คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : [★ Fic exo ★ ChanBaek] Ch 11 : I Would . ..
Love of a friend
Chapter 11:
I Would
♥ Henry - I Would
Tell me how can I feel no feelings?
Is there a way to leave it all behind?
บอกทีว่าฉันจะสามารถทำเป็นไม่รู้สึกอะไรได้ยังไง?
จะมีทางไหนบ้างมั้ยที่จะทิ้งเรื่องราวทั้งหมดไว้ข้างหลัง?
★★★★
:::Byun Baekhyun:::
“ขอโทษนะชานยอลที่ฉันรักแก”
“ขอเวลาสักพักนะแล้วเราจะเป็นเพื่อน.. ที่เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ”
ประโยคพวกนี้ยังคงดังก้องอยู่ใน หัวของผม คำพูดที่ผมคิดว่ามันแสนจะโง่เขลาเหล่านั้น ตอกย้ำว่าผมได้ทำทุกอย่างพังไปหมดแล้วจริงๆ ผมไม่น่าเลย.. . ไม่น่าพูดออกไปเลยจริงๆ
ผมไม่น่าจะมีความรู้สึกแบบนั้นกับเพื่อนที่ไว้ใจผมเลยจริงๆ
“ขอโทษ..ฉันขอโทษ ฮึก.. คำว่าเพื่อนของเราพังไม่เป็นท่าแล้วสินะ...” ผมทำได้แค่พูดขอโทษอยู่อย่างนั้น พูดมันออกมาทั้งน้ำตา หวังให้ใครสักคนได้ยิน . . .
แต่ไม่มีหรอก เพราะตอนนี้ผมอยู่ในห้องของตัวเองนี่นา
น้ำตาผมไหลออกมามากกว่าเดิมเมื่อคิดถึงใบหน้าที่เรียบเฉยของชานยอล คงจะช๊อคสินะ . .คงจะเกลียดผมไปแล้วสินะ
ชานยอลไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งๆที่ผมพูดมันออกมาจนหมด หมดข้างในหัวใจผมแล้ว ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว แต่ชานยอล ก็ยังคงไม่พูดอะไรสักคำ
ผิดหวังใช่ไหม กับเพื่อนคนนี้ . .. เพื่อนที่รักแกหมดหัวใจ ใช่ไหมไอ้หูกาง
ไอ้หูกาง ผมจะมีโอกาสได้เรียกมันแบบนี้อีกไหมนะ
“แล้วฉันจะลืมแกได้ยังไงวะชานยอ ล . ..” บางทีผมก็รู้สึกอยากจะเอาอะไรมาฟาดหัวตัวเองแรงๆสักสามที เผื่อว่าจะเลิกนิสัยงี่เง่า สิ้นคิดนี่สักที ผมผิดที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ เออ ใช่ แล้วผมก็ผิด ที่พูด.. ในสิ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ไหม
พูด... ทั้งๆที่พยายามมาตั้งนานแล้วมันก็ไม่เคยทำได้
★★★★
Nobody else can make a man so weak.
Make him fall in love so deep.
ไม่มีใครอีกแล้วที่ทำให้ฉันอ่อนแอแบบนี้
ทำให้ตกหลุมรักได้ขนาดนี้
ผมนั่งมองโทรศัพท์อย่างชั่งใจอยู่สักครู่ ก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาและกดโทรออกไปในที่สุด เสียงเพลงรอสายยังคงดังอยู่อย่างนั้น
นาน. .. จนตอนนี้ผมเริ่มไขว้เขวแล้วล่ะ ว่าจะโทรดีไหม? จะเริ่มยังไงดีนะ!
(ว่าไง แบคฮยอน) จากตอนแรกที่จั้งใจจะยิงคำถามใส่เลย แต่ทันทีที่ปลายสายรับก็ส่งน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจมาซะงั้น
“ทำอะไรอยู่หรอ...เซฮุน” ผมกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่น ไม่รู้จริงๆว่าถ้าเซฮุนไม่ว่าง.. ผมจะทำยังไง ผมต้องนอนไม่หลับแน่ๆเลย
(เปล่านี่ คุยได้) เซฮุนส่งเสียงปกติมาแล้ว ทำให้ผมสูดหายใจเข้าอีกครั้งอย่างต้องการเรียกความมั่นใจ
“อ่า... คืออ” บ้าจริง ทำไมมันรู้สึกแปลกๆที่จะพูด กับเซฮุนนี่ก็แปลกดีเหมือนกัน ทำไมผมถึงรู้สึกประหม่านะ
(ว่าไงล่ะ หื้ม?)
“ทำไมวันนี้ไม่มาโรงเรียนล่ะ?” ผมมองไปรอบๆบริเวณห้องของตัวเองก่อนจะถามคำถามที่คิดว่าไร้สาระน้อยที่สุด แล้วออกมา เพราะวันนี้เซฮุนไม่มาโรงเรียนถามแบบนี้ไม่แปลกสินะ
(ทำไมอ่ะ เป็นห่วงรึไงไอ้หมา) ผมไม่รู้หรอกว่าเซฮุนเป็นประจำเดือนหรืออะไร น้ำเสียงที่ส่งมาถูกเปลี่ยนไปในหลายรูปแบบ เหมือนต้องการปรับอารมณ์
“เอ้า นี่ถามดีดีนะเนี่ย โอ้ยย ไม่คุยเรื่องนี้ล่ะ หื้ออออ” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆอีกที
“ที่จริง... มีเรื่องจะปรึกษาหน่อย”
เวลาตกหลุมรัก.. ไม่เคยต้องถามใคร ไม่เคยต้องมีใครมาบอก ว่ามันต้องทำยังไง.. ต้องปฏิบัติหรือทำตัวแบบไหน ความรู้สึกที่ว่ารักมันถึงจะเกิดขึ้นมา
แต่ทำไม?
“นี่ เซฮุน.. ถ้าฉันจะลืมชานยอล ฉันต้องทำยังไงบ้างวะ” ผมพูด และหลับตาลงอีกครั้ง แค่รู้สึกเหมือนน้ำตามันจะไหลออกมาอีกแล้วก็เท่านั้น
ทำไมเวลาที่จะลืม ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันช่างแสนยากเย็น ทำไมต้องคอยถามคนนู้นคนนี้ว่าลืมยังไง ทำไมผมจะต้องหาวิธีการมากมาย เพื่อที่จะได้ลืม
ทั้งๆที่ตอนรักมันไม่ได้ยากแบบนี้ มันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้.. นี่สินะความรัก
หรือเพราะผมไม่เคย มีความรู้สึกแบบนี้ให้ใคร เลยไม่รู้ว่ามันต้องลืมยังไง ... ไม่เคยรู้ ว่าเวลาเจ็บ เวลาที่ทำอะไรสิ้นคิดลงไป ต้องทำแบบไหน ทำ.. แค่ทำ
ตอนนี้ทำอะไรก็ได้ ให้ชานยอลไม่เกลียดผมจนมองหน้ากันไม่ติด ต้องลืมสินะ
ชานยอลมักจะสร้าง ความทรงจำในสิ่งที่เรียกว่าเป็นครั้งแรกให้ผมเสมอ .. รักครั้งแรก เจ็บแทบขาดใจแบบนั้น ก็ครั้งแรก ผมไม่เคยรู้สึกว่าจิตใจของตัวเองอ่อนแอกับเรื่องไหนมากเท่าเรื่องชานยอล
ไม่เคย...
“ฮุน...” ผมเรียกเซฮุนที่ตอนนี้เงียบไป หรือไม่ก็ผมเองที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองนานเกินไป
กับระยะเวลาที่ผ่านมา ที่ผมรักชานยอลมาน่ะ มันนานไหมนะ? ก็ น า น...
แล้วผมจะต้องลืมให้ได้ มันจะ น า น ไ ห ม น ะ. . .
(หืม? จะทำแบบนั้นหรอ หึ! ก็แค่...)
( คบกับฉันไหม? ฉันจะทำให้แกลืมมันเอง )
★★★★
But the kind of pain you left me with
It never seems to heal.
ความเจ็บปวดที่เธอทิ้งไว้กับฉัน
ราวกับว่า...มันจะไม่มีวันรักษาหายได้เลย
ขาสั้นๆ ของผม (อ่าใช่..มันดูสั้นนะ เมื่อเทียบกับเพื่อนของผมทุกคน) ตอนนี้กำลังก้าวทุกย่างก้าวอย่างระมัดระวัง ผมเหมือนคนทำอะไรผิด ต้องยืนหลบๆซ่อนๆ เหมือนทหารหน่วยลาดตระเวนที่ต้องมองไกลในรัศมีสามร้อยเมตร ว่าไม่มีใครที่ผมไม่ต้องการเจอหน้า ไม่พร้อมที่จะเจอหน้าอยู่ไหม
ทั้งเซฮุน.. ที่พูดอะไรแปลกๆออกมา
แล้วไหนจะชานยอล... ที่ผมไม่แน่ใจว่าควรจะลืมมันแบบที่ผมบอกยังไง? ใครพอจะมีทฤษฏีอะไรบ้างไหม หรือใครมีหนังสือประเภท ’How To For Get’ อะไรแบบนั้นน่ะ ผมขอด่วนเลย
ตอน นี้ผมไม่ร้จะแบกหน้าไปหาใครแล้ว ... คนที่ผมมักจะปรึกษาด้วยก็มีแค่คนอีกฝั่งของล๊อคเกอร์คนนั้น แต่ก็นะ.. เค้าคงจะบอกผมเหมือนทุกที ว่าอย่าพึ่งให้ผมลืม บางทีก็แปลกๆไง แล้วผมก็บอกเค้าแล้วว่าจะไม่ไปที่นั่น ผมก็จะไม่ไป ผมพูดแล้วผมต้องทำให้ได้
ผม จะร้องไห้อีกรอบแล้วนะ หลังจากที่เมื่อคืน.. กว่าผมจะทำใจให้หลับได้มันก็แทบไม่ได้นอน ไม่อะไรหรอก ผมแค่กลัววว่าตัวเองจะวูบไปอีกก็เท่านั้น ...
อย่างน้อยวันนี้มันก็วันศุกร์แล้ว ถ้าผมหลบสองคนนั่นพ้นวันนี้ ผมจะมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจอีกสองวัน =w=
ผม แอบขำตัวเองอยู่นะ ที่ทำอะไรเหมือนคนบ้า ปัญญาอ่อนแบบที่ทำตอนนี้ ... บางทีผมก็แค่รู้สึกว่าเวลาที่เราเศร้า ถ้ายิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวมันหดหู่ มันก็จะมีแต่เศร้ามากยิ่งขึ้น ..
ผมควรจะยิ้ม ยิ้ม ^___________^ และก็ยิ้ม J
ผมมองตามพลังงานสีดำๆบางอย่างที่กำลังเดินอยู่แถวทางเดิน ซึ่งไม่รอช้า ผมเข้าชาร์ตทันทีด้วยความเร็ว
“จง อิ๊นนนนนนนนน” ผมส่งเสียงปัญญาอ่อน ที่เพื่อนๆมักบอกว่ามันน่ารักไปให้จงอิน ก่อนจะลากจงอินออกมาโดยที่ผมอาจจะลืมไปว่ามีสายตาโตๆคู่หนึ่งกำลังมองมาทาง จงอินอยู่
“อะไรวะ หมา”
“มี เรื่องถามหน่อยว่ะ” เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆ ไอ้ดำน่ะถึงมันจะมึนๆอึนๆงงๆ แบบนี้ก็เถอะ แต่มันก็น่าตาดีใช้ได้นะ เรื่องรักๆใคร่อะไรประมาณนี้มันคงผ่านมาเยอะแล้วล่ะ
“ถ้า แบบ.. แค่สมมุตินะเออ ว่ามีเพื่อนน่ะ.. เพื่อนนะเว้ย เพื่อน แค่เพื่อนน่ะนะ” ผมพูดอย่างลืมเรียบเรียงคำพูดมาเมื่อจงอินเงียบเป็นเชิงว่าให้ผมพูด
“เออ ก็คือเพื่อน แล้วไงต่อ” อ่า ผมชะงักไปนิดหน่อย อยู่ๆสมองมันก็คิดถึงชานยอลขึ้นมาได้ทุกที จงอินชักสีหน้าใส่ขนาดไหน ทำเสียงรำคาญอะไรขนาดไหน ผมไม่เคยรู้สึกอะไรเลย.. แต่พอเป็นชานยอล พอเป็นคนชื่อปาร์คชานยอล แค่คิดเดียว ทำไม ถึงได้มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผมมากขนาดนี้กันนะ
นี่สินะ.. สิ่งที่ต่างออกไป เพราะเป็นชานยอล ไม่ใช่คนอื่น
“เออ ก็เพื่อนไง แล้วทีนี้ ถ้าเพื่อนมาขอคบมึงไรเงี้ย... ทำไงวะ?” ผมหลุบตาลงต่ำ ก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาไปมองหน้าไอ้ดำ ซึ่งตอนนี้กำลังส่งสายตาเจ้าเล่ห์แปลกๆมาให้ผม
“อะไร ! ทำไม ตอบมาสิเห้ย ไม่ต้องมามองเบเบนั้นเลย” ผมฟาดจงอินไปแรงๆทีนึง ผมเครียดนะ ไอ้นี่ ... เครียดเรื่องที่เซฮุนพูด แล้วก็พึ่งคิดได้เหมือนกัน.. ว่าตอนนี้ผมอาจจะไม่ต่างจากชานยอล ที่พึ่งโดนผมบอกชอบไป.. คงไม่ต่างกัน
ใช่ ... เพราะคิดได้ ว่าชายยอลคงรู้สึกไม่ต่างกัน ตอนนี้ผมเลยกำลังคิด ว่าผมเอง ตัวผมน่ะ กำลังคิดแบบไหนอยู่ ... กำลังมีความรู้สึกแบบไหนกันนะ ตอนที่เซฮุนพูดประโยคที่แสนจะเข้าใจยากนั่นออกมา
ในแว๊บแรก ผมอึ้ง ใช่ นิดหน่อย
วินาทีต่อมา ผมก็แค่... แค่คิดว่า เซฮุนคงล้อเล่น ...
แล้วก็ ตู๊ดๆ... ผมกดวางสาย แล้วก็จำความรู้สึกของตัวเองไม่ได้แล้ว ผมคงเครียดเกินไป
แต่ เมื่อกี้ผมคิดว่าอะไรบ้างนะ มันต้องมีอะไรต่อจากที่คิดว่าเซฮุนล้อเล่นสิ .. ใช่แล้ว ก็แค่ยังไม่กล้าเจอหน้าเซฮุน แต่ยังไง ผมก็รักคนอื่นอยู่แล้ว ผมคงจะตอบรับอะไรแบบนั้นจากเซฮุนไม่ได้ แล้วก็คงจะพยายามทำตัวเป็นเหมือนเดิมกับเซฮุน.. แต่ไม่รู้นี่สิ ว่าต้องทำแบบไหน
... งั้น ชานยอลล่ะ ถ้างั้น ชานยอลก็รักลู่หาน.. อ่า คงไม่ได้สนใจผม แล้วบางทีอาจจะคิดว่าผมล้อเล่น ทำให้ชานยอลคิดว่าผมล้อเล่นดีไหมนะ? แล้วจะต้องพูดแบบไหนล่ะ
ถ้า พูดไปแบบนั้นแล้ว ความรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ที่ยังติดอยู่ในใจผม มันจะหายไปใช่ไหม? มันจะหายไปกับคำว่ารักของผมที่ทำให้มันเป็นแค่คำโกหกใช่ไหม
หลอกชานยอลว่าผมพูดเล่นน่ะผมอาจจะทำได้ แต่หลอกใจตัวเองว่าผมไม่ได้เจ็บน่ะ.. ทำยังไงหรอ???
ขอหนังสือฮาวทูหลอกตัวเองให้ผมสักสามสี่เล่มสิ!! ผมซื้อจริงๆนะ
★★★★
Nothing has ever broken me like you did
No one I ever wanted more than you.
ไม่เคยมีอะไรที่ทำให้ฉันเจ็บเท่ากับที่เธอทำมาก่อน
ไม่เคยมีใครที่ฉันต้องการมากเท่าเธอ
ผม หลบเก่งใช่ไหมล่ะ ผมหลบชานยอล หลบมาจนถึงคาบพละซึ่งเป็นคาบสุดท้ายของวันแล้ว แต่ไม่รู้และไม่แน่ใจว่าอะไรเล่นตลกหรือเปล่า.. ผมถึงต้อง ต้องมาจับคู่ส่งบอลกับชานยอล ._.
ความ รู้สึกเจ็บปวดมันก็ยังคงคาอยู่ในใจ เตทำไมความเขินอายตอนนี้มันมีมากกว่าล่ะ? ผมควรจะเศร้าแล้วก็ยืนทำหน้าดราม่านะ ผมควรทำแบบนั้น หรือผมจะเจ็บปวดมากไป จนเป็นบ้าไปแล้ว ผมถึงได้หน้าร้อนเห่อ ไม่กล้ามองหน้าชานยอลอยู่แบบนี้
“เห้ย... ส่งดีดีดิ ไอ้ลูกหมา” สรรพนามเดิมๆที่ชานยอลยังคงใช้เรียกผมอยู่ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองชานยอลด้วยความรู้สึกที่แปลกใจ.. แค่คิดน่ะว่าชานยอลคงจะไม่คุยกับผม
แต่ รอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทั้งปากที่ส่งมาให้ผม นั่นทำให้ผมต้องหลุบสายตาลงสู่ที่ต่ำตามเดิม พร้อมกับโยนบอลต่อไปโดยที่ไม่มองหน้าชานยอล
“เอ้า ก็บอกให้ส่งดีดีไงวะ เงยหน้าดิ ไม่งั้นจะมองเห็นหรอ” ไม่ใช่แค่เสียงของร่างสูงตรงหน้าที่ผมได้ยิน มือของชานยอลยังจับคางผมให้เงยหน้าขึ้น ความรู้สึกตอนนี้เหมือนถูกไฟฟ้าช๊อต ผมผลักชานยอลออกไปโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว มือผมมันไปเอง ...
ผม ผลักแรงมากหรอ ชานยอลถึงลงไปกองกับพื้นแบบนั้น ตอนนี้เพื่อนในห้องก็หันมามองอย่างให้ความสนใจ (ผมบอกไปหรือยัง ว่าวันนี้เซฮุนกับลู่หานก็ไม่มาโรงเรียนอีกแล้วล่ะ ชักจะแปลกๆแล้วนะ) ผมไม่ชอบสายตาแห่งความสงสัยเพวกนั้นเลยจริงๆ เลยต้องช่วยยื่นมือไปให้ชานยอลจับ ก่อนจะใช้แรงดึงตัวชานยอลขึ้นมายืนตรงได้
“ตัว เล็กๆ แบบนี้ก็แรงเยอะเนอะ ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ยวันนี้” ผมขบริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ ก้มหน้าลงมองรองเท้าพละคู่ขาวสะอาดของตัวเองอยู่อย่านั้น ...
ทำไม ชานยอลยังทำตัวเหมือนปกติได้ล่ะ? คำว่ารักของผมนี่ไม่มีค่า ไม่มีความหมายจนชานยอลไม่คิดจะสนใจเลยหรอ คำที่ผมแบกมันด้วยความรู้สึกอึดอัดมานาน แต่ชานยอลกลับทำเหมือนว่าไม่เคยได้ยินมัน...
บางทีความรักมันก็งี่เง่าจนทำให้คนเราลืมสิ่งที่เราบอกว่าเราต้องการ..
บางทีมันก็ทำให้เราหวังอะไรแปลกๆ ทั้งๆที่บอกตัวเองทุกทีว่ามันไม่มีหวัง
ขา ของผมวิ่งออกมาจากโรงยิมทำไมผมเองก็ไม่รู้ หรือเพราะว่าทนความอึดอัดตรงหน้าไม่ไหวแล้ว กับชานยอลที่ดูสบายๆ ยังเหมือนเดิม ... ทำไม? มันยิ่งทำให้ผมอึดอัดล่ะ
If I could just get over you I would
Don't wanna love you anymore
ถ้าฉันลืมเธอได้ฉันคงทำไปแล้ว
ไม่อยากจะรักเธออีกต่อไปแล้ว
“ทำไม.. ยังเป็นเหมือนเดิมได้อยู่ล่ะ.. คำว่ารักของฉัน ไม่มีค่าเลยใช่ไหม?” ผมหยุดเมื่อข้อมือของผมถูกมือแกร่งของคนที่ผมก็รู้ดีว่าใครพันธนาการอยู่
And missing you is like fighting a war
การคิดถึงเธอมันเหมือนกับต้องสู้รบอยู่ในสงคราม
“ทำไม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะ.. ทั้งๆที่ฉัน.. พูด หรือแกคิดว่าฉันแค่โกหกวะ” ผมถามออกไปอย่างไม่ต้องการคำตอบแค่ต้องการทบทวนกับตัวเอง ที่จริงผมคิดเอาไว้เองไม่ใช่หรอ ว่าจะบอกชานยอลว่ามันก็แค่คำโกหก ผมเองไม่ใช่หรอที่กลัวชานยอลจะไม่เป็นเหมือนเดิม
แต่ทำไมพอชานยอลเหมือนเดิมทุกอย่าง ผมกลับรู้สึกไม่ชอบใจแบบนี้ล่ะ?
“อือ... ถ้าคิดแบบนั้น ก็ดีแล้วล่ะ ฮะอึก”... ผมกลั้นก้อนสะอื้นที่มันกำลังจะออกมา ผมไม่กล้ากระพริบตา เพราะกลัวว่าน้ำใสใสมันจะหยดลงมา “ฉันแค่ล้อเล่น อย่าถือสาเลยเนอะ” ผมแกะมือของชานยอลออกอย่างง่ายดาย พร้อมกับสองขาของผมที่เดินต่อไป โดยไม่กล้า ที่จะมองข้างหลัง
“ทำไม ถึงคิดว่าฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นวะ” ผมหยุดอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะชานยอลมาจับผมเอาไว้ แต่เป็นเพราะเสียงทุ้มๆนั่นเปล่งออกมาเป็นประโยคข้างต้น..
“แล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไง...” ผมกระพริบตาและนั่นทำให้ความอุ่นชื้นจากสิ่งที่เรียกว่าน้ำตาสัมผัสที่แก้มของผม
“ก็ แค่...ไม่คิดว่าแกจะโกหก ไม่คิดว่ามันเป็นคำโกหก” ชานยอลยังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแปลกๆที่ผมไม่แน่ใจว่าทำไมถึงได้ยินมันใน สถานการณ์ที่แสนจะหดหู่ในความคิดของผม
It's a battle I’m losing
And I’d give up girl if I could.
มันคือการต่อสู้ที่ฉันต้องสูญเสีย
ถ้าฉันทำได้ ฉันจะขอยอมแพ้
“อือ.. จะคิดอะไรก็ตามใจเถอะ ถ้าคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก ก็รู้ไว้เถอะว่าฉันน่ะ.. จะตัดใจแล้วจริงๆ” ผมอยากจะกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม ไม่สิ ผมแน่ใจกว่าหกสิบเก้าเปอร์เซนต์ ว่าผม ทำไม่ได้ ผมลืมชานยอลไม่ได้ แต่ผมไม่อยากอยู่แบบนี้แล้ว ไม่ชอบความรู้สึกแปลกๆตอนนี้
Just tell me how to walk away
Away from loving you And I Would.. . ..
แค่บอกฉันมาว่าจะเดินจากไปได้ยังไง
จากไปให้ไกลๆจากการรักเธอ ฉันจะทำ. …
“นี่.. แบคฮยอน ถ้าจะตัดใจ ก็ตัดให้มันขาดนะ! ตัดให้ได้นะ ไอ้ลูกหมา” น้ำตาผมไหล.. กับเสียงทุ้มที่ดังไล่หลังผมมา
“ลืมฉันได้เมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะ!!! แล้วฉันจะทำให้แกตกหลุมรักฉันอีกครั้งเลยคอยดู”
TBC
★★★★
:) Shalunla
ความคิดเห็น