[SF] เดอะ เรนนี่ เดย์ {OnKey} - [SF] เดอะ เรนนี่ เดย์ {OnKey} นิยาย [SF] เดอะ เรนนี่ เดย์ {OnKey} : Dek-D.com - Writer

    [SF] เดอะ เรนนี่ เดย์ {OnKey}

    ฝนตกหนักขนาดนี้ เขาจะทำยังไง ในเมื่อ คิมคีย์กลัวฝน

    ผู้เข้าชมรวม

    612

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    612

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    7
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 เม.ย. 54 / 23:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




      ซ่า!!!!!!!


      เปรี้ยง!!!!!!

      ร่างหนึ่งนั่งคลุมโปงคุดคู้อยู่บนเตียง ใบหน้าเรียวซุกลงไปกับเข่าที่ชันขึ้น

      ‘ทำไมนะทำไม เวลาฝนตกฟ้าต้องร้องด้วย แล้วทำไมเวลาฝนตกเราต้องอยู่คนเดียวทุกทีนะ’


      ตั้งแต่เด็กๆ คิมคีย์บอม ก็ไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อแม่ เพราะท่านทั้งสองแยกทางกันอยู่ คีย์บอมจึงมาอยู่กับแม่ แต่แทนที่ว่าจะได้รับความอบอุ่น ความดูแลเอาใจใส่อย่างเด็กอื่นทั่วๆไป กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะแม่ของเขาต้องทำงานหนัก เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกและตัวเองเพียงลำพัง
      จึงไม่มีเวลามาเอาใจใส่ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ ไม่มีเวลาแม้กระทั่งปลอบโยนยามที่ลูกชายร้องไห้


      ตอนเด็กๆ ความใฝ่ฝันสูงสุดของคีย์ก็คือ มีคุณพ่อคุณแม่มารับที่โรงเรียน จูงมือพากันกลับบ้าน แต่ความฝันของคีย์ก็เป็นจริงอยู่ไม่นาน
      เพียงพริบตา ความฝันนั้นก็แตกสลายไป และไม่มีวันที่จะหวนกลับมาได้อีก




      ในคืนหนึ่งที่ฝนตกหนักมากๆ ในคืนนั้นเป็นคืนที่ทำให้ชีวิตของคีย์ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล


      ‘คุณคะ นั่นคุณจะไปไหน’ คุณแม่เอ่ยถามขึ้นเมื่อคุณพ่อกำลังยัดข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่

      ‘มันเรื่องของผม ต่อไปนี้คุณไม่ต้องมายุ่งกับผมอีก’

      ‘ละ...แล้วลูกล่ะ...คีย์ล่ะ ลูกยังเล็กอยู่เลยนะ’ คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาคลอขอบตา

      ‘ผมยกให้คุณ’

      ‘ต...แต่....’

      ‘ลาก่อน’

      ปัง!!




      นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นหน้าพ่อ ได้ยินเสียงของพ่อ
      หลังจากนั้นพ่อก็ขับรถออกไปจากบ้าน ออกไปจากแม่ และออกไปจากใจผมด้วย


      เมื่อพ่อขับรถออกไปแล้ว แม่ก็เข้ามากอดผมและพูดกับผมว่า

      ต่อไปนี้พ่อเค้าไม่อยู่กับเราแล้วนะลูก แม่จะเลี้ยงดูคีย์เอง แม่จะไม่ยอมให้คีย์ต้องลำบาก แม่คนเดียวก็เลี้ยงลูกได้’

      ตอนนั้น ผมยังเด็กมาก ยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่แม่พูดมากนัก แต่ที่ผมรู้ก็คือ ต่อไปนี้ ผมจะไม่มีพ่ออีกแล้ว


      เราสองคนแม่ลูกกอดกันร้องไห้ เสียงสะอื้นดังแข่งกับเสียงของสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาเหมือนเป็นการซ้ำเติมกัน
      เสียงฟ้าร้องก็เหมือนกับเสียงกรีดร้องภายในใจของแม่และของผม


      ผมจึงกลัววันที่ฝนตกและฟ้าร้องมากเป็นพิเศษ มันเหมือนเป็นการรื้อฟื้นความทรงจำที่ไม่น่าจดจำขึ้นมา

      หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา แม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้กับผมเหมือนแต่ก่อน เอาแต่ทำงานๆ และทิ้งให้ผมต้องอยู่บ้านคนเดียวเสมอๆ

      ‘แม่ฮะ วันนี้วันเสาร์ เราไปเที่ยวกันนะฮะ’
      ‘ได้สิจ๊ะ คีย์อยากไปไหนล่ะลูก’
      ‘คีย์อยากไปสวนสัตว์ฮะ คีย์อยากเห็นเพนกวิน’
      ‘โอเค งั้นคีย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ารอแม่เลยนะ’


      หลังจากที่คีย์เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงมาหาแม่ที่ห้องนั่งเล่น
      Bopeep bopeep bopeep ah~~(เสียงโทรศัพท์ของแม่มันช่างงง...)
      ‘แม่ฮะ คีย์พร้อมแล้ว’

      ‘แป๊ปนึงนะลูก’

      ‘สวัสดีค่ะ’

      ‘คะ? ตอนนี้เลยหรอคะ’

      ‘ได้ค่ะ แล้วดิฉันจะรีบไปค่ะ’

      เมื่อแม่วางโทรศัพท์ก็หันมาพูดกับผม

      ‘คีย์วันนี้แม่คงพาลูกไปสวนสัตว์ไม่ได้แล้วหละ’

      ‘งั้นแม่ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณในหมู่บ้านกะคีย์ก็ได้ฮะ’

      ‘วันนี้ไม่ได้จริงๆลูก วันนี้แม่ต้องไปทำงานก่อน แม่สัญญาว่าวันหลังแม่จะพาลูกไปสวนสัตว์นะ’

      ‘ลูกอยู่คนเดียวได้ใช่ไม๊ ถ้าลูกไม่อยากอยู่คนเดียวก็ไปชวนเพื่อนที่อยู่บ้านตรงข้ามเรามาเล่นเป็นเพื่อนลูกได้นะ’

      ‘เขาพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ อายุคงเท่าๆกับลูกนั่นแหละ’

      ‘ครับ’


      ตอนนั้นผมรู้สึกเสียใจมากๆเลยที่แม่สัญญาแล้วแต่ไม่ไปเที่ยวกับผม
      อ่อ พูดถึงเพื่อนข้างบ้านด้วย ตอนนั้นผมยังไม่ได้ไปทำความรู้จักตามคำแนะนำของแม่หรอก ผมเอาแต่นั่งรอแม่อยู่บนห้องนอน




      เมื่อผมโตขึ้นมาอีกหน่อยแม่ก็ส่งผมไปเรียนพิเศษ เพราะบอกว่ากลัวว่าผมจะเหงา
      แม่ส่งผมไปเรียนไวโอลินครับ ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่ได้รู้สึกชอบอะไรมากมาย เพียงแค่เรียนเพื่อแก้เหงาก็เท่านั้น
      แล้วผมก็ได้เจอกันเพื่อนใหม่คนนึง ไม่สิ ต้องเรียกว่าพี่มากกว่า เพราะเขาอายุมากกว่าผมสองปี พี่เขาเป็นคนใจดีมากๆเลยฮะ คอยสอนผมตลอดเลย เวลาผมสีไม่ได้ตรงไหน หรืออ่านโน๊ตไม่ออก แต่ที่สำคัญคือ พี่คนนี้น่ะ เขาอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามกับผมนี่เอง คนที่แม่บอกให้ไปเล่นด้วยในวันนั้น


      .
      .
      .


      โชคดีที่คีย์ไม่เอาปมด้อยในส่วนนั้นมาทำลายชีวิตของตนเอง เขาไม่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา ไม่ทำตัวงี่เง่าเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง เขาเป็นมิตรกับทุกๆ ดีกับทุกๆคนเท่ากัน คีย์เป็นคนน่ารักไม่แปลกเลยที่ใครๆก็ชอบคีย์ และจะไม่มีใครรู้เลยว่าที่จริงแล้วคีย์ก็เป็นเด็กที่(แอบ)มีปัญหาเหมือนกัน

      .
      .
      .

      กลับมายังปัจจุบัน ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกอย่างกับฟ้ารั่ว เสียงฟ้าคำรามดูน่ากลัว และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ
      ร่างบนเตียงค่อยๆเงยหน้าขึ้นจากเข่า แล้วกดโทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่ง

      (ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด)

      (ฮัลโหล) รอเพียงไม่นานปลายสายก็รับ

      “พี่อนยูครับ พี่อยู่บ้านหรือเปล่า”

      (อืม อยู่ คีย์มีอะไรหรอ)

      “อ้อ งั้นคีย์จะไปหาพี่ที่บ้านนะ พี่รอเปิดประตูให้คีย์ด้วยนะ”

      (เฮ้ยคีย์ นายจะมาบ้านพี่ทำไมอ่ะ ฝนตกอยู่นะ บ้านนายกะบ้านพี่มันก็ใกล้กันแค่นี้เอง)

      “ก็คีย์ไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะ คีย์ไม่ชอบเวลาฝนตก ฟ้ามันก็ร้อง มืดก็มืดอีกตะหาก”

      (นี่ นายนะอายุเท่าไหร่แล้ว ยังไม่เลิกกลัวเวลาอยู่คนเดียวตอนฝนตกอีกหรอ)

      “คีย์ไม่ได้กลัวซะหน่อย คีย์แค่ไม่ชอบเฉยๆ!” คีย์เริ่มเสียงดังขึ้น

      “แล้วตกลง พี่จะให้คีย์ไปหาได้ป่าว”

      (ไม่ได้!) อนยูตอบเสียงนิ่ง

      “ทำไมล่ะ คีย์ขอแค่นี้เอง..” น้ำเสียงของคีย์ฟังดูเศร้าลงไปถนัดหูเมื่อพี่ชายข้างบ้านไม่ให้เขาไปหา

      “โอเค ยอมรับว่ากลัวก็ได้ พอใจยัง” เสียงพูดเบาๆแทบจะไม่ได้ยินยอมรับกับคนปลายสาย

      (ยังไงพี่ก็ไม่ให้คีย์มาบ้านพี่อยู่ดี)

      “พี่อ...”อนยูไม่รอให้คีย์พูด จึงพูดแทรกขึ้น

      (รอเปิดประตูบ้านให้พี่ด้วยแล้วกัน)


      .
      .


      หลังจากที่ผมได่รู้จักกับพี่อนยูที่โรงเรียนดนตรีแล้ว ผมกับพี่เขาก็สนิทกันมากขึ้น ผมชอบไปเล่นที่บ้านพี่เขา ชอบไปซ้อมดนตรีที่บ้านของพี่เขา เพราะว่าที่บ้านผมไม่มีใครอยู่นี่หน่า จะอยู่ไปทำไมกัน แล้วอีกอย่าง พ่อแม่ของพี่อนยูเขาก็ใจดีกับผมมาก ชอบชมผมว่าน่ารักด้วยแหละ(เขินจัง >///< อิอิ) พวกท่านทั้งสองชอบให้ผมเล่นไวโอลินให้ฟัง แล้วยังบอกอีกว่าผมน่ะ เล่นเก่งกว่าพี่อนยูอีก และนั่นทำให้พี่อนยูแอบงอนตุ๊ปป่องบ่อยๆ ผมชอบมาอยู่ที่บ้านพี่อนยูก็เพราะผมอยากจะมีพ่อแม่ที่อบอุ่นแบบพี่อนยูบ้าง อยากให้แม่ของผมเป็นแบบพ่อแม่ของพี่อนยู และที่สำคัญผมจะรู้สึกไม่เหงาเลยเวลาอยู่กับพี่อนยู(อยากเป็นสำใภ้ตระกูลลีหรอจ๊ะ:ไรเตอร์)


      .
      .


      ออดดดดดดดดดด~~
      เสียงออดดังขึ้น พร้อมกับร่างๆหนึ่งที่ยืนกางร่มอยู่หน้าบ้าน ผมรีบกดรีโมทประตูบ้านให้ทันที เพราะกลัวว่าพี่เขาจะต้องรอนาน

      “โหพี่ ขนาดกางร่มมาหัวยังเปียกเลยอ่ะ”

      “ลมมันแรงน่ะ แล้วอีกอย่าง ก็เพราะใครล่ะ หืม ”^__^

      “พี่อย่ามาโทษคีย์นะ คีย์ไม่ได้ขอให้พี่มาซะหน่อย คีย์จะเป็นคนไปหาเอง พี่ก็ไม่ให้” ผมว่าพี่อนยูเข้าให้บ้าง

      “พี่รู้ไงว่ามันต้องเปียก ถึงไม่ให้คีย์มา พี่เป็นห่วงว่าคีย์จะไม่สบาย”

      “พี่ ห...ห่วงคีย์หรอ” เสียงพูดแผ่วเบากลืนไปกันเสียงฟ้าร้อง
      ทำไมนะ ฝนตกอยู่แท้ๆ แต่ผมรู้สึกร้อบวูบขึ้นมาที่ใบหน้า


      ตอนแรกที่ผมโทรไปหาพี่อนยู แล้วพี่เขาปฏิเสธผม ผมอยากจะร้องไห้จริงๆนะ ทำไมไม่มีใครอยากอยู่กับผมซักคน ทุกคนรำคาญผมกันหมดหรือไง ขนาดแม่ของผมยังไปอยู่เมืองนอกเลย ทิ้งให้ผมอยู่บ้านคนเดียว สิ่งที่แม่พูดกับผมบ่อยๆก็คือ

      ‘แม่จะไม่ทำให้ลูกลำบาก แม่สัญญา’

      ‘ลูกอยู่คนเดียวได้ใช่ไม๊ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงลูกนะ’

      ‘เงินพอใช้รึเปล่า ถ้าไม่พอก็บอกแม่นะ เดี๋ยวแม่โอนเงินไปให้’


      ผมเข้าใจว่าแม่ต้องเลี้ยงดูผมเพียงคนเดียว มันก็ต้องยุ่งยากเป็นธรรมดา
      ใช่ ผมอยู่คนเดียวได้ อยู่มาก็เกือบจะสิบปีแล้วหล่ะ
      ผมคิดถึงแม่นะ แม่คิดถึงผมบ้างรึเปล่า
      ผมเป็นห่วงแม่นะ แต่แม่กลับบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงผมงั้นหรอ
      ผมรักแม่นะ ผมรู้ว่าแม่ก็รักผม แต่ผมอยากให้แม่กลับมารักผม กลับมาอยู่กับผมเหมือนแต่ก่อนก็เท่านั้นเอง


      มีคนเป็นห่วงผมด้วยหรือนี่ ขนาดแม่ของผมยังไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ซักครั้งเลย รู้สึกรื้นที่ดวงตาขึ้นมาโดยพลัน
      ผมเปลี่ยนเรื่องคิดดีกว่า ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของผม


      “พี่อนยูรอคีย์แป๊ปนะ เดี๋ยวคีย์มา” ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กในตู้

      “อ่ะ พี่อนยู เช็ดซะ จะได้ไมาเป็นหวัด” พี่อนยูไม่ยอมรับผ้าขนหนูที่ผมยื่นให้

      ‘อะไรของเค้าอีกละเนี่ย’

      “คีย์รับผิดชอบพี่เลย โทษฐานที่ทำให้พี่เปียก”

      “จะให้รับผิดชอบยังไงล่ะ”

      “เช็ดผมให้พี่เลย” พูดจบ พี่อนยูก็หันหลัง เพื่อให้เช็ดผมให้

      “โอเค แค่นี้เอง โถ่ นึกว่าอะไร ”

      “แล้วอยากให้พี่เรียกร้องอะไรมากกว่านี้ล่ะ”

      “........” ผมไม่ตอบอะไร แต่เริ่มลงมือเช็ดผมให้พี่อนยูแทน

      ผมพี่อนยูหอมจังเลย สงสัยจะพึ่งสระผมแน่ๆเลย
      ผมค่อยๆโน้มลงไปที่ผมของพี่อนยูช้าๆ เพื่อที่จะกูดกลิ่นหอมของแชมพูที่พี่อนยูใช้

      “คีย์ทำอะไรอ่ะ ทำไมนิ่งไป” เสียงของพี่อนยูถามขึ้นเมื่อผมหยุดเช็ดผม

      “ปะป่าววว คีย์แค่ก้มดูว่าหัวพี่ล้านรึป่าว” อ้างไปเรื่อยยยย

      “ฮ่าๆๆๆๆ นึกว่าคีย์จะแอบหอมพี่ซะอีก”

      “ตลกแล้วพี่อนยู ผมเห็นพี่มพี่มีผมหงอกเส้นนึงแหละ ฮ่าๆๆ”

      “ไอ้คีย์ ไอ้น้องบ้า”
      พี่อนยูหันมาโดยฉับพลันพร้อมกับเอาหมอนใบเล็กๆที่โซฟาฟาดเข้าที่ข้างลำตัวผม

      โอ๊ย!! พี่เล่นอย่างนี้ใช่ไม๊” ผมไม่ยอมให้พี่อนยูมาแกล้งผมง่ายๆหรอกนะ หึหึ

      “แอ่กๆๆๆ คีย์ ปล่อยพี่ หายใจไม่ออกแล้ว” ผมเอาผ้าขนหนูที่เช็ดผมพี่อนยู่อยู่นั้น รัดเข้าไปที่คอของพี่อนยู พอผมปล่อยพี่อนยูเป็นอสสระเรียบร้อยแล้ว ผมก็รีบวิ่งหนีขึ้นไปบนห้องนอน ไม่ยอมให้โดนแก้แค้นง่ายๆหรอก พอผมเริ่มสตาร์ทได้ไม่เท่าไหร่ พี่อนยูก็วิ่งตามมาเกือบจะทันซะแล้ว เมื่อผมวิ่งถึงชั้นสองก็รีบกระโจนเข้าไปในห้องนอนตัวเอง พร้อมคว้าอาวุธไว้ในมือ หมอนนั่นเอง ทันใดนั้น ประตูห้องนอนของผมก็เปิดออก พี่อนยูเดินเข้ามาถายในห้องพร้อมกับอาวุธอันเดิม แล้วจู่โจมมาที่หัวของผมอย่างรวดเร็ว


      “โอ๊ยย พี่เล่นแรงนะ”


      “ทีคีย์ยังรัดคอพี่เกือบตายเลย”

      ปักๆๆๆๆ ผมไม่พูดอะไรตอบ แต่ฟาดหมอนลงไปที่พี่อนยูไม่ยั้ง
      ผมและพี่อนยูยังคงก่อสงครามหมอนกันไม่เลิก จนผมลืมไปแล้วว่าตอนนี้น่ะ ฝนมันยังตกอยู่แล้วฟ้าก็ร้องด้วย

      ผมเริ่มมีความรู้สึกว่าจะสู้พี่อนยูไม่ได้ จึงใช้จังหวะช่วงที่พี่อนยูหยุด กระโดดขึ้นไปบนเตียงด้วยความเร็วสูง แล้วซ่อนตัวเองไว้ภายใต้ผ้าห่มสีน้ำเงินเข้ม

      “อย่าขี้โกงสิคีย์ คิดว่าหนีพี่พ้นแล้วหรอ” ว่าจบ พี่อนยูก็กระโดนขึ้นไปบนเตียง แล้วพยายามดึงผ้าห่มที่ผมใช่ซ่อนตัวออกอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมไม่ยอมออกไปง่ายๆหรอก ถ้าผมออกไปตอนนี้ผมคงโดนเละแน่ๆ

      “ย๊ากกกกก ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” พี่อนยูต้องทับผมไว้แน่ๆเลย เพราะตอนนี้รูสึกหนักขึ้นมา

      “อ้ายยยออกกกก อังไออ้ออ้ายออก(ไม่ออก ยังไงก็ไม่ออก)” เสียงอู้อีภายใต้ผ้าห่มตะโกนตอบมา

      “ไม่ออกใช่ไม๊ ได้เลยยย” ว่าแล้ว พี่อนยูก็เริ่มจั๊กจี้ผม แล้วพยายามจะขุดผมออกมาจากผ้าห่มให้ได้

      ผมหัวเราะจนจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว แต่ยังไงผมก็ไม่ยอมออกไปหรอกนะ แต่เอ๊ะ ทำไมอยู่ดีๆพี่อนยูก็เงียบไป ไม่มีการจู่โจมใดๆมาที่ผมอีก ผมไม่รู้สึกหนักแล้วด้วย สงสัยพี่เค้าจะยอมแพ้ เลิกไปแล้วมั๊งง


      “ฮู่~~~อ้อดแอ้วเอา(รอดแล้วเรา)” เมื่อผมมั่นใจว่าพี่อนยูยอมแพ้ไปแล้ว ผมจึงออกมาจากบังเกอร์(?)ผ้าห่ม
      สงครามหมอนได้ยุติลงแล้ว

      แต่ทันใดนั้นสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

      ตุ่บ!!! พี่อนยูที่ผมนึกว่าเขายอมแพ้และออกไปจากห้องแล้ว กลับกระโดดมาทับผม เขากระโดดลงมาจากบนเก้าอี้ข้างๆเตียงผม แต่สาระสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่มันอยู่ตรงที่ว่า....

      ใบหน้าของพี่อนยูและใบหน้าของผม ห่างกันอยู่ไม่ถึงคืบ
      ร้อน ร้อนอีกแล้ว ทำไมวันนี้ผมรู้สึกร้อนแปลกๆบ่อยจังนะ

      “รอดแล้วหรอคีย์ พี่ว่าไม่มั๊ง” พี่อนยูพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น

      “อื้อ พี่อนยู่อ่ะ ลุกไปเลย หนัก”ผมออกแรงผลักคนที่ทับผมอยู่

      “ยอมแพ้แล้วยัง?” พี่อนยูยังคงมองหน้าผมนิ่งด้วยสายตาที่คาดคั้นเอาคำตอบ

      “.....”ผมไม่ตอบ เพราะผมไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แล้วเอาผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอีกครั้ง

      พี่อย่ามองผมด้วยสายตาอย่างนั้นเซ่ ผมทำตัวไม่ถูกนะรู้มั๊ย

      “ตกลง...ยอมแพ้แล้วยัง?”พี่อนยูพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นๆของผู้ที่มีชัยเหนือกว่า แล้วก็ดึงผ้าห่มที่ปิดหน้าผมออก

      แต่คราวนี้ ผมว่าหน้าพี่อนยูมันเข้ามาใกล้กว่าตะกี้อีกนะ

      เฮ้ยยยพี่ ผมเริ่มทำตัวไม่ถูกจริงๆแล้วนะเนี่ยยยย ทำไมพี่ต้องเอาหน้าลงมาใกล้ผมเรื่อยๆด้วยเล่า > < (หลับตาแน่นเลยนะจ๊ะคีย์....ไรเตอร์)
      ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของพี่อนยู ที่ตอนนี้กำลังเป่ารดใบหน้าของผม มันร้อนขึ้นเรื่อยๆแฮะ แสดงว่ามันต้องใกล้ขึ้นแน่ๆเลย >///< ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมจะหน้าแดงขนาดไหนแล้ว รู้แต่เพียงว่า อีกไม่กี่อึดใจเท่านั้น ผมกับพี่อนยูก็จะ......



      ปี๊นนนนนนนนนนนน!!!!!!!! (อ๊ายยยยยยยยยยใครเจือกมาบีบแตรหน้าบ้านคีย์ อย่าให้รู้นะ ไรเตอร์จะไปคาร์บอมมัน)


      ผมและพี่อนยูสะดุ้งพร้อมกัน และผละจากกันด้วยปฏิกิริยาอันแสนจะรวดเร็ว พี่อนยูกลิ้งตกเตียงลงไปนั่งกันพื้น ส่วนผมก็นั่งหน้าแดงหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง

      ตึกๆๆๆๆๆๆๆ หัวใจของผมเต้นแรงมาก ไม่เคยใจเต้นแรงขนาดนี้มาก่อน นี่ผมเป็นอะไรไปนะ

      .
      .

      ทางด้านอนยู

      เว้ยยยยยยยยย ตะกี้เรากำลังจะทำอะไรคีย์เนี่ยยยยย
      ตกใจหัวใจเกือบวายแหนะ ใครวะมาบีบแตรหน้าบ้าน(อะแหนะ เสียดายละสิ)

      ปี๊นนนนนนนนนนนน!!!!!!!!

      เสียงแตรนั้นเรียกสติของผมคืนกลับเข้าร่าง ไม่งั้นละก็ ผมคงจะ.....จูบคีย์เข้าให้แล้ว
      ผมรีบกลิ้งตัวลงจากคีย์ทันที และนั่นมันทำให้ผมตกเตียง(ขอเน้นนะคะว่ากลิ้งลงจากคีย์ ไม่ใช่จากเตียงของคีย์ อิอิ...ไรเตอร์)

      ตึกๆๆๆๆๆๆๆ ตอนนี้หัวใจผมแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ตกใจเสียงแตรนั่นจนหัวใจเกือบYแหนะ(แหม ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เห็นต้องตกใจมากขนาดนั้นนี่คะ...ไรเตอร์) แต่จริงๆแล้วที่ตกใจมากกว่าเสียงแตรก็คือ เพียงแค่ลมหายใจขั้น ผมกับคีย์ก็จะ.....โอ๊ยยไม่พูดแล้ว เขินนน>///<(น่านไง ไรเตอร์ว่าแล้ว)


      .
      .


      “อะ..เอ่อ”

      “พี่ว่าพวกเราลงไปข้างล่างกันเถอะนะ ฝนจะหยุดตกรึยังเนี่ย” อนยูเป็นคนเริ่มบทสนธนาขึ้นก่อนด้วยอาการเคอะๆเขินๆ

      “ครับ” ผมยังไม่กล้าหันหน้าไปมองพี่อนยูตรงๆ เพราะว่าผมน่ะ เขินจะตายอยู่แล้วววว

      จ๊อกๆๆ ทันใดนั้นท้องของผมก็ร้องขึ้นมาก นี่มันก็คงจะเย็นแล้วสินะ แต่ทำไมผมลืมไปได้ว่านี่มันนานเท่าไหร่แล้วที่พี่อนยูมาอยู่บ้านผม
      แล้วผมก็พึ่งสังเกตว่าฝนก็ได้หยุดตกลงแล้ว

      “ฮ่าๆๆๆๆ หิวแล้วหรอ ปะ ลงไปกินข้าวกันเถอะ”พี่อนยูระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พร้อมกับลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

      “พี่อนยูไม่ต้องมาขำคีย์เลยนะ” ผมตะโกนไล่หลังไป ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าอยูดีๆท้องมันจะร้องน่ะ

      ผมเดินตามพี่อนยูมายังห้องครัว ผมก็เห็นพี่เขาก้มๆเงยๆอยู่ที่หน้าตู้เย็น

      “พี่หาอะไรอ่ะ”

      “ก็หาของกินนะสิ ถามได้”

      “ก็อยู่ในช่องแข็งไง ของกินนะ เยอะแยะเลย”

      “พี่เห็นแล้วหล่ะ อาหารแช่แข็งน่ะ”

      “อ้าว..แล้วพี่จะหาอะไรอีกล่ะ ทำไมไม่เอามาอุ่นกินเล่า”

      “ บ้านนายมีกิมจิหรือเปล่า”

      “แล้วที่อยู่ในมือนั่นเรียกว่าอะไร” ผมชี้ไปที่มือของพี่อนยูที่กำลังถือถุงกิจิสำเร็จรูปอยู่

      “เออเนอะ...แล้ว...พอจะมีข้าวสารหรือเปล่า”

      “อันนี้ไม่แน่ใจนะ ไม่ได้หุงข้าวมาตั้งนานแล้ว หาก่อนแล้วกัน”

      “คีย์....นายกินแต่อาหารแช่แข็งตลอดเลยหรอ”

      “อืม ทำไมหรอ แต่บางทีคีย์ก็กินรามยอนนะ ทำไงได้ล่ะ ก็อยู่คนเดียวนี่ จะกินอะไรยุ่งยากไปทำไม”

      “งั้นวันนี้ พี่จะทำกับข้าวให้คีย์กินเอง”^____^

      พี่อนยูจะทำกับข้าวให้ผมกินจริงๆนะหรอ ?
      นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมกินแต่อาหารแช่แข็งพวกนี้ กินจนจำได้ทุกเมนูแล้วด้วย


      .
      .


      ‘แม่ฮะ คีย์อยากกินข้าวผัดกิมจิ ขอไข่ดาวด้วยนะฮะ’

      ‘ขอโทษทีนะลูก แม่ไม่ว่างไปทำให้น่ะ แม่ซื้อกับข้าวไว้ในตู้เย็น ลูกเอามาอุ่นกินแล้วกันนะ’ ว่าจบแม่ก็หันไปรับโทรศัพท์ต่า

      ‘แล้วแม่จะกินด้วยกันไม๊ฮะ’ แม่ส่ายหัวเป็นคำตอบ แล้วขยับปากบอกว่า‘ลูกไปกินก่อนนะ’ (แม่คุยโทรศัพท์อยู่ เลยพูดออกเสียงไม่ได้)

      ผมเดินออกจากห้องของแม่ไป แล้วผมก็ได้เพื่อนใหม่ คืออาหารแช่แข็งนั่นเอง



      .
      .


      “โอ้โหหหหห หอมมากเลยอ่ะพี่ ทำอะไรกินเนี่ย”

      “ข้าวผัดกิมจิ กับไข่ดาว”

      “เอามาเร็วๆเลย คีย์หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

      “ข้าวผัดกิมจิร้อนๆจากเชฟอนยูมาเสิร์ฟแล้วคร๊าบบบบ”

      วันนี้ผมรู้สึกว่าเป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ สงสัยเพราะวันนี้ผมไม่ได้นั่งกินข้าวอยู่คนเดียวที่บ้านก็ได้มั๊ง แต่มีคนมานั่งกินข้าวกับผม แถมคนๆนั้นยังทำกับข้าวให้ผมกินอีกตะหาก

      เมื่อเราสองคนกินข้าวกันอิ่มแล้ว ผมก็เป็นคนอาสาล้างจานเอง เพราะเกรงใจพี่อนยูเค้า พี่อนยูทำข้าวผัดให้ผมกิน แล้วยังจะให้เขามาล้างจานให้อีก มันคงดูเป็นการไม่ดีละมั๊ง

      “คีย์ งั้นพี่กลับบ้านก่อนนะ” พี่อนยูกล่าวขึ้นหลังจากที่รอจนผมล้างจานเสร็จ

      “แต่...” ผมรู้สึกยังไม่อยากอยู่คนเดียวตอนนี้เลยนี่หน่า

      “ฝนก็หยุดตกแล้วนี่...ไม่เป็นไรนะ”

      “แต่...ผมยังไม่อยากให้พี่กลับหนิ”

      “เกิด...คืนนี้ฝนตกอีกหล่ะ..ผมก้ต้องโทรไปกวนพี่อีกนะ ดูสิ ฟ้าเริ่มมืดอีกแล้ว” ผมหาข้ออ้างไปเรื่อย เพื่อที่จะให้พี่อนยูอยู่เป็นเพื่อนผมก่อน

      “พี่อ่ะ คีย์อุส่าห์จะให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อน พี่ก็จะทิ้งกันไปแล้วหรอ”(คีย์จ๋า พูดไรเนี่ย ไรเตอร์คิดนะ)

      “แล้วจะให้พี่นอนไหนล่ะ อีกอย่าง น้ำก็ยังไม่ได้อาบเลย”

      “พี่ก็นอนกับผมไง!” คีย์ทำหน้าทะเล้นใส่จินกิ เมื่อรู้สึกว่าจินกิเริ่มจนต่อลูกอ้อนของตน

      ‘เฮ้ยยยยย!!!’ (เสียงร้องภายในใจของอนยู)
      ‘เมื่อตอนบ่ายเราก็เกือบจะ.... คีย์อย่าพูดอย่างนี้นะ อย่ามาทำหน้าแบบนี้นะ พี่คิดไม่ซื่ออยู่ รู้รึเปล่า’

      “เรื่องอาบน้ำ พี่ก็อาบที่บ้านผมก็ได้ บ้านผมมีน้ำอุ่นนะ ส่วนเสื้อผ้า ก็ไปเลือกเอาในตู้เลย ยังไม่ได้ใส่ตั้งหลายชุด”

      “นี่นายกะไม่ให้พี่ก้าวออกไปนอกบ้านเลยว่างั้น”

      หงึกๆ ผมพยักหน้ารับ

      “เฮ้อออ โอเค พรุ่งนี้พี่ค่อยกลับบ้านละกัน”
      เมื่อคีย์ได้ยินคำตอบก็วิ่งมากอดอนยูทีหนึ่ง แล้วรีบวิ่งขึ้นห้องไป


      .
      .


      เมื่อผมและพี่อนยูต่างทำธุระของตนเองเสร็จเรียบร้อย เราก็มานั่งจุ้มปุ๊กกันอยูบนเตียงสีน้ำเงินเข้มของผม

      “พี่นอนที่โซฟาแล้วกันนะ”

      “ได้ไง พี่ก็นอนบนเตียงนี่แหละ เตียงคีย์ออกจะกว้างขวาง คีย์สัญญาว่าจะไม่ละเมอถีบพี่ลงจากเตียง”

      “เฮ้ย ไม่เป็นไรน่า โซฟาคีย์ก็ออกจะใหญ่ พี่นอนได้สบายๆอยู่แล้ว”

      “เอางั้นหรอ แล้วพวกหมอนผ้าห่มล่ะ พอดีคีย์มีชุดเดียวอ่ะ ของแม่พึ่งส่งไปซักเอง”

      “ไม่เป็นไรๆ มีผ้าขนหนูผืนใหญ่ซักผืนไม๊ละ พี่ขอแค่นั้นก็พอ”

      “อืม มี เดี๋ยวเอาให้นะ”

      ผมลงไปหาผ้าขนหนูให้พี่อนยูซักพักหนึ่ง แล้วก็ขึ้นมาบนห้อง ก็พบว่าพี่อนยูนอนหลับไปที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว ผมจึงห่มผ้าให้พี่อนยู

      จุ๊บ~~ ผมแอบขโมยหอมแก้มป่องๆของคนหลับไปทีนึง (แถวบ้านไรเตอร์เรียกลักหลับนะเนี่ย) ผมอยากจะขอบคุณพี่เค้า ที่วันนี้อุส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนผม ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เหอะ(แต่ทำไงได้ล่ะ ก็ผมกลัวจริงๆนี่นา) แล้วยังลำบากมาทำกับข้าวให้ผมกินอีก ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังไม่ยอมให้พี่เขากลับไปนอนหลับบนเตียงนุ่มๆที่บ้านของเขา แต่ต้องกลับมานอนบนโซฟาแคบๆนั่นอีก

      “ฝันดีนะครับ”

      .
      .
      .

      เปรี้ยงงงงง!!!! เสียงฟ้าร้องดังขึ้น เพราะฝนกลับมาตกกลางดึกอีกครั้ง(เห็นไม๊ เป็นแบบที่คีย์บอกเลย)

      ผมตกใจสะดุ้ง ลุกขึ้นนั่งบนเตียง และสิ่งแรกที่ผมมองหาคือ ใครบางคนที่นอนอยู่บนโซฟา
      แต่เมื่อมองไป กลับเจอเพียงโซฟาเปล่าๆ ไม่มีใครนอนอยู่บนนั้น

      ‘พี่อนยูแอบหนีคีย์กลับบ้านไปแล้วหรอ’ เสียใจว่ะ สุดท้ายก็ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว ทำไมฝนต้องตกอีกละเนี่ย ไม่ชอบเลยจริงๆ แล้วทำไมเราต้องตื่นมาด้วยวะเนี่ยยยย

      ผมกำลังจะล้มตัวลงนอนเพื่อข่มตาให้หลับ แต่หางตาก็กลับไปสะดุดเข้าก้อนอะไรบางอย่างที่กำลังขดตัวอยู่บนพรมข้างๆเตียงของผม
      ผมจึงชะโงกหน้าไปดู

      ‘อ้าว ทำไมพี่อนยูมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ’ ผมรู้ว่าบนโซฟาน่ะ มันหนาวแค่ไหนเวลานอนในห้องแอร์ โดยเฉพาะห้องนอนของผม โซฟาตั้งตรงกับช่องแอร์เป๊ะๆเลย แล้วยังเป็นโซฟาหนังอีก ฝนก็ตกอีก พี่อนยูหนาวแน่ๆเลย เลยย้ายที่นอน

      เปรี้งงงงงงง!!!!!!! ฮือๆๆๆๆๆ ทำไมฟ้าต้องร้องเสียงดังอย่างกับโลกจะแตกขนาดนี้ด้วย(มากไปรึป่าวอ่ะคีย์) ผมจะร้องไห้แล้วนะ
      และแล้ว ผมก็ตันสินใจอะไรบางอย่างได้
      ผมลากหมอนและผ้าห่มลงไปนอนกับพี่อนยูดีกว่า พี่เค้าจะได้ไมาหนาวด้วย ผมก็จะไม่ต้องนั่งอยู่คนเดียวด้วย
      (คีย์จ๋าคีย์อยู่คนเดียว กับอยู่กับคนหลับ มันต่างกันยังไงอ่า?...ไรเตอร์)
      (เอาเหอะน่า เดี๋ยวก็รู้เองแหละ แค่คีย์ไม่อยากอยู่คนเดียว)

      ผมห่มผ้าให้พี่อนยูแล้วผมก็ซุกตัวไปนอนข้างๆ
      พี่อนยูหอมอีกแล้ว บ้านเรามีสบู่กลิ่นนี้ด้วยหรอวะ? ทำไมมันหอมจัง

      ขณะที่ผมกำลังชื่นชมกลิ่น(?)ของพี่อนยูอยู่ ทันใดนั้น

      เปรี้ยง!!!!!!!!! (คืนนี้ฟ้าแรงจังเนอะ ว่าไม๊)
      เฮือก(สะดุ้งสิครับ)ผมก็หันไปกอดและซุกหน้าลงไปกับแผ่นหลังอบอุ่นของพี่อนยูทันที(พี่เขานอนตะแคงหันหลังให้ผมอยู่น่ะ)

      “อืมมมมม~~~” เอ๊ะ ผมไปปลุกพี่เขารึเปล่าเนี่ย

      “.......” เฮ้อออออ โล่งอก แต่เอ๊ะทำไมมือผมรู้สึกอุ่นๆแฮะ พี่อนยูจับมือผมหรอเนี่ย >///<(เขินในความมีด)


      และคืนนั้น ผมก็นอนหลับฝันดีโดยมีพี่อนยูอยู่ในอ้อมกอด(?)ทั้งคืน(คีย์ของเราจะเมะหรือนี่) ยิ่งฟ้าแรงเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งกอดพี่อนยูแน่นขึ้นเท่านั้น ผมกลัวว่าพี่เค้าจะหายใจไม่ออกเหมือนกันนะ แต่ทำไงได้ ก็ในเมื่อผมทำแบบนี้แล้วมันหายกลัวนี่หน่า

      “อืออออ~~~~”เอ๊ะ ผมกอดพี่เค้าแรงไปหรอ คงไม่มั๊ง พี่อนยูค่อยๆพลิกตัวหันกลับมาทางผม(แต่ก็ยังอยู่ในอ้อมกอดของผมอยู่ดีแหละ) เราสองคนประจัญหน้ากัน ผมคงจะเขินกว่านี้ถ้าพี่อนยูลืมตาตี่ๆของเขาอยู่อ่ะนะ แต่นี่เขาหลับอยู่ ผมเลยไม่เขินเท่าไหร่ หน้าเราใกล้กันมากๆเลย ผมสัมผัสถึงลมหายใจสม่ำเสมอของพี่เขาได้ มันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย

      ‘ถ้าเกิดรถคันนั้นไม่บีบแตรขึ้นมา มันจะเป็นยังไงนะ’
      การกระทำของผมเร็วเท่าความคิด ผมค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าไปหาพี่อนยู ระยะห่างค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนในที่สุด ริมฝีปากของผมก็สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มของพี่อนยู

      ‘อ้อ ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้นี่เอง’
      ตอนนี้ในใจของผมมันเต้นแรง แรงมากซะจนกลัวคนข้างๆจะสัมผัสถึงมันได้ ผมรีบถอนริมฝีปากออก ก่อนที่อะไรๆมันจะมากไปกว่านี้
      ผมรีบหลับตาลงทันที ตอนนี้ใบหน้าของผมร้อนวูบวาบมากเลย รีบนอนดีกว่าจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน


      .
      .


      “พี่อนยู หลับอยู่ป่าว” ผมลองเรียกชื่อเค้าเบาๆ เพื่อทดสอบดูว่าพี่เขาหลับอยู่รึเปล่า
      “.......”

      ฮิฮิ พี่อนยูหลับ เยส!!!พี่อนยูไม่รู้(แต่พวกเรารู้นะจ๊ะคีย์)

      ทำไมนะ วันนี้เป็นวันที่ฝนตกแท้ๆ แล้วก็หนักทั้งวันทั้งคืนด้วย ทำไมผมมีความสุขจังนะ
      สงสัยผมคงต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่เกียวกันฝนซะแล้วหละ

      อยากให้ฝนตกบ่อยๆจัง ฮิฮิฮิ ^___________________^



















      .
      .
      .
      .
      .



















      ‘ป่าวครับ...พี่ไม่ได้หลับ’
      ‘ฝนตกคราวหน้า คีย์ไม่รอดแน่ หึหึหึ’

      ฟิ้ววววว ไรเตอร์ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้แล้วหนีไป ก๊ากกกกกกกกกกกก



      xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx The End xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx


      ปล.อยากมีสเปกันอ๊ะป่าวจ๊ะ

      โดนไรเตอร์วางยาไว้ต้นเรื่องเป็นไงล่ะ ไม่ได้ดราม่าอย่างที่คิดเลยใช่มะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×