คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #227 : เล่ม 8 - ตอนที่ 108 - ความทรงจำ (4)
บุรุษสองคนที่เกี่ยวพันทางสายโลหิตเคยพบหน้ากันมาแล้วหลายครั้ง คนหนึ่งทราบดีว่าอีกฝ่ายเกี่ยวพันกับตนเองอย่างไร แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับพึ่งทราบความจริงเมื่อวินาทีที่ผ่านไป
จอมแพทย์วีนั่งลงตรงข้ามกับพ่อลูกทั้งสอง กล่าวว่า “ความจริงแล้วข้ามิอาจเรียกได้ว่าเป็นตาของเจ้าด้วยซ้ำ เพราะข้านั้นไม่เคยทำอะไรให้จูเลียในฐานะพ่อแท้ๆคนหนึ่ง จวบจนกระทั่งความจริงทุกอย่างได้เปิดเผยเพียงไม่กี่ปีก่อนที่จะสิ้นลม”
ลูทยังคงอยู่ในสภาพมึนงงสงสัย ถามว่า “ท่านจอมแพทย์เป็นตาของข้าจริงๆหรือ? เพราะเหตุใดท่านจึงเปลี่ยนชื่อปกปิดฐานะปิดบังความจริงมาโดยตลอด?”
“ข้าจะเล่าเรื่องหนึ่งให้เจ้าฟัง ... มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่ข้ายังเป็นหนุ่ม ห้าสิบปีเศษแล้วกระมังแต่เหตุการณ์ทั้งหมดยังไม่เคยถูกลืมเลือนไปแม้สักเพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง” จอมแพทย์ชราเริ่มเล่าเรื่องว่า “ในตอนนั้นรัฐสภาของสหพันธรัฐแห่งนอร์ได้ประกาศจัดงานรื่นเริงขึ้น เป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในงานแต่งของสมาชิกสภาผู้อาวุโสท่านหนึ่ง เทียบเชิญถูกแจกจ่ายออกไปทั่วแผ่นดินเชื้อเชิญนักดนตรีฝีมือเยี่ยมจากทุกสารทิศ คนในตระกูลซอร์โดที่มีรากฐานทางการเมืองอย่างมั่นคงได้รับเชิญเข้าไปร่วมในงานเลี้ยงนี้ รวมไปถึงตัวข้าด้วย นักดนตรีจะต้องมาซ้อมร่วมกันเป็นเวลาสามเดือนก่อนที่งานแสดงจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เป็นเหตุให้ข้าพบสตรีชาวนอร์ผู้หนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงชาวเอนเซล สตรีผู้นั้นมีความสามารถในเชิงดนตรีการไม่เป็นรองนักดนตรีระดับชั้นนำแต่ในฐานะศิษย์ติดตามอาจารย์ นางมิได้เข้าร่วมในการแสดงครั้งนี้ ข้ามิได้บอกนางว่าข้าเป็นใครจากตระกูลใด และนางก็มิได้บอกกล่าวเรื่องราวใดๆกับข้า พวกเราทั้งสองสนทนากันในเรื่องของคีตศิลป์จนกระทั่งพบรักกันในที่สุด”
“สตรีท่านนั้นก็คือท่านยายของข้า?”
“ใช่ นางเป็นยายของเจ้าและเป็นแม่ของจูเลีย” จอมแพทย์ชราเล่าต่อไปว่า “ระยะเวลาสามเดือนนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิตข้า จากบุรุษผู้หนึ่งที่ที่ต้องยึดติดกับประเพณีและกฎระเบียบอันเคร่งครัดของตระกูลซอร์โด เมื่อพบเส้นทางอีกสายหนึ่งที่มีสตรีผู้รู้ใจเคียงข้างนับเป็นอะไรที่วิเศษสุด ... บทเพลงที่เจ้าได้ยินบนระเบียงนั้นก็เป็นบทเพลงที่ข้าแต่งขึ้นเพื่อนาง”
เมื่อจอมแพทย์ชราเล่าถึงตรงนี้บุรุษหนุ่มก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างถูกต้อง กล่าวว่า “หรือว่าท่านยายของข้าคือ ... ท่านอาจารย์คาโรล?”
“ไม่ผิด ข้าพึ่งจะทราบว่าศิษย์ของคาโรลก็คือยอดหญิงยูกิ จากหลักฐานที่เป็นแหวนสีชมพูที่ข้าเคยให้คาโรลตั้งแต่ครั้งนั้น”
แวนการ์ดฝืนยิ้ม กล่าวต่อไปว่า “ความรัก ... ความฝัน ... เส้นทางที่ข้าเลือกจะเดิน ทุกสิ่งทุกอย่างกลับต้องมาพังทลายลงเนื่องจากสายเลือดแห่งเทพสงคราม … เช้าวันที่การแสดงดนตรีจะเริ่มขึ้น พ่อของข้าได้ทราบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างข้าและหญิงสาวชาวบ้านไร้ศักดิ์ฐานะ การทุ่มเถียงโต้แย้งต่างๆของข้าล้วนไม่เป็นผล กฎของตระกูลซอร์โดเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมิได้ ผลสุดท้ายข้าจึงถูกบังคับให้กินยาขนานหนึ่งที่ข้าไม่รู้ว่ามันคือตัวยาอะไร จนกระทั่งสิบกว่าปีต่อมาจึงค้นพบว่ามันเป็นตัวยาที่มีประสิทธิภาพในการเร่งความบ้าคลั่ง ในวันนั้นเองโลหิตของเทพสงครามทำให้ข้าเสียสติ คว้าอาวุธเข้าสังหารคณะดนตรีที่ซ้อมกันอยู่ราวผักปลา อาจารย์ของคาโรลเป็นผู้มีฝีมือใช้โล่เทพยดาต้านรับข้าที่คุ้มคลั่งเอาไว้ได้ จนกระทั่งข้าได้ยินเสียงกรีดร้องของคาโรลที่บุกเข้ามายังห้องโถง ความคุ้มคลั่งที่เกิดขึ้นพลันหยุดลง สติสัมปชัญญะกลับคืนมาพร้อมกับสองมือที่แปดเปื้อนโลหิต ทอดสายตาเห็นร่างของนักดนตรีหลายชีวิตนอนล้มระเนระนาดจมกองโลหิตอยู่ในห้อง โดยที่โลหิตบนปลายหอกของข้านั้นยังมิได้แห้งสนิท เสียงโลหิตจากปลายหอกร่วงหล่นกระทบพื้นเป็นเสียงเดียวที่ได้ยินในขณะนั้น กับภาพของสองศิษย์อาจารย์หนีออกจากตัวตึกไป”
“เทพสงคราม ... อีกแล้วอย่างนั้นหรือ?” ลูทเอนหลังพิงพนักสายตาทอดออกไปที่เพดานห้อง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนมีเหตุการณ์ที่มีต้นเหตุจากเทพสงครามเกิดขึ้น เพราะเหตุใดสายโลหิตอาถรรพ์นี้ยังต้องมีอยู่ในโลก? และเพราะเหตุใดสายโลหิตนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวพันกับตัวเขาด้วย?
ไม่มีผู้ใดตอบได้
“ตั้งแต่วันนั้นมาข้าจึงตัดสินใจหนีออกจากตระกูลซอร์โด เลิกใช้ชื่อแวนการ์ดอีก เลือกเส้นทางของแพทย์หาทางช่วยชีวิตคนมาตลอดหกสิบกว่าปี อย่างน้อยจะได้เป็นการชดใช้กรรมที่ตนเองก่อเอาไว้ จนกระทั่งข้าพึ่งจะมาทราบตอนหลังเมื่อได้พบกับจูเลีย แมกซิมิเลี่ยนและกอร์ดอน ว่าคาโรลยังมีชีวิตอยู่และในอดีตที่ผ่านมานางได้ตั้งครรภ์จนให้กำเนิดจูเลีย” จอมแพทย์วีกล่าว
ลูทพลันถามขึ้นว่า “ในเมื่อท่านตาทราบแล้วว่าอาจารย์คาโรลยังคงมีชีวิตอยู่ เพราะเหตุใดท่านจึงไม่กลับไปหานาง?”
“ไปหาแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ในเมื่อภายในกายของข้านั้นเต็มไปด้วยโลหิตของฮัสการ์ที่ไหลเวียนอยู่ หากวันหนึ่งข้าเกิดคุ้มคลั่งขึ้นจนกระทั่งลงมือสังหารนาง ข้าคงมิอาจรับความจริงในข้อนั้นได้”
คำตอบของแวนการ์ดทำให้ลูทอึ้งจนหาเหตุผลมากล่าวแย้งมิได้ การที่เขาได้สัมผัสความคุ้มคลั่งด้วยตนเองมาครั้งหนึ่งก่อให้เกิดความกังวลขึ้นในจิตใจของบุรุษหนุ่ม หากวันหนึ่งเขาเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้งแล้วจะเป็นอย่างไร? นั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่ต้องการให้เกิดมากที่สุด แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดทราบ
ความจริงข้อนี้นำไปสู่ความคิดที่ว่า ‘การที่ยูกิสูญเสียความทรงจำไปนั้นดีแล้วใช่หรือไม่? อย่างน้อยนางก็จะได้ลืมเลือนเรื่องราวระหว่างเรา ไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงชีวิตอยู่ข้างกายของข้าอีก ... จริงอย่างที่ท่านตากล่าว ... หากวันหนึ่งข้าลงมือสังหารนาง ข้าคงจะไม่มีทางยกโทษให้กับตนเองได้อีกตลอดชีวิต ... ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปจะดีหรือไม่?’
จอมแพทย์ชรากล่าวต่อไปว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของคาโรลตลอดมาและข้าเชื่อว่านางเข้าใจความรู้สึกของข้าเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ข้าจึงเลือกที่จะทำงานเป็นแพทย์ประจำอยู่ในหมู่บ้านเงาจันทร์ที่มีกอร์ดอนเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน หากข้าเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมาก็มีกอร์ดอนที่สามารถหยุดยั้งข้าได้”
“มันเป็นชะตาของสายโลหิตที่ต้องคำสาปอย่างนั้นหรือ?” ลูทกล่าวในขณะที่สายตาทั้งสองข้างหันกลับไปมองเพดานอีกครั้ง
“เจ้าจะเรียกอย่างนั้นก็ได้ หากเจ้าไม่ต้องการที่จะถอนคำสาปนั้นออกไป” แมกซิมิเลี่ยนตอบพลางยิ้มให้กับบุตรชาย “ข้าไม่มีสายเลือดของฮัสการ์แต่ได้รู้จักและอยู่ร่วมกับบุคคลที่มีสายเลือดของฮัสการ์ถึงสามคน ทั้งหมดล้วนเป็นคนดีมีจิตใจสูงส่งกว่าคนที่ไม่มีสายเลือดของฮัสการ์อีกไม่รู้ตั้งเท่าใด ... มิใช่ อาจต้องเรียกว่าเป็นสี่คนถึงจะถูก”
“สี่คน? ท่านตา ท่านแม่และข้านับรวมกันได้สามคนเท่านั้นมิใช่หรือ?”
แมกซิมิเลี่ยนส่ายหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวยืนยันว่า “สี่คน ยังมีพี่ชายของเจ้าอีกคนหนึ่ง”
“พี่ชาย!?!”
“พี่ชายของเจ้าเกิดก่อนเจ้าสองปี เขามีอายุเพียงเดือนเดียวเท่านั้นก็จากโลกใบนี้ไป” แมกซิมิเลี่ยนเล่าต่อไปว่า “แม่ของเจ้าเสียใจกับเรื่องพี่ชายของเจ้าเป็นอย่างมาก โทษตัวเองว่าไม่แข็งแรงเพียงพอตอนตั้งครรภ์ เมื่อคลอดพี่ชายของเจ้าจึงทำให้พี่ชายของเจ้าสุขภาพไม่แข็งแรง ป่วยตั้งแต่ยังเล็กและต้องจากครอบครัวของเราไปก่อนที่จะคลานได้เสียด้วยซ้ำ”
“มีเรื่องเช่นนี้?” ลูทแทบไม่เชื่อหูตนเอง
แมกซิมิเลี่ยนพยักหน้ารับคำ กล่าวว่า “ผ่านไปอีกปีเศษแม่ของเจ้าก็ตั้งท้องอีกครั้ง คราวนี้นางพยายามรักษาสุขภาพ ระวังตัวเองจนแทบจะไม่ออกไปเดินนอกบ้านตลอดเก้าเดือน และในที่สุดคลอดเจ้าออกมาอย่างปลอดภัย”
ลูทมีสีหน้างุนงงเป็นอย่างยิ่ง ถามว่า “ทำไมทั้งท่านพ่อและท่านแม่ต่างไม่เคยบอกข้าเลยว่าข้าเคยมีพี่ชายคนหนึ่ง?”
“บอกเจ้าไปแล้วจะได้อะไรนอกจากจะทำให้แม่ของเจ้าเสียใจมากขึ้น?” แมกซิมิเลี่ยนรำลึกความหลังต่อไปว่า “จูเลียไม่ต้องการที่จะได้ยินเรื่องราวของลูเธอร์อีก และข้าก็มิใช่คนที่ยึดติดอยู่กับอดีต ชีวิตคนเรามีอนาคตที่จะต้องเดินต่อไป การเลี้ยงเจ้าให้เป็นบุตรที่ดีต่างหากที่สำคัญ”
“ลูเธอร์ …”
“ลูเธอร์คือนามของพี่ชายเจ้า” แมกซิมิเลี่ยนถอนหายใจครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ในตอนนั้นนอกเสียจากเรื่องพี่ชายของเจ้าจะทำให้ทั้งข้าและจูเลียเสียใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว ยังทำให้พวกข้าผิดสัญญากับท่านคาโรลอีกด้วย”
“สัญญาอันใด?”
“สัญญาที่ให้ศิษย์ของนางหมั้นหมายกับพี่ชายของเจ้า”
“ว่ากระไร!?” ลูทโพล่งออกมาว่า “เช่นนั้น ... เช่นนั้น คู่หมั้นของยูกิก็คือพี่ชายของข้าที่ตายไปยี่สิบกว่าปีแล้วอย่างนั้นหรือ?”
‘เมื่อพันธนาการถูกปลดออก อิสระของนกน้อยในกรงทองก็ได้กลับคืนมาอีกครั้ง นกตัวนั้นเดินก้าวขาไปนอกกรงเป็นก้าวแรก กระพือปีกบินออกไปบนท้องฟ้าแต่กลับไม่ทราบว่าจุดมุ่งหมายของตนอยู่ที่ใด ... เพราะกลับลืมเลือนไป ... ลืมเลือนไปว่าตนเองพยายามปลดพันธนาการไปเพื่ออะไร?’
“ตั้งแต่ที่ลูเธอร์เสียชีวิตข้าก็ไม่มีโอกาสได้พบหน้าท่านคาโรลอีกเป็นระยะเวลาหลายปีติดกัน นางกักตัวอยู่ในความมืดมิดบำเพ็ญเพียรตามคำสอนของพระแม่อลิซซ่าจนกระทั่งจูเลียลาจากโลกนี้ไป”
ความคิดของลูทยังคงวนเวียนต่อไปว่า ‘ยูกิเองก็คงจะไม่ต่างกับนกน้อยในกรงทองตัวนั้น ข้าจะดีใจไปเพื่ออะไร? จะอย่างไรนางก็ไม่ได้รักข้าอีก ... ถึงแม้ว่าความทรงจำของนางจะกลับมา ... มันจะเป็นการดีหรือที่สายเลือดแห่งเทพสงครามอย่างข้าจะอยู่เคียงข้างนาง?’
ยินเสียงแมกซิมิเลี่ยนกล่าว “ครั้งที่ท่านคาโรลมาเคารพหลุมศพลูกสาวตนเองก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าได้พบหน้านาง ท่านคาโรลเสียใจมากถึงขั้นไม่พูดไม่จา ดวงตาของนางทั้งสองข้างก็บอดสนิทจนมองสิ่งใดไม่เห็น และอาจเข้าใจผิดว่าเจ้าที่ยืนอยู่ข้างกายข้าเป็นลูเธอร์ก็ได้กระมัง นับตั้งแต่นั้นมาข้าก็ตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด จะอยู่เคียงข้างกายเจ้าและร่างของจูเลียที่หมู่บ้านสวนเชอร์รี่ไปตลอดชีวิต” แมกซิมิเลี่ยนปิดท้ายด้วยวาจาขบขันเล็กน้อยว่า “หากท่านคาโรลตั้งใจจะยกศิษย์ของนางให้สมรสกับลูเธอร์จริงๆ ข้าคงจะต้องบังคับให้เจ้าเปลี่ยนชื่อเสีย”
“ที่ท่านพ่อพูดมานั่นจริงหรือไม่? มิได้ล้อเล่นใช่หรือไม่?” ลูทลุกขึ้นจากเก้าอี้ เปลี่ยนท่าทางจากซังกะตายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
“เจ้าโง่! มีอย่างที่ไหนจะให้ข้าแกล้งตบตาท่านคาโรลจริงๆ? ข้าเลี้ยงเจ้ามายี่สิบจะยี่สิบเอ็ดปีพูดเล่นพูดจริงเจ้ายังแยกแยะไม่ออกอีกหรือ?” บิดาส่ายหน้าครั้งหนึ่งในความโง่เขลาของบุตรชาย เปลี่ยนมากล่าวจริงจังว่า “ข้าเชื่อว่าการแต่งงานและชีวิตคู่นั้นเป็นสิ่งที่บุคคลรุ่นหลังต้องมีอิสระในการเลือกเฟ้นด้วยตัวเอง ดั่งที่ข้าเคยเลือกแม่ของเจ้ามาเป็นคู่ชีวิต แม้ว่านางจะจากไปแล้วข้าก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยสักครั้ง ดังนั้นไม่ว่าเจ้าหรือพี่ชายของเจ้าล้วนต้องมีอิสระในการเลือกคู่ครอง หากพวกเจ้ายินดีที่จะแต่งงานกับศิษย์ของท่านคาโรลก็แล้วกันไป แต่ถ้าไม่ต้องการข้าก็จะไม่บังคับพวกเจ้าอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตามมีการหมั้นหมายหรือไม่ก็คงจะไม่มีผลอีกต่อไป เพราะทั้งท่านคาโรลและลูเธอร์ต่างก็จากโลกนี้ไปแล้ว ยูกิก็สูญเสียความทรงจำ พิธีมงคลสมรสตามคำสัญญาในอดีตจะไม่มีวันเกิดขึ้น”
จอมแพทย์วีพยักหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวสนับสนุนว่า “ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเห็นแหวนสีชมพูบนนิ้วมือของยูกิ ข้าก็มั่นใจว่านางเป็นศิษย์ของคาโรล จนกระทั่งรู้ความจริงทั้งหมดจากจางเสินโส่ว จึงตัดสินใจบอกความจริงกับนางว่าคาโรลสิ้นลมไปแล้ว เล่าเรื่องในอดีตของข้าและคาโรลให้นางฟังทั้งสิ้น โดยที่ปิดบังเรื่องราวเกี่ยวกับฮัสการ์ ตระกูลซอร์โด และสายเลือดแห่งเทพสงคราม บอกความจริงต่อนางเรื่องการยกเลิกพันธะหมั้นหมาย ปล่อยให้นางใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระ หากนางสูญเสียความทรงจำไปตลอดกาลนางก็จะไม่ต้องจมปลักอยู่กับหนี้โลหิตและวังเวียนของสงครามที่ผ่านมา หากความทรงจำของนางกลับคืนมา อย่างน้อยคำสัญญาหมั้นหมายก็จะไม่ผูกมัดตัวนางอีกต่อไป”
‘หากนางสูญเสียความทรงจำไปตลอดกาล นางก็จะไม่ต้องจมปลักอยู่กับหนี้โลหิตและวังเวียนของสงครามที่ผ่านมา’ สองประโยคนี้ตรึงอยู่ในใจของบุรุษหนุ่ม
“หวังว่าเจ้าคงจะไม่โกรธข้า กอร์ดอน ดูแรนดัลและท่านตาที่ปิดบังความจริงเหล่านี้มาโดยตลอด” แมกซิมิเลี่ยนเอื้อมมือไปลูบศีรษะบุตรชาย กล่าวต่อไปว่า “พวกข้าทั้งสี่ไม่ต้องการที่จะหลอกลวงเจ้า แต่ประสบการณ์ที่พวกเราต้องเผชิญในอดีตมันโหดร้ายยิ่งนัก หากไม่มีความจำเป็นต้องเล่าให้เจ้าฟังจริงๆ พวกข้าก็ต้องการที่จะให้เจ้าใช้ชีวิตอยู่อย่างบุรุษหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่ง ที่มิเคยรับรู้เรื่องของเทพสงครามมาก่อนในชีวิต”
“ข้าจะมีโทสะต่อท่านพ่อได้อย่างไร?” ลูทยืนขึ้นก้มศีรษะให้กับแมกซิมิเลี่ยนและแวนการ์ดคนละครั้งเป็นการขอขมา กล่าวว่า “ขอบคุณท่านพ่อและท่านตาที่ยอมเล่าความจริงให้ข้าได้รับรู้ ข้าพอจะทราบแล้วว่าข้าควรจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต”
ในขณะที่ลูทกำลังจะเดินออกจากห้องส่วนตัวของแมกซิมิเลี่ยนไป ก็ได้ยินเสียงจอมแพทย์วีกล่าวว่า “หากเจ้าจะไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ของเจ้าก็ให้ไปที่ห้องตรงข้ามกับห้องของจางเสินโส่ว”
ลูทหันกลับมายิ้มตอบครั้งหนึ่ง นับเป็นรอยยิ้มครั้งแรกของเขาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่นครมิสต์ แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ฝืนยิ่งนัก
ความคิดเห็น