ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #13 : แยกแยะสถานการณ์ศึก (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.13K
      1
      10 ก.ค. 50

    ภาคแผนครองพิภพ

    ตอนที่ 9 แยกแยะสถานการณ์ศึก

    4 กุมภาพันธ์ อศ. 226

    การาดอสยื่นสมุดที่บลูขโมยมาได้ให้กับกุนซือราเมส กุนซือราเมสพลิกอ่านอยู่รอบหนึ่งเขาก็พบเห็นการโยกย้ายทหารมากมาย มีการสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และการเตรียมการเรื่องกองทัพ แต่มิได้บอกอย่างชัดเจนว่าปฏิบัติการคืออะไร อย่างไร ที่ไหนและเมื่อใด

    กุนซือราเมสพออ่านคร่าวๆจบแล้วก็คิดวิเคราะห์อยู่พักหนึ่งแล้วเขารายงานต่อการาดอสว่า "ทีนี้พวกเราสามารถยืนยันได้ถึงร้อยส่วนว่าเวอร์น่อนจะทำการก่อกบฏจริง แต่น่าเสียดายในสมุดเล่มนี้มิได้ระบุถึงขั้นตอนการปฏิบัติงานแต่อย่างใด ขอเวลาข้าอ่านศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วนสักรอบหนึ่ง เชิญพวกท่านสนทนากันไปก่อน"

    การาดอสพยักหน้าคราหนึ่งกล่าวว่า "เป็นไปตามที่พวกเราคาดเอาไว้"

    บลูถามตัดบทขึ้นมาว่า "หรือท่านผู้นำรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว"

    การาดอสกล่าวว่า "ใช่แล้ว ... ทีแรกข้าพอจะคาดเดาได้อยู่หลายส่วนแต่ก็ยังไม่แน่ใจนักถึงได้ไหว้วานเนสไปตรวจสอบ ในจังหวะนั้นกองทหารส่วนใหญ่ของอาณาจักรนอร์จะต้องอยู่ในสภาพสับสนวุ่นวายและมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะปะทะกันเอง ข้าได้วางแผนต่อเนื่องเอาไว้ว่าวันที่เวอร์น่อนก่อการจะเป็นวันที่พวกเราจะปลดแอกเมืองเจนีสเหนือและรวบรวมเมืองทั้งสองให้อยู่ด้วยกันอีกคราหนึ่ง"

    ลูทถามว่า "ทำไมกองทหารส่วนใหญ่ของนอร์ถึงจะต้องสับสนวุ่นวายด้วย"

    การาดอสตอบว่า "เจ้าลองคิดดูสิ ถ้าหากเวอร์น่อนก่อการกบฏขึ้นมา ใครจะเป็นผู้ต่อต้านอันดับแรก แน่นอนว่ากองทัพของผู้ปกครองอาณาจักรอีกสองคนจะต้องไม่อยู่นิ่งดูดาย ในตอนนั้นจะเกิดการศึกย่อยๆขึ้นมาครั้งหนึ่งเป็นสงครามกลางเมือง ฝ่ายกบฏนำโดยเวอร์น่อนจะต้องสู้กับกองทัพผสมของฝ่ายรัฐซึ่งนำโดยผู้ปกครองจอห์นและคาร์ล"

    ลูทกล่าวต่อไปว่า "ข้าเข้าใจแล้ว ถ้ากองทัพทั้งสองฝ่ายจับอาวุธเข้าห้ำหั่นกัน กองกำลังฝ่ายของพวกท่านผู้นำก็จะมีโอกาสมากขึ้นกว่าเดิม"

    การาดอสพยักหน้ากล่าวว่า "ใช่ นั่นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สนับสนุนให้ข้าเลือกเวลาก่อการในช่วงนั้น"

    โรสถามว่า "แล้วทำไมพวกท่านถึงต้องรอเป็นเวลานานขนาดนี้ ถ้าหากพวกท่านจะปลดแอกเมืองเจนีสเหนือให้เป็นอิสระ ทำไมต้องรอเป็นเวลากว่ายี่สิบห้าปี ทำไมไม่ก่อการตั้งแต่ก่อนหน้านี้ในสมัยที่เวอร์น่อนยังไม่ขึ้นมาเป็นผู้ปกครองอาณาจักรนอร์"

    แม่ทัพมอริแกนตอบโรสว่า "พวกเจ้าต้องเข้าใจว่าการทหารนั้นไม่สามารถผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว กำลังของเรามีน้อยกว่ากองกำลังของฝ่ายตรงข้ามเกินสิบเท่า เจ้าลองคิดดูกองทัพเมืองเจนีสที่จัดเป็นเมืองขนาดกลางในอาณาจักรนอร์เทียบกับกองทัพของอาณาจักรนอร์ทั้งอาณาจักรซึ่งมีเมืองอยู่เป็นสิบเมือง ถ้าหากเราทำอะไรบุ่มบ่ามลงไปฝ่ายที่เสียเปรียบคือฝ่ายเราเอง สมมุติว่าพวกเราโชคดีสามารถทำการยึดเมืองเจนีสเหนือได้ในระยะเวลาอันสั้นด้วยความได้เปรียบจากฝั่งตรงข้ามที่ไม่ทันระวังตั้งตัว ต่อจากนั้นพวกเราก็จะพลิกจากฝ่ายที่ซ่อนเร้นเป็นฝ่ายเปิดเผยตัวตน ข้ารับรองว่าอีกไม่เกินสิบวันอาณาจักรนอร์ก็จะส่งกองทัพเข้ามากำราบพวกเรา ถ้าพวกเราไม่สามารถป้องกันการโจมตีตอบโต้ได้ ฝ่ายเราจะเป็นฝ่ายที่ถูกกวาดล้างแทน ยิ่งไปกว่านั้นเรายังไม่มีข้ออ้างในการลุกฮือขึ้นก่อการ"

    โรสถามต่อไปว่า "ข้ออ้างอันใด สำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ พวกท่านอ้างว่าเมืองเจนีสเป็นของท่านผู้นำและต้องการเมืองนี้กลับคืนมิได้หรือ"

    แม่ทัพมอริแกนส่ายหน้าแล้วกล่าวต่อไปว่า "ข้ออ้างเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะทำสงคราม ข้ออ้างจะต้องเป็นข้ออ้างที่ดีและมีเหตุผลหนุนเสริม ถ้าหากพวกเราไม่สามารถดึงกองกำลังฝ่ายอื่นมาช่วยเหลือเราได้แล้ว โอกาสที่จะมีกองทัพสนับสนุนก็เลือนรางเต็มทีและจะถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวรอวันตายในที่สุด ข้ออ้างที่ว่าพวกเราเป็นผู้ครองโดยชอบธรรมของเมืองเจนีสนั้นใช้ได้จริงอยู่ แต่มันไม่ได้มีความหมายหรือเหตุจูงใจอื่นใดที่จะนำกองกำลังฝ่ายอื่นมาช่วยเหลือพวกเราเลย นอกจากที่พวกเขาจะคิดว่าเป็นการก่อจลาจลภายในประเทศครั้งหนึ่ง"

    การาดอสกล่าวเสริมว่า "ท่านแม่ทัพกล่าวถูกต้อง พวกเจ้าลองคิดดูถ้าเราก่อการภายหลังวันที่เวอร์น่อนลุกขึ้นกบฏ พวกเราจะมีข้ออ้างในการช่วยเหลืออาณาจักรนอร์ปราบปรามกบฏแทนที่จะเป็นกลุ่มก่อจลาจลเสียเอง เหตุผลที่ทำให้ข้าสรุปเช่นนั้นได้ก็คือเขตภาคตะวันตกทั้งหมดเป็นเขตของเวอร์น่อนอยู่แล้ว ถ้าหากเวอร์น่อนก่อการขึ้นมาเมืองเจนีส โอดินและแองเจลทั้งสามเมืองจะต้องนับเข้าเป็นพื้นที่ของเวอร์น่อนโดยหลีกเลี่ยงมิได้ ถ้าเกิดกองทัพของพวกเราขึ้นมาต่อต้านก็จะเป็นผลดีต่อกองกำลังผสมของผู้ปกครองจอห์นและคาร์ล นี่ก็สมเหตุสมผลที่เราส่งข่าวไปยังผู้ปกครองจอห์นและคาร์ลขอเป็นพันธมิตรกัน ถ้าหากว่าเราทำสำเร็จในตอนนั้นศัตรูของพวกเราจะจำกัดอยู่เพียงแค่กองทัพของเวอร์น่อนไม่ใช่กองทัพแห่งนอร์ทั้งอาณาจักร"

    โรสตอบรับท่านผู้นำว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นลูทจึงถามว่า "แล้วทางลาเวนดิสที่ปกครองเมืองเจนีสใต้จะว่าอย่างไร พวกเขาจะสนับสนุนท่านทำสงครามกับนอร์อย่างนั้นหรือ"

    การาดอสตอบว่า "ด้วยเหตุผลทางการเมืองลาเวนดิสกับนอร์ความจริงก็ไม่ค่อยถูกกันอยู่แล้ว ถ้าพวกเราชิงเมืองเจนีสเหนือมาได้ ทางลาเวนดิสคงจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่พื้นที่และอำนาจของอาณาจักรนอร์ลดลงไป ความจริงแล้วราชินีแห่งลาเวนดิสและตัวข้าเองก็มีความรู้จักมักคุ้นกันอยู่บ้าง ข้าเชื่อว่าคงจะไม่มีปัญหาอันใดกับทางลาเวนดิส หากข้ามอบสัญญาให้ใช้เหมืองแร่เอลไลท์ในราคาต่ำกว่าทั่วไป ทางลาเวนดิสคงจะสนับสนุนเสียด้วยซ้ำ"

    กุนซือราเมสปิดสมุดเล่มนั้นลงกล่าวว่า "มันคงไม่ง่ายอย่างที่พวกเราเตรียมการกันไว้แล้วล่ะท่านผู้นำ"

    การาดอสหันไปถามว่า "มีอะไรผิดปกติหรือท่านกุนซือ ในหนังสือนั้นระบุถึงข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากที่ท่านกล่าวมาตั้งแต่ตอนต้น"

    กุนซือราเมสจึงตอบว่า "ในหนังสือเล่มนี้ระบุถึงการโยกย้ายทหารและอัศวินดำเข้าประจำการที่เมืองถึงสี่แห่ง เป็นการโยกย้ายทหารจำนวนนับพัน ดูจากชื่อแม่ทัพนายกองแต่ละคนข้าก็พอจะคาดเดาได้คร่าวๆว่ามีการเตรียมการครั้งนี้เป็นอย่างดี มิใช่ความคิดชั่วแล่น ข้าเชื่อว่าอัศวินดำทั้งเก้าคนนั้นเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดสำหรับกองทัพของเวอร์น่อน อัศวินดำทั้งเก้าคนกระจายออกไปประจำการที่เมืองสี่เมือง เมืองแรกคือเมืองเจนีสเหนือที่พวกเราอยู่ในขณะนี้ เมืองที่สองคือเมืองโอดินที่ตั้งอยู่ทางตอนบนของเมืองนี้ ถัดขึ้นไปทางเหนืออีกก็จะเจอเมืองแองเจลที่เป็นเมืองหลวงทางภาคตะวันตกของเรา และท้ายที่สุดคือนอร์โปลิสเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนอร์ ดูจากกำลังทั้งหมดแล้วข้าคาดว่าเวอร์น่อนจะเตรียมยึดทั้งอาณาจักร"

    การาดอสตกใจกล่าวว่า "ว่ากระไร ท่านกุนซือพอจะคาดเดาแผนการของมันออกหรือไม่"

    กุนซือราเมสพยักหน้ารับคำกล่าวต่อไปว่า "โดยปกติแล้วข้าจะประเมินแผนการศึกของฝ่ายตรงข้ามโดยการใช้ความคิดสมมุติว่าถ้าหากข้าเป็นฝั่งตรงข้ามข้าจะทำการอย่างไร และสำหรับคนที่มีนิสัยอย่างเวอร์น่อนจะทำการอย่างไร เป็นการประเมินสถานการณ์จากสองแง่มุมที่ได้ผลที่สุด

    ข้าลองคิดดูแล้วก็เห็นว่าเวอร์น่อนจะใช้หน่วยรบพิเศษอัศวินดำทั้งเก้าเพื่อปกครองดินแดนภาคตะวันตกทั้งสามเมืองคือเจนีส โอดินและแองเจลอย่างรัดกุม พร้อมกับวางกำลังเอาไว้ที่นอร์โปลิสเพื่อจะใช้แผนการสายฟ้าแลบ บุกยึดเมืองหลวงอย่างไม่ทันตั้งตัว ใช้ความได้เปรียบนี้สร้างความเสียหายให้กับผู้ปกครองจอห์นและคาร์ลให้มากที่สุด

    ถ้าหากเวอร์น่อนยึดเมืองนอร์โปลิสได้สำเร็จดั่งใจหวังกำลังที่เมืองทั้งสี่นี้ก็จะมั่นคงดั่งขุนเขา แผ่นดินภาคตะวันตกและภาคกลางส่วนใหญ่จะตกอยู่ในมือของมันอย่างรวดเร็ว จากนั้นกองกำลังก็ทยอยจะบุกตีเมืองที่เหลือในภาคกลางให้เป็นของมันทั้งหมด เมื่อเป็นแบบนี้เมืองหลวงสามเมืองของอาณาจักรนอร์ก็จะตกอยู่ในมือของเวอร์น่อนถึงสองเมืองด้วยกัน คงจะเหลือแต่เอเวอร์เกรซที่ทางตะวันออกอยู่โดดเดี่ยวเพียงเมืองเดียว กำลังทหารก็จะเป็นรองถึงสองต่อหนึ่ง หากเวอร์น่อนทำสงครามยืดเยื้อทางเอเวอร์เกรซที่ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรก็คงจะไม่สามารถต้านทานได้ สุดท้ายแผ่นดินจะตกอยู่ในมือของเวอร์น่อนทั้งหมด ต่อไปก็จะถึงรอบของอาณาจักรลาเวนดิส มิสต์และเอนเซล"

    การาดอสคาดไม่ถึงในสิ่งที่ราเมสแยกแยะออกมา แผนการครั้งนี้ใหญ่กว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มากนัก ทั้งรัดกุมและผ่านการวางแผนมาเป็นเวลานาน โชคดีที่เขาส่งคนไปสืบข่าว ได้ข่าวระแคะระคายถึงได้มีโอกาสตั้งตัวก่อนกองกำลังฝ่ายอื่น เมื่อการาดอสฟังจบเขาก็นิ่งใช้ความคิดสักพัก

    ห้องประชุมทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด แผนการที่เวอร์น่อนจะดำเนินการนั้นถือได้ว่าแนบเนียนไร้ช่องโหว่ เขาทราบว่าอัศวินดำคงจะต้องเคลื่อนไหวมานานแล้ว สิ่งที่อยู่ในสมุดเล่มนี้อาจจะเป็นข้อมูลเพียงบางส่วน แต่ถึงแค่เป็นข้อมูลเพียงบางส่วนก็ทำให้เขารับมือได้ยากลำบากถึงเพียงนี้ โชคดีที่กุนซือราเมสคาดการณ์กลยุทธของมันได้ล่วงหน้า มิฉะนั้นนักการทหารที่กระหายอำนาจอย่างเวอร์น่อนคงจะพิชิตได้ทั้งตะวันออกตะวันตกรวมอาณาจักรนอร์เอาไว้ในกำมือได้อย่างแน่นอน

    หลังจากผ่านการนึกทบทวนอยู่รอบหนึ่ง ดวงตาของการาดอสทอประกายปัญญา กล่าวสั่งการว่า "ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องก่อการขึ้นที่เจนีสเหนือในช่วงที่เวอร์น่อนก่อกบฏ ถ้าหากพวกเราทำสำเร็จทางเวอร์น่อนก็จะสูญเสียเมืองสำคัญไปเมืองหนึ่ง แผนการที่แนบเนียนไร้ช่องโหว่จะพลันมีช่องโหว่อุบัติขึ้น ถ้าหากเวอร์น่อนกระจายกำลังพลออกไปเพื่อยึดเมืองทั้งสี่เมืองพร้อมกัน ข้าคาดว่าพวกเราจะสามารถตลบหลังยึดเจนีสคืนมาได้ ท่านกุนซือมีความเห็นว่าอย่างไร"

    กุนซือราเมสยิ้มราวกับว่าตนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าการาดอสจะกล่าวเช่นนี้ เขากล่าวสนับสนุนผู้นำของเขาว่า "ท่านผู้นำกล่าวไม่ผิด นั่นเป็นเพียงหนทางรอดหนึ่งเดียวของพวกเรา และเป็นสิ่งเดียวที่พวกเราสามารถกระทำได้จากกองกำลังที่จำกัดเช่นนี้ ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิดเวลาดำเนินการของเวอร์น่อนคือวันที่เปิดประชุมสภาผู้ปกครองแห่งอาณาจักรนอร์ในอีกสิบห้าวันข้างหน้า ตรงกับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ วันนั้นจะเป็นวันที่บรรดาผู้นำสำคัญจากทั้งสามภาค รวมไปถึงผู้ปกครองทั้งสามคนเดินทางไปรวมกันที่นครหลวงนอร์โปลิส เวอร์น่อนจะยึดอำนาจได้ง่ายขึ้นถ้าสามารถยึดนอร์โปลิสและจับกุมผู้ปกครองคาร์ลและจอห์นได้ทั้งสองคนพร้อมๆกันในคราเดียว เมืองนอร์โปลิสและเอเวอร์เกรซจะเปรียบเสมือนมังกรไร้ศีรษะอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำการได้ ปล่อยให้เวอร์น่อนเชือดเฉือนตามอำเภอใจ"

    แม่ทัพมอริแกนกล่าวเสริมว่า "แต่นั่นก็มีข้อเสียเช่นกัน ในวันเปิดประชุมสภาผู้ปกครอง เหล่ามือปราบและอัศวินคู่กายของผู้ปกครองจะต้องเข้มงวดกับการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ ทำให้เวอร์น่อนกระทำการได้ลำบาก"

    กุนซือราเมสตอบว่า "ท่านแม่ทัพลองคิดดูดีๆ การรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษนั้นมีเอาไว้รักษาความปลอดภัยจากบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาทำลายหรือก่อกวนการประชุมครั้งนี้ พรรคพวกของเวอร์น่อนนั้นถูกนับรวมเป็นหนึ่งในผู้ถูกคุ้มครอง หากเกิดการปฏิวัติจากผู้ถูกคุ้มครองด้วยกันเองแล้วล่ะก็ แทนที่จะเป็นการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้นกลับเป็นการเปิดโอกาสให้มันทำการตามอำเภอใจได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมัวระวังแต่ภัยจากภายนอก มิใช่ภัยจากภายใน"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×