ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #49 : เล่ม 2 - ตอนที่ 17 - การทดสอบของชานอน (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 938
      1
      17 ต.ค. 50

    ภาควิกฤตก่อกำเนิด
    ตอนที่ 17 การทดสอบของชานอน
    5 กุมภาพันธ์ อศ. 226
     
    ณ ห้องฝึกเอล ชั้นสองของตึกตะวันออก โรงเรียนเซนต์เอลลิสสาขาเมืองโอดิน
    ห้องฝึกเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้างสิบห้าเมตรยาวเกือบสี่สิบเมตร ขนาดของมันสามารถให้นักเรียนสองร้อยคนเข้ามาฝึกเอลพร้อมกันได้อย่างสบาย ลานประลองฝีมือที่ปรากฏในสายตาของลูทและบลูไม่นับว่าเป็นลานๆหนึ่ง เพียงแต่เป็นพื้นที่ในห้องฝึกที่ถูกตีเส้นกรอบล้อมรอบไว้ทั้งสี่ด้าน เห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้างยาวแปดเมตรรูปหนึ่ง บลูและลูททั้งสองคนยืนเตรียมพร้อมอยู่ฟากด้านขวาในขณะที่มอริสยืนอยู่ฟากด้านซ้าย ชานอนยืนคั่นกลางระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นกรรมการในการตัดสิน ส่วนทางด้านไก โรสและพริมที่เหลืออีกสามคนได้แต่ชมดูอยู่ด้านข้างไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเขตที่เป็นลานประลองได้
                    ชานอนอนุญาตให้ทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธจริงในการประลองครั้งนี้ได้ตามใจชอบ ถ้าหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นชานอนมั่นใจในความสามารถของตัวนางที่จะยับยั้งการต่อสู้โดยปราศจากอันตราย ชานอนได้ตั้งกฎเอาไว้ข้อหนึ่งนั่นก็คือ ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลุดออกไปนอกกรอบสี่เหลี่ยมที่ล้อมเอาไว้ทั้งสี่ด้านจะถือว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เมื่อรู้ผลแพ้ชนะการประลองก็จะสิ้นสุดลง ดังนั้นหนึ่งในวิธีการที่พวกลูทจะเอาชนะครูมอริสให้ได้ก่อนครบกำหนดสามนาทีก็คือต้องบีบให้ครูมอริสหลุดกรอบออกไปด้านข้าง ที่จริงแล้วพวกเขามิได้หวังว่าจะผลักครูมอริสให้หลุดกรอบไปภายในสามนาทีอันใด หากแต่ระวังมิให้พวกเขาคนหนึ่งคนใดหลุดไปภายในสามนาทีต่างหาก เมื่อครบกำหนดสามนาที พวกเขาก็จะถือเป็นฝ่ายชนะเช่นกัน
    ลูทถือโอกาสนี้เป็นการทดลองใช้กระบี่เขี้ยวราชสีห์ไปในตัว ตัวเขารู้สึกตื่นเต้นอยากจะพิสูจน์อานุภาพของเขี้ยวราชสีห์ดูสักครั้งว่าจะมีอานุภาพเพียงใด เขาเองไม่ทราบว่าการประลองครั้งนี้จะหนักหนาสาหัสเท่าใดแต่เขาก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถ แรงกดดันที่เขารู้สึกเหมือนกับเป็นแกะดำในหมู่เพื่อนฝูงซึ่งใช้เอลได้กันถ้วนหน้าผลักดันให้เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจในการประลองครั้งนี้ ลูทเคยคิดว่าหากเขาตั้งใจร่ำเรียนเอลกับอาจารย์ดาธคงจะมีส่วนช่วยเหลือในการต่อสู้หลายๆครั้งที่ผ่านมา
    เขาไม่อยากจะเป็นตัวถ่วงใครอีกแล้ว เขาจะต้องเรียนวิธีใช้เอลให้จงได้ เวลานี้เขามีทางเลือกเพียงทางเดียวนั่นคือต้องชนะเท่านั้น
    บลูเองยังไม่เคยเห็นครูมอริสในการต่อสู้มาก่อน เขามีความรู้สึกที่อยากจะรับรู้ความสามารถของครูที่พร่ำสอนเขาดูสักครั้งหนึ่ง ในสมัยที่เขายังเป็นนักเรียนเขารู้สึกว่าบรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลายมีความสามารถสูงส่งเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง แต่ในตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป เวลาสองปีเศษที่เขาได้ออกเดินทางค้นหาประสบการณ์ชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่อยู่กับอาจารย์ดาธช่วยปรับพื้นฐานให้เขาเทียบเคียงกับบรรดาครูหลายๆคน และในช่วงหลายวันมานี้การต่อสู้อันดุเดือดเฉียดตายได้เคี่ยวกรำเขาให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ
    บลูในวันนี้เปรียบกับเมื่อสมัยเป็นนักเรียนจะเป็นอย่างไร น่าสนใจเสียจริง
    บลูร่ายเอลที่สองขึ้นมาเป็นอาวุธใช้แทนหอกอันเก่าที่เสียหายไป ไม่ว่าธาตุอะไรก็สามารถใช้เอลสร้างเป็นอาวุธได้ไม่ต่างกัน หลักวิชานี้เรียกว่าศาสตราอาคม ถ้าหากเอลลิสคนใดเรียนรู้วิชาศาสตราอาคมเขาก็จะสามารถใช้เอลธาตุที่ตนเองถนัดสร้างอาวุธขึ้นมาใช้ได้ ดั่งเช่นหัตถ์หิมะของไกที่ใช้สร้างเอลสร้างน้ำแข็งเป็นถุงมือใช้ทดแทนอาวุธ เนื่องจากบลูเคยชินกับการใช้หอกเขาเลยร่ายหอกวารีขึ้นมาเล่มหนึ่ง บลูยังไม่เคยชินกับการใช้ศาสตราอาคมเท่าใดนักหอกวารีที่เขาเสกขึ้นมาจึงมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับหอกไม้ด้ามหนึ่งเท่านั้น
                    อีกด้านหนึ่งครูมอริสก็ใช้อาวุธที่สร้างมาจากศาสตราอาคมเพราะเขามิได้พกอาวุธใดๆ ขวานอัคนีของเขาสร้างขึ้นด้วยหินอันแข็งแกร่งจากเอลที่หนึ่ง ถ้าเทียบขวานอัคนีของครูมอริสกับหอกวารีของบลูแล้วถือว่ายังห่างชั้นกันมากนัก ครูมอริสถนัดในการใช้ศาสตราอาคมและเป็นครูที่สอนวิชาสาขานี้โดยตรง จากการฝึกฝนเป็นเวลานานนับสิบปีทำให้ความแข็งแกร่งของขวานอัคนียิ่งกว่าอาวุธเหล็กกล้าทั่วไป มอริสเองเป็นผู้ถ่ายทอดวิชานี้ให้กับบลู เขารู้สึกเช่นเดียวกับชานอนที่อยากจะทดสอบความสามารถของศิษย์ที่เขาพร่ำสอนมากับมือ ดูว่ามีความรุดหน้าไปไกลมาขนาดไหน ความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นกับครูทุกคนทุกประเภททุกสาขาวิชาไม่ใช่เพียงแค่ครูสอนเอลเท่านั้น ขนาดครูสอนวิชาการทำอาหารยังอยากที่จะรู้ว่าศิษย์ของตนพัฒนาไปได้ก้าวไกลเพียงใด ครูมอริสตั้งท่าเตรียมพร้อมร่างกายที่แข็งแรงบึกบึนพร้อมสำหรับรับทุกสถานการณ์ เหลือเพียงรอสัญญาณจากเริ่มการประลองจากครูชานอน
                    โรสที่นั่งดูอยู่ด้วยกันด้านข้างก็เอาใจช่วยให้ลูทและบลูผ่านการทดสอบนี้ไปได้ด้วยดี ถึงแม้นางจะรู้จักเพื่อนทั้งสองมาเป็นเวลาไม่กี่วัน หลังจากผ่านการร่วมทุกข์ร่วมสุขในห้วงคับขันด้วยกันมาก็ทำให้นางรู้สึกว่าเพื่อนทั้งสองเป็นเพื่อนแท้ที่หามิได้ที่ไหนอีก
    สองสาวที่เป็นผู้ชมต่างก็พิจารณาจากขวานอัคนีและทวงท่าการยืนเตรียมพร้อมของครูมอริสพบว่าบุคคลคนนี้เป็นผู้มีฝีมือเยี่ยมคนหนึ่ง เท้าทั้งสองข้างของเขาถ่ายน้ำหนักกันได้เหมาะสม ขวานที่ถือสามารถต้านรับการบุกไม่มีช่องว่างให้ฉกฉวย นางทั้งสองเองคาดว่าครูมอริสน่าจะเป็นรองไกอยู่บ้างแต่ก็คงจะไม่ห่างมากนัก ถ้าหากบลูและลูททั้งสองคิดจะเอาชนะคนผู้นี้ในการต่อสู้จริงๆที่ไม่ใช่การประลองอาจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสูง
                    เมื่อชานอนเห็นทั้งสองฝ่ายตั้งท่าพร้อมจะต่อสู้จึงถามว่า พร้อมแล้วหรือไม่
                    ลูท บลูและมอริสทั้งสามต่างก็พยักหน้าครั้งหนึ่ง
    ชานอนเห็นทั้งสองฝ่ายต่างก็รับคำ นางหยิบนาฬิกาขึ้นมาจับเวลาสามนาทีพร้อมกับกล่าวว่า เริ่มได้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×