ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #97 : เล่ม 4 - ตอนที่ 49 - กลีบเมฆ (4)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 869
      0
      15 ม.ค. 51

    ณ ห้องหนังสือ ในตึกธงดาบ
                    โจนาธานนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้กล่าวต่อไปว่า “บรุษหนุ่มหญิงสาวสองคนนั้นกลับเป็นสหายสนิทของข้าเอง พวกเขาได้มารอคอยข้าอยู่ราวสองชั่วโมงกว่าจะได้มีโอกาสพบหน้า ซึ่งทั้งสองก็คือวินสตันและลอร่าผู้เป็นพ่อแม่ของเจ้า และได้เชื้อเชิญพวกเขาเข้ามาในห้องหนังสือห้องนี้ นั่งตรงที่นั่งของพวกเจ้าทั้งสองที่นั่งอยู่ จากนั้นจึงไต่ถามถึงเรื่องราวที่พวกเขาดั้นด้นขึ้นเหนือจากกรุงเดว่ามาหาข้าที่นอร์โปลิส”
                    ทั้งโรสและซิลิเซียต่างรับฟังด้วยความตั้งอกตั้งใจ จินตนาการไปถึงภาพคืนวันฝนตกเมื่อสิบสี่ปีก่อน
                    “พวกเขาทั้งสองเล่าให้ข้าฟังว่าในช่วงนั้นราชอาณาจักรลาเวนดิสมีข่าวลือหนาหูเรื่องสัตว์มายาตัวหนึ่งทางใต้ สุดของแหลมลาเวนดิส สัตว์มายาตัวนี้เป็นสายพันธุ์มังกรที่มีความแข็งแกร่งและดุร้ายกว่าปกติ ช่วงเวลาสั้นๆเพียงสามเดือนมันได้คร่าชีวิตชาวบ้านทางใต้ไปจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคน เมื่อเรื่องนี้ถูกรายงานเข้าราชสำนักทางองค์ราชินีมากาเร็ตทรงรับสั่งให้บรรดาอัศวินและนักรบผู้กล้าเข้าปราบมังกรร้ายตัวนี้ ผู้ที่สามารถปราบมังกรร้ายได้พระนางจะพระราชทานรางวัลเป็นอย่างงาม
    จนแล้วจนเล่าเวลาผ่านไปกว่าสองอาทิตย์ยังไม่มีผู้ใดสามารถสยบมังกรตัวนั้นได้ การที่บรรดานักรบผู้กล้าดาหน้าเข้าไปประจัญบานกับมันรังแต่จะทำให้มันโกรธแค้นยิ่งขึ้น จึงเผาทำลายหมู่บ้านไปอีกหนึ่งแห่งรวมชีวิตของบรรดานักรบและชาวบ้านจากพันกว่าศพกลายเป็นสองพันกว่าศพในชั่วข้ามคืน วินสตันและลอร่าคู่สามีภรรยายอดซันชินเอลลิสผู้เป็นขุนพลที่โด่งดังของราชอาณาจักรลาเวนดิสจึงไม่มีทางเลือกอื่นอีก นอกจากออกรบด้วยตนเอง นี่เป็นสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองนำธิดาและบุตรที่ยังเล็กไปฝากไว้กับนักล่าสมบัติกอร์ดอนผู้เป็นสหายสนิทจากนั้นจึงเดินทางมาหาข้าเพื่อร่ำลา
    ดูท่าวินสตันและลอร่าคงจะไม่ได้บอกกอร์ดอนเอาไว้ถึงเรื่องนี้ การที่ข้าได้พบหน้าเจ้าผู้เป็นธิดาของพวกเขาเปรียบเสมือนพรหมลิขิตเรื่องหนึ่ง ข้าเองทราบสาเหตุว่าพ่อแม่ของเจ้าไปที่ไหนเพื่อกระทำอะไรแต่ไม่ทราบว่าเจ้ากับน้องชายถูกผู้ใดรับไปเลี้ยงดู อาจเป็นไปได้ว่าทั้งวินสตันและลอร่าเตรียมใจจะสละชีพเอาไว้ล่วงหน้าจึงไม่ยอมบอกข้อมูลทั้งหมดให้ข้าหรือกอร์ดอนรับรู้ ด้วยนิสัยของพวกเขาทั้งสองข้าคิดว่าการที่พวกเขาฝากเรื่องครึ่งหนึ่งให้กับบุคคลผู้หนึ่งเป็นเพราะไม่อยากให้บุตรธิดาทั้งสองเติบโตมากับความคิดที่จะล้างแค้นให้บุพการี
    หลังจากคืนนั้นที่พวกเขามาสั่งเสียเรื่องราวทั้งหมดทั้งสองก็จากไป ทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ว่า หากวันใดที่ข้ามีวาสนาได้พบพานบุตรธิดาคนใดคนหนึ่งขอให้ข้าถ่ายทอดเรื่องนี้ให้กับพวกเขาได้รับรู้
    ไม่ถึงสองอาทิตย์ต่อมาข่าวเรื่องมังกรร้ายอาละวาดพลันหายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์พร้อมกับเรื่องราวของพ่อแม่เจ้าโดยที่ไม่มีประโยคใดในหนังสือพิมพ์เอ่ยถึงพ่อแม่เจ้าแม้แต่ประโยคเดียว ตั้งแต่นั้นมาข้าเองมิได้ยินข่าวคราวอันใดของพวกเขาทั้งสองอีกเป็นเวลาสิบสี่ปีเต็ม จนถึงเมื่อวานที่ข้าได้มีโอกาสพบพานเจ้า โรซาไลน์”
    โรซาไลน์รับฟังเรื่องราวจนอุทานดังอา น้ำตาอุ่นระอุคลออยู่ที่เบ้าโดยไม่ไหลออกมา หญิงสาวผู้เป็นธิดาของยอดขุนพลผู้นี้กลับมีจิตใจที่เข้มแข็งประดุจเพชร ได้รับฟังข่าวร้ายที่เกือบจะมั่นใจได้ถึงสิบส่วนว่าพ่อแม่ของตนตายไปจากโลกนี้แล้วกลับไม่ยอมหลั่งน้ำตา
    ซิลิเซียที่นั่งอยู่ด้านข้างพลันหดหู่แทนโรซาไลน์ ใช้มือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่ของโรสด้วยความทนุถนอม มิได้กล่าววาจาอันใด
    โจนาธานระบายลมหายใจออกมาจากอกครั้งใหญ่ กล่าวพลางหยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมาว่า “ภายในกล่องใบนี้เก็บศัสตราวุธชิ้นหนึ่งที่ข้าและพ่อของเจ้าแบ่งกันเก็บรักษา เพื่อยืนยันถึงความเป็นมิตรสหายที่ตายแทนกันได้ บัดนี้ข้าคิดว่าสมควรจะมอบให้กับธิดาของวินสตันเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงเขา” กล่าวจบก็ยืนกล่องใบนั้นให้กับโรส
    กล่องกระดาษสีเหลืองหม่นกว้างครึ่งฟุตยาวราวศอกหนึ่ง มองจากกระดาษแล้วพบว่ากล่องมีอายุอย่างต่ำๆก็ต้องมากกว่ายี่สิบปีขึ้นไป โรสระงับจิตใจที่โศกเศร้าเปิดฝากล่องออกพบเห็นคาทานะสั้นเล่มหนึ่ง
    โรซาไลน์ปลดคาทานะลายเมฆที่คาดเอาไว้หลังเอวขึ้นมาเปรียบกับคาทานะในกล่อง คาทานะเล่มนี้แทบจะเหมือนกันกับคาทานะที่ชื่อว่าลายเมฆไม่ผิดเพี้ยน ตัวดาบทำจากวัสดุชั้นยอดเช่นเดียวกับดาบลายเมฆเพียงแต่ใบมีดของมันมีขนาดแคบกว่าเล็กน้อยและปลายมีความยาวมากกว่าประมาณนิ้วหนึ่ง บนใบมีดมีตัวอักษรเขียนเอาไว้ว่า “กลีบเมฆ” คาดว่าเป็นคาทานะคู่ที่จัดสร้างขึ้นมาพร้อมกัน
                    ลายเมฆมีความยาวสิบสามนิ้วคมมีดด้านหนึ่งมีตัวอักษรระบุชื่อไว้ กลีบเมฆมีความยาวสิบสี่นิ้วมีตัวอักษรสลักว่ากลีบเมฆในด้านตรงข้าม มองผ่านตาก็รู้ว่าจัดสร้างโดยช่างตีเหล็กคนเดียวกัน คาทานะที่มีความยาวในระดับนี้มีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า “วาคิซาชิ” ซึ่งจะเรียกคาทานะสั้นที่มีความยาวอยู่ระหว่างสิบสองนิ้วถึงยี่สิบสี่นิ้ว
                    โรสมีความในใจอยู่เต็มอกแต่ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาต่อหน้าโจนาธานและซิลิเซียได้ นางฝืนยิ้มครั้งหนึ่งกลั้นน้ำตาเอาไว้มิให้หลั่งไหล กล่าวด้วยเสียงที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวว่า “ขอบคุณมากท่านโจนาธานที่ได้ถ่ายทอดวาจาของพ่อแม่และมอบดาบกลีบเมฆเล่มนี้ให้กับข้า แต่ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีประการใดข้าก็ต้องสืบสาวความจริงให้จงได้ว่าพ่อแม่นั้นหายตัวไปได้อย่างไร หากยังไม่รับรู้ความจริงสุดท้ายคงมิอาจใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขได้ นอกจากนี้ข้ายังมีข่าวสารประการสำคัญอีกประการหนึ่งอยากจะบอกกับท่านโจนาธาน”
                    โจนาธานรับฟังคำกล่าวของโรสถึงกับตื้นตันกับความเข้มแข็งของธิดาสหายสนิท มิได้กล่าวอันใดอีกนอกจากพยักหน้าครั้งหนึ่งเป็นความหมายในเชิงให้บอกออกมาได้ทันที
                    โรสเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เวอร์น่อนพยายามจะก่อหวอดขึ้นด้วยวาจารวบรัดและกระชับ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงหนึ่งเต็มๆถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสองอาทิตย์ให้โจนาธานรับทราบ ตอบทุกคำถามที่โจนาธานและซิลิเซียสงสัยได้อย่างเต็มปากเต็มคำ พร้อมทั้งยังระบุว่าหลักฐานที่เป็นสมุดบันทึกเล่มนั้นสามารถขอดูได้ที่สตีเฟ่นจึงทำให้คำกล่าวของนางมีน้ำหนักขึ้นเป็นเท่าตัว
                    จบลงที่ประโยคสุดท้ายว่า “เรื่องทั้งหมดที่ข้าได้เล่าให้ท่านฟังนี้สตีเฟ่นเตรียมจะรายงานท่านผู้ปกครองจอห์นในช่วงบ่าย สาบานได้ว่าเรื่องราวที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นความสัตย์จริงไม่มีคำโป้ปดมดเท็จแม้แต่คำเดียว ที่ข้าดั้นด้นออกมาจากหมู่บ้านเงาจันทร์ ฝ่าอันตรายร้อยแปดพันเก้าประการเพื่อมาถึงที่นี่ก็เพราะเป็นห่วงชีวิตของอาณาประชาราษฎร์และผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย ที่อาจจะต้องมารับเคราะห์โดยไม่รู้เรื่องราวอันใด อัศวินดำและกองทหารอย่างน้อยห้าหมื่นนายรายล้อมนครหลวงแห่งนี้ไว้ทุกทิศทุกทาง โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมผู้ปกครองจอห์นให้เร่งถอนกำลังออกไปในเร็ววัน มิฉะนั้นอาจจะถึงขั้นย่อยยับอับปรา”
                    โจนาธานฟังเรื่องที่โรสรายงานจบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบัดเดี๋ยวแดงก่ำบัดเดี๋ยวซีดขาว สมาชิกสภาอย่างโจนาธานรู้จักทั้งเวอร์น่อนและวานเตสเป็นอย่างดีทำไมถึงจะไม่รู้ว่าพวกเขามีความทะเยอทะยานขนาดไหน และมีสันดานธาตุแท้เป็นอย่างไร จนใจที่พวกมันทั้งสองเตรียมก่อหวอดอยู่ทางภาคตะวันตกทำให้การข่าวถูกบิดเบือนความเป็นจริง ช่วงที่ผ่านมาจึงใช้ชีวิตดั่งคนตาบอดถูกปิดหูปิดตาจากข่าวลวง
                    โรซาไลน์เห็นว่าโจนาธานจะต้องใช้เวลาใคร่ครวญและมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจอยู่อีกมาก จึงบอกวิธีติดต่อและที่พักของนางให้ทั้งโจนาธานและซิลิเซียรับรู้ จากนั้นจึงขอตัวจากมาพร้อมกับวาคิซาชิสองเล่มที่คาดกลับกันเอาไว้หลังเอว
    ดาบลายเมฆและกลีบเมฆ
     
    บลูสูดหายใจเข้าไปด้วยความหนาวเหน็บเมื่อพบว่าปลายกระบี่ของซิฟเฟอร์อยู่ห่างจากอกตนไม่มาก
                    เพลงกระบองที่ฝึกเมื่อคืนถึงกับช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตายมาได้ในชั่วพริบตา บลูตั้งวิสุทธิ์ศาสตราในแนวดิ่งใช้ด้ามกระบองต้านทานกระบี่เงินที่กอปรด้วยเอลประทับสายวิชชุอย่างหักโหม
                    ซิฟเฟอร์แค่นเสียงหนักๆเมื่อเห็นบลูกล้าใช้อาวุธเข้าปะทะท่าทะลวงสุดแรงโดยตรง คำนึงในใจว่าบลูเองมีความสามารถเพียงเท่านี้เท่านั้น
                    แต่ซิฟเฟอร์กลับต้องเข้าใจผิดถนัดเมื่อบลูมิได้ตั้งรับเพียงอย่างเดียว บลูเสี่ยงใช้เคล็ดการ “ดูดซับ” ที่เรียนรู้จากการดูดซึมเอาทรงกลมแสงเข้ามาอยู่ในตัว เปลี่ยนเป็นใช้การดูดซับผ่านวิสุทธิ์ศาสตราเพื่อกลืนเอลประทับสายวิชชุที่ผสานเข้ากับกระบี่เงินไว้ในตัวกระบอง
                    บลูแค่เสียงหนักๆครั้งหนึ่งตัวเขาปลิวไปด้านหลังกว่าห้าก้าว วิสุทธิ์ศาสตราในมือเปล่าแสงสีส้มเช่นเดียวกับเอลประทับสายวิชชุขึ้น นับเป็นโชคดีของบลูที่ใช้กำแพงพสุธาลดแรงกระแทกและความรุนแรงของประทับสายวิชชุไปกว่าครึ่ง ตัวเขาจึงไม่ประสบชะตากรรม “ไฟฟ้าลัดวงจร” ถูกย่างสดใต้คมกระบี่เงิน
                    อีกฝ่ายหนึ่งทางซิฟเฟอร์กลับรู้สึกว่าตนเองถูกดูดเอลออกไปจำนวนอักโข ท่าประทับสายวิชชุเมื่อครู่ใช้เอลสายฟ้าจำนวนมหาศาลทำให้เอลในร่างไม่ประติดประต่อเหมือนอย่างเคย แต่อย่างไรก็ตามเพียงเอลที่ไม่ค่อยประติดประต่อนี้สามารถลงมือกำจัดบลูได้อย่างไม่ลำบาก
                    “จะทำอย่างไรดี?” บลูคำนึงพร้อมกับกระอักโลหิตออกมาจนเปรอะเปื้อนปกผ้าคลุมไหล่ รู้ตัวดีว่าบอบช้ำภายในจนอวัยวะภายในปั่นป่วน หากไม่หาทางหนีทีไล่โดยเร็วรับรองว่าจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ริมทะเลสาบ
                    บลูเกิดความคิดฉับพลันขึ้นมาในห้วงสมอง ในเมื่อวิสุทธิ์ศาสตราในมือรองรับเอลสายฟ้าเมื่อครู่ไว้ส่วนหนึ่ง จึงปลดปล่อยเอลประทับสายวิชชุออกไปเบื้องหน้า ประจุไฟฟ้าสีส้มส่งผ่านจากกระบองฝ่าอากาศเข้าหาเป้าหมาย
                    ซิฟเฟอร์ยิ้มที่มุมปาก ผู้ที่มีสายเลือดระดับสองต่างไม่เกรงกลัวพลังงานที่มีธาตุชนิดเดียวกับเอลของตน เฉกเช่นมือหิมะไกที่สามารถใช้ชีวิตภายใต้อากาศหนาวเย็นเลือดลมจับเป็นน้ำแข็งได้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว มันสบใจที่บลูเสนอเอลของตนคืนมาให้ สะบัดกระบี่เงินในมือเข้าต้านทานหมายจะดึงดูดพลังเข้าสู่ตัว
                    “สำเร็จ!
    บลูรู้ทันทีว่าซิฟเฟอร์ตกหลุมพรางที่ตนวางไว้ พลางเปิดประตูเอลสองบานใช้เอลที่สองและสามร่วมกันทำให้เกิดเป็นเอลน้ำแข็งขึ้น เอลน้ำแข็งผสานเข้ากับวิสุทธิ์ศาสตราจนเกิดเป็นไอเย็นเยียบ กระสุนน้ำแข็งถ่ายทอดออกจากกระบองพุ่งตามสายฟ้าสีส้มไปติดๆ
                    เมื่อเอลสองชนิดที่ตรงข้ามกันเกิดการปะทะกันอย่างหักโหมจะส่งแรงระเบิดออกไปรอบทิศ นี่เป็นหลักที่เอลลิสทุกคนรับรู้ สายฟ้าเป็นเอลระดับสองจึงต้องใช้น้ำแข็งซึ่งเป็นเอลระดับสองเช่นกันถึงจะทำให้เกิดการระเบิดของธาตุตรงข้ามได้ ประกายแสงสีน้ำเงินและสีส้มเมื่อบรรจบกันทำให้เกิดแรงระเบิดครั้งใหญ่
                    ตูม!
                    ซิฟเฟอร์ที่เก่งกาจร่ายเอลสายฟ้าฟาดในระยะเวลากระชั้นชิดต้านทานแรงระเบิดเอาไว้ที่เบื้องหน้า ประกอบกับสะบัดผ้าคลุมเอรูไดท์ที่ทนทานต่อเอลใดๆขึ้นมาป้องกันทันควัน แรงระเบิดจึงไม่สามารถทำอันตรายซิฟเฟอร์ได้ดั่งที่บลูตั้งใจ ฝุ่งผงจากสายฟ้าและแรงระเบิดปลิวว่อนคละคลุ้งไปทั่วทิศจนไม่สามารถระบุวัตถุเบื้องหน้าด้วยสายตาได้
                    บลูฉวยโอกาสนั้นทันทีกระโดดลงทะเลสาบ กล่าวว่า “ขอบคุณที่รบกวนส่ง” ผนึกเอลที่สองเป็นท่าหายใจใต้บาดาลดำน้ำหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ซิฟเฟอร์ที่มิอาจดำน้ำติดต่อกันเป็นเวลานานจึงได้แต่ทอดสายตาที่แดงฉานมองดูบลูหลบหนีไปอย่างปลอดภัย
                    การต่อสู้เมื่อครู่ใช้เวลาเพียงนาทีเศษ ผู้คนที่อาศัยอยู่รอบด้านรู้แต่เพียงว่ามีสายฟ้าฟาดลงมายามกลางวันแสกๆ ทำให้ผิวดินส่วนหนึ่งเป็นรูเหมือนถูกคนขุดเอาไว้ หารู้ไม่ว่าเกิดการต่อสู้ลอบสังหารที่น่าหวาดเสียวผ่านไปรอบหนึ่ง
     
    กุลสตรีชาวนอร์เชิญลูทนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งในเพิงน้ำชาข้างทาง
                    นางแนะนำตัวเองว่าชื่อโซเฟียจากนั้นจึงถามถึงความเป็นมาเป็นไปของลูท เมื่อพรานหนุ่มเห็นบุคลิกที่เปิดเผยน่าเชื่อถือจึงตอบออกไปตามความสัตย์จริงโดยไม่ปิดบังอันใด
                    ลูทกล่าวเข้าเรื่องว่า “พี่สาวมีเรื่องอันใดเกี่ยวกับศัสตราวุธเล่มนี้อย่างนั้นหรือ?
                    โซเฟียกล่าวว่า “ข้าเพียงแต่เห็นกระบี่เล่มนี้สวยงามผิดจากศัสตราวุธเล่มอื่น จึงอยากจะขอชมดูเป็นขวัญตาสักครั้งหนึ่งได้หรือไม่?
                    ลูทไม่ติดใจอันใด สายเลือดนักประดิษฐ์ในตัวของเขาบอกกับจิตวิญญาณเสมอว่าให้อยากรู้อยากเห็นในเรื่องอุปกรณ์ใหม่ๆ จึงเห็นว่าการขอดูศัสตราวุธชิ้นหนึ่งไม่เป็นเรื่องที่เสียหาย พลางปลดเซเบอร์เขี้ยวราชสีห์ที่ข้างเอวส่งมอบให้กับโซเฟีย
                    โซเฟียรับเขี้ยวราชสีห์มาพิจารณาด้วยสายตาอันนุ่มนวล ความงามของนางต่างจากหญิงงามคนอื่นๆ มิได้งามด้วยสง่าราศีประดุจเทพยดาดั่งเช่นยูกิ และมิได้มีความเฉิดฉันลึกซึ้งดั่งเช่นโรซาไลน์ ความเป็นเอกลักษณ์ของนางคือความอ่อนโยนและความนุ่มนวล เมื่อผู้ใดอยู่ใกล้จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในอ้อมกอดมารดาที่อบอุ่น ไม่ว่าอิริยาบถการพูดจาและท่วงท่าต่างๆล้วนแสดงออกถึงความอ่อนหวานหาที่เปรียบมิได้ จึงไม่แปลกที่มือปราบชั้นหนึ่งไกจะหลงรักสาวงามคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
                    เมื่อโซเฟียดึงกระบี่ออกจากฝัก หางคิ้วของนางพลันกระตุกเล็กน้อยทันทีที่เห็นกระบี่อันคุ้นเคย เนื้อกระบี่สีทองและฝักสีดำเช่นนี้ชี้ชัดว่าเขี้ยวราชสีห์ที่รู้จัก กับเขี้ยวราชสีห์ที่บุรุษหนุ่มผู้นี้ครอบครองเป็นศัสตราวุธเล่มเดียวกัน ศัสตราวุธที่ผสานสายใยรักของคนหนุ่มหญิงสาวเมื่อครั้งที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเซนต์เอลลิส เมื่อครั้งที่ยังไม่มีกำแพงทางด้านฐานะกั้นกลาง และเมื่อครั้งที่ยังไม่มีเรื่องของเชื้อชาติกีดขวาง ศัสตราวุธอันเป็นของขวัญการครบรอบอายุสิบแปดปี ของชายอันเป็นที่รักในอดีต
                    ลูทเห็นท่าทางของโซเฟียผิดปกติเล็กน้อย คิดว่านางกำลังชื่นชมกระบี่เล่มนี้ดั่งที่เขาเห็นมันครั้งแรก จดจำได้ว่าครั้งแรกที่พี่ไกกำนัลเขี้ยวราชสีห์ให้เขาถึงกับตาเป็นประกาย พินิจพิจารณาทุกรายละเอียดเท่าที่จะทำได้
                    โซเฟียสอดกระบี่คืนฝัก ปรับจิตใจให้สงบดังเดิม กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ไม่ทราบว่าน้องชายได้กระบี่นี้มาจากที่ใด ยินยอมจะขายต่อให้กับข้าหรือไม่?
                    ลูทส่ายหน้ากล่าวว่า “มิได้หรอกพี่สาว กระบี่เล่มนี้เป็นของกำนัลจากสหายสนิทข้าคนหนึ่งให้รักษาไว้ด้วยชีวิต ข้ามิอาจประเมินราคาหรือขายกระบี่นี้ออกไป”
                    โซเฟียพอจะคาดเดาได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นมาอย่างไร จึงคืนเขี้ยวราชสีห์ให้กับลูทไปพร้อมกล่าวว่า “ขอบใจเจ้ามากที่สละเวลามาสนทนากับข้า พอดีข้ามีธุระที่จะต้องทำคงต้องขอตัวจากไปก่อนถือว่ามื้อนี้ข้าขอเป็นเจ้ามือ” จากนั้นจึงวางเหรียญทองเหรียญหนึ่งลงบนโต๊ะแล้วจากไป
                    ลูทผุดลุกขึ้นยืนในขณะที่กำลังจะกล่าวว่า “เงินจำนวนนี้มันมากเกินไป” กลับไม่เห็นร่างของโซเฟียแล้ว ท่าร่างของพี่สาวคนนี้ช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน
                    ทันใดนั้นเงาทะมืนลอยผ่านมาจากทางทิศตะวันออก นักรบมังกรฝูงหนึ่งขี่มังกรบินมาจากเทือกเขาไดมอนฮิลเพื่อสมทบกับนักรบมังกรจากเทือกเขาแองเจล่า พลันมีเสียงดนตรีเอิกเกริกดังขึ้นมาจากลานกว้างหน้ารัฐสภา ตามด้วยเสียงโห่ร้องยินดีของประชาชนชาวนครหลวง เห็นได้ชัดว่าพิธีมอบตำแหน่งมือปราบชั้นหนึ่งแห่งภาคกลางให้กับวาคินได้สิ้นสุดลง ชาวเมืองนอร์โปลิสได้มือปราบชั้นหนึ่งคนใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว
                    ลูททอดสายตาตามนักรบมังกรพวกนั้นไปพลางคิดถึงศึกกลางแม่น้ำนอร์ริช หากเขามีทางเลือกสายอื่นเขาคงจะไม่คิดต่อสู้กับกองทัพมังกรที่ไปมาได้ดั่งใจ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×