม ผมมักเจอเขาเวลานี้เสมอ เราสบตากัน เขายิ้มให้ผม และผมยิ้มตอบเหมือนกับทุกครั้ง แต่ครั้งนี้…ไม่เหมือนเดิม
“สวัสดีครับ”
“…สวัสดีครับ”
เขาเดินข้ามฝั่งมาจนถึงกลางสะพาน ผมไม่คิดว่าเขาจะทักผม ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ผมเดินผ่านตรงนี้ทุกวัน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เราได้พูดคุยกัน เป็นผมเองที่ไม่กล้าพอ…
“เห็นเดินผ่านตรงนี้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยคุยกันเลยนะครับ”
“ครับ…เจอกันทุกวันเลย”
“ผมทำงานอยู่ตึกนี้ครับ”
เห็นเขาใกล้ ๆ แบบนี้ทำให้ผมไม่กล้าสบตาไปตรง ๆ เขาดูหล่อขึ้นมากเมื่ออยู่ในระยะประชิด เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้ากับผิวแทนคมเข้มรุนแรงกับใจผมพอสมควร
“เป็นวิศวกรเหรอครับ”
“ใช่ครับ…ทำงานแถวนี้เหมือนกันใช่มั้ยครับ”
“ผมอยู่ตึกฝั่งนู้นครับ ตึกสูง ๆ ที่มีกระจกเยอะ ๆ”
“ไม่ไกลกันเท่าไหร่”
“ครับ… ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“เช่นกันครับ”
ผมไม่กล้าสบตาเขา ไม่กล้าแม้แต่จะถามชื่อ และเชื่อว่าเขาก็คงดูออก ผมเห็นเขาเผลอยิ้มออกมาบ่อยครั้งในขณะที่เราพูดคุยกัน ตรงนี้ไม่มีใครอยู่ ผมมองเข้าไปในตึกด้านหลัง มันเป็นตึกสูงปูนเปลือยที่ขึ้นโครงไว้แล้ว เขาคงรับผิดชอบโครงการนี้ และคงอีกสักพักกว่าจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้เป็นสำนักงาน
“เดินผ่านตรงนี้บ่อยมั้ยครับ”
“อืม…เท่าที่จำได้…ก็เดินผ่านตรงนี้ทุกวันมานานแล้วครับ ซอยที่เชื่อมระหว่างที่ทำงานกับรถไฟฟ้าเหมือนจะปรับปรุงอยู่น่ะครับ ผมเลยต้องมาเดินเส้นนี้แทน”
“เหนื่อยแย่เลย ซอยนี้เปลี่ยวซะด้วย แต่ก็พอมีรถเข้าออกอยู่บ้าง ขับกันเร็วซะด้วย”
“ผมไม่กล้าเดินในซอยนี้ตอนมืด ๆ เลยครับ มันต้องน่ากลัวมากแน่ ๆ”
“ฮ่า ๆ วันหลังให้ผมเดินไปส่งที่รถไฟฟ้าได้นะครับ ผมอยู่จนค่ำมืดแทบทุกวัน ต้องตรวจงานให้เรียบร้อย”
เขายิ้มอีกครั้งหลังพูดจบ…ผมไม่ได้ไร้เดียงสาซะจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร ยิ่งเขาชัดเจนตั้งแต่เริ่ม ยิ่งทำให้ผมรู้เร็วต้องทำอย่างไรต่อไป
“คงเหนื่อยแย่เลยนะครับ”
“เฉพาะช่วงนี้น่ะครับ เดี๋ยวเข้าที่เข้าทางแล้วก็ไม่คงไม่มีอะไรน่าห่วง
ผมถือวิสาสะสำรวจแผงอกของคนตรงหน้า เขามีเสน่ห์มากจริง ๆ แสงสีส้มเข้มที่พาดผ่านลงบนตัว ช่วยขับผิวของเขาให้โดดเด่นขึ้น ทว่าแสงแดดยิ่งเข้ม ยิ่งใกล้มืด ผมต้องรีบกลับบ้าน ถ้าผมช้าไปกว่านี้ คงเตรียมเนื้อหานำเสนองานวันรุ่งขึ้นไม่ทันแน่ เขายังยืนอยู่ใกล้ ผมอยากสัมผัสตัวเขา…แต่มันคงเร็วเกินไป ถึงจะเจอกันบ่อยครั้ง แต่การถูกเนื้อต้องตัวกันในครั้งแรกที่เริ่มพูดคุย อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่
“มีใครรออยู่หรือเปล่าครับ”
“อ๋อ…เอ่อ พอดีมีงานค้างนะครับ”
“ทำงานหนักน่าดูเลยนะครับ”
“ช่วงนี้โดนเร่งให้ปิดยอดน่ะครับ เหนื่อยเลย…แล้วนี่…ยังไม่กลับเหรอครับ”
“ยังครับ ผมว่าจะเดินตรวจดูงานอีกสักรอบ ตึกนี้ล่าช้าไปเยอะเลย”
“อยู่คนเดียวเหรอครับ…แล้วกลับยังไงครับเนี่ย”
“…ใช่ครับ…พวกคนงานกลับไปหมดแล้ว…ผมจอดรถไว้ข้างหลังน่ะ”
ผมเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงของคนตรงหน้า เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่พยายามนึกเท่าไหร่ ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน ผมอาจจะเคยเดินสวนกับคนคนนี้สักที่ใกล้ ๆ หรือได้ยินเขาพูดคุยกับใครในที่ใดที่หนึ่ง
“ใช่สิ คุยมาตั้งนาน ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“เรียกผมว่าพอร์ชก็ได้ครับ”
“ผมชื่อริวนะครับ”
“ชื่อน่ารักจัง…จำง่ายด้วย”
ผมเสียอาการจนเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าเขาจะเดินเกมเร็วขนาดนี้ แต่คิดไปแล้ว ก็ดีเหมือนกัน ผมต้องรีบกลับบ้าน อย่างน้อยถ้าได้รู้ว่าเขาเองก็สนใจผม ผมจะได้ทำตัวถูก
“ขอบคุณครับ…เอ่อ…คือว่าผมอาจจะต้องไปแล้วนะครับ”
เขายิ้มให้ผม ก่อนที่เราจะนิ่งเงียบกันไปราวนาทีกว่า ๆ นี่เขาไม่คิดจะเอ่ยปากขอคอนแทคผมใช่มั้ย หรือผมควรจะเป็นฝ่ายเอ่ยปาก
“ริว”
“...ครับ”
ผมแปลกใจเล็กน้อย กับการที่คนเพิ่งคุยกันครั้งแรกเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างสนิทสนม หรือนี่เป็นวิธีที่เขาใช้อยู่เป็นปกติอยู่แล้ว
“ฮึก..”
เขาดึงผมเข้าไปกอด นี่ไม่ใช่ภาพที่ผมคิดเอาไว้เลยสักนิด ผมไม่ปฏิเสธว่าชอบเขา แต่การทำแบบนี้กับคนที่เพิ่งเคยคุยกันครั้งแรก ไม่ใช่เรื่องที่ผมโอเคเท่าไหร่
“เอ่อ…ปล่อยก่อนดีกว่าครับ”
ผมพยายามขัดขืนการรุกล้ำที่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่คนตรงหน้ากลับกอดผมแน่นขึ้น ผมเริ่มได้ยินเสียงสะอื้นเหมือนคนกำลังร้องไห้…นี่เขากำลังร้องไห้จริง ๆ เหรอ
“ริว…ก่อนจะไป…ช่วยฟังผมก่อนได้มั้ยครับ”
“…ครับ”
เขาพูดเหมือนกับรู้จักผมมานาน และผมก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าคนตรงหน้าต้องการจะบอกอะไรผม นอกจากเห็นเขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามระหว่างเดินทางกลับบ้าน ผมนึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน ผมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคนคนนี้อยู่ในหัวเลยสักนิดเดียว คงมีก็แค่ความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ ก็เท่านั้น
“ต่อให้ผมจะต้องอธิบายแบบเดิมซ้ำ ๆ อีกร้อยครั้งพันครั้ง ผมก็จะทำ…ผมขอแค่…ริวอย่าพึ่งเดินออกไปจากตรงนี้…ได้มั้ยครับ”
“เอ่อ…ผมไม่เข้าใจ…”
น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูจริงจังและแน่วแน่มากขึ้น แต่นั่นกลับทำให้ผมสับสนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เราเจอกันครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อน มันเป็นช่วงที่ผมได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลไซต์งานนี้…ที่ตึกนี้”
“…ครับ”
“ผมเจอริวตั้งแต่ตอนนั้น ริวใช้ถนนเส้นนี้เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าทุกวัน”
“เรื่องนั้น…”
ผมแปลกใจที่เขากำลังอธิบายในสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้ว ทำไมกัน
“นานพอตัวเลย กว่าผมจะกล้าเดินข้ามสะพานไปหาริว ไปทำความรู้จักกับริว”
“และผมก็รวบรวมความกล้า…เข้าไปทัก”
“ผม…เอ่อ จำเรื่องนี้ไม่ได้เลยครับ เราเคยคุยกันแล้วจริง ๆ เหรอครับ”
“ครับ…เราเคยคุยกันแล้ว”
“ทำไมผมถึงจำอะไรไม่ได้เลย“
“คุณ…ความจำเสื่อม”
“… เอ่อ …”
“ผมไม่ได้โกหกคุณนะ คุณความจำเสื่อมจริง ๆ”
ผมยังไม่ปักใจเชื่อคำพูดเขาเท่าไหร่ แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเขาทำให้ผมไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าเขากำลังโกหกหรือพูดจริง แต่เขาจะทำไปเพื่ออะไรกัน ถึงมันจะเป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกันซึ่งหน้า แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน
“ผม… เอ่อ ไม่รู้ว่าต้องไปยังไงต่อเลย ฮ่า ๆ”
ผมพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน เขามองผม นัยน์ตาปนเศร้าเล็กน้อย ซึ่งนั่นทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามกับความเชื่อมั่นของตัวเอง
“นี่ผม…ความจำเสื่อมจริง ๆ เหรอครับ”
“ฮึก…”
“เอ่อ…เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
หยดน้ำเล็ก ๆ เริ่มเอ่อล้นเปื้อนแก้มคนตรงหน้า ผมเริ่มปักใจเชื่อ คงเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับผม และเป็นสิ่งที่ผมลืมไปแล้วว่ามันเคยเกิดขึ้น ผมพยายามนึกย้อนกลับ และสำรวจความทรงจำที่มีอยู่ในหัว ผมตื่นนอน ลุกจากเตียงตอนเกือบ 7 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบเดินทางมาทำงาน นอกจากนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ผมก็แทบไม่ได้ทำอะไรหรือลุกไปไหน ผมออกจากออฟฟิศตอน 5 โมง ใช้ถนนเล็ก ๆ ในซอยนี้เพื่อลัดผ่านไปยังรถไฟฟ้า และผมก็เจอเขา…
“ขอโทษนะครับ ผมจำอะไรไม่ได้เลย นึกไม่ออกเลยว่าเราเคยคุยกันแล้ว”
“…ริวครับ…ผมขอจูบคุณได้มั้ย”
ผมไม่มีคำตอบให้คนตรงหน้า ถึงแม้ว่ามันดูแปลกไปมากที่จะยอมจูบกับคนที่เพิ่งคุยกันครั้งแรก แต่ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้…ว่าทำไมถึงไม่ปฏิเสธคำขอนั้น
“ครับ…”
เขาใช้มือประคองใบหน้าผม และโน้มตัวเข้ามาจูบอย่างแผ่วเบา ผมแปลกใจที่เขาช่ำชองราวกับรู้ว่าผมชอบจังหวะและสัมผัสแบบไหน ผมจูบตอบ…ตรงนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากเรา แสงแดดสีเข้มบอกให้เรารู้ว่าดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แม้ถนนใหญ่ด้านหน้าจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คน…ทว่าบนถนนเส้นนี้…มีแค่เราเท่านั้น
“ผมชื่อริวนะครับ…”
“ได้คุยกันแล้ว”
“ผมรวบรวมความกล้าอยู่นานเลย”
“ทำงานอยู่แถวนี้เหรอครับ เห็นเดินผ่านตรงนี้ทุกวันเลย”
“ใช่ครับ พอดีถนนเส้นเดิมมันซ่อมอยู่น่ะครับ เลยมาใช้เส้นนี้แทน“
“ถ้าไม่รังเกียจ…ผมขอไปส่งได้มั้ยครับ งานใกล้เสร็จแล้ว”
“…ได้ครับ”
เหตุการณ์ทับซ้อนผุดขึ้นมาในความทรงจำ ผมเริ่มปะติดปะต่อภาพเหล่านั้น เห็นตัวเองในแต่ละวัน และผมก็เห็นเขา เราสบตากัน ยิ้มให้กัน พูดคุยกัน สิ่งเหล่านี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ…มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่
“ขอโทษนะครับ…”
ผมผละคนตรงหน้าออก ในหัวมีแต่คำถาม ถ้าผมเจอคนคนนี้มานานแล้ว และเราเคยคุยกันแล้วจริง ๆ ทำไมความทรงจำเหล่านั้นถึงเลือนหายไป และกลับเข้ามาในวันที่แสนธรรมดาแบบนี้ ภาพเหล่านั้นกลับมาพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่คลอเคล้าไปคำถามมากมายในหัว
“เริ่มจำได้แล้วใช่มั้ยครับ…”
“เอ่อ… ผมเห็นภาพบางอย่าง เหมือนกับว่าเรารู้จักกันมานานแล้ว…แต่ผม…”
“ต่อให้ผมต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานแสนนาน ถ้ามันจะทำให้ริวจำได้ ผมก็จะทำ”
สายตาที่เขามองผมเต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งโหยหาและปนเศร้า เขารู้ในสิ่งที่ผมไม่รู้ แต่ทว่ามันคืออะไรกันแน่ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา
“ผม…”
แม้ประโยคที่ผมเอ่ยออกไปจะไม่สมบูรณ์ แต่บางอย่างกระตุ้นให้ผมตัดสินใจทำแบบนั้น ผมโน้มตัวเข้าหาคนตรงหน้า ประคองใบหน้าร่างสูงและโน้มตัวเข้าหาเขา ริมฝีปากของเราประกบกัน เหมือนครั้งแรกที่เขาจูบผม ต่างออกไปตรงที่ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเริ่ม
“ฮึก…”
ม้วนภาพจำนวนมากไหลพรั่งพรูเข้ามาในหัว มันถูกเรียงร้อยเข้าด้วยกันอย่างเป็นระเบียบ ต่างกับครั้งแรก ภาพเคลื่อนไหวพวกนั้นบอกเล่าเรื่องราวระหว่างเขาและผม นับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ยิ้มให้กัน ใช้เวลาร่วมกัน เขาจับมือผม ผมโอบกอดเขาจากด้านหลัง เราจูบกัน ร่วมรักกันในห้องนอน ทุกอย่างมันชัดเจนโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามอะไรกับคนตรงหน้าอีก
เขาดึงผมให้เข้าใกล้มากขึ้น ก่อนจะจูบตอบอย่างแผ่วเบาแต่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ภาพในหัวผมยังฉายต่อไปเรื่อย ๆ ราวกับภาพยนตร์รักที่มีผมและเขาเป็นตัวละครเอก ผมเห็นตัวเองเดินออกมาจากออฟฟิศ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม และเดินเลี้ยวไปยังถนนเส้นนั้น มันเป็นถนนเส้นรองที่มีไซต์งานของเขาอยู่ วันนี้เป็นวันครบรอบ เราจองร้านอาหารใกล้ ๆ ไว้ การได้ทานมื้อเย็นอร่อย ๆ กับคนรักในวันสำคัญ เป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับผมเสมอ ผมเห็นตัวเองมีความสุข ในขณะที่เดินเลียบไปตามฟุตบาทริมทาง ผมมองเห็นไซต์งานอยู่ไม่ไกลตรงหน้า คนงานกำลังทำงานอย่างแข็งขัน และผมก็เห็นเขา ในชุดวิศวกรตรวจไซต์งาน ผมเรียกเขา และเขาหันมาตามเสียงเรียกนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของร่างสูงทำให้ผมหายเหนื่อยได้เสมอ เขาเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน เราทั้งคู่ยืนพูดคุยกัน ผมมีเรื่องเล่ามากมายที่อยากให้เขารู้ เขายืนฟังผมอย่างตั้งใจ พลางหัวเราะให้กับเรื่องราวที่ผมกำลังเล่าให้เขาฟัง ใบหน้าเขาเปื้อนยิ้ม…ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลง…ราวกับตกใจสุดขีดกับภาพที่เห็น…ผมหันหลังกลับไปมอง…รถคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามายังจุดที่เราทั้งคู่ยืนอยู่…ด้วยความเร็วสูง…
….เขากอดผมไว้แน่น…รถคันนั้นพุ่งเข้ามาเร็วเกินไป…
“ฮึก…ขอโทษนะครับที่จำได้ช้าเกินไป”
ผมซบใบหน้าลงบนอกเขา พร้อมหยดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ต่อให้ต้องวนอยู่แบบนี้อีกร้อยครั้งพันครั้ง หรือกลับไปเป็นเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมก็จะไม่ยอมแพ้…”
“เราจะหายไปจากตรงนี้มั้ย…ผมกลัว”
“ผมไม่รู้ว่าเราต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน…แต่อย่างน้อยในตอนนี้ ริวก็จำเรื่องของเราได้แล้ว”
“เหนื่อยมั้ยครับ…ฮึก…ขอโทษนะครับที่จำได้ช้าไป ขอโทษจริง ๆ ครับ”
“ผมไม่รู้ลูปเวลานี้จะวนกลับไปจุดเริ่มต้นอีกมั้ย…แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ต่างไปจากเดิม…
ผมโผเข้ากอดคนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบอะไรอีกแล้ว ทุกคำถามที่สับสนอยู่ภายในใจมีคำตอบให้กับตัวมันเองแล้วในตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าเราทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ผมก็ดีใจที่อย่างน้อยโชคชะตาได้ทำให้เราทั้งคู่ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ให้ผมได้อยู่กับคนที่ผมรัก ถึงแม้ว่า…เราทั้งคู่…จะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน…อีกแล้ว
*****************
END
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้า ^^
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ faisom ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ faisom
ความคิดเห็น