คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เลือดหยดที่ 2 :งานเทศกาลและสาวชาวบ้าน[100%]
ยามราตรีอันเงียบงันมีร่างของคนเล่านิทานผู้หนึ่งแสยะยิ้มในความมืดนิ้วยาวเย็นเชียบเปิดหนังสือนิทานขึ้นก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาคนฟังเกิดอาการเสียวสันหลังวาบ
“ไม่ได้เจอกันนานนะ…เอาล่ะท่าทางจะอยากฟังนิทานของฉันต่อแล้วงั้นสิ?....ได้ๆงั้นมาฟังกันเถอะเรื่องราวของหนูน้อยหมวกเลือดคนนี้น่ะ..”
หน้ากระดาษที่โดนแต่งแต้มประดับด้วยคราบเลือดสีแดงได้โดนพลิกไปยังเนื้อเรื่องบทต่อไป
เลือดหยดที่ 2 : งานเทศกาลและสาวชาวบ้าน
ตาสีฟ้าใสกระพริบถี่ปรับการมองเห็นหลังจากที่หลับอยู่บนรถม้าที่เดินทางจากเมืองข้างๆมาหลายชั่วโมงเด็กสาวยื่นเงินค่าโดยสารให้ผู้เป็นเจ้าของรถม้าคันนั้นก่อนจะกระโดดลงจากรถ เรือนผมสีทองพลิ้วไหวไปตามกระแสลมอีกครั้ง เด็กสาวร่างบอบบางใต้ผ้าคลุมสีแดงฉานกวาดสายตามองไปยังรอบๆเมือง
เมืองๆนี้ถือว่าเป็นเมืองที่มีความเจริญในระดับหนึ่งบ้านสีขาวที่ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีเรียงติดกันเป็นแถว ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างเป็นมิตร ตลอดสดที่มีพ่อค้าแม่ค้ามารวมตัวกัน ทางถนนพื้นหินอ่อนสะอาดตาและปราสาทที่ราวกับหลุดออกมาจากหนังสือนิทานเล่มไหนสักเล่มตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางของเมือง ช่างเป็นเมืองในฝันที่ใครหลายๆคนคงจะอยากมาอยู่...ถ้าหากว่า...ความสวยงามและสงบสุขของเมืองนี้ไม่ใช่สิ่งที่จัดฉากขึ้นมาล่ะก็นะ?
มือเรียวเล็กหยิบใบประกาศเกี่ยวกับงานเทศกาล ‘คาลนิวาลเกม’ ขึ้นมาดูอีกครั้งพล่างหัวเราะร่าและเดินตรงไปยังปราสาทใจกลางเมือง
“ทั้งๆที่เป็นเมืองที่ท่าทางจะมีความเจริญรุ่งเรืองขนาดนี้แต่กลับมีงานเทศกาลที่บ้าเถื่อนขนาดนี้ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ”
ทว่า...ขณะที่อเลซซ่ากำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปอยู่นั่นเองก็มีแมวสีดำตัวหนึ่งกระโดดตัดหน้าเธอ
“แง่ว!!”
ร่างของแมวสีดำที่กระโดดตัดหน้าเธอเมื่อครู่ไปนอนบนกำแพงอิฐสีอ่อนอย่างสบายอารมณ์ ช่างเป็นภาพที่กวนประสาทอันน่าหงุดหงิดที่แถบอยากส่งแมวตัวนั้นไปปรภพซะบัดเดี๋ยวนี้ แต่ยังไงก็ตามแต่อเลซซ่าคงได้แค่อดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เพราะก่อนที่การแข่งขันคานิวัลเกมจะเริ่มขึ้นเธอจะทำอะไรที่ประเจิดประเจ้อไม่ได้ จึงทำได้แค่แสร้งยิ้มเพื่อข่มอารมณ์โกรธของตนไว้ไม่ให้ไปกระซวกแมวตัวนั้นให้รู้แล้วรู้รอด!!
“นี่!ไม่ได้นะเชสเซอร์!อย่ากระโดดตัดหน้าคนอื่นอย่างนี้สิ..เอ่อ..ขอโทษแทนแมวนิสัยเสียตัวนี้ด้วยนะคะ”
ร่างของหญิงสาวชาวบ้านในชุดผ้าคลุมสีน้ำตาลยาวผมเปียสีแดงถักเรียบร้อยวิ่งเข้ามาอุ้มเจ้าแมวกวนประสาทนั่นพล่างหันมาก้มหัวขอโทษขอโพยอเลซซ่าซะยกใหญ่...น่าแปลก...ทั้งๆที่เธอคนนี้เป็นเจ้าของแมวดำที่ทำให้อเลซซ่าหงุดหงิดมากแต่อเลซซ่ากลับไม่รู้สึกโกรธหรือเอาความอะไรกับเธอทั้งๆที่หากเป็นยามปกติเด็กสาวหมวกแดงของจะล่อลวงหญิงสาวนางนี้ไปกระซวกเล่นให้หายอารมณ์เสียแล้วกระมัง...อาจเป็นเพราะเธอคนนี้มี ‘อะไรบางอย่าง’ ที่น่าสนใจอยู่ในตัวก็ได้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ดิฉันเองก็เดินไม่ดูทางด้วยเช่นกันตอนนี้ฉันรีบอยู่ยังไงก็ขอตัวนะคะ”
เด็กสาวใต้ชุดคลุมสีแดงยังคงแสร้งแสยะรอยยิ้มไร้เดียวสาที่ปั้นแต่งออกมาได้อย่างเนียบเนียนต่อไป
“เอ๋?..คือคุณกำลังจะไปที่ปราสาทใจกลางเมืองใช่หรือเปล่าคะ?...ถ้าไม่รังเกียจยังไงให้ฉันนำทางได้นะคะ”
ข้อเสนอของสาวชาวบ้านผู้นั้นทำให้เด็กสาวชุดคลุมดงเบิกตากว้างแน่นอนหากเป็นคนปกธรรมดาทั่วไปล่ะก็เธอคงจะปฎิเสธข้อเสนอนั้นอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยแต่ในกรณีนี้ไม่ใช่!สาวชาวบ้านคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดจนแม้แต่อเลซซ่าเองก็ปฎิเสธไม่ได้ที่เธอน่ะกำลังสนใจสาวชาวบ้านคนนี้เป็นอย่างมาก
“เห….ก็เอาสิคะฉันก็กำลังหลงทางอยู่เลยไม่รู้ว่าปราสาทใจกลางเมืองที่ว่าต้องไปทางไหน”
ประโยคที่อเลซซ่าเอ่ยออกมานั้น...แน่นอนว่าโกหก
เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงหน้าปราสาทสิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตานั่นคือ..ทะเลคน
กลุ่มผู้คนเดินไปเดินมาส่งเสียงดังจนน่าหนวกหูทั้งๆที่หากมองจากภายนอกปราสาทนี้คงจะเข้าไปข้างในได้ไม่ง่ายแต่ตอนนี้กลับมีผู้คนเข้าๆออกๆไม่หยุดราวกับที่นี่เป็นสถานที่ชุมนุมอะไรสักอย่างก็ไม่ปาน
ยิ่งก้าวเท้าเข้ามาในปราสาทยิ่งรู้สึกว่าเป็นปราสาทที่วิจิตรสวยงามทีได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราเป็นการยากที่คนปกติธรรมดาจะได้ก้าวย่างเข้ามาในปราสาทแห่งนี้ แต่สำหรับช่วงรับสมัครผู้เข้าแข่งขันงานคานิวัลเกมนั่นก็อีกเรื่อง เด็กสาวในผ้าคลุมแดงถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินไปยังโต๊ะสมัครผู้เข้าร่วมการแข่งขัน แน่นอนว่าเกมการแข่งขันนี้ไม่จำกัดทั้งอายุหรือเพศอะไรอยู่แล้วหลังจากที่อเลซซ่าลงชื่อเสร็จก็ได้รับซองจดหมายสีดำซึ่งระบุว่าให้นำมาในวันแข่งขันวันพรุ่งนี้ด้วยหากทำมันหายจะโดนตัดสิทธิ์ในทันที
“อ้าว…ลงชื่อสมัครเสร็จแล้วเหรอคะ?”
หญิงสาวชาวบ้านที่นั่งรออยู่บริเวณโต๊ะหินอ่อนตรงหน้าตัวปราสาทคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เด็กสาวใต้ชุดคลุมสีแดง
“คุณยังไม่กลับอีกเหรอ?”
อเลซซ่าเอ่ยถามตาสีฟ้าใสจ้องมองไปยังสาวชาวบ้าน
“ว่าจะชวนคุณไปดื่มชาที่บ้านน่ะค่ะถือเป็นการขอโทษสำหรับเรื่องเจ้าเซสเซอร์ด้วย”
หญิงสาวตอบทำให้อเลซซ่าตัดสินใจตอบตกลงเรื่องที่หญิงสาวจะพาเธอไปดื่มชาที่บ้านถ้าเป็นตามปกติเด็กสาวใต้ชุดคลุมแดงคงจะตอบปฎิเสธไปเป็นแน่เพราะเธอคิดว่ามันเสียเวลาและเธอก็เป็นคนจำพวกระมัดระวังตัวเกินที่จะไปบ้านคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแบบนี้ด้วยแต่นี่เพราะว่าเด็กสาวชาวบ้านคนนี้น่าสนใจต่างหากล่ะ!!
“เอาสิคะ….แล้วบ้านของคุณอยู่ไหนล่ะ?”
..................................................
หลังจากที่อเลซซ่าได้เดินตามสาวชาวบ้านเข้ามาตอนนี้เธอก็ได้มาอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ค้อนข้างเล็กไม่มีการตกแต่งอะไรมากมายนอกจากกรอบรูปที่ใส่รูปครอบครัวเอาไว้ด้านในรูปหนึ่งที่ถูกแขวนเอาไว้บนผนังสีอ่อน บริเวณห้องรับแขกมีแค่โต๊ะไม้เล็กๆกับเก้าอี้สองตัวเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่ได้มีการตกแต่งเพิ่มเติมอะไรอีก....
“ขอโทษทีนะคะที่มีแค่ชาสมุนไพรถูกๆน่ะ”
สาวชาวบ้านเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมถ้วยชาสีเรียบ กลิ่นหอมของชาสมุนไพรลอยขึ้นแตะจมูก อเลซซ่ามองของเหลวสีน้ำตาลใสในถ้วยชาแวบหนึ่งก่อนจะยกมันขึ้นมาจิบ ตอนนี้บรรยายกาศในบ้านเต็มไปด้วยความอึกอัดความเงียบเข้าปกคลุมไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้เริ่มเปิดประโยคการสนทนาก่อนล่ะก็วันนี้ก็คงไม่ได้คุยกันแน่ๆ
“เอ่อ..คือจะว่าไปฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยนี่..ฉันชื่อว่าสกาเล็ตแล้วคุณล่ะคะ?”
สาวชาวบ้าน ‘สกาเล็ต’ เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นลงก่อนด้วยการชวนอเลซซ่าคุย
“ฉันชื่ออเลซซ่าค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จัก”
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายแนะนำตัวกันแล้วก็ยังไม่มีอะไรมากมายกว่านั้น
เงียบ เงียบ และก็เงียบ ความเงียบยังคงปกคลุมต่อไป...
“อ่า...เริ่มเย็นแล้วยังไงก็ขอตัวก่อนนะคะบังเอิญว่าฉันยังไม่ได้หาที่พักเลยน่ะ”
จนกระทั่งในที่สุดอเลซซ่าก็เป็นฝ่ายขอตัวออกมาก่อนเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นแล้วเธอต้องรีบหาที่พักในคืนนี้ก่อนยังไงก็ต้องนอนเก็บพลังงานเอาไว้ใช้ในคานิวัลเกมวันพรุ่งนี้ ...ขืนมัวนั่งอยู่ในบ้านนั้นมีแต่เสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี!!
โชคดีที่หลังจากเดินหาที่พักในเมืองไม่นานก็เจอห้องพักขนาดกลาง..ถึงแม้จะเป็นห้องพักชั่วคราวที่ราค่ค่อนข้างจะถูกแต่ก็ยังมีความหรูหราและสะดวกสบาย สมแล้วล่ะนะที่ที่นี่จะเป็นเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้าแล้วน่ะ
ร่างเล็กล้มลงบนเตียงนุ่ม เรือนผมสีทองสลวยราวกับเส้นไหมสยายลงมาตามแรงโน้มถ่วง ดวงตาสีฟ้ากระพริบถี่ก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือดตาและหลับลง...หลังลงไปสู่ห้วงนิทรา...ดำดิ่งลงไปในความฝัน...ความฝันอันเป็นความทรงจำที่อยากจะลืมเลือนที่สุดความทรงจำอันแสนโหดร้าย..
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีครอบครัวครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่อย่างมีความสุขเป็นครอบครัวที่มีแต่เสียงหัวเราะเป็นครอบครัวที่มีแต่ความอบอุ่น...ครอบครับอันแสนสุขสันต์ราวกับในเทพนิยายปรัมปรา ครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูก และคุณยาย แต่ทว่า..ความสุขนั้นกลับหาได้จีรังยั่งยืนไม่...เมื่อมีอยู่วันหนึ่งที่หมาป่าโหดเหี้ยมได้บุกเข้ามาขย้ำฆ่าคนในครอบครัวนั้นจนหมด...มีเพียงลูกสาวคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้รอดชีวิต
“คุณพ่อ…คุณแม่...คุณยาย...ไม่จริง!ไม่จริง!ไม่จริง!”
หลังจากนั้นทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไป..
จากความสุข...ถูกแทนที่ด้วยความแค้นและความกลัว
จากความอบอุ่น...ถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชัง
จากเสียงหัวเราะ...ถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้องอันแสนทรมาณ
ความเป็นจริงโลกใบนี้มันไม่ได้สวยหรู..โลกใบนี้ไม่มีเจ้าชายขี่ม้าขาว ไม่มีนางฟ้าใจดีที่ไหนมาช่วยทั้งนั้น!! ความเป็นจริงโลกใบนี้น่ะมันโหดร้าย โลกใบนี้ก็แค่ก้อนขยะแห่งความโสมม คนอ่อนแอก็จะไม่สามารถอยู่บนโลกนี้ได้มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้!ใช่...ตราบเท่าที่อ่อนแอก็สมควรแล้วที่จะต้องเป็นหนูจนตรอกนอนรอความตายไปชั่วชีวิต!!
พรึ่บ!!
“แฮ่ก…แฮ่ก...นี่เรา...ฝันไปงั้นเหรอ....?”
อเลซซ่าหอบหายใจถี่ อาจเป็นเพราะว่าเพิ่งตื่นมาจากฝันร้ายหยาดเหงื่อเม็ดโตจึงไหลทั่วใบหน้า ดวงตาสีฟ้าสวยเบิกกว้าง ใบหน้าน่ารักสลัดไปมาเพื่อไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัวไปให้หมดและลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเพื่อไปแข่งคานิวัลเกม
ซ่า....
ทันทีที่สายน้ำเย็นยะเยือกเข้าปะทะกับหน้าก็เป็นตัวช่วยปลุกอเลซซ่าให้ตื่นจากภวังค์ได้อย่างดี หลังจากจัดการเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วมือเพรียวคว้าเสื้อคลุมสีแดงของตนเองและเดินออกไป....
.................................................
หลังจากที่เด็กสาวในชุดคลุมสีแดงใช้เวลาในการเดินทางไม่นานก็มาถึงปราสาทใจกลางเมืองหรือก็คือสถานที่ที่ใช้ในการจัดการแข่งขันคานิวัลเกมนั่นเอง...ผู้คนจำนวนมากทั้งผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันเดินเบียดเสียดกัน เสียงพูดคุยดังโหวกเหวกจนน่าหนวกหู ผู้คนมากมายเรียกว่าจากทั่วทุกสารทิศเลยก็ว่าได้มารวมตัวกันเพื่อเข้าชมการแข่งขันคานิวัลเกมครั้งนี้...ซึ่งถ้างานเทศกาลการแข่งขันนี้ไม่มีอะไรที่มันน่าสนใจจริงๆล่ะก็ คงจะไม่มีคนมารวมกันมากมายขนาดนี้แน่ๆ
“อรุณสวัสดิ์คร้าบ!ทุกท่าน!ในวันนี้ท้องฟ้าช่างเป็นใจอากาศสดใสไร้เมฆหมอกอรุณส่องแสงสดใสเป็นฤกษ์งามยามที่จะเปิดงานเทศกาลการแข่งขันคานิวัลเกม!การแข่งขันที่จัดขึ้นเพียงปีล่ะครั้ง โดยผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลถึง 10 ล้านเหรียญ ณ.ตอนนี้มีผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมมากมายจากทั่วทุกสารทิศมารวมตัวกัน อ๊า!มันทำให้ผมตื่นเต้นจนแทบจะเก็บอาการไม่อยู่แล้วล่ะนะครับเนี่ย!”
เสียงเริงร่าลันล้าเกินกว่าเหตุของพิธีกรดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันใกล้จะเริ่มต้นขึ้น เข็มนาฬิกาเคลื่อนไหวไปจนในที่สุดเสียงระฆังบอกเวลาในการแข่งขันดังขึ้น
“เอาล่ะครับ!ในทีสุดเวลาที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึงแล้วครับ!ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันทุกคนมารวมตัวกันข้างหน้านะครับจะขออธิบายกติกาและเริ่มการแข่งขันแล้วนะครับ”
อเลซซ่าเดินไปรวมกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆพล่างกวาดตามองผู้เข้าแข่งขันโดยรอบ การแข่งคานิวัลเกมมีผู้เข้าแข่งขันไม่ต่ำกว่าร้อยคนแถมยังมีผู้เข้าแข่งขันครบทุกประเภทจริงๆไม่ว่าจะหญิง ชาย เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ แม้กระทั่งคนแก่ยังฝืนสังขารจะมาลงสมัคร
“กติกาในการแข่งขันรอบแรกน่ะไม่ยากเลยครับ ทางเราจะให้ตะเกียงกับผู้เข้าแข่งขันไปคนละหนึ่งดวงเพื่อให้ไปหาจี้ห้อยคอตามที่กำหนดไว้ที่ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆเพียง 25 เส้นเท่านั้น!พอเอาจี้ห้อยคอออกมาได้ให้ทางทีมงานของทางเราตรวจสอบว่าใช่จี้ห้อยคอที่ทางเรากำหนดไว้หรือเปล่าถ้าใช่ก็ผ่านเข้ารอบทันทีครับ!”
กติกาการผ่านเข้ารอบที่แลดูเรียบง่ายเกินคาด แต่มองยังไงนั่น...ก็ท่าทางจะเป็นกับดักแน่นอนอยู่แล้ว
“โอ๊ะโอ๋!ทุกๆท่านคงจะคิดสินะว่ากติกาการผ่านเข้ารอบแบบนี้มันง่ายดายเกินไปทางเราจึงจะขอเพิ่มความเร้าใจด้วยการติดตั้งกับดักสังหารไว้ในจุดต่างๆตามปราสาท อ๊ะๆไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะครับ!ยังมีอสูรต้องห้ามระดับ A+ซ่อนตัวอยู่ตามที่ตามๆของตัวปราสาทด้วยระวังๆกันด้วยนะ!เอาล่ะ Game Start!”
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือเสียงเชียร์ที่ดังเป็นจังหวะ อเลซซ่ากระตุกยิ้มมุมปาก คานิวัลเกมนี่มันก็คือเกมล่าชีวิตดีๆนี่เองผู้ชมพวกนี้ก็แค่เห็นความตายของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก แต่ก็นะมนุษย์น่ะมักชอบเห็นความหายนะของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกอยู่แล้ว ส่วนพวกที่เข้าแข่งขันก็แค่นัยน์ตามันพร่ามัวไปด้วยเงินหมด......พอรู้แค่ว่าถ้าชนะก็จะได้เงินรางวัลขนาดนั้นก็ยอมลงสมัครแบบไม่เสียดายชีวิตกันแล้ว คิดแล้วช่างน่าขันดีจริงๆทั้งๆที่เป็นเมืองที่มีความเจริญขนาดนี้แต่ก็ยังไม่พ้นจะมีกิเลส ตัญหา และ ความโลภอยู่ดี..
“เอาเถอะ…ฉันชักจะรู้สึกสนุกขึ้นมากแล้วล่ะ...งั้นขอเล่นตามน้ำไปก่อนก็แล้วกันนะ”
เด็กสาวชุดคลุมสีแดงเดินไปรับตะเกียงของตนเองและเดินเข้าไปยังสนามแข่งขัน... ‘เกมแห่งความตาย’
To be continued
คนเล่านิทานปิดหนังสือลงพล่างยักยิ้มอีกครา...
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน...ไม่ต้องห่วงน่า...ตอนต่อไปน่ะฉันจะมาเล่าให้ฟังเร็วๆนี้แน่นอน อ๊ะ!?สาวชาวบ้านเป็นใคร?แหมๆเล่าให้ฟังตอนนี้ก็หมดสนุกกันพอดีน่ะสิรุ้แค่ว่าเธอจะมาสร้างสีสันให้กับนิทานเล่มนี้ก็พอ......ยังไงก็...ไว้รอตอนต่อไปแล้วกัน งั้นคืนนี้ราตรีสวัสดิ์...”
หน้าหนังสือโดนปิดลงอีกครั้งเพื่อรอคอยรัตติกาลครั้งต่อไปที่นักเล่านิทานจะปรากฏตัวมาเล่าเรื่องราวตอนต่อไป..
BlackForest✿
ความคิดเห็น