ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #134 : เล่ม 5.1 - ตอนที่ 66.1 - ล้อมบ้านตระกูลหลิว (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 898
      1
      3 เม.ย. 51

    ลูทหันหลังพิงผนังอิฐหลังบ้าน เสียงที่ได้ยินแผ่วเบากลับกลายเป็นแจ่มชัดขึ้นมากมาย นึกไม่ถึงว่าโสตประสาทการรับฟังของเขาจะพัฒนาขึ้นถึงขนาดนี้
                    แว่วเสียงมือปราบหกคนดังมาอยู่เป็นระยะ แยกแยะออกว่าสามในหกนั้นอยู่บริเวณชั้นบน สองคนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ และอีกคนหนึ่งกำลังคุยกับเจ้าของบ้านในครัว จึงตกลงใจว่าจะหาทางลอบเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ผ่านทางหน้าต่างด้านข้าง สยบพวกมันไว้โดยมิให้เกิดเสียง
                    น่าเสียดายที่ลูทออกจากบ้านพักตระกูลหลิวมาโดยไม่มีอาวุธติดมือ กระบี่เขี้ยวราชสีห์หายไปคาดว่าต้องอยู่กับจางเสินโส่วที่เป็นผู้สร้าง ลำพังมือเปล่านั้นไม่มีความมั่นใจว่าจะกำราบทหารทั้งสองโดยไร้เสียง จึงสำรวจรอบกายหาวัตถุที่พอจะนำมาเป็นอาวุธได้ จนพบเห็นท่อนไม้ขนาดเท่าแขนเด็กท่อนหนึ่ง
                    ซันที่ลูทฝึกมาตลอดเวลาเป็นซันเชือดเฉือนที่ใช้กับการฟาดฟันเป็นหลัก พอเปลี่ยนจากเขี้ยวราชสีห์มาเป็นท่อนไม้ ซันเชือดเฉือนจึงมิอาจใช้ออกได้ ตัวเขาที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านซันกระแทก หากจะนำมาใช้ทดลองกับปฏิบัติการสำคัญก็ไร้ความมั่นใจ คิดไปคิดมาภาพของศาสตร์แห่งเอลก็ปรากฏขึ้นในสมอง จึงพยักหน้าครั้งหนึ่งตกลงใจเป็นมั่นเหมาะว่าจะต่อสู้อย่างไร
                    “เจ้าดูนั่น!! เสียงมือปราบคนหนึ่งในห้องโถงดังขึ้น สะกิดใจลูทในขณะที่จะปีนข้ามหน้าต่างไป จิตใจเต้นระทึกเมื่อคิดว่าร่องรอยของยูกิเปิดเผย เหลียวหน้ามองไปหาโฉมสะคราญในทันใด แล้วก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งเมื่อพบว่านางปราศจากภัยอันตราย
                    “มังกร!? มันมาได้อย่างไร หรือว่าเป็นกองทัพนอร์บุกโจมตี?” เสียงมือปราบอีกคนหนึ่งโวยวายดังขึ้น พร้อมกับได้ยินเสียงแห่งความวุ่นวายทั้งชั้นบนและชั้นล่าง มือปราบสามคนที่ประจำการอยู่ชั้นบนก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ ส่วนมือปราบและเจ้าของบ้านอีกสองคนที่อยู่ในครัววิ่งออกไปหน้าบ้านเพื่อแหงนมองบนท้องฟ้าให้เต็มตา
                    ในขณะที่ลูทได้ยินคำว่า “มังกร” ก็เข้าใจได้ในทันที จะเป็นสิ่งใดไปได้อีกนอกจากซุยริวของรินะ จึงโผกายข้ามหน้าต่าง เห็นมือปราบสองคนกำลังแหงนมองบนท้องฟ้าปราศจากการระวังตัว บุรุษหนุ่มใช้ออกด้วยเคล็ดทั้งสี่ รู้สึก สื่อสาร รวบรวมและปลดปล่อย กำเนิดศาสตราไร้สภาพหล่อหลอมเข้ากับกระบองในมือซ้าย
                    ศาสตราไร้สภาพในอาวุธทื่อด้านจะต่างจากศาสตราไร้สภาพที่ใช้กับกระบี่หรือฝักกระบี่ที่มีลักษณะเรียวยาว แทนที่จะเปลี่ยนกระบองให้มีความคมกริบราวกับกระบี่เหล็กกล้า กลับเพิ่มความหนาแน่นให้กับกระบองไม้จนเทียบเท่าฆ้อนโลหะขนาดยักษ์ ทั้งที่ตัวกระบองไม้เดิมมิได้เปลี่ยนไปอย่างไร ลูทใช้มันฟาดเข้าที่ด้านหลังมือปราบคนหนึ่ง ยังไม่มีเสียงร้องอันใดออกมาจากพลันสิ้นสติสมประดี
                    มือปราบอีกคนหนึ่งเห็นเพื่อนตัวเองล้มลงด้านข้าง แต่ยังไม่ทันแม้จะส่งเสียงร้อง ท้องน้อยก็รู้สึกเหมือนถูกท่อนซุงกระทุ้งเข้าไป จุกจนต้องล้มลงไปกอง เมื่อลูทใช้สันมือสับเข้าไปที่ต้นคออีกครั้ง ก็สิ้นสติตามเพื่อนของตนไป บุรุษหนุ่มลากคนทั้งสองไปผัดเปลี่ยนชุดหมายจะหลบหนี ปฏิบัติการสยบมือปราบสองนายเป็นอันสำเร็จลุล่วง
    “มีคนร้าย!
                    ไม่ใช่เสียงของมือปราบอีกสี่คนที่เหลือ แต่กลับเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น ลูทที่มัวแต่เพ่งความสนใจไปยังมือปราบทั้งหก กลับละเลยไปเสียได้ว่านอกจากบุคคลเหล่านั้นแล้วชาวบ้านผู้ไร้วรยุทธสามารถส่งเสียงเตือนภัย ที่จะชักนำมาซึ่งอันตรายไม่ต่างกัน
                    ผิดท่า!
                    ทันใดนั้นมือปราบที่เหลืออีกสี่คนรุดเข้ามายังจุดเกิดเหตุ คนที่มาถึงคนแรกใช้กระบี่สะบัดเข้ามาโดยพลัน เมื่อลูทใช้กระบองไม้ทื่อด้านเข้าต้านรับกระบวนท่าหนึ่ง ตัวกระบี่พลันบิดงอไปราวกับฟันใส่แร่เหล็กกล้า ทำให้มือปราบผู้นั้นต้องถอยหลังกลับไปก้าวหนึ่ง โยนกระบี่ทิ้งชักดาบข้างกายขึ้นมา กล่าวว่า “นี่มันอะไรกัน?
                    เมื่อมือปราบอีกสามคนติดตามมาพร้อมหน้า จึงเปลี่ยนวิธีการต่อสู้เป็นการผนึกกำลังใช้ค่ายกลเข้าต่อต้าน ก้าวเท้าสลับซ้ายขวาเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วราวกับนัดแนะกันไว้ก่อน ล้อมบุรุษหนุ่มซ้ายขวาหน้าหลังทั้งสี่ทิศ กักขังมิให้เคลื่อนไหวออกจากบริเวณ แต่ละคนกระชับอาวุธคู่กาย อันเป็นดาบสองและกระบี่สอง จ่อปลายมายังกระบองไม้ในมือของลูท
                    ยินเสียงมือปราบคนที่พลาดท่าเมื่อครู่กล่าวว่า “ระวังกระบองไม้นั่น อาวุธของพวกเราอาจใช้การมิได้”
                    “พวกเราไม่ต้องรีบร้อน โจรร้ายผู้นี้มีฝีมืออยู่ท่าสองท่า จะต้องรับมือด้วยความระมัดระวัง จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง” มือปราบคนหนึ่งที่มีแถบคาดบริเวณบ่าอันแสดงถึงความเป็นผู้นำเอ่ยปากขึ้น
                    “รับทราบหัวหน้า” มือปราบลูกน้องทั้งสามคนเปลี่ยนจากการตั้งท่าอาวุธเป็นแนวจู่โจม กลับเป็นการพาดศัสตราวุธในเชิงตั้งรับ ตระเตรียมถ่วงเวลาเต็มที่
                    ปง!
                    พลุสัญญาณถูกจุดออกจากมือปราบระดับหัวหน้า ฉายแสงสีแดงสอดส่องออกไปทั่วบริเวณ
                    ไม่ได้การ!
    ลูททราบทันทีว่าบัดนี้เหตุการณ์ถึงขั้นคับขัน ตนเองที่อ่อนแอจากอาการบาดเจ็บของพิษ กลับต้องเผชิญการต่อสู้แบบถ่วงเวลาของมือปราบฝีมือดีสี่นาย อีกทั้งพลุสัญญาณนั่นเป็นการขอความช่วยเหลือจากกองกำลังมือปราบที่อยู่ข้างเคียง คาดว่าอีกไม่เกินชั่วก้านธูปพวกมันต้องยกกำลังมากันอย่างน้อยก็ยี่สิบนาย
                    บุรุษหนุ่มเค้นสมองคิดหาวิธี แต่ขณะนั้นเองกลับพบประกายกระบี่แทงมาจากหัวหน้ามือปราบผู้นั้น หมายจะขัดขวางมิให้ทำอะไรได้สะดวก แม้แต่การหาจังหวะเวลาให้ครุ่นคิดก็ตาม
                    ลูทใช้กระบองไม้ผสานศาสตราไร้สภาพเข้าตั้งรับ เสียงทึบดังขึ้นสองครั้งเมืองกระบองไม้ปะทะกระบี่ หัวหน้ามือปราบกลับออมกำลังชักกระบี่กลับเมื่อกระทบโดยไม่ปะทะหักโหม คมกระบี่จึงไม่บิดเบี้ยวตามแรงที่ใส่ลงไป ตามมาด้วยคมอาวุธแวววาวอีกสามเล่ม มือปราบรุ่นน้องทั้งสามเสือกอาวุธเข้าช่วยมือปราบผู้พี่ มิให้ลูทเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุกโดยง่าย พอโจมตีเสร็จก็ถอยกลับเข้าตำแหน่งค่ายกลดังเดิม กักล้อมลูทมิให้ฝ่าวงล้อมออก
                    ขณะนั้นเองที่บุรุษหนุ่มร้อนใจ เสียงอาชาตัวหนึ่งก็ดังขึ้นที่เบื้องนอก ยอดหญิงยูกิเห็นสัญญาณพลุนั่นจึงทราบได้ทันทีว่ามีสิ่งใดผิดปกติ ควบขับม้าออกมารอคอยที่บริเวณหน้าต่าง
                    ลูทได้ยินเสียงฝีเท้ามาก็จริงอยู่ แต่จนใจที่มิอาจรุดออกไปสมทบกับนางในดวงใจได้ ค่ายกลสี่ทิศของมือปราบพวกนี้ทั้งหนาแน่นและรัดกุม แม้ไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับเขา ก็เพียงพอที่จะกักขังหน่วงเหนี่ยวมิให้หลุดรอดออกไป ซึ่งประเด็นหลังนี้เป็นหัวใจสำคัญของค่ายกลสี่ทิศ
                    กริ๊ด! เสียงกรีดร้องของสตรีดังขึ้นเบื้องนอก ตามมาด้วยเสียงของหน้าไม้ปล่อยลูกดอก
                    แย่แล้ว! กำลังเสริมของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่บริเวณบ้านพักหลังนี้คนหนึ่งรุดมาถึง บุรุษหนุ่มร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ยูกิยังฟื้นความสามารถกลับมาได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบ
                    ฉัวะ! โลหิตที่หลังมือขวาไหลออกมาเป็นทาง ขณะที่จิตใจของลูทลนลานเมื่อได้ยินเสียงร้องของสตรี ส่งผลให้บรุษหนุ่มพลาดท่าถูกคมกระบี่ของหัวหน้ามือปราบกรีดเป็นแผล ทั้งสำนึกตัวว่ามิอาจทำจิตใจให้สงบได้ เมื่อผู้ที่ถูกคุกคามเป็นโฉมสะคราญในดวงใจ ถึงขั้นนี้จึงเลือดเข้าตา กวาดกระบองไม้ในมือซ้ายไปโดยรอบ ปะทะคมศาสตราทั้งสี่ดังปงๆหมายจะทำลายอาวุธฝ่ายตรงข้ามให้หมดสภาพ แต่น่าเสียดายที่ค่ายกลมิได้ทลายออกแต่อย่างใด
                    ลูทได้ยินเสียงยูกิหอบหายใจด้วยความตื่นเต้น แล้วพลันได้ยินเสียงหน้าไม้ปล่อยลูกดอกออกเป็นครั้งที่สอง ทราบแก่ใจดีว่าครั้งนี้มือปราบเบื้องนอกคงไม่ปล่อยให้นางหลบรอดไปได้ พวกเขาทั้งสองอุตส่าห์หนีพ้นเงื้อมมือมัจจุราชมาแล้วหนหนึ่ง จะต้องมาจบสิ้นกันแค่นี้หรือ?
                    “หยุดมือ! บุรุษหนุ่มลูกครึ่งชาวนอร์มิสต์อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนออกมาด้วยความขาดสติ แสงสีทองส่องออกมาจากฝ่ามือซ้ายอีกครั้ง นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งที่สอง ที่ปรากฏแสงสีทองเช่นนี้!
     
    ป่าเสียดฟ้าเป็นป่าที่อยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ของอาณาจักรเอนเซล กั้นพื้นที่ด้วยแม่น้ำโอเรี่ยนสายเหนือและสายใต้ แบ่งเขตแคว้นธอร์และอิซซ์ออกจากกัน
                    ชื่อของป่าเสียดฟ้านั้นตั้งมาจากต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้า เป็นป่าอนุรักษ์ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศทุกประการ ต้นไม้แต่ละต้นใหญ่มีลำต้นกว้างราวสามสิบถึงสี่สิบคนโอบ ความสูงอยู่ระหว่างสามสิบวาถึงห้าสิบวา เป็นต้นสนเนื้อแดงหรือที่เรียกว่าเรดวูดทั้งสิ้น ต้นเก่าแก่บางต้นอาจมีความสูงถึงหกสิบวาก็เป็นได้ หากผู้ใดไปยืนที่ใต้ต้นไม้แล้วแหงนคอมองขึ้นไปยังท้องฟ้า จะพบว่ามิอาจเห็นยอดของต้นไม้ต้นนั้นๆได้ ด้วยประการเช่นนี้ป่าแห่งนี้จึงมีนามว่าป่าเสียดฟ้า
                    สตรีงามชาวเอนเซลถูกกระแสน้ำพัดมาจากใจกลางเมืองธอร์ หลุดออกมานอกเขตเมืองหมายจะข้ามแม่น้ำโอเรี่ยนมุ่งหน้าลงใต้ไปยังป่าแห่งนี้ ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้เมื่อครู่ทำให้นางต้องนั่งลงหอบหายใจอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะออกเดินทางอีกครั้ง รินะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า นั่งคู้เข่ากึ่งยืดขาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ บัดบังร่างจากแสงแดดอันร้อนแรง สองมือขาวผ่องลูบคลำน่องขาวนวลที่เกร็งติดต่อกันจากการวิ่งเป็นเวลานาน คำนึงในใจถึงเจ้าครองแคว้นชิล่าที่น่าสะพรึงกลัว หากเมื่อครู่ไม่ได้ซุยริวช่วยเอาไว้คงจะไม่มีทางหลบหนีสำเร็จ
                    พัดตะวันเคลื่อนด้ามนั้นปิดกั้นสภาวะของจักรที่บรรจุซันเต็มเปี่ยมได้อย่างง่ายดาย และขณะที่ซุยริวกำลังจะสลายกลายเป็นคลื่น รินะสังเกตเห็นว่าเจ้าครองแคว้นผู้นี้หลบสภาวะของวารีที่เกรี้ยวกราดพ้น จึงอดที่จะกล่าวกับตนเองออกมามิได้ว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่กระแสน้ำซุยริวมิอาจสร้างความเสียหายได้แม้แต่น้อย ราวกับว่าเจ้าครองแคว้นผู้นั้นล่วงรู้มาก่อนว่าซุยริวจะทำอะไร”
                    “ไม่ผิด ข้าล่วงรู้มาก่อนจริง”
                    เสียงต่ำเรียบที่ก้องมาจากท้องฟ้าเบื้องบนทำเอารินะแทบขวัญกระเจิง สะดุ้งจากท่านั่งขึ้นมาเป็นท่ายืนเตรียมพร้อมในทันที แหงนใบหน้าที่สาวสะพรั่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ภาพที่เห็นจะเป็นใครเสียได้อีก นอกจากชิล่าที่ตนกำลังนึกถึง!
                    “เจ้าไม่จำเป็นต้องแตกตื่นปานนั้น จะอย่างไรก็มิอาจหนีพ้นข้าได้หรอก” ชิล่ากล่าวในขณะที่ตนกำลังยืนอยู่บนหลังวิหคยักษ์สีเขียวสดตัวหนึ่ง ที่แผ่ปีกอันมหึมาล่องลอยอยู่กลางเวหา
                    “ซิรอคโค่!รินะกล่าวด้วยความตื่นตระหนก เมื่อพบว่าวิหคสยายปีกร่างยักษ์ที่อยู่บนศีรษะเป็นหนึ่งในสัตว์มายาระดับเอกวรรณ ที่จัดอยู่ในขั้นเดียวกับคิเมร่าและซุยริว จะมีข้อแตกต่างกันที่คิเมร่าควบคุมธาตุอัคคี ซุยริวควบคุมธาตุวารี ในขณะที่ซิรอคโค่ควบคุมธาตุวายุ
                    ในมือของชิล่าถือป้ายผนึกรูน สั่งการผ่านการติดต่อทางจิตวิญญาณให้สัตว์มายาใต้บังคับบัญชาลดระดับความสูงลงมาในระดับพื้นดิน เห็นเป็นร่างของสตรีตาชั้นเดียวสวมชุดยาวสีเขียวสดยืนอยู่บนหลังวิหคยักษ์เดียวกัน จ้องมองมาด้วยสายตาที่เหมือนจะทะลุเข้าไปในทุกสิ่ง มิต้องบอกก็ทราบได้ว่าเจ้าครองแคว้นผู้นี้มิได้มีจุดเด่นที่สุดทางศาสตร์แห่งเอล แต่เป็นรูนนิคที่เก่งกาจถึงขนาดควบคุมสัตว์มายาระดับเอกวรรณได้ดั่งใจปรารถนา หาได้ด้อยกว่าหัวหน้าหมู่บ้านรูนนิคคนปัจจุบันไม่
                    เมื่อครู่หลังจากที่ชิล่าเห็นซุยริวก็ทราบว่าอะไรเป็นอะไร ตนเองนั้นอดที่จะเกิดความประหลาดใจมิได้ ที่เห็นสตรีสาววัยรุ่นผู้หนึ่งสามารถเรียกสัตว์มายาระดับเดียวกันกับนางออกมา และสั่งการให้สัตว์มายาตัวนั้นใช้ความสามารถพิเศษเสียด้วย จากไหวพริบและประสบการณ์ที่รู้ว่าซุยริวมีความสามารถเยี่ยงไร จึงสะบัดมือซัดจานใบเล็กๆออกไปด้านข้างสามใบ ใช้การจานเหล่านั้นเป็นที่หยั่งท้าว กระโดดวูบออกไปสองสามครั้งหลบกระแสน้ำที่โหมกระหน่ำมาได้ทันท่วงที พอตั้งตัวได้จึงปลดผนึกเรียกซิรอคโค่ที่เป็นจ้าวเวหา พลิ้วกายขึ้นขี่ยอดวิหคสั่งการให้มันไล่ตามไปในบัดดล
                    ด้วยความเร็วที่สูงกว่ามังกรบินชั้นเลิศ หากรินะมิได้หนีเข้าป่าเสียดฟ้า อาศัยป่าสนสูงระฟ้าเป็นที่บดบังสายตา จะอย่างไรก็มิอาจหนีรอดได้
                    รินะกุมจักรทั้งสองด้วยความเหนื่อยอ่อน แม้ตัวนางยังมิได้ถอดใจยอมแพ้ แต่สองมือที่กุมด้ามจักรกลับสั่นเทาไปหมด เมื่อพบเห็นสตรีนางนั้นและสายตาคู่นั้น ความกลัวเริ่มจะเกาะกุมจิตใจศิษย์อันดับห้าของดูแรนดัลอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ สตรีตรงหน้าร้ายกาจเกินไปแล้ว!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×