ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #96 : เล่ม 4 - ตอนที่ 49 - กลีบเมฆ (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 824
      2
      15 ม.ค. 51

    ร้านทำอาวุธผลิตลูกดอกจำนวนแปดร้อยลูกไว้เรียบร้อย ลูทรับลูกดอกพวกนั้นมาด้วยความยินดี ความสำเร็จของหน้าไม้ไฮดรารุ่นที่สองอยู่ใกล้แค่เอื้อม
                    ลูทเดินออกมาจากร้านทำอาวุธใช้ถนนรอบกำแพงเมืองที่ตัดกับถนนสวรรค์ทางทิศใต้ มุ่งตรงไปทางตะวันออกตรงไปยังพื้นที่ของพวกนายพราน
                    หากมุ่งลงใต้จากถนนสวรรค์จะเป็นประตูเมืองที่มีถนนเชื่อมต่อกับท่าเรือนอกตัวเมือง ท่าเรือของนครหลวงนอร์โปลิสนี้มิได้ตั้งอยู่ในตัวเมืองเหมือนเมืองอื่นๆ ไม่ว่าสินค้า อาหารหรือผู้โดยสารที่ใช้ทางน้ำจำต้องเคลื่อนย้ายด้วยรถม้าอีกต่อหนึ่งถึงจะสามารถเข้าเมืองได้ ดังนั้นถนนเส้นนี้จึงเปรียบเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงตัวนครหลวง การคมนาคมทางน้ำติดต่อกับเมืองที่สำคัญสามเมืองนั่นคือแองเจลทางตะวันตก โลซานทางใต้และเอเวอร์เกรซทางตะวันออก หากกองทัพใดจะยึดนครหลวงให้ได้จำต้องยึดท่าเรือนี้ให้ได้เสียก่อน มิฉะนั้นแล้วท่าเรือนี้จะทำตัวเหมือนเมืองท่าเล็กๆเมืองหนึ่งที่คอยส่งเสบียงอาหารและข้าวของเครื่องใช้บำรุงตัวนครหลวงอยู่ไม่ขาดสาย
                    ย่านนายพรานเป็นเขตเล็กๆในเมืองชั้นนอกแต่มีความเป็นเอกลักษณ์อยู่สูง บ้านเรือนสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ปลูกสร้างด้วยไม้ยืนต้นเฉกเช่นกระท่อมของนายพรานที่อยู่ตามชายป่าหรือเชิงเขา ด้วยความเป็นอยู่ที่เคยชินครอบครัวนายพรานเหล่านี้จึงปลูกบ้านแบบเดียวกันในตัวเมือง
                    ปกติชาวเมืองทั่วไปจะไม่ย่างกรายเข้าเขตนี้เท่าใดนัก ผู้ที่หลงเข้ามาจะรู้สึกเหมือนเป็นคนหลงถิ่นเนื่องด้วยการแต่งกายที่ผิดแผกแตกต่าง แต่ลูทกลับมิได้รู้สึกเช่นนั้นแม้แต่น้อย ชุดของเขาดูแล้วคล้ายกับนายพรานหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งยังเดินถือหน้าไม้ไปมาทำให้เขาดูกลมกลืนกับพื้นที่แถบนี้ยิ่ง
                    ลูทสอดส่องสายตาหา “พี่ชาย” ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสามวันในป่าแถบลุ่มน้ำนอร์ซาน เดินหาอยู่นานสองนานก็ยังไม่พบร่องรอย
    ลูทคิดว่าแจ๊ค ไดร์เนอร์เป็นนายพรานที่มีฝีมือฉกาจสมควรเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามพวกนายพรานตามบ้านเรือนว่ารู้จักที่อยู่ของแจ๊คหรือไม่
                    หลังจากที่ถามผู้คนไปสี่ห้าราย ก็ต้องผิดคาดที่เขากลับคว้าน้ำเหลว ไม่ว่าจะบรรยายรูปพรรณสัณฐานของแจ๊คไปอย่างไรกลับไม่มีผู้ใดในย่านนายพรานรู้จักแจ๊คแม้แต่คนเดียว ลูทงุนงงกับคำตอบที่ได้เป็นอย่างยิ่ง ในเมื่อแจ๊คเก่งกาจและมีเอกลักษณ์โดดเด่นออกปานนั้นทำไมไม่มีผู้ใดรู้จักเขา
                    เมื่อลูทค้นหาอยู่นานสองนานจึงตัดสินใจเดินออกไปทางอื่นเพื่อหาที่ทดลองลูกดอกกับหน้าไม้ไฮดราอันใหม่ ความหวังที่จะได้ผู้ช่วยอันแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นคนหนึ่งกลับสลายกลายเป็นธาตุอากาศไป
                    จวบจนกระทั่งระหว่างทางที่เดินกลับมาถึงถนนสวรรค์ทางทิศใต้ พลันได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกเขาว่า “น้องชาย”
                    ลูทหันหลังกลับไปมองพบว่าเป็นหญิงสาววัยยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีผมสีแดงหน้าตาสวยงามหมดจดคนหนึ่ง สตรีนางนี้มีดวงตาที่แสดงออกถึงความเป็นมิตรและน้ำเสียงที่แสดงถึงความจริงใจ จึงกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าพี่สาวมีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ?
                    หญิงสาวชาวนอร์คนนั้นกล่าวว่า “ข้าอยากจะขอเวลาเจ้าสนทนาสักห้านาทีสิบนาทีจะได้หรือไม่? บังเอิญข้ารู้จักกับศัสตราวุธที่เจ้าห้อยเอาไว้ข้างเอวอยู่บ้างจึงอยากเรียนถาม”
                    ลูทเห็นนางสนทนาด้วยถ้อยคำสุภาพดั่งกุลสตรีที่มีการศึกษาชั้นสูงจึงกล่าวตกลง สตรีผู้นั้นเชื้อเชิญเขาไปที่ร้านน้ำชาข้างทางลูทจึงเดินตามเข้าไป
                    โดยที่มิได้รู้หรอกว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นธิดาคนโตของสมาชิกสภาโจนาธานแห่งตึกธงดาบ โซเฟีย วิลล์
     
    รินะใช้เวลาพักใหญ่ในการเดินขึ้นบันไดเวียนที่หอน้อยกลางน้ำไปหายูกิ นางเองมิใช่เป็นคนที่ชอบเดินแต่เป็นคนที่ชอบงานศิลปะประเภทภาพเขียน การเดินขึ้นบันไดครั้งนี้จึงใช้เวลานานพอสมควร
                    รินะยังเดินไม่ถึงขั้นสุดท้ายของบันไดสิ่งที่ต้อนรับนางกลับเป็นอ้อมกอดของพี่สาว ยูกิโผเข้ากอดน้องสาวที่มิได้เจอกันมาเป็นเวลาหนึ่งปีด้วยความคิดถึง รินะเองก็เช่นกันโอบกอดพี่สาวตอบแทนด้วยความรักและความเป็นห่วง  โดยเฉพาะเรื่องราวของความรักระหว่างหนุ่มสาวที่ตัวนางเองไม่รู้จักว่าเป็นเช่นไร
                    ยูกิฉุดรั้งรินะผู้เป็นน้องสาวผ่านประตูเทพธิดามิทราลบานใหญ่เข้าไปคุยในห้อง ก้าวแรกที่รินะเดินเข้าไปก็ต้องอุทานดังอาขึ้นอย่างลืมตัว ทันทีที่เห็นทิวทัศน์อันสวยสดงดงามด้านหลังระเบียง
                    ยูกิไต่ถามรินะถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในช่วงปีหนึ่ง ถามถึงความเป็นไปของพ่อแม่และหมู่บ้านรูนนิคที่เมืองอิซซ์ว่าเป็นอย่างไร จากนั้นจึงถามถึงเรื่องของพริมด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เกรงว่าน้องสาวของตนจะถูกนางมารร้ายผู้นี้หลอกลวงทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
                    รินะส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “พี่ยูกิไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ข้าเดินทางมากับอาจารย์ดาธรับรองปลอดภัยไร้อันตราย ว่าแต่พี่ยูกิเองโปรดระวังตัวด้วย สถานที่นี้ดูผิวเผินสงบสุขแท้จริงกลับมีอันตรายร้ายแรงซ่อนอยู่ ข้าได้ข่าวว่าการปฏิวัติของเวอร์น่อนจะเริ่มในเร็ววัน หากพี่ยูกิถอนตัวกลับหมู่บ้านได้จะเป็นการดี”
                    ยูกิลูบผมสลวยของรินะ กล่าวว่า “มิได้หรอกน้องรัก ข้าได้รับเชิญจากผู้ปกครองทั้งสามให้มายังนครหลวงแห่งนี้ในฐานะของทูตเจริญสัมพันธไมตรี ด้วยตำแหน่งยอดหญิงที่ใฝ่ฝัน จึงอยากจะทำหน้าที่ให้ดีและมิอาจละทิ้งงานจากไปได้ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจำเป็นต้องอยู่ที่นี่จนกว่าการแสดงจะจบลง”
                    รินะรู้อยู่แก่ใจว่าพี่สาวต้องตอบทำนองนี้ จึงเปลี่ยนหัวเรื่องกล่าวว่า “ข้ามีพลุสัญญาณเตือนภัยอยู่แท่งหนึ่ง หากพี่ยูกิเกิดเรื่องอันใดขึ้นขอให้จุดมันขึ้นสู่ฟ้า นี่เป็นของที่พี่ลูทฝากไว้ให้เผื่อว่าพี่ยูกิจะมีภัย”
                    ยูกิได้ยินชื่อของลูทเข้าไปถึงกับอุทานดังอา มือของนางที่ถือพลุสัญญาณพลันสั่นระริกขึ้นมาขณะหนึ่ง แน่นอนว่ามิอาจพ้นสายตาของรินะน้องสาวไปได้
                    ยูกิกลบเกลื่อนเรื่องราวโดยการมอบตราสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์คืนให้กับรินะ จากนั้นกล่าวว่า “ต่อไปนี้ขอให้เจ้าเก็บรักษาตราสัญลักษณ์ชิ้นนี้ให้ดี” การกล่าวหันเหเรื่องราวครั้งนี้กลับเป็นการกระตุ้นให้นางนึกถึงเรื่องที่ลูทใช้ชีวิตเข้าปกป้องจากมีดอาบยาพิษ ทำให้สีหน้าของนางผิดปกติยิ่งขึ้น
                    รินะเห็นพี่สาวตกอยู่ในภวังค์จึงจับมือของนางไว้ ถามด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า “พี่ยูกิชอบพี่ลูทอย่างนั้นหรือ?
                    ริมฝีปากของยูกิกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย นางรู้อยู่แก่ใจว่านางหลงรักบุรุษหนุ่มผู้นี้เข้าแล้ว แต่ด้วยพันธนาการทางจิตใจทำให้คำตอบนั้นติดอยู่ที่ริมฝีปากไม่สามารถกล่าวออกไป
                    รินะกล่าวต่อไปว่า “เมื่อเช้าข้าได้มีโอกาสพูดคุยกับศิษย์พี่ลูทครั้งหนึ่ง เขาเองเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่งที่จำใจต้องตัดใจจากพี่ยูกิทั้งที่ยังรักพี่ยูกิไม่เสื่อมคลาย พี่สาวคิดจะทิ้งรักแท้ของผู้ชายคนหนึ่งไปให้ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่พี่ยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าอย่างนั้นหรือ? พี่ไม่คิดจะหาทางกล่าววาจากับอาจารย์คาโรลเรื่องการหมั้นบ้างหรอกหรือ? ข้าอยากจะเห็นพี่มีความสุขที่แท้จริงดั่งสตรีคนอื่นเขาบ้าง มิใช่จำเป็นต้องบังคับใจตนเองให้กระทำในสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ตลอดเวลา ความสุขในชีวิตของพี่นั้นสำคัญต่อข้าผู้เป็นน้องสาวมาก แต่ด้วยฐานะของน้องสาวและศิษย์น้องของพี่ลูทคงจะกล่าวได้มากที่สุดเพียงเท่านี้ เรื่องราวความรักนั้นสลับซับซ้อนยากเกินกว่าที่ข้าจะเข้าใจ”
                    ในใจของยูกิเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง นางส่ายศีรษะพลางหลั่งน้ำตาแห่งความรักและความเศร้าโศกลงมา ยูกิมิได้กล่าวอันใด นอกจากรวบน้องสาวเข้ามาโอบกอดกับอ้อมอกแทนความหมายของประโยคที่ว่า พี่เองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×