ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {จบเเล้วว} [★ Fic exo ★ ChanBaek]Love of a friend (ft.HH KD)

    ลำดับตอนที่ #15 : [★ Fic exo ★ ChanBaek] Ch 14 : Reminds of you

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 57


    Love of a friend

    Chapter 14:

    Reminds of You




    Byul ft. Shorry J - Reminds of You

     

     ฉันรับรู้ว่าฉันมีแค่เธอ

    และฉันรู้ว่ามันเป็นแบบนั้น

    ฉันคิดถึงเธอแค่คนเดียว

    เวลาที่ฉันได้พบสิ่งดีดี ได้ไปในที่ดีดี

    ฉันก็จะนึกถึงเธอ

     

    ★★★★

     


     

     “ไอ้บ้าชานยอล ไอ้หูกาง ไอ้.. ไอ้..ฮึก ไอ้..ฮือ” ผมยืนนิ่งๆปล่อยให้คนตัวเล็กตรงหน้าทุบตีผมทั้งน้ำตา พร้อมกับพร่ำบ่นว่าผมบ้ามั่งล่ะ หูกางมั่งล่ะ

    “ฮือ ทำไมแกทำแบบนี้กับฉันวะ” ผมปล่อยให้แบคฮยอนทำอยู่อย่างนั้น ผมก็เห็นว่ามันสมควรแล้วล่ะนะ กับการที่ผมปล่อยให้เวลามันล่วงเลยมานานจนถึงตอนนี้

     

    “ฮึก.. เงียบทำไมอ่ะ แกล้งฉันอีกหรือไงวะ ฮือ”เสียงเล็กๆนั่นเริ่มอู้อี้เพราะเจ้าตัวได้จักการฝังหน้าตัวเองลงกับลาดไหล่ของผมทั้งๆที่ยังตัวสั่นเทา ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้แบคฮยอนดีใจหรือเคียดแค้นอะไรผมกันแน่

     

    “แล้วอยากให้พูดว่าอะไรล่ะครับ หื้ม?” ผมกอดกระชับคนตัวเล็กเอาไว้แน่นกว่าเดิม ใช้สองแขนเกี่ยวเอวบางของแบคฮยอน ที่บางไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงเลยไว้แน่น

    “ไม่รู้แล้ว!” เสียงเล็กๆแหวออกมาเบาๆ พร้อมกับใบหน้าเล็กๆที่ถูไถไปมากับไหล่ของผม ตามด้วยเสียงสั่งน้ำมูกใส่เสื้อของผม

     

    ใครสั่งใครสอนแก้แค้นกันแบบนี้?

     

    “จริงๆใช่ไหม ไม่ได้แกล้งกันใช่ไหม   ... ชานยอล”แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตาผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมอยากจะเอาไม้มาฟาดตัวเอง

     

    ใบหน้าเล็กๆขาวๆ ที่เปื้อนน้ำตา ตาใสใสที่มีน้ำไร้สีเอ่อคลอ จมูกโด่งรั้นที่แดงจัด ปากบางๆสีสดที่เบะออกมา ทำให้แบคฮยอนเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ น่ารัก แต่ก็ดูน่าสงสารไม่แพ้กัน

    สายตาที่บอกผมว่าแอบกลัวอยู่ลึกๆ สายตาที่ไม่แน่ใจ ไม่กล้าคิด ไม่กล้าจะหวังอะไรแบบนั้นของแบคฮยอนทำให้ผมอยากจะหาอะไรมาฟาดตัวเองจริงๆ ผมนี่มัน... ผมทำให้แบคฮยอนคิดมากขนาดนี้เลยสินะ 

     

     

    “ขอโทษจริงๆ ที่ปล่อยเวลาให้มันผ่านมานานขนาดนี้ ถ้าย้อนเวลาไปได้ฉันจะรีบบอก .. ไม่ปล่อยให้แบคฮยอนของฉันต้องร้องไห้แบบนี้แน่ๆ”

     

    “....”

    “หยุดร้องไห้เถอะนะ รู้ไหมว่าคนชื่อ บยอนแบคฮยอน น่ะน่ารักมากจริงๆเวลายิ้มน่ะ..” ผมใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำไร้สีที่เปรอะเปื้อน ออกไปจากใบหน้าน่ารักๆของแบคฮยอน

     

    “....”

     

     

    “รักนะไอ้ลูกหมา..”

     

    “พอเลย.. ฮึก” แบคฮยอนทำท่าจะเอากำปั้นเล็กๆนั่นมาฟาดปากของผมพร้อมกับกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ “ใครสอนให้พูดคำนั้นบ่อยๆกันเล่า ไอ้หูกาง!!” ก่อนที่แบคฮยอนจะตะโกนซะดังลั่น แล้วก็วิ่งหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปแล้ว

     

                ผมหย่อนก้นลงบนเตียงของลูกชายคุณน้าบยอน ก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆห้องที่ถูกตกแต่งอย่างน่ารัก ข้าวของต่างๆวางเป็นระเบียบ สมกับเป็นไอ้ลูกหมาของผม ผมมาที่นี่บ่อยอยู่พอสมควรจนรู้ทุกซอกทุกมุมของห้องนี้  สายตาของผมตอนนี้ไปโฟกัสอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งใกล้ๆกับตู้เสื้อผ้า ตรงนั้นมีรูปสติ๊กเกอร์ ที่ผมกับแบคฮยอนถ่ายเล่นด้วยกัน สมัยมอต้น มามองตอนนี้มันตลกดีชะมัด นานแล้วเนอะ.. 

                ผมคลี่ยิ้มออกมาอย่างหยุดไม่ได้ ไม่ว่ามองไปที่ไหน ภาพความทรงจำของผมกับแบคฮยอนก็จะเวียนวนเข้ามาในสมองของผม ไม่ซ้ำเรื่อง ทุกๆอย่างของแบคฮยอน ผมชอบ..

     

                ความทรงจำที่สร้างด้วยกันมีมากเกินไปกว่าที่ผมจะนั่งนึกวันเดียวหมด รอยยิ้มของผมที่เกิดจากแบคฮยอนมากมายซะจนผมไม่รู้ว่าจะยิ้มได้เพราะใครมากขนาดนี้  ผมกระตุกยิ้มพร้อมกับอยากจะทำร้ายตัวเองอีกครั้ง ทำไมผมไม่บอกแบคฮยอนให้เร็วกว่านี้นะ ผมน่าจะบอก.. ตั้งแต่วันที่ผมรู้ตัว ว่าใจของผมเรียกหาใครมาตลอด

     

                แต่บอกในวันนี้ มันยังไม่สายไป ก็คือโชคดีของผมแล้วล่ะนะ อยากจะขอบคุณทุกๆอย่าง ที่แบคฮยอนก็รู้สึกแบบเดียวกับผม อยากจะขอบคุณที่แบคฮยอนมองแค่ผมมาตลอด ทั้งๆที่ผมเองก็เคยคบกับใครมากมาย แบคฮยอนจะเจ็บมากขนาดไหน เป็นสิ่งที่ผมไม่อาจรับรู้ได้หรอก แต่ผมไม่อยากให้แบคฮยอนต้องเจ็บปวดอีกแล้ว

     

                ผมคนนี้ ปาร์คชานยอล จะทำให้ทุกๆวันต่อจากนี้ของแบคฮยอนมีแต่รอยยิ้ม J

     

     

     

               

                “ไปอาบน้ำได้แล้ว ไอ้หูกาง”

     

    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมนั่งคิดเรื่องของผมกับแบคฮยอน รู้ตัวอีกทีคนตัวเล็กกว่าก็โยนผ้าเช็ดตัวใส่หน้าผม แล้วยืนทำหน้านิ่งใส่ผมซะงั้น

     

                “ไอ้ลูกหมา..” ผมมองแบคฮยอนในชุดนอนสีฟ้าน่ารักๆตรงหน้า

                “อะ..อะไร ทำเสียงแบบนั้น ..ทำไม” แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น

     

                “นี่..” ผมเอื้อมแขนไปจับมือแบคฮยอน กระตุกนิดเดียวคนตัวเล็กก็เซลงมานั่งตักผมแล้ว

                “หะ เห้ย ปล่อย”แบคฮยอนที่ถูกผมกอดไว้ ไม่ได้ขัดขืนหรือพยายามแกะมือของผมออกไป แต่กลับกลายเป็นนั่งเกร็งจนตัวแข็งแทน

     

                “...” ผมไม่ได้พูดอะไร จัดการเอาหน้าของผมเองไปเกยกับไหล่บางๆของแบคฮยอน  “ฉันแค่อยากให้แกแน่ใจ ว่าฉันพูดจริงๆนะ”

                “อ่า..”

                “รู้ใช่ไหม ว่าไม่ได้โกหก”

                “อือ”

                “จริงๆ นะแบคฮยอนอ่า”

                “อื้อ..ปล่อยได้ยัง”เสียงอู้อี้จากลำคอของคนในอ้อมกอดดังอออกมาเบาๆ พวงแก้มขาวของแบคฮยอนที่เริ่มแดงทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม แล้วจัดการฝังจมูกลงไปกับแก้มแดงๆนั่น

     

                ฟอด ~!

     

                “เห้ย เล่นบ้าอะไร เอาหน้าออกไปเลยนะ  แล้วก็ไปอาบน้ำเลยไป” แบคฮยอนที่หน้าแดงแปร๊ด พยายามใช้มือเล็กๆผลักหัวของผมให้ออกห่างจากใบหน้านุ่มนิ่ม

                “ฮ่าๆ เขินหรอ” ผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ยิ่งแบคฮยอนเป็นแบบนี้ผมยิ่งอยากจะแกล้ง อยากจะหอม อยากจะกอด ทำไมน่ารักแบบนี้นะแบคฮยอน

               

                “ไม่ได้เขินสักหน่อย .///.

                “หรอ.. ไม่ได้เขิน เเบบนี้เนี่ยนะ” ผมบอกแล้วหยิกแก้มแดงๆนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว

               

                “เออ! เขินก็เขิน เขิน เขิน เขินมากด้วยเนี่ย!!” เสียงหวานๆนั่นดังจนเกือบเรียกได้ว่าตะโกน “รู้แล้วก็ไปอาบน้ำเลยนะไอ้หูกาง ฉันจะร้องไห้จริงๆนะ ถ้าไม่เลิกแกล้งกันน่ะ” แบคฮยอนทำปากคว่ำแล้วหันมามองค้อนให้ผม แต่แบคฮยอนจะรู้ไหมว่าตอนนี้เราใกล้กันมากแค่ไหน ปลายจมูกเฉียดกันทำให้แบคฮยอนต้องหลุบตาลงมองข้างล่าง พร้อมกับสีแดงๆที่เริ่มจะขึ้นมาติดอยู่บนใบหน้าน่ารักอีกระลอก

     

                “ .... ” แบคฮยอนไม่ได้พูดอะไร เงียบ.. แล้วก็ทำหน้างอ  ทำไมผมจะไม่รู้ว่าตอนนี้คนตัวเล็กเขินจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

     

                “อ่า..แล้วอย่าพึ่งหลับล่ะ ฉันว่าเรายังต้องคุยเรื่องของเราอีกเยอะนะ แบคฮยอน”ผมยกคนตัวเล็กออกจากตัก วางลงบนเตียงก่อนจะขยี้กลุ่มผมของแบคฮยอน จนคนตัวเล็กส่งหน้าเบะๆพร้อมกับขมวดคิ้วให้อีกรอบ

     

                ผมหัวเราะน้อยๆแล้วเดินหนีแบคฮยอนที่กำลังคิดจะทำร้ายร่างกายผมเข้าห้องน้ำ ไม่ลืมที่จะหยิบชุดนอนที่แบคฮยอนเตรียมไว้ให้เข้าไปด้วย

     

                ให้ตายสิ ผมอยากจะระเบิดตัวเองทิ้งอยู่เหมือนกันนะ แบคฮยอนโหมดกำลังเขินนี่ ทำใจผมสั่นได้อีกแล้ว แค่คิดถึงแก้มแดงๆนั่น ผมก็ยิ้มออกมาอย่างไม่ต้องการจะหุบเลย

     

                ทำไมถึงน่ารักได้ขนาดนี้นะ ไอ้ลูกหมาเอ้ย
     

     

     
     

                :::Byun Baekhyun:::

     

                บ้าๆๆๆๆๆๆๆ บ้า!!!!!! ไอ้หูกางบ้า ไอ้บ้าปาร์คชานยอล !!!!!

     

     ผมทำได้แค่ตะโกนด่าชานยอลอยู่ในใจ ถ้าไม่กลัวว่าชานยอลจะได้ยินนะ ผมจะตะโกนระบายความรู้สึกบ้าๆตอนนี้ออกไปให้หมดเลย

     

    เกลียดที่สุดเลย ผมเกลียดชานยอล เกลียดๆ เกลียดไอ้หูกาง !

     

    เกลียด.. ที่ทำให้หัวใจผมเต้นอย่างบ้าคลั่ง

     

    ./////.

     

                เห้อ... ทางที่ดีที่สุดตอนนี้คือทำให้จังหวะหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ ผมถอนหายใจเพื่อผ่อนจังหวะหลายครั้งก่อนจะเอามือทาบตรงอกข้างซ้าย ก็พบว่ามันเริ่มเต้นเป็นปกติแล้ว 

     

                สัมผัส ร้อนๆตอนที่ชานยอลหอมแก้มผมมัน มัน เหมือนยังติดอยู่ตรงนี้ที่ข้างแก้ม แค่คิดถึงขนก็ลุกไปทั้งตัว แล้วหัวใจบ้าบอนี่ก็เต้นแรงอีกครั้ง แค่เพียงผมคิดถึงมัน

     

                บ้า จริง.. ผมขบริมฝีปากล่างของตัวเองเอาไว้ก่อนจะมองไปที่ประตูห้องน้ำที่ยังคงปิดอยู่ เสียงน้ำข้างในยังคงดัง บอกได้ว่าตอนนี้ไอ้หูกางยังอาบน้ำอยู่

     

                ไม่รู้แหละ แต่ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ผมเชื่อนะ เชื่อแล้ว ว่าที่ชานยอลพูดน่ะ เค้าไม่ได้โกหก..

                แต่ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม.. ไม่พร้อมจริงๆ กับชานยอลโหมดนี้ ชานยอลที่ทำให้หัวใจเต้นแรงมากกว่าเก่า ชานยอลที่ชอบยิ้มกรุ้มกริ่ม ชานยอลที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วมองผม ชานยอลที่ยิ้มให้ ชานยอลที่พูดอะไรก็ไม่รู้ ชานยอลที่หูกางๆ ชานยอลที่หน้าตาแบบนั้น ปาร์คชานยอลน่ะ

     

                ผมไม่ชินหรอกนะ หลังจากที่ได้ยินคำนั้นจากปากชานยอลแล้ว.. ผมต้องทำยังไงล่ะ ?

     

                ชานยอล!! ฉันนอนแล้วนะ ไม่รู้ผมฉลาดหรืออะไรแต่ปากผมมันตะโกนบอกชานยอลไปแล้ว ไวกว่าความคิด ผมเดินไปปิดไฟ รีบยัดตัวลงไปในผ้าห่มเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียงไว้ให้ชานยอล

     

                ขอให้ผมหลับทีเถอะ ..

     

     

                .

                .

                .

                .

     

                เสียงฝักบัวน้ำในห้องน้ำหยุดแล้ว พร้อมกับเสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออก เล้วผมก็ยังนอนไม่หลับ ไม่รู้แหละ แกล้งหลับไว้ก่อนละกัน

     

                แรง สั่นจากปลายเตียงที่เริ่มยุบ จากการที่ชานยอลขึ้นมาบนเตียงแล้ว กลิ่นสบู่ของผมลอยเข้าจมูก คงมาจากชานยอลอีกนั่นแหละ ผมทำได้แค่พยายามหลับให้ปกติที่สุด

     

                หลับแล้วหรอ ไอ้ลูกหมาเสียงของชานยอลดังขึ้น แล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดใดอีกเลย จนกระทั่ง

                จนกระทั่งตอนที่ผมรู้สึกถึงริมฝีปากนุ่มหยุ่นที่กดลงมาที่หน้าผากของผม

     

                นิ่ง.. แบคฮยอน นิ่งไว้ เราหลับอยู่ หลับ..

     

                ผม สะกดจิตของตัวเองเอาไว้ ก่อนที่ผมจะต้องหดเกร็งไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อชานยอลกดริมฝีปากไปทั่วใบหน้า ตรงแก้มทีตรงจมูกที ราวกับต้องการจะแกล้งผม ตามด้วยการกดริมฝีปากลงมาที่ปากของผมอย่างแผ่วเบาแล้วผละออกไป

                พู่วววผมเผลอหายใจแรงๆออกไปด้วยความโล่งอกก่อนจะคิดได้ว่า

     

                ผมพลาดแล้วล่ะ

     

                แกล้ง หลับจริงๆสินะ แบคฮยอนอ่าชานยอลทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้ว ก่อนที่จะรวบเอวของผมแล้วพาให้ทั้งร่างของผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของ ตัวเองอย่างง่ายดาย

     

                นี่.. แกล้งฉันอีกแล้วหรอชานยอลผมบอกด้วยความเขินอายที่เริ่มจะเข้ามาจุกอยู่ที่ตามใบหน้าและลำคอ

                ก็ ใครใช้ให้ลูกหมาของฉันแกล้งหลับล่ะ หื้ม?” ชานยอลพูดก่อนที่จะเลื่อนหน้าลงมาใกล้ แต่เสียใจผมจับจังหวะของชานยอลได้แล้วล่ะ ผมเลยเอามือกันไว้ทัน

     

                พูดดีดีนะ ใครเป็นของแกตั้งแต่เมื่อไหร่ชานยอลผมชักมือของตัวเองกลับแทบไม่ทันเมื่อชานยอลฝังจมูกลงมาที่ฝ่ามือผมแทน

     

                ร้ายกาจ ...

     

                จะ ทำให้เป็นตอนนี้เลยเอาไหม?” เมื่อไม่มีทางเลือกที่จะหนีใบหน้าของชานยอลที่โน้มลงมาเรื่อยๆแล้วผมก็ต้อง เลือกทางสุดท้าย คือเข้าใกล้ชานยอลมากกว่าเดิมแล้วฝังหน้าของตัวเองลงกับแผงอกกว้างที่เต็มไป ด้วยกลิ่นสบู่ของชานยอล

                ทำไมถึงได้น่าแกล้งแบบนี้นะ แบคฮยอน

     

                ฉัน ไม่ได้น่าแกล้งนะ คนแถวนี้โรคจิตเองต่างหาก ผมบอกไม่สนว่าชานยอลจะได้ยินเสียงผมไหม แถมยังหื่นอีกต่างหาก ผมเอาหัวของตัวเองกระแทกอกกว้างนั่นไปทีนึงด้วยความหมั่นไส้

     

                โอ้ย ! ฮ่าๆ โอเคๆ ไม่แกล้งละ เรามาคุยเรื่องของเรากันดีดี ดีกว่าไหมแบคฮยอน

                อะไร.. เรื่องขะ.ของเราบ้าอะไร

     

                ก็ เรื่อง.. เรื่องของเราไงผมได้ยินเสียงของหัวใจชานยอลที่เต้นแรงไม่แพ้กัน ผมได้ยินแล้วก็อยากจะเห็นจริงๆว่าใบหน้าของชานยอลตอนนี้มันจะแดงแบบที่ผม เป็น ใจจะสั่นแบบที่ผมรู้สึกอยู่ไหมนะ

     

                “....”

     

                คบกันไหม... แบคฮยอน

     

                “....”

     

                ว่าไง..

     

                “....”

     

                ร้องไห้ ทำไม...เสียงทุ้มของชานยอลเอ่ยขึ้นมาในความเงียบ ผมร้องไห้.. อ่า ใช่ .. เรียกว่าร้องไห้ได้ใช่ไหม ไอ้อาการที่อยู่ๆน้ำก็ไหลออกมาจากตา ทั้งๆที่ตอนนี้ผมดีใจ.. มันคือน้ำตาแห่งความดีใจ

                ฮึก..

     

                ชานยอลลูบหัวผมเบาๆก่อนจะกระซิบที่ข้างหูผม ขี้แงจริงๆ

     

                เปล่า ขี้แงนะผมเงยหน้าขึ้น แสงไฟจากโคมไฟที่ไม่มากนักทำให้ผมมองเห็นได้แค่เสี้ยวหน้าของชานยอล แต่ถึงอย่านั้น ชานยอลก็ยังคงงดงามเสมอ  ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

     

                คุณเคยรู้สึกเหมือนฝันไหม เหมือนเรื่องที่ฝันเอาไว้กลายเป็นความจริง เรื่อง.. ที่คิดว่าไม่มีโอกาส ในวันนี้มันกลายเป็นความจริง

     

                ผมไม่ได้ฝันไปจริงๆใช่ไหม?

     

     

                ผม คลี่ยิ้มบางๆให้กับความรู้สึกดีจนล้นออกมาเป็นน้ำตา ผมยิ้มให้ชานยอลที่กำลังมองมาที่ผมเหมือนกัน ผมไม่ได้ตอบออกไป แต่คิดว่าเราคงเข้าใจตรงกัน เรื่องคำตอบของผม

     

                ผมหลับตาลง.. ได้แต่ภาวะในใจ ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน

     

     

                หรือถ้าจะเป็นความฝัน ผมคงยกให้ความฝันนี้ เป็นความฝันที่ดีที่สุดในชีวิต




     

    ★★★★

     

     

     

                เห้ย.. ไม่ต้องจับมือก็ได้ผมบอกเสียงเบา เพราะตั้งแต่เดินลงจากรถ ชานยอลก็มาคว้าเอามือของผมไปจับไว้แน่น

                ไม่มีใครสนใจพวกเราหรอก เพราะใครๆก็รู้ว่าผมกับชานยอลเป็นเพื่อนสนิทกันจะเดินจับมือกันในโรงเรียนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่สำหรับผมน่ะ... มันไม่เคยชินเอาซะเลย ปกติไม่ได้เดินจับมือกันแบบนี้นี่นา จะให้ผมทำหน้ายังงล่ะ จะซ่อนความเขินอายไว้ยังไงดี

     

                เป็นไร ล่ะ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ชานยอลหยุดเดินแล้วจับหน้าของผมให้หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองก่อนจะ ส่งยิ้มร้ายกาจ .. ร้ายกาจ ที่ทำให้ใจผมเต้นแรงมาให้ผมอีกแล้ว

     

                ปะ.. เป็นสิ ปล่อยเลยผมสะบัดมืออกในตอนที่ชานยอลกำลังเผลอ แล้วเดินดุ่มๆไปทางห้องเรียนก่อนที่ชานยอลจะตามมาทัน

     

                ผม ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อตอนนี้เพื่อนๆในห้องต่างออกมายืนอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด ทั้งห้องไม่มีใครเลย ยกเว้นไอ้ก้อนดำๆที่กำลังเอียงคอเอาหน้าแนบกับโต๊ะ พร้อมกับทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก ถึงมันจะหน้านิ่งๆแบนั้นอยู่แล้ว แต่วันที่มันแปลกออกไปในแววตาของมันมีอะไรบางอย่าง

     

                ทำไมไม่เข้าไปล่ะแบ..ชานยอลที่พึ่งมาถึงก็หยุดชะงักเหมือนกันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

     

                ไอ้ดำกัมจงมันเป็นอะไร..

     

                เห้ย.. เป็นไรวะจงอินผมเดินเข้าไปถาม แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่น เมื่อจงอินมันสะบัดหน้าหนีผมเหมือนกำลังงอนผม  งอนผม? ผมไปทำอะไรให้มันงอน?

     

                เอ้าเห้ย เป็นอะไร ดีดีนะเว้ยชานยอลเดินเข้าไปลองดูบ้าง แต่คราวนี้ได้ผล จงอินไม่ได้สะบัดหน้าหนี พร้อมกับหยัดตัวลุกขึ้นมา หันมามองหน้าผม

                แกเลยแบคฮยอน ไอ้ลูกหมาหัวเน่า!” จงอินมองหน้าผมก่อนจะมองหน้าผมนิ่ง แล้วถอนหายใจอีกรอบ ช่างเหอะ ไม่มีไรหรอก จงอินบอกพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆแล้วคราวนี้ก็หลับตาลง อย่างต้องการจะหลับจริงๆ

     

                ผม กับชานยอลได้แต่หันไปมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ เพื่อนๆเริ่มทยอยเข้ามาในห้องแล้วยังคงนั่งเงียบๆเหมือนเดิม ก็ไอ้จงอินเล่นแผ่รังสีดำทมิฬออกมาอย่างนั้น..

     

                แต่ เอาเถอะนะ คนอย่างคิมจงอินน่ะ ชอบจัดการปัญหาของตัวเองคนเดียวเสมอ แต่ถ้าวันไหนมันไม่ไหว มันกผ้จะเล่าให้ฟังเอง แบบนี้ผมเลยไม่อยากไปเซ้าซี้อะไรมันมาก แต่ไม่ปฏิเสธหรอกนะ ว่าสงสัยว่ามันเกี่ยอวะไรกับผม?

     

     

     

                ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ..

     

                ได้ยินเสียงหัวใจผมไหม... มัน เต้นแรงอีกแล้ว ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกลืนน้ำลายลงท้องอย่างช้าๆ เมื่อเซฮุนปรากฏตัวเข้ามาในห้อง

     

                ว่าไงไอ้ฮุน! ทำไมไม่มาโรงเรียนเมื่อวานวะชานยอลเอ่ยถามเซฮุนออกไปเสียงดังแต่ก็ไม่เท่าไหร่เพราะตอนนี้เพื่อในห้องก็เริ่มส่งเสียงแล้วเหมือนกัน

               

                ผมหันขึ้นไปสบตากับเซฮุนแว๊บเดียวก่อนจะหลุบตาลงมามองที่มือของตัวเองที่ตอนนี้แทบไม่แน่ใจว่าควรจะวางมันไว้ตรงไหน

     

                อ่าว ไอ้ยอล ทำไมกลับไปนั่งคู่กันได้แล้วหรือไงเซฮุนเดินเข้ามาใกล้ ใช่แล้ว ผมกับชานยอลกับมานั่งที่เดิม ที่เคยเป็นของผมและชานยอล..

     

                เป็นไง แบคฮยอน..ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเซฮุนอย่างเลี่ยงไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยทักทาย

     

                ปะ..เป็นอะไร ก็ปกติดี..ผมมองหน้าเซอุนด้วยความไม่เข้าใจกับรอยยิ้มบางที่ปรากฏอยู่บนหน้าขาวๆนั่น

    ฮ่าๆ นี่เชื่อจริง ใช่ไหมเซฮุนหัวเราะออกมาทำให้ผมขมวดคิ้วอีกรอบ อย่าคิดมาดิเห้ย ฉันล้อเล่นน่าเซฮุนขยี้หัวของผมเบาๆก่อนจะขยิบตาให้ ผมพอจะเดาได้นะว่ามันคือเรื่องเดียวกันกับเรื่องที่ผมกังวลเมื่อครู่

    ที่จริง ผมก็มีความคิดที่จะทำตัวปกติกับเซฮุนแล้วทำเหมือนว่าเซฮุนพูดเล่นอยู่เหมือน แต่กับประสบการณ์ที่ผมเจอมากับตัว.. การที่เราสารภาพบอกกับคนที่เราชอบไปแล้ว เล้วเค้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำตัวปกติน่ะ มันเจ็บแค่ไหน..

     

    จนผมอาจจะลืมคิดไปว่าการที่เค้าทำตัวไม่ปกติ.. มันก็น่าใจหายเหมือนกัน

     

                แต่ในเมื่อเซฮุนบอกเองว่าล้อเล่น ผมก็จะเลิกคิดมากแล้วล่ะนะ แล้วใครว่าฉันคิดมากเล่า ไอ้บ้านี่ ผมต่อยท้องเซฮุนแรงๆทีนึงก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเริ่มจะโล่งใจ

     

                มี อะไรกันหรอไอ้ฮุน บอกมาเลยๆ ชานยอลที่นั่งเงียบอยู่สักพักเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเอื้อมมือมาโอบไหล่ของผมเอา ไว้ จนผมได้แต่หันไปมองชานยอลแล้วขมวดคิ้ว ผมอายนะ

     

                เปล่า หรอก..เซฮุนยกยิ้มแปลกๆ หรือว่าจะทำให้มีดีล่ะ.... แบคฮยอน เซฮุนพูดแค่นั้นแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ผมซะงั้น

     

                ว่าไงแบคฮยอน มีอะไรจะบอกฉันไหมชานยอลมองผมก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆ ทำให้ผมต้องเอนตัวหนี

                มะ..ไม่มี จะให้มีอะไรเล่า ไอ้บ้าชานยอล  ผมสบตากับชานยอลอย่างเลี่ยงไม่ได้.. แบคฮยอนไม่ชอบที่จะสบตากับปาร์คชานยอลเลย..

     

                ไม่มีก็ดี แต่ฉันหึงจริงๆ นะ แบคฮยอน ชานยอลกดจมูกลงมาที่ใบหน้าของผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะกดมันแช่ไว้แบบนั้นจนผม ต้องนั่งตัวเกร็ง หึง แล้วก็หวงมากด้วย ริมฝีปากของชานยอลที่เปล่งเสียงออกมาสัมผัสกับแก้มของผมไปมา

    ตอนนี้หน้าฉันร้อนจะแทบจะไหม้แล้วนะชานยอล..

     

    ฉัน น้อยใจนะ.. ที่แบคฮยอนของฉันไม่บอกทุกคนไปว่าเราเป็นอะไรกัน คำพูดของชานยอลทำให้ใจผมกระตุกวูบ แต่ก็ต้องกลับมาใจสั่นเมื่อชานยอลส่งยิ้มมาให้.. ตกลงชานยอลน้อยใจผมอยู่จริงหรือเปล่า?

     

    ชานยอ ลผละออกไปแล้วเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาแต่ก็ยังมิวายหันมามองทางผม จนผมไม่กล้าขยับตัวไปไหนแล้ว ผมเหล่ตาไปมองที่ชานยอลเป็นระยะๆ แล้วก็ต้องรับเบนสายตากลับมาทุกครั้งเมื่อหันไปก็จะเจอกับชานยอลที่มองมาที่ ผมพร้อมกับระบายรอยยิ้ม ที่ทำให้ใจเต้นระรัวได้เสมอมาให้

     

    "นี่แบคฮยอน...ปากกานี่ ซื้อมาใหม่หรอ" ผมละสายตาจากงานตรงหน้าเเล้วเงยหน้ามองใบหน้าของชานยอล

    "อือ...สีสวยป่ะล่ะ กลิ่นผลไม้ด้วย..." ผมบอกเเละเลิกสนใจคนข้างๆ หันกลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อ

    "อย่างนี้ต้องลองดูสักหน่อย เผื่อจะได้ซื้อมาใช้บ้าง ขอลองหน่อยได้ไหม?"

    "อือ ตามสบาย"ผมบอกไม่รู้ว่าชานยอลสนใจพวกปากกานี่ด้วย สายตาที่มองมายังคงดูร้อนแรงเหมือนเดิม ราวกับพระอาทิตย์ส่องแสง จนผมไม่กล้าที่จะมองชานยอลตรงๆเลย

     

    "เฮ้ย!!" ผมร้องอย่างตกใจเมื่ออยู่ก็ชานยอลก็เอาปากกามาขีดลงที่เเก้มของผม

    "เล่นบ้าอะไรเนี่ย เฮ้ย! มันเปื้อน" ผมว่าพร้อมกับเงื้อมือจะฟาดชานยอล

    "ก็ลองปากกาไง สีสวยจริงๆด้วย"

    "ไอ้บ้านี่ มันเปื้อนนะเนี่ย  " ผมว่าพลางเอามือถูแก้มไปมา

     

    "คุณ บยอน คุณปาร์ค พวกเธอจะเรียนกันไหม เล่นอะไรกันอยู่อย่าให้มีครั้งที่สองนะ" เสียงของอาจารย์ที่ดังขึ้นทำให้พวกเราสองคนต่างหดหัวของตัวเองลงเพราะสายตา เพื่อนทั้งห้องกำลังมองมาที่เรา แล้วก็คุณบยอน เธอพอจะลู่ไหมว่าทำไมนักเรียนใหม่เสี่ยวลู่หาน ไม่มาโรงเรียน ครูติดต่อไม่ได้เลย เห็นพวกเธอบ้านอยู่ใกล้กันลองไปดูๆให้ครูหน่อยนะ

     

    ค...ครับ

     

     

    "เอ้างอนไรล่ะ เเค่ลองปากกาเอง สีมันสวยจริงๆนะ เเบคฮยอน"

    ". . .. "

     

    ฟอด!!

     

    ผมหันไปถลึงตาเล็กๆของผมใส่ชานยอลเมื่อจมูกโด่งๆนั่นกดลงมาที่เเก้มของผม

    "ทะ..ทำ..บะ.."

    "กลิ่นหอมด้วย ปากกานายนี่เยี่ยมสุดๆเลยเเบคฮยอน "

    "...." ใครจะรู้ว่าตอนนี้ผมอยากจะตะโกนด่าชานยอลมากแค่ไหน แต่ผมต้องเก็บเอาไว้ เพราะยังไม่อยากถูกอาจารย์ไล่ออกนอกห้องเรียน ..

     

    หัวใจ ผมเต้นแรงได้เสมอกับการทำแบบนี้ของชานยอล ทำไมชอบฉวยโอกาสนักนะ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ผมนับครั้งจะไม่ได้แล้วนะ ว่าโดนชานยอลขโมยหอมแก้มไปกี่ครั้ง

     

    ทำไมถึงทำให้ใจเต้นแรงขนาดนี้นะชานยอล

    ทำไม..ฉันถึงเรื่องของแกได้ตลอดเวลาแบบนี้ล่ะ

     

    . . .

    งอน จริงๆหรอแบคฮยอนอ่า.. ขอโทษนะ ลูกหมา ชานยอลบอกพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าผม แต่เหมือนกับมองไม่เห็นและผมก็จมเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเองอีกครั้ง

     

     

    ผมไม่ได้งอนอะไรชานยอลหรอก..

     

    ก็แค่.. ได้ยิน ได้ยินชื่อเสี่ยวลู่หานแล้วความรู้สึกแปลกๆ มันก็กลับมาอีกแล้ว

     

     

    ผมลืมเรื่องของเสี่ยวลู่หานไปได้ยังไงนะ.. ผมลืมภาพที่ชานยอลจูบกับลู่หานไป ผมลืมว่าชานยอลกับเสี่ยวลู่หานดูจะสนิทสนมกันได้ยังไง

     

    ความรู้สึกว่ากลัวเข้ามากัดกินข้างในหัวใจผมอีกแล้ว

     

    ผมกลัว

     

    ที่ตรงนี้ที่ผมนั่ง ที่ที่เคยเป็นของผมมาตลอดครั้งนึง.. เสี่ยวลู่หานเคยนั่งมัน เสี่ยวลู่หานเคยทำให้ผมไม่มีตัวตนในสายตาชานยอล และวันนี้เสี่ยวลู่หานไม่มาโรงเรียน ถ้าลู่หานมา ผมต้องทำตัวแบบไหนกันนะ..

     

    ผมมันขี้แงจริงๆแหละ น้ำตาของผมจะไหลออกมาอีกแล้ว ผมทำได้แค่ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเรียนแล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาอีกแล้ว

     

    ผมควรจะถามชานยอลออกไปใช่ไหม..?

     

    มันคือสิ่งที่ผมควรจะทำ แต่มันยากเหลือเกินในห้วงอารมณ์แบบนี้

     



     

    TBC

    ★★★★

     

     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×