เทนนิส กิฬาที่ระดับโลกที่โด่งดัง
มาทำความรู้จักกับเทนนิสกันครับ
ผู้เข้าชมรวม
992
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กีฬายอดนิยมอีกชนิดหนึ่งคือ เทนนิส หรือเรียกว่า ลอนเทนนิส (Lawn Tennis) เพราะกีฬาประเภทนี้เล่นในสนามหญ้า คำว่า Lawn แปลว่า สนามหญ้าและมีกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่มีคำว่าเทนนิสอยู่ด้วยคือ เทเบิลเทนนิส คนทั่วไปนิยมเรียกง่ายๆ ว่า ปิงปอง ลอนเทนนิสในปัจจุบันได้วิวัฒนาการไปมาก และไม่จำเป็นต้องเล่นกันในสนาม อาจจะเล่นกันในห้องที่มีหลังคา พื้นไม้ หรือพื้นคอนกรีต แต่อย่างไรก็ตาม กีฬาประเภทนี้ยังได้ชื่อว่าลอนเทนนิสอยู่ดังเดิม เพราะเทนนิสแท้จริงนั้นเป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่เล่นกันในคอร์ตที่มีหลังคา แล้วใช้แร็กเกตที่ใหญ่กว่าแร็กเกตลอนเทนนิสธรรมดา ส่วนลูกบอลจะคล้ายลกูซอฟต์บอล หรือเบสบอล กีฬาเทนนิสเริ่มเล่นกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ส่วนลอนเทนนิสเพิ่งจะเริ่มขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 นี่เอง ในสมัยกรีกและโรมัน มีกีฬาซึ่งคล้ายกับเทนนิส ที่เล่นกันเมื่อประมาณ 1,300 ปี ก่อนคริสต์ศักราชกีฬาประเภทนี้เรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า เจอ เดอ ปุม (Jue de Paume) ชาวฝรั่งเศสนำเข้ามาเล่นในประเทศฝรั่งเศส โดยระยะแรกใช้ตบด้วยมือ (คล้ายวอลเลย์บอล) แต่ต่อมาได้วิวัฒนาการเป็นใช้แร็กเกต สำหรับกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลเกี่ยวกับเทนนิสที่ได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรปรากฏเป็นครั้งแรกในอิตาลีเมื่อปี พ.ศ. 2098 จนในศตวรรษที่ 16 และ 17 จึงได้แพร่หลายไปในอังกฤษ ศตวรรษที่ 18 กีฬาชนิดนี้ได้ซบเซาลง แต่ได้เริ่มนิยมเล่นกันอีกในหมู่ผู้มั่งคั่ง เมื่อราวศตวรรษที่ 19 คำว่า เทนนิส มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า เทเนซ์ (Tenez) ซึ่งแปลว่า จะเอาไป, เล่นโดยมีชาวอังกฤษชื่อ W. Skeet ผู้ซึ่งมีความชำนาญ และมีชื่อเสียงให้การสนับสนุนว่า เทเนซ์เป็นของดั้งเดิมจริง แต่เขียนว่า เทเนทซ์ (Tenez) ซึ่งหมายความว่า เอาใจใส่ หรือระวัง โดยมีความหมายเหมือนกับในปัจจุบันคือ เล่น นาย Malcolm D. Whitman ผู้เขียนเรื่องความเป็นมาและความมหัศจรรย์ของเทนนิสกล่าวว่า การเล่นเจอ เดอ ปุม ได้ปรากฏก่อนเทนเนซ์ ในปี พ.ศ. 2416 พันตรี Walter C. Wingfield แห่งกองทัพบกอังกฤษได้ดัดแปลงการเล่นเทนนิสซึ่งเล่นกันในร่ม ไปเล่นในสนามกลางแจ้ง พร้อมทั้งนำเอาแร็กเกตแบดมินตันและคอร์ตเทนนิสมารวมกันเข้า และดัดแปลงเป็นกีฬาใหม่เรียกว่า สไพริสไตค์ (Sphairistike) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นลอนเทนนิส เพราะเป็นกีฬาที่เล่นในสนามหญ้า และมีวิธีการเล่นที่คล้ายคลึงกับกีฬาเทนนิสสมัยเดิมมาก ในขั้นแรกใช้คอร์ตที่มีรูปร่างเหมือนนาฬิกาทราย ตาข่ายสูง 7 ฟุต กั้นกลางสนาม และภายหลังจากเขาได้แนะนำกีฬาชนิดนี้ ให้ประชาชนได้รู้จักกันเป็นครั้งแรกในงานเลี้ยงที่สนามปาร์ตี้ (Lawn Party) ณ เวลส์ ในปี พ.ศ. 2417 Walter C.Wingfield ได้จดทะเบียนสงวนลิขสิทธิ์ของสนาม และตาข่าเคลื่อนที่ของเขา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2418 ประชาชนได้เรียกร้องให้เลิกสงวนลิขสิทธิ์นี้ กีฬาเทนนิสจึงได้แพร่หลาย เพื่อความสะดวกของผู้เล่น สมาคมโครเกต์แห่งอังกฤษที่วิมเบิลดันได้อุทิศสนามให้เป็นที่เล่นกีฬาใหม่ชนิดนี้ และทางสมาคมยังได้จัดการแข่งขันเพื่อความชนะเลิศของโลกประเภทสมัครเล่นขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2420 ทำให้มีการแข่งขันลอนเทนนิสที่มีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาในปีพ.ศ.2431 ได้มีการก่อตั้งสมาคมลอนเทนนิสแห่งชาติขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งต่อมาสมาคมนี้มีชื่อว่า "ลอนเทนนิสสมาคม" และได้จัดพิมพ์กติกาของเลนเทนนิสขึ้นเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2437 ลอนเทนนิสได้แพร่หลายเข้าไปในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกเมื่อฤดูในไม้ผลิปี พ.ศ. 2417 กล่าวคือ Mary Awing auterbridy ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่เบอมิวดา เธอได้ไปเห็นกีฬาลอนเทนนิสที่พวกทหารเพื่อนๆ ของพันตรี Mary คือ A.E. Auterbridy เมื่อสมาคมลอนเทนนิสถูกตั้งขึ้นไม่นาน James White และ F. Artier junior ก็ได้ตั้งสมาคมขึ้นอีกแห่งหนึ่งที่นาฮันต์ในบอสตัน การแข่งขันลอนเทนนิสครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาจัดขึ้นที่สนามนาฮันต์เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2419 และในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2424 ได้มีการประชุมเพื่อก่อตั้งลอนเทนนิสสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกาขึ้น โดยสมาคมนี้มีการควบคุมการแข่งขันลอนเทนนิสไปทั่วประเทศ และจัดว่าเป็นสมาคมหนึ่งที่มีอิทธิพลมากสำหรับกีฬาประเภทสมัครเล่นของโลก James White ผู้มีฉายาเป็นบิดาแห่งอเมริกันเทนนิส ได้เป็นนายกของสมาคมติดต่อกันถึง 21 ปี ทางสมาคมได้จัดให้มีการแข่งขันลอนเทนนิสเพื่อความชนะเลิศแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรดไอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2424 จากนั้นการแข่งขันจึงได้ย้ายไปจัดขึ้นที่เวสต์ไซด์ เทนนิสคลับ ฟอเรสต์ฮิลนิวยอร์ก ลอนเทนนิสเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกา มีการจัดแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งชาติเป็นครั้งแรก ทางด้านประเทศอังกฤษและประเทศต่างๆ ในยุโรปก็ได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกัน จนในที่สุดกีฬาเทนนิสก็ได้แผ่ขยายไปทั่วอาณานิคมทุกแห่งของอังกฤษ และเกือบทุกประเทศทั่วโลก และจากความนิยมกีฬาลอนเทนนิสอย่างสูงสุดในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษนี้เอง ปี พ.ศ. 2443 Dwight F. David ผู้คิดวิธีเสิร์ฟแบบอเมริกันทวิสต์ ได้บริจาคถ้วยโดยใช้ชื่อของเขาเองให้เป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะในการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกากับอังกฤษ ต่อมาการแข่งขันได้เปิดโอกาสให้สำหรับนักเทนนิสทั่วโลก เดวิสคัพ (Davis Cup) จึงเป็นเครื่องหมายของความชนะเลิศ ประเภทสมัครเล่นของโลก การแข่งขันเดวิสคัพจะแบ่งออกเป็นเขตคือเขตอเมริกา และเขตยุโรป ประเทศที่สนใจอาจจะเข้าแข่งขันเพื่อความชนะเลิศในเขตหนึ่งเสียก่อน แล้วให้ผู้ชนะเลิศในแต่ละเขตมาแข่งขันกันอีกครั้งหนึ่ง ในระหว่างชิงชนะเลิศจะมีการแข่งขันประเภทเดี่ยว 4 ครั้ง และประเภทคู่หนึ่งครั้ง ในการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกากับอังกฤษ ผลปรากฏว่า การแข่งขันครั้งแรกสหรัฐอเมริกาชนะอังกฤษ ได้ครอบครองด้วยเดวิสคัพเป็นปฐมฤกษ์ ในปี พ.ศ. 2455 องค์การเทนนิสสากลได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อประสานงานระหว่างสมาคมในประเทศต่างๆ เช่น ให้ใช้กติกาที่เป็นสากล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สมาคมต่างๆ จะต้องรับผิดชอบในการควบคุมการแข่งขันในประเทศของตน ต่อมาในปี พ.ศ. 2466 Hazel Hotchkiss Wightman ซึ่งเคยเป็นผู้ชนะเลิศหญิงเดี่ยวของสหรัฐอเมริกาติดต่อกันหลายปี ได้มอบถ้วยที่ชื่อว่า ไวท์แมนคัพ (Wightman Cup) สำหรับการแข่งขันเพื่อความชนะเลิศประเภทหญิง ระหว่างสหรัฐอเมริกากับอังกฤษ การแข่งขันครั้งนี้สลับกันปีละครั้งกับเดวิสคัพ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะต้องเข้าแข่งขันประเภทเดี่ยว 4 ครั้ง และประเภทคู่ 2 ครั้ง การแข่งขันเพื่อชิงถ้วยเดวิสคัพ และไวท์แมนคัพนี้ ประเทศเจ้าของสถานที่จะภูมิใจในการแข่งขันนี้มาก และการแข่งขันที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ วิมเบิลดัน ในอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่แข่งขัน เพื่อความชนะเลิศในประเภทสมัครเล่น และการแข่งขันอีกแห่งหนึ่งคือ การแข่งขันแห่งชาติที่ฟอเรสต์อัลโลว์ ไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา โดยการแข่งขันทั้งสองแห่งนี้ได้เปิดโอกาสให้นักเทนนิสของประเทศต่างๆ เข้าแข่งขันด้วย ถ้วยเดวิสเป็นถ้วยที่มีรูปร่างสวยงามมาก เฉพาะขนาดส่วนสูง 13 นิ้ว ตัวถ้วยประกอบด้วยสองส่วน คือ ส่วนบนเป็นถาดที่รองด้วยฐานไม้ โดยตัวถ้วยมีราคา 600 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนถาดนั้นมีราคา 500 เหรียญสหรัฐฯ ถ้วยนี้สร้างโดย Fifany Company แห่งนิวยอร์ก นอกจากถ้วยเดวิสจะมีรูปร่างที่สวยงามแล้ว ยังเป็นที่ปราถนาของนักเทนนิสทั่วโลก เพราะผู้ที่ได้ครองถ้วยนี้ย่อมมีความภูมิใจอย่างยิ่งในฐานะที่ได้รับความสำเร็จชั้นสูงสุดสำหรับกีฬาประเภทนี้ ผู้ที่ชนะเลิศจะได้นำถ้วยไปครอบครองจนกว่าจะมีการแข่งขันใหม่เมื่อมีผู้ท้าชิง ฝ่ายที่ชนะก็จะได้ครอบครองถ้วยนี้ต่อไป ประเทศที่มีผู้ชนะเลิศเคยได้ครองถ้วยเดวิสนี้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยียม ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ได้เคยเข้าแข่งขันเพื่อชิงถ้วยนี้คือ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ เยอรมัน เชโกสโลวาเกีย เดนมาร์ก อาร์เจนตินา อินเดีย อิตาลี สวีเดน กรีก สวิสเซอร์แลนด์ ฮังการี นอร์เวย์ และสเปน เป็นต้น
|
ผลงานอื่นๆ ของ ผู้กันปลายกระบี่ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ผู้กันปลายกระบี่
ความคิดเห็น