ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF EXO ) ' Something Special '

    ลำดับตอนที่ #15 : [SF] :: Wolf (Kai x Hun)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1K
      3
      2 เม.ย. 56

    Wolf
    Kai x Sehun

    เกริ่น: ค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ความกระหายของหมาป่าจะถูกปลุกขึ้นมา










     

                ค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ความกระหายของหมาป่าจะถูกปลุกขึ้นมา

     
     

                ผมปิดหนังสือลงแล้วเก็บไว้ใต้หมอน คืนนี้เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง มันกลมโตสุกสว่างอยู่นอกหน้าต่าง อากาศข้างนอกหนาวเย็นลมที่พัดผ่านจนผ้าม่านที่อยู่ตรงหน้าต่างปลิวว่อน ผมอ่านหนังสือเพลินจนลืมปิดหน้าต่างเลยหรือไง

     
     

                สุดท้ายแล้วผ้าห่มผืนหนาก็ไม่ช่วย ลมหนาวข้างนอกที่พัดผ่านมันแทบจะไม่ลดละ ผมเป็นฝ่ายยอมพ่ายแพ้ลุกขึ้นเดินเอื่อยไปปิดมันจนได้ ผ้าม่านที่ปลิวก็ยังคงปลิวว่อนพัดออกไปข้างนอก ทั้งๆที่ลมมันพัดดันเข้ามา แต่ทำไมผ้าม่านถึงปลิวออกไปข้างนอกอันนี้ก็ไม่ทราบเรื่องของธรรมชาติ

     
     

                จำใจโผล่หัวออกไปนอกหน้าต่างยืดตัวไปจับผ้าม่านที่ปลิวออกมาไว้ข้างในห้องตามเดิม วันนี้ท้องฟ้าโล่ง แต่กลับไม่เผยดวงดาวสักดวงมาแข่งความสว่างกับพระจันทร์ดวงโต แต่แล้วสายตาของผมที่มองความสวยงามของท้องฟ้าก็พลันไปเห็นอะไรสักอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในความมืดที่แสงจันทร์ส่องไม่ถึง

     
     

                “ตัวอะไรวะ” ผมสงสัยจนหลุดออกมาเป็นคำพูด หมู่บ้านนี้ไม่ค่อยมีหมามีแมวสักเท่าไหร่ เพราะมีแต่พวกทำงานบริษัทใหญ่โต ไม่ค่อยมีเวลาว่างมาเลี้ยงสัตว์กันหรอก หรือเพราะหลังหมู่บ้านเป็นป่า มันอาจจะมีตัวอะไรหลงมาก็ได้ คงไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก

     
     

                แต่เงาที่ผมเห็นในความมืดนั้นมันแปลกๆอยู่ ตรงที่ผมเห็นคงเป็นปลายหางที่ฟูฟ่องของมัน น่าจะใช่ แต่จากขนาดแล้ว.. คงไม่ใช่หมาหรือแมวธรรมดา

     
     

                หยุดคิดให้มากความเถอะ อาจจะเพราะอ่านหนังสือมากไปจนเอากลับมาคิดมากนึกไปนู่นนี่นั่น สมองสั่งการให้จินตนาการออกมาเกินความเป็นจริงก็แค่นั้น พอถึงเตียงก็แค่หลับตานอนเท่านั้นเอง

     
     

                นายกำลังกลัวอะไร โอ เซฮุน นายกำลังจินตนาการมันขึ้นมาเองทั้งนั้น

     
     

               

                “ว่าไงเซฮุน ฉันรอคอยนายมานานเหลือเกิน” นี่มันเกิดอะไรขึ้น.. หมาป่าตัวสีดำขนาดใหญ่กำลังสื่อสารกับผม ด้วยภาษาคนเนี่ยนะ ผมเดินถอยหลังออกมาช้าๆ แต่เจ้าหมาป่ากลับไม่ได้ดั่งใจผมเลย มันยิ่งสาวเท้าเขยิบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อุ้งเท้าทั้งสี่ข้างเผยให้เห็นกรงเล็บคมที่พร้อมจะตะปบฉีกร่างของใครก็ได้ที่ขัดความต้องการของมัน

     
     

                “กลัวหรอ กลัวฉันหรอเซฮุน” มันถามผมออกมาแบบนั้น แต่เท้าของมันยังคงเดินมาชิดกับตัวผม หยุดเดินเถอะ มันน่ากลัวเกินไป เป็นฝันที่น่ากลัวเกินไป เหมือนจริงจนรับรู้ได้กระทั่งลมหายใจของมันที่รดรินใบหน้าของตัวเอง

     
     

                “ไม่ต้องกลัวนะ” มันเดินเข้ามานอนหมอบข้างๆผม สายตาที่มันมองมาไม่เหมือนกับดวงตาของสัตว์ทั่วไป ประกายแววที่วูบไหวจับจ้องมาที่ผม เหมือนมือของผมมันจะขยับเข้าไปเอง ทำไมอยู่ดีๆถึงอยากจะลูบหัวมันวะ และสัมผัสที่ได้รับกลับทำให้แปลกใจ ขนหนาสีดำของมันไม่ได้หยาบอย่างที่ใจคิด มันกลับนุ่มราวกับเส้นไหม เป็นเงาประกายรับกับแสงจันทร์

     
     

                เออใช่แสงจันทร์ แม้แต่ในฝันยังมีแสงจันทร์ ทั้งๆที่รอบข้างกลับมืดมิด ผมยังคงลูบขนนุ่มของมันอย่างติดใจ ในใจก็ท่องภาวนาให้ตัวเองรีบๆตื่น หลุดจากฝันไปสักที

     
     

     

                “เฮือก!”  ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนเช้า แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาปลุกในยามเช้า แยงตาชะมัด แต่เดี๋ยว เมื่อคืนผมปิดหน้าต่างแล้วรูดม่านเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอ แต่ทำไม ทำไมมันถึงยังเปิดอ้ากว้างรับลมขนาดนี้

     
     

                ไม่แข็งตายก็บุญโขแล้ว แต่แล้วความฝันเมื่อคืนก็ไหลผ่านเข้ามาในหัวผม แทบจะจำได้ทุกรายละเอียดเลยก็ว่าได้ หมาป่า ขนสีดำ และแสงจันทร์ มันคืออะไรกันแน่

     
     

                “อรุณสวัสดิ์ครับแม่” ผมเดินเข้าไปทักทายคุณนายประจำบ้าน หอมแก้มสองข้างพอเป็นพิธีประจำบ้านในตอนเช้า กับข้าวกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลเป็นฝีมือของแม่ผมทั้งสิ้น

     
     

                “ตื่นสายจังเลยนะเรา” คุณแม่ถามเสียงใส ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มแหยไป จะให้บอกหรอว่าฝันประหลาดจนตื่นสาย หรืออ่านหนังสือจนเก็บเอาไปฝัน พูดไปนี่ อายจนตาย คุณนายได้ล้อผมแน่

     
     

                “ผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ” ผมบอกลาหลังจากทานอาหารเช้ารสเลิศเสร็จ เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปศึกษาหาความรู้อันน้อยนิด

     
     

                “เออใช่เซฮุน แม่เดินทางเย็นนี้นะ อีกสองอาทิตย์คงกลับ ว่าจะไปฮันนีมูนใหม่กับคุณพ่อเลยดีไหมจ๊ะ อยู่บ้านคนเดียวไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับมาแล้วจะมีของฝากให้” ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้วเรื่องที่พ่อกับแม่จะไม่ค่อยอยู่บ้าน การทำงานแบบนี้ของทั้งคู่มันเป็นเรื่องปกติที่จะไม่ได้อยู่ที่บ้านนานๆ ขอแค่พวกเขาทั้งคู่รักกันดีก็พอแล้ว ผมอยู่คนเดียวได้

     
     

                การเดินทางมาโรงเรียนของผมใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาที เดินไปตามทางเท้าอย่างเดียวก็ถึงแล้ว ดีหน่อยที่บ้านอยู่ใกล้โรงเรียน การตื่นสายเลยไม่เป็นเรื่องใหญ่

     
     

                “เซฮุน ทางนี้ๆ” แพคฮยอนเพื่อนสนิทของผมเอง มันเรียกผมเสียงดังทุกครั้งที่เห็นหน้า ไม่มีใครว่ามันเสียงดังโวยวาย เพราะทุกคนรู้ดีว่ามันน่ะ คือโทรโข่งประจำโรงเรียน ข่าวคราวอะไรนี่มาเร็วนักเชียว

     
     

                “เกิดอะไรขึ้น โวยวายแต่เช้า” ผมถามมัน สีหน้าของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สงสัยจะเป็นข่าวร้ายเสียมากกว่าที่ทำให้แพคฮยอนดูซึมไป

     
     

                “เมื่อคืน.. เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเท่าไหร่” ผมมองมันระหว่างที่เล่า เสียงสั่นๆของมันทำให้ผมเริ่มกลืนน้ำลาย อาจจะเป็นเรื่องร้ายแรงก็ได้

     
     

                “มุมถนนซอยสี่ใกล้โรงเรียนมีคนเจอหมาเว้ย แม่งเละไม่เป็นชิ้นดีเลย” ระหว่างที่มันเล่าผมก็เริ่มรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมา ความรู้สึกมันไม่ดีเลยตอนนี้ให้ตายเถอะ ผมสงสารหมาตัวนั้น ทำไมถึงมีคนเลวขนาดนี้ในโลกอีก

     
     

                “แล้วแกรู้ไหม ตามตัวของหมาตัวนั้นน่ะ เหวอะหวะไปด้วยรอยกรงเล็บขนาดใหญ่ แถมยังพรุนไปด้วยคมเขี้ยวอีกนะ สยดสยองสุดๆ นี่พูดแล้วก็ยังขนลุกไม่หาย” มันพูดจบพร้อมทำท่าขนลุกซึ่งผมก็เห็นว่ามันขนลุกจริงๆ เผื่อแผ่มาถึงตัวผมเลยไหมล่ะ ขนลุกเกรียว.. ไม่ใช่คนที่ทำเรื่องแบบนั้น

     
     

                “มันอาจจะเป็นหมาเจ้าถิ่นก็ได้” ผมออกปากเสนอ แพคฮยอนมันส่ายหน้ากับความเห็นของผม

     
     

                “ไม่ใช่แน่นอน หมาบ้าอะไรกรงเล็บใหญ่เท่านี่” มันทำท่าประกอบ เอามือสองข้างกะขนาดให้ผมดู ซึ่งพอเห็นขนาดแล้วได้แต่ส่ายหัวเบาๆด้วยความโอเวอร์ของมัน

     
     

                “บ้าบอ เห็นกับตาหรือยังล่ะไอ้หมาหนิ” แพคฮยอนมันเบะปากขึ้นเมื่อผมว่ามันไอ้หมา นี่ผมเปล่าดูถูกมันนะ ก็แค่ไม่เชื่อที่มันพูด อาจจะใส่สีตีไข่ให้เรื่องมันน่ากลัวก็ได้

     
     

                “ก็ยัง.. แต่ฉันฟังเขามาเลยนะเว้ย ลองเชื่อๆดูไม่เสียหาย ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน” หลังจากพูดคุยเรื่องนี้จบ พวกเราก็สลายตัวกันไปขึ้นห้องเรียน คำพูดให้ระวังตัวของมันยังติดอยู่ในหัวผม

     
     

                ระวังตัวงั้นหรอ.. มันไม่มีอะไรหรอก โอ เซฮุน

     

     

     
     

                นี่มันวันอัปยศอะไรกัน โดนใช้งานจนถึงหกโมงเพียงเพราะคุยกันสนุกปากกับแพคฮยอนในคาบมิสชินที่สอนประวัติศาสตร์ชาติอะไรโบรั่มโบราณซึ่งมันไม่สนุกไง แล้วไงถูกใช้งานยันท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มเข้ม แถมไม่มีใครอยู่บ้านอีกดีเลย ต้องเดินกลับบ้านแทนที่จะโทรหาคุณนายโอให้แวะขับรถมารับ

     
     

                แพคฮยอนมันสบายเลยมีรถจากทางบ้านมารับ จริงๆจะให้รถมันไปส่งก็ได้นะ แต่ความจริงแล้วผมเป็นคนขี้เกรงใจแล้วอีกอย่างทางกลับก็คนละทางกันเลย เปลืองน้ำมันเปล่าๆให้ย้อนรถไปมา ก็เลยต้องเอ้อระเหยเดินเท้าอยู่แบบนี้

     
     

                ถึงแม้ว่าจะเป็นทางธรรมดาที่เดินกลับทุกวันก็จริง แต่พอมันเริ่มมืดๆก็น่ากลัวเหมือนกัน ยิ่งรวมกับข่าวของแพคฮยอนแล้วใจก็ยิ่งเตลิดอยากกลับบ้านเร็วๆ เดี๋ยวนี้ผมอาจจะเป็นพวกจินตนาการสูงที่คิดไปเองอยู่ตลอดเวลา ถ้าฟังไม่ผิดเมื่อสักครู่เหมือนได้ยินเสียงย่ำพื้นข้างหลังผม สองข้างทางเงียบสนิทแต่กลับได้ยินเสียงหายใจแรงออกมา

     
     

                เหมือนเริ่มจะรู้สึกตัวได้ ผมเริ่มเห็นเงาประหลาดสะท้อนอยู่ตรงผนัง ข่าวแพคฮยอนอาจจะเป็นจริงก็ได้ ผมรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น เงากรงเล็บที่ง้างขึ้นเผยอยู่บนผนังทำให้ผมหยุดขาโดยอัตโนมัติด้วยความตกใจ แต่กลับมีเสียงหนึ่งกล่าวออกมา

     
     

                “วิ่ง เซฮุน วิ่ง!” มันเป็นเสียงที่รู้สึกคุ้นเคยเหมือนอยู่ในความฝัน ผมก้าวเท้าวิ่งโดยเร็วโดยไม่สนใจทางรอบข้าง เสียงขู่ดังขึ้นเรื่อยๆจากทางด้านหลังที่ผมผ่านมา เหมือนสัตว์สองตัวกำลังกัดกันเสียงมันเริ่มไกลขึ้นจนผมไม่ได้ยิน พอมาถึงตัวบ้านก็รีบเปิดประตูแล้วล็อกบ้านอย่างดิบดี

     
     

                นี่มันเกิดอะไรขึ้น นายจินตนาการมันขึ้นมา หรือนี่มันคือเรื่องจริง

     
     

                ผมพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำ ใช้ความเย็นของสายน้ำลดความร้อนรุ่มภายในหัว ผมกำลังกลัว กลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่ามันคือความจริง.. หรือจินตนาการที่สร้างขึ้นมา

     
     

                ความคิดในหัวตีกันไปหมด ตอนนี้ผมต้องการการผ่อนคลาย หนังสือเป็นเพื่อนที่ดียามที่ผมรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเอง ผมคลานขึ้นเตียงไปหยิบเจ้าหนังสือเล่มพอดีมือที่หน้าปกเป็นรูปพระจันทร์ดวงโตมาอ่านอีกครั้งต่อจากเมื่อคืน

     
     

                พระจันทร์เต็มดวงอีกครั้ง บางอย่างที่ถูกซ่อนอยู่ถูกเปิดเผย นัยน์ตาเปลี่ยนสี กรงเล็บและเขี้ยวคม

     
     

                มันต้องเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้แน่ๆ ที่ทำให้ผมจินตนาการไปต่างๆนานา ผมเห็นมันอยู่บนโต๊ะของตัวเองในห้องเรียน มันถูกวางไว้พร้อมแปะโพสต์อิทเขียนถึงผม โอ เซฮุน

     
     

                แต่แล้วผมก็นึกได้อีกครั้ง เรื่องเมื่อตอนเย็นมันไม่ได้มีแค่ผม ใช่แล้วเสียงใครอีกคนที่บอกให้ผมวิ่ง มันเหมือนกับเสียงในฝันของผม เสียงของเจ้าหมาป่าสีดำตัวใหญ่ เรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่

     
     

    พอแล้วสำหรับวันนี้เหนื่อยมากแล้วสำหรับผม การวิ่งทำให้เหนื่อยจริงๆ วันหลังต้องหัดออกกำลังกายให้มากกว่านี้ ผมควรนอนพักผ่อนแล้วล่ะ

     

     

     
     

    “นาย..” ผมเรียกเสียงเบา ข้างหน้าของผมเผยให้เห็นหมาป่าสีดำตัวเดิม แต่แตกต่างตรงที่วันนี้มันกลับมีแผลตามตัว เลือดสีแดงสดไหลออกจากปากแผลกว้าง มันเหมือนลอยกรงเล็บตะปบ เหมือนที่แพคฮยอนเล่าไว้ไม่มีผิด ผมกำลังเข้ามาอยู่ในฝันของตัวเองอีกแล้ว

     
     

    “เซฮุน.. นาย นายไม่เป็นอันตรายใช่ไหม” มันหอบหายใจถามผม มันคงเจ็บน่าดู ผมเข้าใกล้ไปหามันพลางลูบหัวของมัน เสียงของมันแม้จะดูแผ่วเบา แต่กลับดูมีอำนาจจนผมขนลุก

     
     

    “มันเกิดอะไรขึ้น นายเป็นอะไร ไม่สิ เกิดอะไรขึ้นกับฉัน เรื่องของนายมันเกี่ยวข้องกับฉันตอนเย็นใช่ไหม” พอได้โอกาส ผมก็ถามกลับไปทุกข้อสงสัยของตัวเอง

     
     

    “อืม.. เกี่ยว อั่ก!” ผมตาเบิกกว้าง พอเจ้าหมาป่านั่นพูดจบมันก็กระอักเลือดออกมาจำนวนหนึ่ง กรงเล็บของมันหดเข้า ขนาดตัวของมันเล็กลงเรื่อยๆ ขนสีดำเงาวาวเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นเนื้อหนังแบบมนุษย์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น..

     
     

    ตอนนี้ไม่มีแล้วหมาป่าสีดำตัวใหญ่ แต่กลับเป็นชายหนุ่มอายุประมาณตัวผม นอนขดอยู่ ตามตัวมีรอยบาดแผลแต่ดูน้อยกว่าตอนเป็นหมาป่า รูปร่างสมส่วนอย่างชายชาตรี ผิวกายสีแทนน้ำผึ้งสวย ผมประคองหน้าของเขาขึ้นมา ดวงตาสีเทาสวยกำลังจ้องมองมาที่ผมมันเหมือนกับดวงตาของหมาป่าตัวนั้น

     
     

    “นาย.. คือหมาป่าตัวนั้น หรอ..” ผมถามเขาออกไป ผู้ชายคนนั้นเริ่มขยับตัวนั่งมองผม หมอนั่นไม่ต่างอะไรจากชีเปลือยผมเลยทำได้แต่มองหน้าไปเรื่อยๆอย่างเดียว

     
     

    “อื้ม ใช่แล้ว” หมอนั่นเริ่มใช้ลิ้นเลียตามบาดแผลของตัวเอง ความจริงแล้วมันอาจจะเป็นเรื่องปกติก็ได้ แต่พออยู่ในร่างมนุษย์แบบนี้แล้วมัน แปลกๆไปนิดนึงนะ

     
     

    “แล้วนายเป็นใคร” ผมเริ่มซักถาม ถึงแม้ว่านี่จะคือฝันก็ตามเถอะ แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย

     
     

    “คิม จงอิน”

     

     

     
     

    หลังจากได้ยินหมอนั่นบอกชื่อตัวเอง ผมก็รู้สึกตัวสะดุ้งตื่น หันออกไปมองนอกหน้าต่าง มันเปิดอยู่เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด แต่ตรงขอบของมันกลับมีสิ่งที่ผิดแปลกไปจากเดิม ผมเดินเข้าไปมองใกล้ๆ

     
     

    “เลือด..” ผมพูดออกมาเบาๆ ใช่ มันคือเลือด คราบเลือดเป็นรอยนิ้วมือปาดอยู่เล็กน้อยตรงขอบหน้าต่าง ถ้าผมหันไปมองกระจกตอนนี้ คงจะเห็นได้ชัดว่าตัวเองหน้าซีดแค่ไหน

     
     

    มันไม่ใช่จินตนาการ..

     
     

    ผมเดินทางมาโรงเรียนเหมือนปกติ เมื่อเช้าพอผมได้รับรู้อะไรบางสิ่งแล้วก็จัดการนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดรอยนั่นออกให้หมด ความฝันกับความจริงเหมือนเป็นเรื่องที่ประติดประต่อกัน และหมาป่าตัวนั้น ชื่อ คิม จงอิน ไม่ผิดแน่ ผมจำได้อย่างขึ้นใจ

     
     

    ระหว่างทางเดินผมก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอีกอย่าง สถานที่เกิดเหตุเมื่อคืนกลับมีสายสีเหลืองคาดไว้ล้อมรอบ ข้างในปรากฏเพียงเลือดสีแดงฉานที่กระจายเต็มพื้นที่ตรงนั้น บางส่วนมันแห้งกรังติดตามผนังเป็นรอยกรงเล็บลากลงมา ผมทำได้เพียงปิดปากกับภาพตรงหน้า.. นี่มันเกิดอะไรขึ้น

     
     

    สถานที่เกิดเหตุไม่มีแม้แต่ซากศพหรืออะไรที่พอให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงเลือดสีแดง และตอนนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่อย่างละเอียด ผมมองเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุ เห็นนายตำรวจนายนึงถือถุงใสมา ข้างในมันบรรจุไปด้วยขนสีดำและสีน้ำตาล นั่นมัน.. ขนของสัตว์ใช่ไหม

     
     

    ผมรีบเดินออกจากสถานที่ตรงนั้น เดินไปให้เร็วที่สุดเพื่อให้ถึงโรงเรียน พอผมเข้ามาภายในตัวโรงเรียนแพคฮยอนเป็นอย่างแรกที่ผมเห็น หมอนั่นวิ่งมาด้วยหน้าตื่นๆแล้วกระโดดกอดผมอย่างกับจะไม่ได้เห็นผมอะไรขนาดนั้น

     
     

    “เซฮุน นายปลอดภัย ขอบคุณสวรรค์ ฉันเป็นห่วงแทบตาย ทำไมไม่รับโทรศัพท์” หมอนั่นร่ายยาวมาจนผมงง ทำไมจะต้องกังวลอะไรขนาดนั้น

     
     

    “ขอโทษ เมื่อคืนฉันลืมชาร์ตแบต ว่าแต่มีอะไรหรอ นายเป็นอะไรแพคฮยอน” ผมถามหมอนั่นกลับ

     
     

    “ก็ฉันได้ข่าวเมื่อเช้าน่ะสิ ว่าเกิดอุบัติเหตุทางกลับบ้านนาย ฉันก็กังวลนึกว่านายจะเป็นอะไร ดีแล้วล่ะที่ยังโอเค” แพคฮยอนพูดพร้อมสีหน้าท่าทางเป็นห่วงเกินเหตุ นั่นทำให้ผมอมยิ้มแล้วหัวเราะ

     
     

    “ฉันโอเคน่า” ผมตอบออกไป แพคฮยอนทำท่าเหมือนจะพูดอะไร ผมเลยตั้งใจฟังบ้าง

     
     

    “คือทางบ้านนายที่ออกมานายเห็นกองเลือดกับตำรวจป่ะ” แพคฮยอนถามผม

     
     

    “อืม เห็นทำไมหรอ”

     
     

    “เขาบอกกันว่าตอนเกิดเหตุมันเป็นช่วงเย็นๆ คนแถวนั้นได้ยินเสียงขู่กันของหมา แต่ก็ไม่คิดอะไรกันใช่ไหม นึกว่าหมามันกัดกันธรรมดา แต่พอเช้ามากลับเห็นกองเลือดขนาดใหญ่และรอยกรงเล็บนั่น นายคิดว่ามันธรรมดาซะทีไหน่ล่ะแบบนี้” แพคฮยอนเล่าด้วยสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก ผมแทบจะไม่ได้ฟังหมอนั่นเล่าเลย เรื่องมันดูจะบังเอิญเกินไป

     
     

    เมื่อเย็นเรื่องที่เกิดขึ้นเขาอยู่ในเหตุการณ์ เสียงขู่และกัดกันผมก็รับรู้ แม้แต่เสียงที่บอกให้วิ่งของจงอิน แน่นอนมันเป็นของจงอิน และในฝันอีก ฝันที่จงอินบาดเจ็บ จากหมาป่าตัวสีดำกลายเป็นคน.. เรื่องทั้งหมดนี่มันคืออะไรกัน เกิดอะไรขึ้น..

     
     

    เรื่องทุกเรื่องมันเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน.. ประติดประต่อกันจนน่าประหลาดใจ

     

     

     
     

    “นักเรียนเอาล่ะ.. วันนี้เรามีเพื่อนใหม่กันนะ” เสียงทุกคนในห้องฮือฮาขึ้น มันแปลกมากที่จะมีคนเข้ามาเรียนกลางเทอมแบบนี้

     
     

    “เข้ามาสิ” พอจบเสียงของมิสปาร์ค สายตาผมก็หยุดลงอยู่ที่คนที่กำลังเดินเข้ามา

     
     

    “สวัสดีครับ คิม จงอิน ฝากเนื้อฝากตัว” ผมอ้าปากค้าง หมอนั่น.. มันคือหมอนั่นในความฝัน รูปร่างหน้าตาเหมือนกันในฝันทุกประการ บนใบหน้าคมนั่นมีพลาสเตอร์ยาแปะทับอยู่ตามมุมคิ้ว และ ดวงตาสีเทาที่จ้องมองมาที่ผม.. จำได้ขึ้นใจ

     
     

    “ไปนั่งกับ โอ เซฮุนแล้วกัน” มิสปาร์คออกไปแล้ว คิมจงอินกำลังเดินมาหาผม สายตาสีเทายังไม่เลิกจ้องมาที่ผม หน้าตานั่นมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้หัวใจผมกระตุกแรง

     
     

    “ว่าไงเซฮุน.. เจอกันอีกแล้วนะ”

     
     

    มันไม่ใช่จินตนาการ และ ไม่ใช่ความฝัน บางอย่างที่ถูกซ่อนเปิดเผยออกมาแล้ว..

     

     

     



     

                END

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×