ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {...fic รามเกียรติ์...} ลำนำรักฑ.มณโฑ

    ลำดับตอนที่ #4 : เล่ม 1 : กำเนิดมณโฑ {๑๐๐%}

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 62


    เล่ม 1 : กำเนิดมณโฑ


    เดชะพระเวทสิทธิศักดิ์

    พระวิษณุรักษ์รังสรรค์

    เกิดเป็นกัลยาวิลาวัณย์

    งามวิจิตรพิศพรรณขวัญตา


    งามพักตร์ยิ่งชั้นมหาราช

    งามวิลาสล้ำนางในดึงสา

    งามเนตรยิ่งเนตรในยามา

    งามนาสิกล้ำในดุษฎี

    งามโอษฐ์งามกรรณงามปราง

    ยิ่งนางในนิมาราศี

    งามเกศยิ่งเกศกัลยาณี

    อันมีในชั้นนิรมิต

    ทั้งหกห้องฟ้าไม่หาได้

    ด้วยทรงลักษณ์วิไลไพจิตร

    ใครเห็นเป็นที่เพ่งพิศ

    ทั้งไตรภพจบทิศไม่เทียมทัน 

    บทชมโฉมนางมณโฑ พระราชนิพนธ์ในพ่อหลวงรัชกาลที่ ๑


    ก่อนลืมตาตื่น มณีรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หัวของเธอ 


    ภาพความทรงจำก่อนหน้าของใครบางคนไหลเข้าหัวของเธอ มันทำให้เธอทรมานเจียนขาดใจ เวลาผ่านไปสักพักหนึ่งเธอก็จับเคล้ารางได้บางอย่าง เธอคงมาเกิดเป็นกบสินะ หลังจากที่สภาพร่างกายเธอกลับมาเป็นปกติไม่มีอาการปวดใด ๆ แล้ว เธอก็ได้ยินเสียงของชายชราคนหนึ่ง 


    “ นางกบเอ๋ย… ตื่นเสียอย่าให้พวกข้ามีน้ำโหไปมากกว่านี้ ” มณีลืมตาตื่นขึ้นมา เธอมองสำรวจทั่วห้อง พบชายชราสี่คนแต่งกายคล้ายฤาษีนุ่งห่มหนังเสือตัวใหญ่ยักษ์กว่าที่เธอเคยเห็นนั่งล้อมตัวเธออยู่ นั่นทำให้มณีใจสั่นด้วยความกลัว สติกระเจิงไม่อยู่กับตัวจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง เมื่อสติเริ่มเข้าที่ก็ได้ยินเสียงชราตะโกนขึ้นข้างหู แต่เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวร่างน้อยๆ จึ่งสะดุ้งโหยงขึ้นมา


    “ เว้ย!! นังกบนี่มิรู้จักตอบเสียที มันน่าชุบมาหรือไม่  ทั้งตะกละ ลงไปในโถน้ำนมของพวกข้า ” ฤๅษีชราอีกคนตบเข่าตนดังฉาดใหญ่ แล้วกล่าวขึ้น

          

    ‘ โถน้ำนม? ’ ‘ นังกบ?? ’ ‘ กบ??? ’มณีทวนคำใจใน บังเกิดเป็นภาพเหตุการณ์ในหัว จริงสิ! เธอถูกส่งมาเกิดใหม่ เกิดเป็นกบจริงๆ ด้วยสิ เฮ้อ...มณีถอนใจสักครู่ก็เค้นหัวนึกความทรงจำก่อนหน้าที่เธอพอจำได้ ณ ตอนนั้นเธอเห็นนางนาคตัวหนึ่งมาพ่นพิษลงในโถ ใจเธอจึงกระโดดเข้าไปเพื่อช่วยชีวิตพวกเขา อืม...น่าหงุดหงิดจริง ในเมื่อพูดได้ทำไมไม่พูด!! ปากก็มี!! พูดก็พูดได้!! เธอคิดในใจด้วยอารมณ์ขุ่นมัว


    “ ไม่ใช่นะคะ คือหนูแค่เห็นนาคตัวหนึ่งมาพ่นพิษไว้ หนูกลัวพวกท่านจะตายจึงกระโดดลงไปค่ะ ” เธอตอบเสียงฉะฉาน


    ฤๅษีทั้งสี่ที่อยู่รอบตัวเธอก็หันมาปรึกษากัน ใช้เวลาไม่นานก็ได้ข้อสรุป 


    “ ถ้าเป็นเช่นที่เจ้ากล่าวมา พวกเราก็เห็นสมควรว่าจะต้องตอบแทนเจ้า จิตใจเจ้าดีเกิดชาติเดรัจฉาน ” ฤๅษีคนแรกที่เรียกปลุกเธอเป็นคนพูด


    “ ถ้าเราไม่ตอบแทนเจ้า คงจะมีแต่คำครหาเป็นแน่ ” พระฤาษีอีกผู้กล่าวเสริม             “ ออกไปข้างนอก...พวกข้าจะได้ตั้งพิธี ” พระฤาษีที่เคยตบเข่าฉาดใหญ่กล่าวขึ้นพร้อมลุกยืนเต็มความสูง อา...น่ากลัวกว่าตอนนั่งล้อมกันอีก


                ฤาษีทั้งสี่เดินออกมาลานหน้าอาศรม เริ่มตั้งกูณฑ์พิธีไฟแรงกล้าลุกโชติช่วงราวกับจะตอบรับความปรารถนาของผู้ทรงญาณทั้งสี่ “ เอ้า!! นางกบเร็วเข้า เวลาไม่คอยท่ากระโดดเข้ากองไฟนั่นเสีย ” พระฤาษีอีกผู้กล่าว ท่านท่าทางดีใจดีที่สุดเท่าที่เธอสัมผัสได้ ส่วนอีกท่านอา...รอยยิ้มนั้นเหตุใดมันดูราวกับปูนปั้นเช่นนั้นคะ


              “ ค...ค่ะ ” มณีตอบรับคำเสียงสั่น เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน ถูกท่านพญายมส่งมาเกิดใหม่ทั้งทีคงไม่มาตายง่ายๆ แบบนี้หรอก(มั้ง)T^T เมื่อตัดสินใจได้มณีในร่างกบน้อยก็กระโดดเข้ากองไฟ ความรู้สึกเมื่ออยู่ในกองไฟไม่ได้รู้สึกร้อนรุ่มแต่เป็นความรู้สึกอบอุ่นที่ห้อมล้อมกาย มันเป็นบรรยากาศที่ปลอดภัย เคลิบเคลิ้ม เพียงไม่กี่วิต่อจากนั้นเปลือกตาเริ่มหนักอึ้งแล้วปิดลงในที่สุด


        ~ เดชะพระเวทสิทธิศักดิ์  พระวิษณุรักษ์รังสรรค์  เกิดเป็นกัลยาวิลาวัณย์  งามวิจิตรพิศพรรณขวัญตา ~


    กลอนหรอ...ทำไมคุ้นจัง


    ~ งามพักตร์ยิ่งชั้นมหาราช  งามวิลาสล้ำนางในดึงสา  งามเนตรยิ่งเนตรในยามา  งามนาสิกล้ำในดุษฎี  งามโอษฐ์งามกรรณงามปราง  ยิ่งนางในนิมาราศี  งามเกศยิ่งเกศกัลยาณี  อันมีในชั้นนิรมิต  ทั้งหกห้องฟ้าไม่หาได้  ด้วยทรงลักษณ์วิไลไพจิตร  ใครเห็นเป็นที่เพ่งพิศ  ทั้งไตรภพจบทิศไม่เทียมทัน ~ 


    บทชมโฉม? ใครกันนะ ต้องสวยมากแน่ๆ


    “ เราจะมอบนามให้เจ้าว่า มณโฑ เหตุเพราะจะได้เตือนใจเจ้าเสียบ้างว่าชาติกำเนิดเจ้าเกิดจากกบ ” พระฤาษีที่ท่าทางใจดีกล่าว มณีลืมตาขึ้นสบตารับ 


    “ มีกระท่อมอยู่ข้างหลังอาศรมพวกข้า เดินไปไม่ไกลนัก มันจะตั้งอยูใกล้ลำธารพอสมควร ” หลังจบประโยคเสริม พระฤาษีที่เธอยังไม่เคยแม้กระทั่งได้ยินเสียงโยนผ้ามาให้เธอห่ม


    เมื่อเธอรับผ้าจะมาคลุมตัว ร่างกายของเธอรู้สึกว่าจะเด็กลงมาเยอะโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน้าอกที่ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนจะไม่ได้มีมากมายอะไร แต่ไม่ใช่ราบเป็นหน้ากลองขนาดนี้ พอเลื่อนสายตาลงต่ำไปอีกก็ไม่มีสิ่งใดๆ ปกปิดเลย พอตามาหยุดอยู่ตรงนี้หน้าก็พลันแดงแล้วรีบห่อตัวตนเอง อา...นี่เราจะใจเย็นไปถึงไหน ลืมได้ไง ทั้ง ๆ ที่มีพระฤาษีทั้งสี่ก็จ้องเธออยู่ อยากแทรกแผ่นดินหนี


    “ ค่ะ ” มณีขานรับ หน้าก็ยังคงแดงเริ่มลามไปทั่วใบหน้าถึงช่วงคอ ต่อแต่นี้เราชื่อมณโฑสินะ ‘ มณโฑ ’... ทำไมรู้สึกคุ้นอีกแล้วนะ มันเหมือนติดอยู่ในหัว 


    “ ท่านฤาษีคะ…คือถ้าจะให้หนูอยู่เฉยๆ มันจะดูไม่ดีน่ะค่ะ...ให้หนูทำงานอะไรตอบแทนได้ไหมคะ ”


    “ ถ้าเช่นนั้น… ” ท่านฤาษีที่ปลุกเธอพูดเว้นจังหวะอย่างใช้ความคิด “ ตอนเช้าเจ้าตื่นมารีดนมวัว หลังจากนั้นนำผ้านุ่งพวกข้าไปซักก็แล้วกัน พวกข้าอยู่กันเองนานๆ ทีจึ่งจะซัก ถ้ามีเอ็งมาช่วยจะได้ไม่มารบกวนการบำเพ็ญตบะของพวกข้าด้วย ”


    “ ค่ะ! ” มณีรับคำอย่างแข็งขัน

    .


    .


    .


    หนึ่งสัปดาห์หลังจากฟื้น


    มณโฑปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้เป็นอย่างดี ทั้งลักษณะการพูด หรือแม้แต่การดำรงชีวิต คงเป็นเพราะความทรงจำเก่าที่นางได้รับมาด้วยกระมัง 


    ทุกเช้านางจะไปรีดนมโค มาใส่โถให้ท่านตาทั้งสี่ ช่วงสายก็เก็บผ้าผ่อนที่ท่านตาทั้งสี่ผลัดเปลี่ยนไปซัก แล้วก็นั่งเฝ้าอยู่บริเวณนั้นจนกว่าจะแห้ง มิฉะนั้นพวกลิงบ้าจะมาขโมยชุดไปเล่น ครั้งแรกที่ทำงานนี้นางต้องร้อนถึงท่านตาให้มาช่วย หลังจากนั้นนางก็นั่งเฝ้ามาโดยตลอด  พอผ้าแห้งแล้วก็เก็บพับไว้หน้าเรือนของแต่ละท่าน จากนั้นนางก็เดินเล่นในป่าไปเรื่อยๆ เป็นชีวิตที่เรียบง่าย และสบาย ถึงแม้จะเหนื่อยกาย แต่ไม่เหนื่อยใจ การที่เธอมาทำงานจิปาถะพวกนี้ก็ต้องเป็นการตอบแทนบุญคุณอย่างหนึ่ง ท่านตาทั้งสี่จะได้มีเวลาบำเพียรตบะมากขึ้น 


    วันนี้ก็เช่นกันที่การดำเนินชีวิตของนางสงบเรียบง่าย เมื่อนางซักผ้าทั้งหมดเสร็จก็จัดการตากผ้าไว้ตรงกิ่งไม้ใกล้ๆ 


    “ อืม… ต้นไม้ต้นนี้ก็สูงใช้ได้นะเนี่ย ” ถ้าปีนถึงยอดจะเห็นทั่วป่าไหมนะ เมื่อคิดได้เช่นนั้นกายก็ไม่รอช้าจัดการเสื้อผ้าของตน ผ้าถุงที่นุ่งอยู่ก็จัดการให้กลายเป็นจูงกระเบนแบบง่ายๆ 


    เมื่อปีนมาถึงยอดไม้ วิวที่นางได้เห็น ลมที่พัดผ่านกายทำให้นางรู้สึกปลดปล่อย เรื่องเศร้าต่างๆ จากการจากอกบิดามารดามาได้ถูกปลดเปลื้อง นางหลับตาพริ้มยิ้มรับลมที่พัดผ่านมา 


    กึก…


    ‘ ซวยแล้ว ’ 


    เสียงกิ่งไม้ที่นางยืนอยู่เกิดลั่นขึ้นมาเบาๆ ทำให้นางต้องระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะปีนกลับลงไป


    “ ว้าย!! ” และแล้วสิ่งที่นางคาดไว้ก็เกิดขึ้น กิ่งที่นางกำลังเหยียบลงไปเกิดหักขึ้นมา ทำให้นางเสียหลักล่วงลงมา


    ‘ ตายแน่ ’ นี่คือสิ่งเดียวในหัวของนาง


    พรึ่บ… เฮ้ย!!… ตูม!…


    “ แค่กๆ… ”


    “ แค่กๆ…” เสียงสำลักน้ำของคนสองคนดังขึ้น มณโฑรีบว่ายไปเกาะโขดหินอย่างไว เมื่อหาที่ยึดเกาะได้แล้ว สติค่อยๆ กลับมา ต้นไม้ที่เราปีนขึ้นไปไม่ได้อยู่ริมน้ำมิใช่รึ


    “ นี่!! เจ้าเป็นสาวเป็นนางแท้ๆ เหตุใดถึงหาเรื่องตายนัก! ห๊ะ!! ” เสียงแตกเนื้อหนุ่มตะโกนด้วยความโกรธตามไล่หลังเด็กสาวที่ว่ายไปกอดโขดหิน เมื่อหล่อนหันมามองชายหนุ่มชะงักไปเสี้ยววิกับความงามเกินเด็กของหล่อน 


    “ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ” นางตอบเสียงเศร้า แต่เอ๊ะ...ประเดี๋ยวนะ เหตุใดนางต้องขอโทษด้วย


    " เหอะ! รู้ตัวก็ดีแล้ว " ชายหนุ่มว่ายเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ


    " นี่!! ท่านจะเข้ามาใกล้ข้าทำไม " มณโฑตะวาทใส่ เจ้าหนุ่มฉวยโอกาส พอใกล้ถึงตัวนางเพียงคืบก็คว้าเอวนางดึงเข้าใกล้ตัว 


    " ปากเก่งนักนะเจ้า ขายังเตะไม่ถึงก้นแม่น้ำเลยกระมัง ขึ้นฝั่งเองได้รึ น่ากลัวถ้าปล่อยเอ็งว่ายเองจะโดนน้ำพัดหายไปไม่ว่า " ว่าจบเจ้าหนุ่นหน้าดุก็เกี่ยวเอวมณโฑ พาเจ้าตัวไปหาฝั่ง สองแขนแข็งแรงจับเอวเด็กสาวมั่นแล้วยกร่างเล็กไปนั่งบนฝั่ง เมื่อมณโฑไม่ทันได้ตั้งตัวจึ่งผวานำสองมือจับไหล่เปลือยก็คนตรงข้ามไว้เช่นกัน


    " ขอบคุณนะเจ้าคะ " มณโฑกล่าวอย่างยินดี 


    เมื่อนางนั่งอยู่บนฝั่งหน้าของทั้งสองก็อยู่ระดับเดียวกันพอดี มณโฑจึงได้เห็นใบหน้าผู้ช่วยชีวิตนาง ใบหน้าของเขานั้นคมเข้ม คิ้วหนาโก่ง ตาคมดูเจ้าเล่ห์และดุ แววตามีกระแสความไม่พอใจปนอยู่เสี้ยว และปากหนาพร้อมเขี้ยวที่มุมปาก...เขี้ยว!? 


    " ท่านเป็นยักษ์รึ " มณโฑกล่าวอย่างตกใจ มือที่จับไหล่อยู่ก็ออกแรงผลักไปตามสัญชาตญาณ


    " ทำไม! รังเกียจรึ!? " เจ้าของตาดุ จากที่มีกระแสแห่งโกรธาอยู่แล้ว ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก มือที่ประคองเอวก็ย้ายมาจับมือข้างหนึ่งของมณโฑที่ใช้ผลักเจ้าตัว 


    " อ๊ะ...เจ็บ… " แต่ด้วยแรงตามธรรมชาติผสมกับอารมณ์ที่รุนแรงทำให้ผลที่ออกมากลับกลายเป็นบีบแขนของเด็กตรงหน้าไปเสียได้ ทั้งที่แค่จะจำปราบความโอหังนั้นแท้ ๆ ยักษ์หนุ่มเมื่อได้สติจึงคลายแรงลงส่วนหนึ่ง


    " ขอโทษ...เราแค่ตกใจ " มณโฑตกใจรีบแก้ตัวพัลวัน  จนหลุดการพูดของเมื่อก่อนมาใช้


    " เรา…แทนตัวราวกับลูกหลานผู้ดี เหอะ...เห็นข้าเป็นยักษ์เข้าหน่อย จึงคิดยกตนข่มข้ารึ " พ่อยักษ์เลือดร้อนได้ฟังคำแทนตัวเกินฐานะ ตอนแรกว่าเอ็นดูเจ้าหล่อนสักหน่อย แต่ตอนนี้รึ...อย่าว่าแต่หน้าสวย ๆ ที่ตนชมชอบ แม้แต่เสียงก็ยังไม่อยากสดับฟังให้ระคายหู 


    " มนุษย์!! เทวดา!! ก็เช่นนี้ทั้งโคตร ยกตนข่มใหญ่กว่าพวกข้า " อารมณ์ที่คุกรุ่นทำให้การกระทำแต่ละอย่างรวดเร็วตั้งแต่ขึ้นฝั่ง เดินก้าวยาว ๆ ตั้งท่าจะเหาะเหินเดินอากาศหนีไป 


    ใจมณโฑกระตุกเมื่อเห็นยักษ์หนุ่มตรงหน้าโกรธ  แล้วตั้งหน้าตั้งตาไปจากนาง มณโฑรีบรุดไปให้ทันก่อนที่คนตรงหน้าจะหายไป ไม่รู้เพราะเหตุใดใจจึงไปไวกว่าความคิดเช่นนี้ นางรู้แต่ว่าไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องมาผิดใจกับตน


    " ประเดี๋ยวก่อน!!! " มณโฑร้องเรียกอย่างร้อนรน มือก็พยายามจะคว้าจับอีกฝ่ายไว้ให้ได้ 















    --**--**--**--**--**--**--**--**--**--**--**--**--**--**


                   Talk@มารีริน

                        สวัสดีค่ะ!! ทุ๊กกกกกกโคนนนนนน กลับมาแล้วค่ะ กราบขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ  

                   รินผิดเอง ดันวอนนาบีอยากแต่งของยาก // ปาดน้ำตา  เอาจริง ๆ คือ มีอาการตันค่ะ คิดพล็อตไว้ในหัว + อ่านรามเกียรติ์ฉบับจริงไปด้วย แล้วTimelineตัวละครมันตีกันในหัว เลยใช้เวลานิดหนึ่ง 555+ // หัวเราะทั้งน้ำตา


                   29/08/62
                   ครบแล้วคร่าาาาา เจอคำผิดตรงไหนบอกด้วยนะคะ TvT ตอนนี้ไม่รู้จะมีใครอ่านแล้วขัด ๆ กับอารมณ์ของพ่อยักษ์กับคำแทนตัวของน้องรึป่าว แต่ใจรินอ่ะ รู้สึกว่าถ้ารินอ่านนิยายพีเรียดแบบนี้ แล้วเจอคำแทนตัวว่า " เรา " แล้วรู้สึกว่าคนคนนั้นเป็นคนถือตัวระดับหนึ่งน่ะค่ะ เลยตีความออกมาแบบนี้  

                   ปล.ขอบคุณที่ติมตาม/เข้ามาอ่านนะคะ <3
                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×