ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {จบเเล้วว} [★ Fic exo ★ ChanBaek]Love of a friend (ft.HH KD)

    ลำดับตอนที่ #2 : [★ Fic exo ★ ChanBaek] Ch 1 : i can love you...but i can't confession to you

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 57



     Love of a friend

    Chapter 1:
     
    I can love you … but I can’t Confession to you

     



    2am - Confession of a Friend


     

    손을 잡고 나밖에 없다며

    นายกุมมือฉันไว้และบอกว่ามีแต่ฉัน

    나같은 친구 둔게

    การที่มีฉันเป็น เพื่อน

    정말 축복이라며

    นายบอกว่าเหมือนเป็นพรจากสวรรค์

    변치 말자고 말을 할때마다

    ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม..นายบอกว่าระหว่างเราจะไม่เปลี่ยนไป

    조금씩 자라나는 사랑을 눌렀어

    ฉันเลยต้องกดความรู้สึกเอาไว้ในส่วนลึก

     

    ................................................

    친구로’!!! , 친구로 지내야 한다는 이유로

    มิตรภาพ!!!’ เพื่อรักษามิตรภาพเอาไว้

    목까지 차올랐던 고백을 참아야했어..

    ฉันต้องกล้ำกลืนคำสารภาพเหล่านั้นลงคอไป

    너를..... 사랑해

    ฉัน..รักนาย


     

     

     

     

    ::Byun Baekhyun::       

                “....อ่า...ความรัก..หรอ... J ” ผมพึมพำเบาๆ ละสายตาออกมาจากเสี้ยวหน้าข้างชานยอล ก่อนที่จะหันไปมองไปยังภาพตรงหน้า พลันรอยยิ้มของผมก็ผุดออกมา โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

                           

                ความรักของฉันคือแกไง ไอ้หูกาง

     

                รอย ยิ้มเมื่อสักครู่ ผมรู้ดี ...ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความดีใจ... เป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันตัวเองมากกว่า...เพราะยังไง ผมก็กล้าแค่จะบอกรักไอ้หูกางแค่ในใจของผมเงียบๆคนเดียวเท่านั้น... มีหลายครั้ง ที่ผมทนไม่ไหว ถึงกับนั่งเขียนเรื่องราวระหว่างชานยอลกับผม ในทุกๆเรื่อง ลงไปในไดอารี่ แต่สุดท้าย ผมก็ต้องเผาสมุดพวกนั้นทิ้ง เพราะชานยอลชอบไปเล่นที่บ้านผมบ่อยๆ ถ้ามันบังเอิญไปเห็นเข้า...

     

                ไม่เอาล่ะ แค่คิดผมยังนึกภาพไม่ออกเลย ว่าจะเป็นยังไง...ระหว่างผมกับชานยอลน่ะ

     

                อือ..ความรักไง เงียบทำไมล่ะตอบมาสิไอ้ลูกหมา

     

                ถ้าฉันตอบออกไป...มันจะเป็นแบบไหนหรอชานยอล????...บอกฉันมาก่อนสิ ว่าความเป็นเพื่อนของเราน่ะ..จะเป็นแบบไหน

     

              ความรักของฉันน่ะเหรอ...ไอ้หูกาง...ความรักของฉัน..ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างรู้สึกอึดอัด..ในใจของผมมันหน่วงๆแปลกๆ

               

                อือ..อย่าลีลาดิ ตอบมาๆชานยอลเร่งผมมากขึ้นพร้อมกับหันหน้ามามองเสี้ยวหน้าของผม ใกล้!..ใกล้ จนได้กลิ่นลมหายใจรสมิ้นอ่อนๆของชานยอล...

     

                ผมไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดในใจแบบนี้เลย ...แต่ผมชอบ..ชอบชานยอลนะ

     

                ความ รัก...ของฉัน ...คือ..คืออะไรแล้วแกจะอยากรู้ไปทำไมล่ะ ไอ้หูกาง ผมหันไปแลบลิ้นใส่ชานยอล ซึ่งตอนนี้ผมอาจจะลืมไปว่า ชานยอลก็หันมาทางผมอยู่พอดี ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเรามันห่างกันแค่ปลายจมูก ทำให้ทั้งผมและชานยอลต้องรีบหันไปทางอื่น  นี่หน้าผมจะแดงอีกไหมวะเนี่ย!  โอย

     

                ตกลงแกมีความรักกับเค้าบ้างรึยังห๊ะ ไอ้ลูกหมา ไม่เห็นวันๆแกจะสนใจอะไรเลยวะ

     

                แหม ไอ้หูกาง...พูดเหมือนแกเคยมีความรักกับเค้าอย่างนั้นแหละ ผมย้อนกลับไปอย่างต้องการจะทำให้บทสนทนาออกห่างจากเรื่องความรู้สึกของผม

     

                เอ้า ถึงฉันจะไม่ได้รักใครแบบนั้น อย่างน้อยฉันก็มีแฟนให้กระชุ่มกระชวยหัวใจล่ะวะ...ไม่เหมือนแก วันๆเอาแต่ขลุกอยู่กับฉัน ถ้าฉันไม่คบกับใครอยู่นะเว้ย คนอื่นต้องคิดว่าเราน่ะ เป็นแฟนกันแหงๆ ว่าไหมไอ้หมา...

     

                จะมีแฟนไปทำไมวะ...ถ้ามีแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยอ่ะ ... สู้มีความรู้สึกดีดีให้กันแต่...

               

                แต่อะไรวะไอ้ลูกหมา

     

                แต่ เป็นได้แค่เพื่อน... มีความรู้สึกดีดีต่อกันแต่เป็นได้แค่เพื่อน...กับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกัน แต่เป็นแฟน..

    ฮ่า ๆ นั่นสิ แบบไหนนะ แบบไหนมันดีกว่ากันนะ...

     

              ช่างเหอะน่า แล้วไหงมาคุยกับฉันเรื่องความรักวะ ปกติ แกสนใจด้วยเหรอ ชานยอล..ความรักน่ะผมว่าพลางถอนต้นหญ้าใกล้ๆมือเล่น

     

                ก็นะ.. แค่เห็นแกอยู่แต่กับฉันทั้งวัน ไม่เบื่อบ้างรึไง ไม่คิดจะสนใจคนอื่นมั่งหรอ

     

                น่ะ..นี่ แก...เบื่อฉันหรอวะ...ไอ้หูกาง แกไม่อยากอยู่ใกล้ๆกันฉันแล้วหรอวะ...หมะ..หมายความว่ายังไงวะ ผมรู้สึกว่ามีก้อนแข็งๆ มารวมตัวกันอยู่ในอก มันแน่น..และอึดอัดไปหมดเลย  จนผมต้องกำมือไว้แน่ และกดตรงอกไว้เพื่อบรรเทาความรู้สึกแปลบๆ ที่แล่นพล่านไปทั่วเอาไว้ 

     

                 

    ชานยอลเบื่อแล้วสินะ กับการที่จะมีผมเป็นเพื่อน

    ชานยอล..เบื่อ กับการที่จะมีผมอยู่ข้างกายตลอดเวลา

    เบื่อแล้วสินะ...กับการที่มีผมคอยมาวนเวียนใกล้ๆ

    ชานยอลคงเบื่อ..ที่จะได้ยินเสียง ที่จะเห็นหน้าผมสินะ

    ...ถึงได้พูดประโยคเมื่อกี้ออกมา

     

                หะ..เห้ย ไอ้หมา ไม่ใช่แบบนั้นชานยอลว่าพลางเอื้อมมือหนาของมันมากุมมือข้างที่กำลังสั่นเทาของผมเอาไว้  ฉัน ไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ แบคฮยอน มือหนาๆของชานยอลบีบมือของผมแน่นขึ้นอีก...สัมผัสแบบนี้มันอบอุ่นจริงๆนะ อบอุ่น จนทำให้ใจผมสั่น..และเต้นรัวไปหมด และมือบ้านี้ก็ดันยิ่งสั่นเข้าไปใหญ่ ผมรู้สึกเหมือนมีใครมาทุบมือเลย

     

                แบคฮยอน  ฉันอาจจะยังไม่เคยบอกแกนะเว้ย แกเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่ฉันคบมานานได้ขนาดนี้นะชานยอลดึงมือของผมไปวางไว้บนตัวของเค้า และยังคงกุมมือของผมเอาไว้แน่น 

     

                แก เป็นเหมือนคน ที่พระเจ้าประทานมาให้คนอย่างฉันเลยนะ ฉันไม่เคยเบื่อ ที่จะมีแกอยู่ข้างๆ ฉันไม่เคยเบื่อ ที่จะอยู่กับแก ฉันไม่เคยเบื่อ..ที่จะได้ยินเสียง ไม่เบื่อที่จะได้เห็นหน้าหมาๆของแก...ฉันมีความสุข ที่จะได้อยู่กับแกนะ ไอ้ลูกหมา

                ฉันก็เหมือนกันชานยอล ฉันอยากจะมีวันแบบนี้ แบบทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน ไปเรื่อยๆ   

     

                ฉันรักแกนะเว้ย...ไอ้ลูกหมาเพื่อนรัก ฉันจะไม่ยอมให้อะไรมาทำลายมิตรภาพระหว่างเราหรอก

               

                ฉันก็รักแก..ชานยอล แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนว่ะ คำว่ารักของฉันไง ที่มันจะทำลายทุกอย่าง

     

                ผม ทำได้แค่บีบมือชานยอลที่กุมมือผมอยู่นี่ ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม อย่างต้องการจะส่งความอึดอัดที่มี ออกไปกับมืออบอุ่นนี่บ้าง...ถ้าแกจะสัมผัสได้สักหน่อย ว่าฉันรู้สึกอะไรสักหน่อยก็ยังดี

     

                ผมทำได้แค่กดความรู้สึกไว้...เก็บ คำว่ารักที่มันจะทำให้ผมกับ ชานยอล..ที่มันจะทำให้ความเป็นเพื่อนของเราพัง ผมคงต้องเก็บมันไว้ ไปนานแสนนาน ผมทำได้แค่นี้ แค่เก็บเสียงสะอื้นไว้ ปล่อยความรู้สึกร้อนๆที่ช่องคอด้วยการพ่นลมหายใจออกมาทางปาก พร้อมปิดเปลือกตาลง เพื่อทำลายความร้อนผะผ่าวที่ขอบตา... ผมทำได้แค่นั้นจริงๆ

     

    ★★★★

     

    ::Do Kyungsoo::

     

                อ่า สวัสดีครับ ผม โด คยองซู เรียกผมว่าคยองซูก็ได้ครับ ฮี่ๆ ^[++++]^ พวกคุณอาจจะสงสัยก็ได้นะครับ...ว่าผมมายืนตาเหลือกอะไรอยู่ตรงนี้ ... หุหุ  ทุก คนว่าจะผิดไหมครับ ถ้าผมจะตามตื้อคนที่ผมชอบ... แม้เค้าจะแสดงทีท่าว่ารังเกียจผมก็เถอะ แต่ผมว่าเค้าก็ทำไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงเพราเขินซะมากกว่า ผมจะตื้อจนกว่าผมเองนี่แหละ จะหมดความสนใจในตัวเค้า ...เฮ้อ ! แต่จะให้ทำยังไงดีล่ะ เพราะว่านี่ก็นานมาแล้วนะ ที่ผมทำอะไรแบบนี้ แต่ความรู้สึกที่มีต่อเค้าคนนั้นมันก็ไม่ได้ลดลงเลย ให้ผมตายสักสามรอบสิครับ

     

                ไอ้ไค ส่งลูกมาเสียงนั่นทำให้ผมละสายตาจากทุกสิ่งทุกอย่างและมองไปยังสนามฟุตบอล ที่มีคนคนนั้นไงครับ  คิม จงอิน  หนุ่มนักกีฬาจากห้องเอ  จง อินน่ะ รักกีฬายิ่งกว่าอะไรเลยล่ะ ถึงขนาดยอมโดดเรียนเพื่อมาเล่นฟุตบอลเลยนะ เพราะว่าห้องเอน่ะ จะต้องเรียนมากกว่าห้องอื่นเป็นเวลาหนึ่งคาบ  และ ตรงคาบทีเรียนเพิ่มนี่แหละครับ จงอินของผมโดดประจำเลยแหละ แหะๆ ใครจะว่าจงอินนิสัยไม่ดีอะไรยังไง ผมไม่สนหรอกครับ ยังไงจงอินของผมก็เท่ห์ที่สุดแล้วล่ะ J

     

                จง อินน่ะเป็นคนใจดีมากเลยนะรู้ไหม ... ผมจำได้ครั้งล่าสุด ผมแอบทำคุ้กกี้ไปให้จงอินแล้วแอบเอาไปยัดไว้ใต้โต๊ะเรียนของจงอิน จงอินใจดีจริงๆนะ ตอนกลับบ้าน จงอินยังเอาให้หมาข้างถนนกินด้วย >o< แต่หมาตัวนั้นน่ะใจ ร้าย ทำไมมันไม่ยอมกินคุ้กกี้ของผมล่ะ ทั้งๆที่ตัวเองก็อดอยากขนาดนั้น จงอินไม่น่าใจดีสละคุกกี้ที่ผมทำให้ ไปให้หมาไม่รู้คุณค่าอย่างมันเลยนะ นี่แหละน๊า ไก่ได้พลอย ลิงได้แหวน หัวล้านได้หวี และหมาได้คุ้กกี้

     

                ยัง มีอีกหลายเรื่องเลยนะที่จงอินทำแบบนี้ ไม่ว่าผมจะเอาอะไรไปให้ จงอินก็มักจะใจดี แบ่งให้คนอื่นใช้ด้วยเสมอเลยล่ะ ฮี่ๆ ถึงจะอยากให้จงอินใช้คนเดียวก็เถอะ แต่ก็นะ จงอินเป็นคนดีมีน้ำใจแบบนี้ไงล่ะ ผมถึงตัดใจจากจงอินไม่ได้ ผมรู้หรอกน่า ที่จงอินชอบปากร้ายใส่ผมเพราะเค้าเขิน  บางครั้งก็ชอบทำท่าเหมือนรังเกียจ แต่อาจจะเพราะจงอินน่ะอายก็ได้นี่เนอะ

     

                แล้วนี่ผมมัวแต่พล่ามอะไรอยู่ ดูสิ! อดเห็นช๊อตเด็ดที่จงอินยิงเข้าประตูเมื่อกี้เลย ดูสิ มีแต่คนกรี๊ดจงอินทั้งนั้นเลย  ผม ไม่ว่าหรอกนะจะกรี๊ดจงอินของผมก็กรี๊ดไปเถอะ แต่ถ้าวันไหนจงอินรับรักผมขึ้นมาแล้วล่ะก็ ห้ามใครมากรี๊ดจงอินนะ เพราะจงอินน่ะ ต้องเป็นของผมคนเดียว  และผมก็เชื่อ ว่าวันนั้น มันอีกไม่นานหรอกครับ J

     

                ผม มานั่งดูจงอินตรงนี้ทุกวัน ผมใกล้จะดำเหมือนจงอินเข้าไปทุกทีแล้วล่ะ เพราะตรงอัฒจันทร์ที่ผมนั่งอยู่เนี่ย แดดส่องอย่างทั่วถึงเลยล่ะ เลยไม่ค่อยมีใครมานั่ง เป็นส่วนตัวดี แถมตรงนี้ยังเห็นบรรยากาศภายในสนามชัดที่สุดด้วยนะครับ ฮี่ๆ  เสียอย่างได้ถึงสอง คุ้มใช่ไหมล่ะ !!

     

                เห้ย!!! ไอ้เหลือก หลบหะ ใครเหลือก? หลบ หลบอะไร  ผมหรอเหลือก ? ดูสิ จงอินตะโกนขึ้นมาคุยกับผมด้วย >.< จงอินบ้าไม่ต้องประเจิดประเจ้อขนาดนี้ก็ได้  ไอ้เหลือกหรอ เรียกซะน่ารักเลย บ้าๆๆๆๆ

     

                ผม ยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนที่จะรู้สึกว่ามีเงาดำทะมึนกำลังตรงมายังใบหน้าของผม เมื่อพบว่าเงาดำทะมึนคืออะไร ร่างกายของผมก็แข็งทื่อ ขยับไม่ได้ไปซะแล้ว ทำได้ก็แค่เบิกตากว้างจนตาเหลือกๆของผมแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา และก็ต้องหลับตาแน่น เมื่อวัตถุกลมๆที่วิ่งด้วยความเร็วแสง ถูกส่งมาจากปลายเท้าของจงอิน กำลังเข้าใกล้ผมเข้ามาทุกทีแล้ว 

     

                ตุ๊บ!!!

     

                อ่า...เจ็บชะมัด ตอนนี้หัวสมองผมมึนไปหมดแล้ว สติของผมเริ่มจะไม่มีแล้วล่ะ

     

                พลั่ก!!!

     

                ผม รู้สึกเหมือนจะบินได้..... แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกแอปเปิ้ลที่ตกลงมาใส่เซอร์ไอแซก นิวตันยังไงอย่างนั้น...ถ้าลูกแอปเปิ้ลเป็นผม ป่านนี้มันคงแตกเละแล้วสินะ ผมรู้สึกเจ็บร้าวไปแทบทั้งตัว แถมจุกอีก บางทีผมอาจจะต้องตายก่อนที่จะได้จงอินมาครอบครอง

     

                เห้ย ไอ้เหลือกรู้สึกเหมือนฝันไปเลยล่ะ นั่นจงอินใช่ไหม ...

     

                จะ..จงอินหรอ Jผมยิ้มออกมา มันก็ดีนะ ที่ผมจะเห็นใบหน้าหล่อๆของจงอินก่อนตาย... พระเจ้าช่วยผมครั้งสุดท้ายสินะ ให้ผมได้เห็นหน้าคนที่ผมรักเป็นครั้งสุดท้าย ........

               

                ฉะ..ฉันชอบนายนะ..คิมจงอิน”..

     

     

     

     

    :::Byun Baekhyun:::

     

                “ไปหาไอติมกินกันไหม ไอ้ลูกหมาชานยอลว่าพลางขยี้หัวผมเล่น

     

                นี่ จะกลับบ้านเร็วสักวันไม่ได้เลยใช่ไหม ไอ้หูกางผมว่าพลางปัดมือหนาที่กำลังจะทำให้ผมเรียบๆของผมกลายเป็นหัวยุ่งๆ หยอยๆ แบบผมทรงเก่าของเจ้าตัว

     

                เถอะน่า ไปกับฉันเถอะน่า ถ้าเจออี้ชิงจะได้ชิ่งง่ายๆ แล้วบอกว่ามากับแกไง ไอ้ลูกหมาผมแอบยู่ปากเล็กๆ ด้วยเพราะ คำว่า ไอ้ลูกหมาเหอะ ผมไม่ได้เหมือนลูกหมาสักหน่อย  ถึงชานยอลจะเรียกผมแบบนี้มาเกือบสี่ปีได้แล้ว แต่มันก็ยังไม่ชินสักที  ผมเลยเรียกชานยอลว่า ไอ้หูกางเป็นการแก้แค้นไงล่ะ แต่ไม่เห็นว่าชานยอลจะรู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดีแบบผมเลย นี่แหละ มันทำให้ผมหงุดหงิดกว่าเดิมซะอีก

     

                เออๆ ไปก็ได้ แล้วแกจะเลือกไปที่ที่รู้ว่าจะได้เจออี้ชิงทำไมเล่า ที่อื่นมีเยอะแยะ

     

                ก็ฉันชอบร้านนั้นนี่หว่า ไอ้ลูกหมา ฉันเลี้ยงเลยนะเว้ย เห็นแก่กินหน่อย แกตัวเล็กไปแล้วนะรู้ไหม

     

              ใครตัวเล็ก แกตัวใหญ่ไปเองตั้งหาก ไอ้เปรตหูกาง

     

                ผมได้แต่คิดในใจ แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อชานยอลพาดแขนหนักๆของตัวเองมาที่รอบคอของผม แถมยังดึงผมเข้าไปจนหัวของผมชนกับไหล่มันอีก T__T

               

                เจ็บ นะ อย่าทำเหมือนเหมือนไหล่แกมันนิ่มสิผมหันไปมองค้อนขวับให้ชานยอล เพราะบอกตรงๆ แม้จะสนิทกันมานาน แต่ผมไม่เคยชินสักครั้งกับการที่ต้องใกล้ชิดกัน...

               

                โห ไอ้ลูกหมา ทำไมแกตัวสั้นแบบนี้วะชานยอลว่า ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง ผมไม่ได้เตี้ยนะ ชานยอลน่ะสูงเกินไปเองต่างหาก แล้วทำไมผมต้องสูงแค่ไหล่ของชานยอลด้วยล่ะ 

     

                พอละๆ ไม่คุยกะแกละไอ้หูกางผมว่าแล้วแกะแขนของชานยอลออกก่อนจะเดินดุ่มๆนำหน้าไป

     

                โหยๆ ไม่ต้องเลย แกเมื่อยที่จะเงยหน้าคุยกับฉันอ่ะดิ ไอ้ลูกหมาเอ้ย  อือ..แล้ว ชานยอลก็ใช้ขายาวๆก้าวตามผมมาจนทันในเวลาไม่นาน ก่อนที่จะพาดแขนหนักๆ ลงที่เดิมและรวบตัวผมเข้าไปชิด แต่คราวนี้รู้สึกว่าจะไม่แรงเท่าคราวที่แล้ว ทำให้หัวของผมไม่ไปชนกับไหล่แข็งแกร่งนั่นเป็นครั้งที่สอง.. และการกระทำที่นุ่มนวลขึ้นแบบนี้ ทำให้ผมต้องแอบยิ้มอยู่ในใจเงียบๆ ก่อนจะก้มหน้างุดๆลงมองพื้น เพราะกลัวว่าชานยอลจะเห็นใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีจัดของผมเข้า

     

                วันนี้คนน้อยดีเนอะผมว่าพลางมองไปรอบๆร้าน ปกติคนจะเยอะกว่านี่ นี่นา...

     

                แกคิดเหมือนฉันไหมเนี่ย ชานยอล

     

                ชานยอล !! ไอ้หูกาง!!” ผมใช้ระดับเสียดังกว่าเดิมทำให้ชานยอลหันกลับมาสนใจผมทันที

     

                อะ..อะไรนะ แกว่าอะไรไอ้ลูกหมา

     

                นี่แกไม่ได้ฟังฉันเลยใช่ไหม =w=’’ ผมว่าแล้วยู่ปาก ที่จริงก็แอบเห็นแหละ ว่าชานยอลกำลังมองคนคนนึงอยู่  หน้าสวยราวกับตุ๊กตาแบบนั้น...ผมยอมรับเลย ว่ามันสมบูรณ์แบบจริงๆ  และ นั่นมันยิ่งทำให้ผมกลัวจับใจ เพราะสายตาของชานยอลแบบนั้น... ไม่ใช่สายตาที่เอาไว้ใช้มองใครทั่วๆไป ไม่เหมือนที่มองอี้ชิง ไม่เหมือนที่มองผม...

     

                ฉันก็ฟังแล้วนี่ไง ว่าอะไรนะ คนน้อยหรอ ฉันก็ไม่รู้สิชานยอลว่าก่อนจะหันกลับไปมองที่คนสวยนั่นอีกครั้ง

     

                เค้า เดินออกไปแล้ว...ถ้าแกจะมองหาคนหน้าสวยเมื่อกี้ เค้าเดินไปแล้วล่ะผมว่า...ไม่มองหน้าชานยอล ประจวบเหมาะกับที่พนักงานเอาไอศกรีมมาเสิร์ฟให้พอดี ผมเลยสนใจแต่ไอศกรีมช๊อคโกแลตชิพของตัวเอง ไม่มองหน้าคนที่อยู่ตรงข้ามเลย

     

                ไอ้ลูกหมา...อย่าเงียบดิวะ เป็นอะไร

     

                งอน หรอวะ...ฉันขอโทษที่ไม่ได้สนใจแก อ่ะนี่ๆ เชอร์รี่ของโปรดฉัน ฉันยกให้แกเลยอ่ะ ไอ้ลูกหมาผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับตากลมโตนั่น แล้วเหลือบมองเชอร์รี่ของโปรดของชานยอล ซึ่งบัดนี้ได้ย้ายมาอยู่ในถ้วยของผม แล้วก้มหน้าลงมองมันสักพัก อย่างชั่งใจ

     

                ฉัน..ก็ไม่ได้งอนแกสักหน่อย แค่ปวดกราม ไม่อยากพูด”... เปล่าเลย ฉันแค่น้อยใจ...

     

              น้อยใจ จริงๆนะ...แต่ผมพูดมันออกมาไม่ได้

     

                เออๆ ดีแล้ว ไม่งอนก็ดี ถ้างอนอีกอย่าง นี่แกก็เป็นแฟนฉันได้แล้วนะเว้ย ฮ่าๆ  ไอ้ลูกหมาชานยอลว่าก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ  ก่อนที่ผมจะส่งยิ้มบางๆไปให้ชานยอล เลิกคิ้วแล้วย่นจมูกใส่  ทำให้ชานยอลขยี้หัวผมแรงกว่าเดิมอีก

     

                ใคร พูด อะไรถึงแฟน พูดถึงฉันใช่หรือเปล่านะ ชานยอลอ่า..อยู่ๆ จางอี้ชิง ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ก็จับแขนชานยอลที่กำลังขยี้หัวผมอยู่ไปกอดไว้ แล้วนั่งข้างๆชานยอลโดยไม่ได้รับเชิญ

     

                อ่า...เหอะๆ คงงั้นมั้งอี้ชิงชานยอลว่าแล้วยิ้มแห้งๆ ให้อี้ชิง ก่อนที่จะพยายามแกะแขนตัวเองออกจากอี้ชิง

     

                อะไร กันชานยอลอ่า ... โทรหาก็ไม่รับ นายใจร้ายมากรู้ไหมนะชานยอลอ่า ผมเบือนหน้าหนีจากจางอี้ชิงที่ซุกหน้าลงกับไหล่ของชานยอล ด้วยการตักไอศกรีมรสโปรดเข้าปาก ซึ่งในวินาทีรสชาติมันไม่อร่อยเลย

     

                สงสัยฉันไม่ได้ยินมั้ง ปิดเสียงไว้น่ะ แล้วมาได้ยังไงเนี่ย

     

                ชะ..ชานยอลผมพยายามเรียกชานยอล แต่เหมือนเค้าจะไม่ได้สนใจผมที่นั่งอยู่ตรงนี้สักเท่าไหร่ ผมจึงพ่นลมหายใจออกมาทางปากเบาๆ เท่านั้น

     

                ใน ระหว่างที่ชานยอลกับอี้ชิงคุยกันอย่างสนิทสนม ผมก็ทำได้แค่ก้มหน้า และตักไอศกรีมเข้าปากเงียบๆเท่านั้น เหมือนผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ทีแรกแล้วสินะ..มันไม่ใช่ที่ของผม ตั้งแต่ทีแรกแล้วสินะ บยอน..แบคฮยอน นี่ไม่ใช่ที่ของนาย

     

                ตอน นี้ชานยอลขอตัวไปเข้าห้องน้ำล่ะ...เหลือแค่ผมกับอี้ชิงสองคน...ผมไม่รู้ สิ...รู้แค่ว่า เหมือนอี้ชิงมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ผมก็ได้แต่ก้มหน้าลงก็เท่านั้น  ไม่กล้ามอง จางอี้ชิง คนนี้เลย

     

                นาย..แบคฮยอนสินะ  อี้ชิงเปิดบทสนทนาขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

     

                อ่า..ใช่แล้วล่ะ

     

                ฉันได้ยินเรื่องของนายจากชานยอลมามากเลยล่ะ ได้เจอตัวจริงสักที

     

                แหะๆ หรอ..เอ่อ...มันอึดอัดแปลกๆกับสายตาของอี้ชิง ผมเลยไม่รู้จะคุยอะไรกับเค้าดี

     

                นายน่ะ... อย่าหวังไปเลยนะ เรื่องชานยอลน่ะ เค้าไม่ได้สนใจนายหรอก.. นายก็เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละนั่นทำให้ผมเบิกตากว้าง...

     

                จะ..จางอี้ชิง..น่ะ..นายพูดอะไรของนายผมสบตาอี้ชิงอย่างกล้าๆกลัวๆ อี้ชิงรู้ แล้วถ้าเค้าเอาเรื่องนี้ไปบอกชานยอล ผมจะต้องทำยังไงล่ะ

               

                อ่อ..ไม่ต้องห่วงไปหรอก ชานยอลน่ะเค้าไม่รู้หรอก และฉันก็จะไม่บอก แค่จะบอกให้นายรู้ที่ยืนของตัวเอง แค่นั้น  ว่าชานยอล ไม่มีวันเป็นของนาย!!” อี้ชิงว่าจบก็หยิบเชอร์รี่ที่ชานยอลพึ่งให้ผมมาเข้าปากหน้าตาเฉย... นั่นสินะ

     

                เรื่องระหว่างผมกับชานยอลน่ะ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว !!!      

              เป็นไปไม่ได้

     

                Rrrrrrr

                เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น..และชื่อที่โชว์ตรงหน้าจอ ทำให้ผมขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย

     

              -ไอ้หูกาง-

     

                ชานยอลจะโทรมาทำไมกันล่ะ ในเวลาแบบนี้ ผมจึงกดรับไปด้วยความสงสัย และหลบสายตาจากอี้ชิงที่มองใบหน้าของผมอยู่

     

                ว่ะ..ว่าไงผมกรอกเสียงลงไปเสียงเบา

     

                [คือแบบ..ยังไงดี ฉันขอโทษนะไอ้ลูกหมา แต่แกกลับไปก่อนได้ใช่ป่าววะ]

                หะ..อ่า.. อือ ก็ได้ โอเคๆผมตอบกลับไปและกดตัดสาย ไม่คิดจะสงสัยอะไร เค้าคงอยากจะอยู่กับอี้ชิงสองคน โดยไม่มีผมอยู่ในบรรยากาศมันอึดอัดสินะ ชานยอลน่ะ

     

                สุด ท้ายก็เป็นผมสินะที่ต้องโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว.. ทำไมล่ะ ทั้งๆที่ชานยอลชวนผมมา ทั้งๆที่ชานยอลบอกเองว่าจะเลิกยุ่งกับอี้ชิง แล้วทำไม ต้องเป็นผมที่โดนทอดทิ้งล่ะ ทำไมล่ะ ผมไม่เข้าใจ  ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

     

                ไม่ นานนักชานยอลก็กลับมานั่งที่เก่า และเป็นผมที่หลีกเลี่ยงจะมองหน้าของชานยอล เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองตอนนี้ทำหน้าตาแบบไหนอยู่กันแน่ กลัวเหลือเกิน ... เพราะผมรู้ดีว่าตอนนี้น้ำตามันไหลออกมาได้ง่ายๆ

     

                เอ่อ..คือ ฉันขอตัวกลับก่อนนะ ชานยอล อี้ชิง พอดี..เมื่อกี้..เอ่อ..เซฮุนโทรมาตามน่ะ บอกว่ามีเรื่องให้ช่วย ขอโทษทีนะ ผมกว่าอย่างติดขัดเพราะลืมไปว่าจะอ้างว่าอะไร แต่แล้วก็นึกถึงชื่อเพื่อนอีกคนของตัวเองได้ ขอโทษนะ โอ เซฮุน ที่เอาชื่อแกมาอ้าง

     

                ผมรีบเดินออกมาจากร้านไอศกรีมโดยไม่หันหลังกลับไปมอง ชานยอลกับอี้ชิงเลยแม้แต่น้อย  บ้าเอ้ย!! ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยนะ  ผมเดินเตาะแตะไปเรื่อยๆ และผมก็พบคนที่ทำให้ผมต้องตกใจจนได้  ผมรีบสำรวจหน้าตาตัวเองว่าไม่มีอะไรผิดปกติ  พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด

     

                อ่ะ..อ่าว จงอิน เซฮุน ...มาทำอะไรที่นี่อ่ะผมถามเพื่อนร่วมชั้นเรียนทั้งสองคน ด้วยความแปลกใจ เพราะนานๆทีจะเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน

     

                มาซื้อของไปให้แมวขาหักน่ะแมวขาหัก.. จงอินมันเลี้ยงแมวตั้งแต่เมื่อไหร่นะ...แต่ช่างเถอะ  ดำๆอย่างนั้นอาจจะมีอารมณ์มุ้งมิ้งเลี้ยงแมว แบบใสใส ไม่เข้ากับหน้ามึนๆของมันเลยให้ตายสิ

     

                แล้วแกอ่ะ เซฮุนเซฮุนไม่ตอบคำถามผม แต่มือหนาของเซฮุนกลับมาจับข้อมือของผมไว้และออกแรงลาก ทำให้ผมต้องเดินตามด้วยความสงสัย

     

                เห้ย เซฮุน แกจะไปไหน เอ้าไอ้นี่ผมว่าพลางพยายามแกะมือของเซฮุนออก

     

                ช่าง มันเหอะแบคฮยอน มันไม่รู้ไปเจออะไรมา เอาแต่งอแงจะกลับบ้านท่าเดียวเลยเนี่ย แกก็กลับกับพวกฉันเลยละกันจงอินว่าแล้วก็เดินตามเซฮุนกับผมมาจนทัน

     

                อะไร ของแกวะเซอุน...เออๆ กลับด้วยก็ดี ขี้เกียจขึ้นรถเมลล์อยู่พอดี ผมว่าพลางยักไหล่ อย่างน้อยอยู่กับพวกนี้ก็จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านเรื่องชานยอลอีก  แต่ก็แอบรู้สึกแปลกๆ ที่แรงบีบที่ข้อแขนของผมมันแน่ซะจนผมต้องแอบนิ่วหน้า 

     

                ไอ้บ้าเซฮุนมันเป็นอะไรของมัน ??

     

                หลัง จากที่จงอินลงไปจากรถแล้ว ผมก็รู้แล้วล่ะ ว่าไม่ใช่แมวแน่ๆที่มันจะไปเยี่ยม มันเล่นลงที่ โรงพยาบาลนี่นา แอบเสียดายนิดหน่อยนะ... คิดว่าดำๆอย่างนั้นจะเลี้ยงแมวซะอีก   บรรยากาศในรถก็กลับมาเงียบทันที เมื่อไม่มีเสียงกวนประสาทของจงอินแล้ว  ปกติเซฮุนมันไม่เงียบขนาดนี้ปากมันเสียจะตาย.. ทำให้ผมต้องลอบมองหน้ามันเป็นระยะๆ

     

                นี่ ไอ้ลูกหมาหัวเน่าดูมัน..ดูมันเรียกผม

               

                อ่าว อะไรวะ ทำไมมาเรียกฉันแบบนี้ล่ะ ไอ้ติ๋มเอ้ยผมสระหัวทุกวันนะ ผมอยู่กับไอ้นี่สองคนทีไร มันทำผมเดือดได้ทุกทีสินะ ก็ดี ผมจะได้ลืมเรื่องชานยอลไปสักพักล่ะนะ

     

                ก็ แกมันหมาหัวเน่าๆจริงๆนี่หว่า ฉันเห็นนะ ว่าตอนแกไปน่ะ ไปกับไอ้ชานยอล ไหงตอนกลับแกทำหน้าเหมือนหมาหัวเน่าไม่มีใครสนใจ แถมยังเดินคนเดียวอีก นั่นทำให้ผมสะอึกไปเลยจริงๆนะ ... ไอ้ปากหมา ไอ้บ้าเซฮุน ผมว่าผมพยายามทำสีหน้าปกติแล้วนะ มันเห็นได้ไงวะ

     

                มั่ว ละๆ แหม หน้าแกเหมือนคนปกตินักนี่ไอ้ติ๋มเอ้ย ทำหน้าเหมือนเจอคนที่ไม่อยากเจอด้วยอย่างงั้นแหละ ฉันก็คิดอยู่ว่าแกจะเลิกปากหมาได้นานเท่าไหร่.. เหอะ  ผมว่าพลางหันไปมองนอกหน้าต่าง ทำไมมีแต่คนพูดแทงใจดำผมวะ

     

                ปากแกก็ดีเหมือนกันแหละ ไอ้ลูกหมาหัวเน่า เหอะๆ

     

                ถ้าแกไม่เริ่มก่อน ฉันก็ไม่ปากหมาใส่แกหรอก ไอ้ติ๋มผมเถียงกลับไปอย่างไม่ลดละ

     

     

     

                อ่ะ .. ถึงบ้านแกแล้วไป ลงไปเลยไอ้หมาหัวเน่าเราเถียงกันมาตลอดทาง ไม่สิ ไม่ใช่เถียงหรอก นั่งด่ากันมากกว่า ไอ้เซฮุนปากมันใช่ย่อยที่ไหนล่ะ ทำเอาผมต้องจัดชุดใหญ่กลับไปเหมือนกัน

     

                โอ๊ะ! นั่นผมว่าด้วยความตื่นเต้น เมื่อมองออกไป ก็เห็นกับคนหน้าสวยที่ผมกับชานยอลเจอในร้านไอศกรีม  บ้านเค้าอยู่แถวนี้หรอวะ ทำไมผมไม่เห็นเลย หรือจะพึ่งย้ายมาอยู่ 

     

                ปรี๊ด!!!

                อยู่ๆ เสียงแตรรถก็ดังขึ้น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฝีมือ ของโอเซฮุน ทำให้ผมต้องรีบหันกลับไปมองหน้าเซฮุนทันที แล้วผมก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะตอนนี้ใบหน้าของโอเซฮุนอยู่ใกล้ผมมาก ห่างกันไม่ถึงห้าเซน

                ซะ...เซฮุน

     

                แปปนึง อยู่แบบนี้ไปก่อน นับหนึ่งถึงห้าค่อยลงไปเซฮุนพูดเสียงเบา ก่อนจะสบตาผมอย่างขอร้อง

     

                หะ..อ่ะ อืมผมตอบตกลงด้วยความสงสัยอย่างปิดไม่มิด ผมนับหนึ่งถึงห้าในใจ แล้วรีบวิ่งลงจากรถเซฮุนมาด้วยความแปลกใจ ... และผมก็ต้องแปลกใจอีก เมื่อคนหน้าสวยที่ผมมองอยู่ตอนนั้น ยังไม่ได้เข้าบ้าน ยังคงมองมาทางผมและรถของเซฮุนอยู่อย่างนั้น ใกล้ขนาดนี้ คงเห็นและคิดอะไรไปถึงไหนแล้วนะ ไอ้บ้าเซฮุน !! นายทำให้ฉันแปดเปื้อน!!?

     

     

                Rrrrrr

                ยัง ไม่ทันที่ผมจะได้เข้าบ้าน ชานยอลก็โทรเข้ามา ผมจึงต้องรีบรับโทรศัพท์ และก็ต้องเหลือบมองเซฮุนที่ยังไม่ยอมออกรถไปไหน ด้วยความสงสัย

                ว่าไงชานยอล

                [ถึงไหนแล้วไอ้ลูกหมา]

                ถึงหน้าบ้านแล้วล่ะ ทำไมหรอ

                [อ่าวหรอ พอดีฉันเสร็จธุระแล้วน่ะ ทำไมกลับถึงบ้านเร็วอย่างนั้นล่ะ] นายยังคิดที่จะสนใจฉันด้วยเหรอ ชานยอล

                อ่าคือ เจอเซฮุนพอดีน่ะ เซฮุนเลยมาส่ง

                [อ่อ...หรอ เซฮุน...อืมๆ งั้นแค่นี้แหละ รีบๆนอนล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปรับ] ชานยอลพูดด้วยน้ำ เสียงแปลกๆ ก่อนที่จะตัดสายไป แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร สัญญาณแถวนี้คงไม่ค่อยดี น้ำเสียงของชานยอลถึงได้แปลกๆไปแบบนั้น

                อ่า Jผมมองโทรศัพท์อีกที และส่งยิ้มให้กับมัน

     

     

                อย่างน้อย..ให้ชานยอลเป็นห่วงผม ในสถานะแบบนี้ต่อไป ก็พอแล้วล่ะเนอะ


     

    TBC

    ★★★★








    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×