ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #50 : เล่ม 2 - ตอนที่ 17 - การทดสอบของชานอน (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 921
      0
      19 ต.ค. 50

    สิ้นสุดเสียงของชานอนก็ปรากฏประกายกระบี่เขี้ยวราชสีห์วูบวาบละลานตา สีทองจากคมกระบี่สะท้อนแสงด้านข้างกระจายออกไปทั่วทิศ ลูทโหมใช้กระบี่ออกไปด้วยความเร็วสูง เขาอาศัยหลักการจู่โจมอย่างมิทันตั้งตัวสะบัดกระบี่สีทองอร่ามเข้าใส่ครูมอริสเจ็ดครั้งติด โดยปกติลูทไม่สามารถสะบัดกระบี่ได้รวดเร็วขนาดนี้เนื่องด้วยกระบี่มีน้ำหนักมาก พอเปลี่ยนมาจับกระบี่เขี้ยวราชสีห์ที่เบากว่าเดิมกึ่งหนึ่งทำให้ลูทคล่องมือขึ้นเป็นเท่าตัว ช่วงเวลาระหว่างแต่ละครั้งในการสะบัดกระบี่จึงย่นลงไปอย่างเห็นได้ชัด หากลูทกลับไปใช้กระบี่เหล็ดอันเดิม เขาสะบัดได้ถึงสี่ครั้งติดกันก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว
                    บลูเห็นเพื่อนคู่ซี้ของเขาสะบัดกระบี่ออกมาเป็นประกายทองละลานตาก็เกิดแรงกระตุ้นให้แสดงฝีมือออกบ้าง เขาไม่ยอมน้อยหน้าร่ายคมดาบสุญญากาศด้วยมือซ้ายและประกายเพลิงด้วยมือขวาดึงเอลจากประตูสองบานพร้อมกัน บลูวาดมือออกทั้งสองข้างได้ด้านหน้า ดาบสุญญากาศและประกายเพลิงต่างก็พุ่งเข้าไปหาครูมอริสไล่หลังประกายกระบี่สีทอง ส่วนตัวบลูเองถือหอกวารีตามติดเอลทั้งสองไปพร้อมที่จะโจมตีเป็นคำรบสาม
                    ทั้งบลูและลูทเคยต่อสู้ด้วยกันมาบ่อยครั้ง แผนการณ์ที่พวกเขานิยมใช้ที่สุดคือผลัดกันโจมตี ไม่ให้เป้าหมายตั้งตัวติด กระบี่และเอลประสานเสริมกันจู่โจมใส่เป้าหมายเดียวกัน
                    ครูมอริสเห็นเด็กทั้งสองจู่โจมมาอย่างเกรี้ยวกราดก็ตื่นตกใจ เขาไม่คิดว่าลูกศิษย์ที่พึ่งจะจบไปสองปีดังเช่นบลูจะสามารถใช้เอลได้ถึงขนาดนี้ ส่วนประกายกระบี่ละลานตาของลูทยิ่งอยู่เหนือความคาดหมายของเขา เขารู้ตัวดีว่าขนาดตัวเขาเองยังไม่สามารถใช้กระบี่ฟันติดกันถึงเจ็ดครั้งได้อย่างลูท ขนาดไกเองที่ยืนดูอยู่ด้านข้างก็ยังยอมรับว่าการตั้งรับท่าจู่โจมของลูทกับบลูนั้นยากลำบากกินแรง
    ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นครูมอริสก็คิดหาวิธีตั้งรับอย่างได้ผลที่สุดวิธีหนึ่ง เขาจามขวานอัคนีออกไปด้านหน้าด้วยแรงมหาศาลสลายคมกระบี่ทั้งเจ็ดของลูทไปสิ้น ด้วยเหตุผลง่ายๆที่ว่าเมื่อลูทจู่โจมเจ็ดครั้งติดต่อกันจะทำให้ความรุนแรงของกระบี่แต่ละกระบี่ลดน้อยถอยลง มอริสจึงใช้ขวานออกด้วยพลังเต็มเปี่ยมเพียงขวานเดียวก็สามารถปิดกั้นคมกระบี่ทั้งเจ็ดได้
    ทันใดที่เงากระบี่สลายหมดสิ้น เอลดาบสุญญากาศและประกายเพลิงทั้งสองก็พุ่งตามติดเข้าหาครูมอริส เมื่อครู่ครูมอริสใช้ขวานที่มือขวาจามปะทะกับกระบี่ของลูทจึงใช้มือซ้ายร่ายเอลเสกขวานอัคนีขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง ครูมอริสใช้ขวานเล่มที่สร้างใหม่จามต้านรับเอลดาบสุญญากาศ คมขวานฉีกเอลสุญญากาศออกเป็นสองส่วน จากนั้นเขาอาศัยการก้าวเท้าฉากหลบเอลประกายเพลิงไปทางด้านข้าง พอตัวของครุมอริสเคลื่อนไปทางขวางบลูที่ถือหอกวารีที่ตามติดเข้ามาก็จู่โจมพลาดเป้า จังหวะวินาทีนั้นเองช่องว่างของบลูจึงปรากฏขึ้น มอริสใช้ขวานอัคนีในมือขวาฟาดฟันเข้าใส่ช่องว่างนั้นทันที
                    ประกายกระบี่สีทองปรากฏขึ้นด้านหน้าครูมอริสอีกครั้งหนึ่ง ลูทใช้กระบี่เขี้ยวราชสีห์เข้ามาปิดช่องว่างของบลูได้อย่างเหมาะเจาะ ตัวบลูเองรู้อยู่แล้วว่าลูทจะเข้ามาเสริมจุดอ่อนของเขาในขณะเดียวกันเขาก็พร้อมอยู่ทุกเมื่อที่จะช่วยเสริมจุดอ่อนของลูท พอลูทตั้งรับท่าจู่โจมของครูมอริสไว้ได้เขาก็ใช้เขี้ยวราชสีห์ต่างดาบฟันซ้ายขวาซ้อนกันสองครั้งมีเป้าหมายที่แขนทั้งสองข้าง กระบี่ที่ฟันออกพุ่งเข้ากระแทกซ้ายขวาต่อเนื่องเต็มเปี่ยมไปด้วยกำลัง ไม่เหมือนกับเจ็ดกระบี่แรกที่เคยได้รับบทเรียนมาก่อน แรงที่เคยถูกแบ่งเป็นเจ็ดส่วนถูกบังคับให้เหลือเพียงสองกระบี่เป็นผลให้อานุภาพของสองกระบี่นี้แตกต่างกับเจ็ดกระบี่แรกมากนัก
                    ครูมอริสเห็นว่าสภาวะของสองกระบี่นี้ไม่สามารถที่จะประมาทได้ เขาใช้ขวานสองด้ามฟันออกหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาตั้งรับกระบี่เขี้ยวราชสีห์อย่างรัดกุม ถึงแม้ว่าพละกำลังของกระบี่ลูทจะมากขึ้นขวานอัคนีอันแข็งแกร่งก็เพียงพอต่อการตั้งรับอย่างไม่ยากเย็น แทนที่ครูมอริสจะตีโต้ฉวยโอกาศรุกกลับไปเขากลับเปลี่ยนยุทธวิธีการต่อสู้ ครูมอริสใช้เอลที่หนึ่งร่ายพสุธากัมปนาทใส่ลงไปในขวานอัคนีในมือขวา ขวานอัคนีที่บรรจุเอลพสุธากัมปนาทส่องแสงสีเหลือเรืองรองพร้อมที่จะระเบิดเป้าหมายให้เป็นจุล แต่เขามิได้จามขวานใส่ลูทกลับขว้างขวานเล่มนั้นเข้าใส่บลูที่อยู่ด้านหลัง
                    ขวานอัคนีเมื่อถูกขว้างออกในแนวดิ่งก็บินหมุนเป็นจักรผันพุ่งฝ่าอากาศออกไปเป็นเส้นตรง พื้นด้านล่างโรงฝึกถูกแรงจากเอลพสุธากัมปนาทในตัวขวานระเบิดเข้าใส่เป็นระยะๆ หากพวกเขาต่อสู้กันที่พื้นดินธรรมดาด้านล่าง ขวานบินคงจะทิ้งรอยเป็นแนวยาวเฉกเช่นคลองขุดขนาดย่อม ท่าขวานท่านี้เรียกว่าอัคนีกัมปนาทเป็นท่าจู่โจมประจำตัวของครูมอริส
                    บลูเตรียมจะจู่โจมต่อเนื่องกับกระบี่เขี้ยวราชสีห์กลับผิดพลาดเสียจังหวะเมื่อเห็นขวานอัคนีกัมปนาทพุ่งเข้าใส่ แผนการที่เขากับลูทเตรียมเอาไว้อย่างมั่นเหมาะว่าจะผลัดกันโจมตีโดยมิให้ครูมอริสหยุดพักหายใจก็พังทลายลง บลูจำใจต้องเปลี่ยนจากการโจมตีมาเป็นการป้องกัน เขาสลายหอกวารีทิ้งไปเมื่อรู้ว่าไม่สามารถใช้ตั้งรับได้ รวบรวมเอลที่มือซ้ายร่ายเอลพสุธากัมปนาทส่วนมือขวาร่ายเอลโล่ห์ปฐพีตั้งรับขวานบินอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง เอลพสุธากัมปนาทของบลูยิงลงใส่พื้นเข้าปะทะกับเอลพสุธากัมปนาทที่แฝงมากับขวานบินของครูมอริสเกิดเป็นแรงระเบิดเสียงดังตูม ส่วนโล่ห์ปฐพีถูกตัวขวานอัคนีกระแทกเข้าใส่สลายไปทั้งคู่ แรงปะทะนี้ถึงกับทำให้บลูกระเด็นถอยหลังไปห้าหกก้าว อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะต้องหลุดออกจากเวทีการประลอง
                    นี่ใช่ลูกศิษย์ที่เราสั่งสอนไปอย่างนั้นหรือ
                    ครูชานอนคำนึงอยู่ในใจเมื่อเห็นบลูเก่งกาจราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน บลูเมื่อสองปีก่อนนับว่าเป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นก็จริงอยู่ แต่บลูในขณะนี้สามารถตั้งรับขวานอัคนีกัมปนาทอันเป็นท่าประจำกายของมอริสได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บถือว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ระยะเวลาสองปีมานี้ถือว่าเขาได้พัฒนาฝีมือไปอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับบุคคลทั่วไปทุกคน ชานอนคำนวณจากแรงระเบิดเมื่อครู่เห็นได้ว่าฝีมือของบลูอย่างน้อยจะต้องจัดอยู่ในระดับปราชญ์ชั้นสูง
                    ลูทเหลือบมองไปด้านหลังเห็นบลูสามารถต้านรับขวานอัคนีที่บรรจุพลังพสุธากัมปนาทเข้าไปได้อย่างไม่เป็นอันตรายก็คลายใจลง ต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องกอบกู้สถานการณ์อันมีเปรียบกลับคืนมาอีกครั้ง หรืออย่างน้อยเขาต้องถ่วงเวลาหาจังหวะให้บลูได้พักเอาแรงสักครู่หนึ่ง
    ลูทสงบจิตใจดั่งน้ำนิ่งในทะเลสาบ พริบตานั้นเขานึกถึงทิวทัศน์ที่อยู่ใต้หุบเขาไม้ดอก อาศัยความรู้สึกที่ปลอดโปร่งโล่งใจก่อให้เกิดพลังอันไม่คาดฝัน เขาฟันกระบี่เขี้ยวราชสีห์ในมือขวาออกไปสุดแรง ประกายสีทองรูปพระจันทร์เสี้ยวสว่างวาบขึ้นมายิ่งกว่าครั้งใด เสียงกระหึ่มของกระบี่เขี้ยวราชสีห์ก็ดังขึ้น ทุกคนในห้องฝึกต่างก็ประหลาดใจที่อยู่ๆกระบี่ส่งเสียงคำราม ลูทถึงกับตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่งมองดูประกายรูปจันทร์เสี้ยวอย่างไม่กระพริบตา ในใจคำนึงว่า กระบี่ของเขาเปล่งเสียงคำรามได้อย่างไร
                    แต่คนที่ประหลาดใจมากที่สุดไม่ใช่ลูท หากแต่เป็นมือปราบไกผู้เป็นเจ้าของกระบี่คนก่อน ไกที่ยืนดูอยู่ด้านข้างถึงกับยิ้มลอบยินดีเมื่อได้ยินเสียงคำรามของกระบี่เขี้ยวราชสีห์ ตัวเขาเองใช้เวลาร่วมสองเดือนกว่าจะฟันกระบี่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังจนทำให้เขี้ยวราชสีห์คำรามออกมาได้ ลูทกลับกระทำได้ภายในการต่อสู้เพียงครั้งเดียว เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็เกิดความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้นที่มอบกระบี่เขี้ยวราชสีห์ให้ลูทเป็นผู้รับช่วงสืบทอด ถึงแม้กระบี่เขี้ยวราชสีห์จะไม่จัดอยู่ในทำเนียบสิบสี่ยอดศัสตราวุธที่แมกซ์ผู้เป็นบิดาของลูทจัดทำขึ้น แต่มันก็เป็นหนึ่งในอาวุธชั้นเยี่ยมที่เปรียบมิได้กับอาวุธทั่วไป
                    ครูมอริสได้ยินเสียงคำรามของกระบี่เขี้ยวราชสีห์ถึงกับจิตใจสั่นสะท้าน เขาต้องเปลี่ยนการตั้งรับใหม่เร่งเร้าเอลในร่างถึงขีดสุด ใช้ขวานอัคนีประสานเข้ากับเอลพสุธากัมปนาทอีกครั้งหนึ่งเฉกเช่นขวานบินที่ขว้างใส่บลูเมื่อครู่ แต่ครั้งนี้เขามิได้ขว้างมันออกกลับใช้มันจามเข้าใส่กระบี่เขี้ยวราชสีห์ที่ส่งเสียงคำรามให้ถอยห่าง ทั้งลูทและครูมอริสต่างก็ต้องถอยไปตั้งหลักถึงสองสามก้าว ครูมอริสไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องใช้ขวานอัคนีกัมปนาทถึงสองครั้งติดกัน เหงื่อที่โคนผมของเขาไหลลงมาเป็นหย่อมๆสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปไม่น้อย ถ้าหากการประลองครั้งนี้เขาประมาทแม้แต่นิดเดียวล่ะก็อาจจะถึงขั้นพ่ายแพ้แก่บุรุษหนุ่มสองคนนี้ก็เป็นได้
                    เวลาผ่านไปนาทีเศษถึงจะมีช่วงเวลาให้หยุดพักหายใจ ทั้งผู้ชมและผู้ร่วมประลองต่างก็พึ่งจะได้หายใจกันทั่วท้อง บลูกับลูทใช้เวลานี้ตั้งหลักขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งสองยืนเคียงคู่กันเตรียมการต่อสู้ในอึดใจถัดไป ครูมอริสเองก็เสกขวานอัคนีด้ามที่สลายไปแล้วขึ้นมาใหม่กอปรเป็นขวานคู่อีกครั้ง สายตาทั้งหกข้างต่างก็จับจ้องที่คู่ต่อสู้ของตนคาดเดาการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม
                    ลูทตั้งกระบี่เขี้ยวราชสีห์ขึ้นเสมอไหล่ในแนวนอนชี้ปลายไปยังครูมอริส เขาสบตากับเพื่อนคู่ซี้แล้วยกมือส่งสัญญาณครั้งหนึ่ง
                    บลูได้รับสัญญาณมือของลูทก็เป็นอันรู้กัน มือขวาของบลูเปล่งประกายสีแดงจากเอลที่สี่ลุกโชนขึ้น ประกายเพลิงอันแรงกล้าซัดออกจากมือเขามาใส่กระบี่เขี้ยวราชสีห์ของลูทในอึดใจต่อมา เกิดเป็นเปลวไฟลุกไหม้กระบี่เขี้ยวราชสีห์
                    ลูทเปลี่ยนมาถือกระบี่ด้วยมือซ้ายรวบรวมเอลของตนเอาไว้ที่ด้ามจับป้องกันความร้อนจากประกายเพลิง และก็เป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้จริง กระบี่เขี้ยวราชสีห์ที่มีส่วนประกอบของโลหะมิทราลไม่หลอมละลายไปกับประกายเพลิงดั่งกระบี่เหล็กที่เขาเคยใช้ เขายิ้มที่มุมปากโถมร่างเข้าใส่มอริส ใช้กระบี่ประกายเพลิงแทงทะลวงออกไปเบื้องหน้า
                    ครูชานอนที่เป็นกรรมการตัดสินถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นการใช้วิชากระบี่ผสานเอลของทั้งคู่ นางคิดว่าหากปล่อยให้มีการต่อสู้ต่อไปอาจจะเกิดผลกระทบร้ายแรงได้จึงกล่าวออกคำสั่งเสียงดังว่า หยุดมือ! พร้อมกับวิ่งเข้าไปขวางกระบี่
    ลูทได้ยินที่เสียงของครูชานอนแต่จังหวะนั้นเขาไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวได้ตามใจปรารถนา ร่างของเขาและกระบี่เขี้ยวราชสีห์โถมเข้าใส่ครูชานอนที่เข้ามาขวางเอาไว้
    นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองของครูชานอนประกบเข้าด้วยกันเปล่งแสงสีขาวของเอลที่ห้าเป็นเอลดรรชนีเทพยดา สะบัดนิ้วทั้งสองไปตามคมกระบี่ปัดเปลวเพลิงที่ลุกอยู่บนกระบี่ขึ้นฟ้าไปสิ้น จากนั้นครูชานอนจึงใช้มืออีกข้างเคาะเข้าไปที่ข้อมือของลูทด้วยแรงที่พอเหมาะทำให้กระบี่หลุดออกจากมือ ตัวของลูทเซถลาไปด้านหน้าเสียหลักล้มลงแต่ไม่ได้รับอันตราย
                    ฝีมือการหยุดกระบี่ของชานอนช่างหมดจดเสียจริง การกะจังหวะเวลาและใช้แรงที่ไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อยถือได้ว่าบรรลุระดับเดียวกับมือปราบไกอย่างมิต้องสงสัย
                    ครูมอริสสลายขวานอัคนีในมือทั้งสองข้าง แบมือเสมอไหล่ ยิ้มที่มุมปากพร้อมกับกล่าวด้วยความยินดีว่า ยอดเยี่ยมมาก พวกเจ้าทั้งสองผ่านการทดสอบแล้ว
                    สองสาวที่ยืนดูอยู่ด้านข้างกลับต้องโห่ร้องดีใจออกมาอย่างลืมตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะดีใจที่ผ่านการประลองไปดีแต่อีกส่วนหนึ่งพวกนางโห่ร้องในความสามารถที่หมดจดงดงามของบลู ลูทและครูชานอน
                    นาฬิกาของครูชานอนบอกเวลาผ่านไปหนึ่งนาทีสิบเจ็ดวินาที ลูทและบลูก็ผ่านการทดสอบทั้งๆที่ใช้เวลาไปไม่ถึงครึ่งที่กำหนด
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×