คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 01 :: ทันเวลา
01 ทันเวลา
หญิงสาวสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ หลังจากที่เท้าทั้งสองข้างย่างเหยียบลงไปบนผืนแผ่นดินแห่งอารยะธรรมล้านนา ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของผู้โดยสารขาออกของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ร่างเล็ก ๆ เคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ โดยไม่ลังเล ด้วยมีจุดมุ่งหมายแน่วแน่ในการมาเยือนสถานที่แห่งใหม่ แม้ว่าสัมภาระภายในกระเป๋าใบโตจะทำให้การเดินทางทุลักทุเลไปบ้างก็ตามที
มือเล็กกระชับกระเป๋าไว้อย่างมั่นคง พอ ๆ กับความตั้งใจที่พกมาจากมาตุภูมิอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่ต้องเผชิญต่อจากนี้ เพราะเธอเป็นคนต้องการทุกอย่างและเลือกทางเดินเส้นนี้ด้วยตนเอง
ใบหน้าขาวใสที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ และลิปกลอสสีอ่อนบนริมฝีปากอิ่ม ทำให้หญิงสาวดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงอยู่หลายปี ประกอบกับผิวขาวจัดและรูปร่างที่บอบบางจึงทำให้เธอเหมือนเด็กสาวที่แอบที่บ้านมาเที่ยวเพียงลำพังมากกว่าจะออกมาทำงานอย่างที่ควรจะเป็น หากยื่นบัตรประชาชนให้ดูคงไม่มีใครอยากจะเชื่อเมื่อเห็นวันเดือนปีเกิดที่ปรากฏอยู่บนนั้น
มองไปแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกช่างขัดกับบุคลิกมาดมั่นที่เธอแสดงออกเหลือเกิน
ไม่นานเกินรอ แท็กซี่คันหนึ่งก็ขยับมาจอดรับเธอไปยังจุดหมาย
“ไปไหนครับ”
“มช. ค่ะ”
แท็กซี่เคลื่อนออกไปจากอาคารหน้าจั่วทรงไทยอย่างว่องไวและไร้บทสนทนาใดๆ ระหว่างกัน เมื่อผู้โดยสารคนสวยแสดงท่าทีว่าอยากจะมองสำรวจสองฟากถนนมากกว่าหาเพื่อนคุย
.
.
.
เลนส์กล้องจับอยู่บนทิวทัศน์ระหว่างผืนน้ำในอ่างเก็บน้ำกับผืนฟ้าที่มืดครึ้มด้วยหมู่เมฆทะมึน เสียงฟ้าคำรามดังอยู่ไกล ๆ เสมือนสัญญาณเตือนว่าไม่นานต่อจากนี้เม็ดฝนจะพร่างพรมลงมาอีกครั้ง หลังจากที่หยุดตกไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน และยังทิ้งร่องรอยของความชุ่มฉ่ำไว้บนผืนหญ้า
ร่างหนึ่งกำลังจับจองเอาพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำเป็นฐานที่มั่นสำหรับการบันทึกภาพอันอึมครึมของบรรยากาศลงในเมมโมรี่การ์ดของกล้องติจิตอล
ยืนก็แล้ว นั่งก็แล้ว ยังเก็บภาพไม่ได้ไม่จุใจ จนท้ายที่สุดแทบจะหมอบราบลงไปกับผืนหญ้าชื้นแฉะโดยไม่กลัวว่าชุดเอี๊ยมยีนส์สีซีดที่สวมใส่อยู่จะเปรอะเปื้อน เพราะสมาธิทั้งหมดตั้งมั่นอยู่กับภูมิทัศน์ที่มองเห็นผ่านเลนส์กล้อง สรรพสิ่งรอบกายนอกเหนือจากนั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจของเจ้าตัวสักนิด
“นิว”
อย่าว่าแต่เสียงฟ้าร้องที่ดังอยู่ไกล ๆ แม้แต่เสียงเรียกชื่อสำเนียงเหน่อจากเพื่อนสนิทที่ยืนห่างออกไปไม่กี่เมตรเธอก็ยังไม่ได้ยิน
“……” เจ้าของชื่อเพียงแค่เปลี่ยนอิริยาบถ และยังคงจดจ่ออยู่กับงานของตนเช่นเคย
“นิว!” แม้เสียงที่ใช้จะดังขึ้นมาหน่อยแต่ก็ให้ผลไม่ต่างไปจากครั้งแรก
“….” นิ้วเรียวสวยยังคงกดชัตเตอร์อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนคนเรียกเริ่มอ่อนใจ
หนุ่มรูปร่างผอมเกร็งถอนหายใจฟึดฟัด ขณะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปจัดการกับเพื่อนสนิทอย่างหมดความอดทน
“กลับกัน ฝนลงเม็ดแล้วไอ้หนวก”
“เฮ่ย ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย” เมื่อกล้องตัวเก่งในมือถูกช่วงชิงไปต่อหน้ามีหรือที่คนอย่างนิวจะอยู่เฉย มันต้องมีโวยวายกันบ้างล่ะ
“แกนั่นแหละบ้า ดูฟ้าดูฝนซะมั่ง” หนุ่มผมยาวชี้ชวนให้เพื่อนสนิทเงยหน้ามองท้องฟ้าครึ้ม ๆ ที่หยาดฝนเม็ดเล็กกำลังโปรยปรายลงมาบางเบา คนที่ทำท่าจะเอาเรื่องเมื่อครู่นี้คลายสีหน้าเคร่งเครียดลงและเปลี่ยนเป็นร้อนรนในนาทีต่อมา
“กระเป๋ากับถุงพลาสติกอยู่ไหน เดี๋ยวกล้องเปียก” นิวละล่ำละลักถามหน้าตาตื่น ฉวยกล้องคืนจากบอยตั้งท่าจะวิ่งกลับไปที่ซาเล้งสีแดงคู่บุญ หากไม่ถูกเสียงแหบห้าวของเขาฉุดไว้ก่อน พร้อมชูของในมือให้เพื่อนดู
“อยู่นี่ครับเอ็ง ผมเตรียมมาแล้ว”
“เอามานี่” หญิงสาวหันกลับจัดการห่อกล้องสุดรักด้วยกระเป๋าที่เตรียมมาและถุงพลาสติกหนา ๆ อีกสองชั้นอย่างมิดชิด เมื่อรู้จากสัมผัสทางผิวกายว่าฝนที่ตกลงมาเม็ดโตขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าห่วงกล้องยิ่งกว่าญาติสนิทของตนเสียอีก ส่วนคนน่ะเหรอ ไม่ได้เตรียมอะไรมากันฝนหรอก จะเปียกก็ช่างปะไร
“ของแกเรียบร้อยแล้วนะไอ้มหา” เจ้าของฉายา “ไอ้มหา” ที่เพื่อนในคณะตั้งให้พยักหน้ารับพร้อมยกกล้องในมือของตนให้อีกฝ่ายดู
“ป่ะกลับกัน” นิวออกปากชวนพร้อมเดินล่วงหน้าไปนั่งบนซาเล้งรอพลขับกลับมาประจำตำแหน่ง
.
.
.
“บ้าจริง” เสียงหวานสบถเบา ๆ กับตนเอง เมื่อฝนที่ขาดช่วงไปนานกลับโปรยปรายลงมาอีกครั้ง เป็นตอนที่เธอเพิ่งซื้อของใช้จำเป็นเสร็จพอดี แต่เสียดายที่ยังไม่ทันได้กลับถึงบ้านพักครูที่อยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย คงต้องหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังไปหาที่หลบฝนชั่วคราวก่อนเป็นอันดับแรก ไม่รู้ว่าจะเสียเวลาไปนานเท่าไหร่กว่าฝนจะหยุดตก แต่ก็คงดีกว่าตัวเปียกมะลอกมะแลกกลับไป
บรื้น!….
เสียงเครื่องยนต์แสบแก้วหูคำรามลั่นมาแต่ไกล ก่อนที่จิ๋วจะหันไปมอง พบกับมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นปัดป่ายไม่ตรงทางอย่างน่าหวาดเสียว ไม่หวั่นเกรงกับสภาพถนนในหน้าฝนที่เปียกลื่นจนอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
และตัวต้นเหตุแห่งเสียงแสบแก้วหูก็แล่นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วสูง
ยังไม่ทันได้ขยับตัวเมื่อมอเตอร์ไซค์เจ้ากรรมดันแฉลบเข้ามาใกล้เธอจนจวนตัว สิ่งแรกที่ทำได้คือหวีดร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจ
“กรี๊ด!”
“เฮ่ย! หลบไป หลบ ๆๆๆๆ”
อีกด้านหนึ่ง ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที
“มหา นั่นมันเพื่อนแกใช่ป่ะ ที่เรียนวิด’วะอะฉันจำได้” นิวตะโกนคุยกับเพื่อนสนิทแข่งกับเสียงเครื่องยนต์จากซาเล้งที่ดังสม่ำเสมอ มือก็ชี้ชวนให้บอยมองตามหลังมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าว
“เออใช่ ไอ้ป๋อง ทำไมมันขับรถงั้นวะ”
“ฉันว่าเมาแหง… งั้นอย่าเพิ่งกลับ ตามไปดูมันหน่อยดีกว่า” เธอตะโกนบอกก่อนที่จะถึงทางเลี้ยว ทั้งคู่ตัดสินใจตามดูเพื่อนต่างคณะอยู่ห่าง ๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล แม้ว่าฝนที่พรมลงมาจะทำให้เปียกปอนไปทั้งตัวก็ตามที
ได้แต่ภาวนาให้เพื่อนร่วมชั้นปีถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพก่อนจะไปประสานงากับใครเข้าเสียก่อน
“หายไปไหนแล้ววะ แกอยู่ข้างหน้าเห็นไรป่ะนิว” บอยพยายามชะเง้อคอมองเพื่อยืดระยะการมองเห็นให้ไกลกว่าเดิมเมื่อถึงเนินลาดชันที่บดบังสายตา
“เฮ่ย! ระวังหน่อย ขับรถไปเถอะแกน่ะ ฉันดูให้เอง มันเพิ่งลงเนินไปเมื่อกี๊ไม่ต้องห่วง” นิวหันไปตวาดใส่เขาเมื่อเห็นท่าทางขับรถอันน่าหวาดเสียว มันไม่ปลอดภัยเท่าไหร่เมื่อรถกำลังวิ่งไปบนถนนตอนฝนตก
ในวินาทีแห่งความเป็นความตายจิ๋วตัดสินใจกระโดดหลบไปข้างทาง แต่ก็ยังไม่พ้นเสียทีเดียว บางส่วนของมอเตอร์ไซค์เกี่ยวเอาถุงหูหิ้วที่เธอถืออยู่จนร่างเล็กถลันไปตามแรงกระชาก ก่อนที่เธอจะปล่อยมือแล้วเสียหลักล้มไม่เป็นท่าไปพร้อมกับรถคันนั้น
โครม!
เมื่อเสียงนั้นเงียบลงก็เป็นเวลาที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสสำรวจความเสียหายของตนเอง จิ๋วค่อย ๆ ประคองร่างอันบอบช้ำให้ลุกขึ้นนั่งอย่างระมัดระวัง อาการอกสั่นขวัญหายยังคงอยู่ สังเกตได้จากใบหน้าหวานที่ซีดเซียวราวกับกระดาษ ร่างกายบอบบางหรือก็สั่นเทาอย่างน่าสงสาร
ฝนก็ลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับจะซ้ำเติมในความโชคร้ายของหญิงสาว ความเจ็บปวดหลังอาการชาเริ่มปรากฏตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ถูกกระแทกและเสียดสีอย่างรุนแรง ดวงตากลมเหลือบไปเห็นเลือดสีแดงสดที่ไหลซึมออกมาจากเรียวขาขาวก็เกิดบันดาลโทสะจนแทบลืมความเจ็บไปชั่วขณะ นัยน์ตาวาววับเอาเรื่องตั้งท่าจะต่อว่าเจ้าของมอเตอร์ไซค์ชุดใหญ่ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากขาซิ่งตัวแสบที่ไม่รู้สตาร์ทเครื่องได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็บึ่งรถออกไปจากจุดเกิดเหตุอย่างหน้าตาเฉย
“นี่คุณ คุณ!” แม้จะแผดเสียงเรียกไล่หลังดังลั่นคู่กรณีก็ไม่หันกลับมามอง
“ให้ตายเหอะ ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี” ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่กับตนเองด้วยความเจ็บใจ สลับกับสูดปากด้วยความแสบบริเวณแผลจากอุบัติเหตุ มองซ้ายมองขวาจะขอความช่วยเหลือก็ไม่เห็นมีใครเลยซักคน
“ป๋อง! ไอ้ป๋อง ไอ้XXป๋อง!”
“จะเรียกทำไม มันไม่ได้ยินแล้ว ไปดูคนเจ็บเร็ว”
จิ๋วเงยหน้ามองภาพชวนงงที่อยู่ตรงหน้า ทุกอย่างมันรวดเร็วจนเธอประมวลผลไม่ถูก หนุ่มสาวคู่หนึ่งลงจากรถซาเล้งที่จอดอยู่ตรงจุดเกิดเหตุแล้วตะโกนโหวกเหวกใส่กัน ดังยิ่งกว่าตอนเธอแผดเสียงเมื่อครู่เสียอีก เหมือนทั้งคู่จะรู้จักกับเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนั้นถ้าเข้าใจไม่ผิด
“น้องเป็นไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนบ้าง มีอะไรหักไหมเนี่ย มาพี่จะพาไปโรง’บาล” ผู้หญิงหน้าตาดีที่วิ่งมาถึงก่อนรีบเข้ามาดูอาการเธอแล้วรัวคำพูดใส่ สีหน้านั้นร้อนรนเหมือนกำลังเจ็บปวดไปกับเธอด้วยยังไงอย่างนั้น หญิงสาวจะซาบซึ้งในน้ำใจมากกว่านี้ หากคนตรงหน้าไม่เรียกเธอว่า ‘น้อง’ แล้วแทนตัวเองว่า ‘พี่’ ทั้งที่ดูแล้วเธอน่าจะอายุมากกว่าอีกฝ่ายอยู่หลายปีด้วยซ้ำ
ฉันดูเด็กขนาดนั้นเลยเชียว?
“ขอบคุณค่ะ” แต่หญิงสาวก็ไม่มีกะจิตกะใจจะมาแก้ไขความเข้าใจผิดใคร เมื่อความเจ็บปวดเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นทุกที ปล่อยให้อีกคนช่วยประคับประคองร่างกายที่บอบช้ำของตนขึ้นไปนั่งบนซาเล้งอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาจนทั้งหมดนั้นเปียกปอนไปตาม ๆ กัน
“แกไม่ต้องมายุ่ง ไปเก็บของไป” คนข้าง ๆ ตวาดชายหนุ่มหนึ่งเดียวในบริเวณนั้น ขณะที่เขาทำท่าจะเข้ามาพยุงร่างเล็กอีกด้าน ก่อนตวัดสายตาไปยังถุงข้าวของที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้นพร้อมออกคำสั่งเด็ดขาด และหนุ่มร่างผอมก็ปฏิบัติตามโดยไร้ข้อโต้แย้ง
“เฮ่ยนิว ฝนตกอย่างงี้จะพาน้องไปหาหมอที่ไหนดีวะ”
“โอ๊ย.. หยังมาง่าวแต๊ง่าวว่า ก่อไปสวนดอกก่าบ่ะเจ็บจะอี้น่ะ (โอ๊ย ทำไมโง่อย่างนี้ ก็ไปสวนดอกสิวะเจ็บขนาดนี้น่ะ)” คนหน้าหวานท่าทางจะโมโหเพื่อนมากจนต้องระเบิดออกมาเป็นภาษาถิ่นอย่างเหลืออด โดยทิ้งความสงสัยไว้ให้คนฟังว่า ‘สวนดอก’ มันคือที่ไหนกันแน่?
- - - - - - - - - - - -
ในส่วนของคาแรคเตอร์ เค้าเองก็เพิ่งจะเริ่มรู้จักตัวตนของพี่นิวพี่จิ๋วนอกจากเสียงร้องคุณภาพที่ได้ยินได้ฟังมานานนับสิบปี จึงยังไม่ค่อยแม่นในเรื่องบุคลิกและนิสัยส่วนตัวของพวกพี่เค้านัก เลยมีการต่อเติมเสริมแต่งเอาเองเยอะพอสมควร แต่เค้าพยายามดึงคาแรคเตอร์จริง ๆ จากบทสัมภาษณ์ในรายการทีวีต่าง ๆ จากเสียงที่ได้ยิน จากภาพที่ได้เห็นว่าเค้าสองคนเป็นยังไงกันบ้าง ยังไงก็ขอฝากฟิคนิวจิ๋วเรื่องแรกไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของ NJfanclub และผู้ที่ชื่นชอบด้วยนะคะ #กราบ
รูปนี้คือรูปต้นกำเนิดฟิคค่ะ เห็นแล้วปิ๊งไอเดียแล้วก็ออกมาเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว
ตอนแรกกะจะตั้งชื่อฟิคว่ารักของเราและซาเล้งสีแดง (ไม่ใช่ละ) 5555
ชุดที่น้องนิวในเรื่องใส่ก็ประมาณนี้ล่ะค่ะ แว้นแบบน่าฮัก ๆ
ความคิดเห็น