ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Divine Epic (มหากาพย์เทพประยุทธ์)

    ลำดับตอนที่ #2 : ทูตจากดินแดนแห่งเทพปกรณัม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 719
      0
      26 พ.ค. 53


                    บัดนี้บนท้องฟ้าเหนือโรงเรียนผม มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนเด่นเป็นสง่า จะว่าเป็นภาพโฮโลแกรมก็ไม่น่าใช่ จะว่าใช้สายสลิงยิ่งไม่น่าใช่เข้าไปใหญ่ เพราะแถวนี้ไม่มีตึกสูงอยู่เลย

                    สาวน้อยคนนั้นมีผมสีฟ้ายาวถึงกลางหลัง สวมเฮลเม็ตและเกราะสีเงินตรงช่วงอก มีแสงสีฟ้าคล้ายปีกเล็กๆ สยายออกมาจากเท้าทั้งสองข้างของเธอ

                    ผู้หญิงสวมเกราะนักรบโบราณบินอยู่บนฟ้า... เหมือนผมจะเคยเห็นภาพแบบนี้ในหนังสือเทพปกรณัมของคุณแม่... ใช่แล้ว! “วัลคีรี” เทพธิดาแห่งการศึกในเทพปกรณัมยุโรปเหนือไง!

                    “พวกเจ้าจงฟัง! นามของข้าคือ ฟริกก้า เป็นทูตจากดินแดนแห่งเทพปกรณัม มาที่นี่เพื่อหาตัวบุตรของท่านไวส์ พวกเจ้าจงส่งตัวบุตรของท่านไวส์มาซะ ข้าจะให้เวลาแค่สามสิบวินาทีเท่านั้น”

                    สาวน้อยที่ชื่อฟริกก้าประกาศด้วยเสียงอันกึกก้องดุจเสียงฟ้าร้อง

                    “30... 29.... 28....”

                    ขณะที่เธอนับถอยหลังอยู่นั่นเอง พวกเพื่อนๆ ในห้องก็เริ่มส่งเสียงคุยกันเจี๊ยวจ๊าว

                    “ทูตจากดินแดนแห่งเทพปกรณัมอะไรกัน ยัยนั่นท่าจะเสียสติล่ะมั้ง...”

                    เจ้าโยพูดขึ้นเป็นคนแรก

                    “แต่เขาลอยอยู่บนฟ้านะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งแย้ง

                    “เฮอะก็คงใช้เอฟเฟคอะไรซักอย่างนั่นแหละ เทคโนโลยีสมัยนี้มันก้าวหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เผลอๆ เขาจะซ่อนกล้องไว้แอบถ่ายพวกเราอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้”

                    จะใช่อย่างที่โยพูดรึเปล่าไม่รู้ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ทั้งเสียงของเจ้าโย ทั้งภาพในห้องเรียน หรือแม้แต่พื้นห้องที่ผมเหยียบอยู่ในตอนนี้ ทั้งหมดมันดูเลื่อนลอยอย่างอธิบายไม่ถูก เหมือนกับโลกที่ผมสัมผัสอยู่ ณ ขณะนี้เป็นโลกในฟองสบู่ที่เปราะบาง พร้อมจะแตกทุกเมื่อ

                    ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง แม้ท้องฟ้าข้างนอกจะเป็นสีฟ้าเหมือนปกติก็จริง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาตินะ... จริงด้วย! ก้อนเมฆไง! ก้อนเมฆมันนิ่งไม่ขยับมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

                    “3... 2... 1... 0!”

                    ในที่สุดฟริกก้าก็นับถึงศูนย์ ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบที่นอกหน้าต่าง!



                    “บึ้มมม-----!!”



                    เสียงระเบิดดังลั่น! ร่างของผมกระเด็นไปกระแทกกับผนัง เศษฝุ่นควันฟุ้งไปทั่วห้องเรียน... ผมงงไปหมด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สักพักนึงก็ได้ยินเสียงครวญครางของเพื่อนๆ

                    เมื่อลืมตาขึ้น ผมก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านั้นราวกับภาพในหนังแอ๊คชั่น ผนังห้องเรียนฝั่งหน้าต่างนั้นหายไปทั้งแถบ มีเศษคอนกรีตน้อยใหญ่แตกกระจายทั่วห้อง และเพื่อนๆ หลายคนนอนบาดเจ็บมีเลือดไหลตามศีรษะและลำตัว ในนั้นมีพวกโยที่ยืนติดหน้าต่างตอนเกิดระเบิดด้วย

                    ในขณะที่เพื่อนๆ กำลังบาดเจ็บ บ้างก็กรีดร้องอย่างหวาดกลัว ผมได้แต่ยืนใบ้อยู่อย่างนั้น หัวใจเย็นวาบ ขาสั่น เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มใบหน้า นี่ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ ใครก็ได้... ช่วยปลุกผมทีเถอะ!

                    “เมื่อกี้เป็นแค่การเตือนเท่านั้น หากพวกเจ้ายังไม่ยอมส่งตัวบุตรของท่านไวส์มาอีกล่ะก็ ข้าจะเผาที่นี่ให้ราบซะ!”

                    ฟริกก้าประกาศอีกครั้ง

                    “เอาล่ะข้าจะให้เวลาอีก 30 วินาที...”

                    “พอแค่นั้นแหละ!”

                    เสียงนั้นดังมาจากอลิสา เธอออกไปยืนเผชิญหน้ากับเด็กสาวคนนั้นตรงหน้าห้อง

                    “เธอจะเป็นเทพหรือปีศาจจากไหนก็ไม่รู้ล่ะ แต่เธอไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายพวกเรา แล้วบุตรของไวส์อะไรนั่นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก เธอมาผิดที่แล้ว!”

                    “หืมม...”

                    ฟริกก้าชายตามอง

                    “ใจกล้าดีนี่ ผู้หญิงเอ๋ย”

                    เธอบินลงมาหาอลิสา

                    “ตัดสินใจแล้ว! ข้าจะจับเจ้าเป็นตัวประกันเพื่อเรียกบุตรของท่านไวส์ออกมา”

                    “หยุดนะ!”

                    เสียงนั้นหลุดออกมาจากปากผมโดยไม่ทันได้คิด

                    “อย่ายุ่งกับเธอ!”

                    ผมอยากจะเข้าไปช่วยอลิสาเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ไอ้ขาเวรนี่ดันสั่นไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...

                    ฟริกก้าหันมามองผมอย่างท้าทาย

                    “ถ้ายุ่งแล้วจะทำไม”

                    “ฉันนี่แหละ บุตรของไวส์!”

                    สิ้นเสียงของผม... ทั้งฟริกก้า อลิสา และทุกคนในห้องต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน เอาเลย... เชิญงงกันให้เต็มที่! แม่ผมชื่อ "วิชญา" พ่อผมชื่อ "อารยะ" ครับ... ส่วน "ไวส์" นี่เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ

                    “เห... เจ้าน่ะรึบุตรของท่านไวส์” ฟริกก้ามองผมด้วยหางตา “ถ้างั้นก็พิสูจน์สิ”

                    “พิสูจน์?”

                    “กรี๊ดดด-----!!” ทันใดนั้นฟริกก้าก็รวบตัวอลิสาไว้

                    “ถ้าเจ้าเป็นบุตรของท่านไวส์จริง ก็ลองใช้พลังของเจ้าช่วยผู้หญิงคนนี้สิ"

                    “หยุดนะ! ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าทำอะไรเธอ”

                    ฟริกก้าไม่สนใจ เธอชักดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา แล้วค่อยๆ ใช้คมดาบนั้นลูบไปตามต้นขาของอลิสา

                    “เร็วเข้า ไม่งั้นผิวเนียนๆ ของผู้หญิงคนนี้เป็นแผลแน่ๆ”

                    “โอ๊ย!”

                    ในวินาทีนั้นผมก็ได้ยินเสียงร้องของอลิสา ที่ต้นขาของเธอปรากฏมีเลือดไหลซิบๆ

                    อกของผมร้อนวูบ ในหัวเป็นสีขาวโพลน...

                    มันจะมากไปแล้ว...!



                    “หยุดเดี๋ยวนี้!”



                    ฟริกก้าชะงักทันที ดวงตาของเธอเบิกกว้างฉายแววตกใจอยู่ครู่หนึ่ง

                    เธอปล่อยตัวอลิสาทันที

                    “หึ... ไม่เลวนี่ ขนาดใช้จิตข่มข้าได้ งั้นต้องขอทดสอบดูซักหน่อย!”

                    ฟริกก้าแบมือขวาออก ทันใดนั้นก็มีลูกไฟขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น จากนั้นเธอก็เงื้อเปลวไฟนั้นขึ้นเหนือหัวแล้วทุ่มใส่ผม

                    เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงนั้นพุ่งมาที่ผมอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่มันจะเข้าถึงตัว ก็มีใครคนหนึ่งโผล่มายืนข้างหน้าผม

                    เธอตวัดดาบผ่าลูกไฟนั้นออกเป็นสองซีก!

                    “พอได้แล้วฟริกก้า”

                    ผู้ที่เข้ามาช่วยผมไว้เป็นเด็กผู้หญิงผมสีม่วงเข้ม ใส่ชุดฮากามะ (เหมือนชุดมิโกะ) ถือดาบญี่ปุ่น

                    “ข้าสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณแบบเดียวกับท่านไวส์จากชายคนนี้ เขาคือบุตรของท่านไวส์... ไม่ผิดแน่”

                    “รู้แล้วน่านามิ ข้าเพียงแต่อยากทดสอบพลังของเขาสักหน่อยเท่านั้นเอง” ฟริกก้าทำหน้าเสียดาย

                    “โป๊ก!”

                    นามิเดินเข้าไปฟาดหัวฟริกก้าด้วยฝักดาบ

                    “โอ๊ย! เจ็บนะ!”

                    “ภารกิจของเราคือหาตัวบุตรของท่านไวส์ แล้วพากลับไปยังดินแดนแห่งเทพปกรณัมเท่านั้น” นามิพูดขึ้นก่อนจะเดินกลับมาหาผม

                    “ตามมา”

                    นามิจับแขนเสื้อผมไว้ แล้วจู่ๆ ผมก็ถูกพาออกมาอยู่นอกรั้วโรงเรียนในชั่วพริบตา

                    ที่หน้าโรงเรียนนั้น ผมก็เห็นสาวน้อยอีกคนหนึ่งในชุดซิสเตอร์(แม่ชี)สีน้ำเงิน

                    “อลิสา!” เมื่อได้เห็นหน้าของซิสเตอร์คนนั้นผมก็เผลอหลุดปากออกมา...

                    สาวน้อยในชุดซิสเตอร์มองผมงงๆ ก่อนจะยิ้มให้

                    “ฉันชื่อ อลิเซีย จ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ เธอคือบุตรของท่านไวส์เหรอ”

                    ตกใจหมดเลย... ก็หน้าของเธอเหมือนกับอลิสายังกะแกะ แต่อลิเซียนั้นมีผมสีทองตาสีฟ้า ต่างจากอลิสาที่มีผมสีดำตาสีน้ำตาล

                    “เอ้อ... จะว่าไงดีล่ะ”

                    ผมอ้ำอึ้ง ทีแรกก็โมเมไปอย่างงั้นเองเพราะคิดจะช่วยอลิสา แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้กลายเป็นลูกของไวส์ไปจริงๆ ซะนี่

                    “ใช่แล้ว เขานี่ล่ะคือบุตรของท่านไวส์” นามิยืนยัน

                    ผมหันไปมองอาคารเรียนซึ่งพังเป็นแถบๆ นึกถึงเจ้าโย อลิสาแล้วก็คนอื่นๆ หวังว่าคงไม่มีใครเจ็บหนักนะ...

                    อลิเซียสะกิดไหล่ผม เมื่อหันไปก็เห็นเธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

                    “ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ เพื่อนๆ ของเธอปลอดภัยดีทุกคน เพราะฉันกางข่ายมนต์ไว้แล้ว ทันทีที่ฉันสลายข่ายมนต์นี้ ทุกคนก็จะรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป ทั้งอาคารเรียนและทุกสิ่งทุกอย่างในข่ายมนต์นี้จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม... เหมือนก่อนหน้าที่ฉันจะร่ายข่ายมนต์ทุกประการ”

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    โปรดติดตามตอนต่อไปครับ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×