ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] MARKBAM ll Sleep with me

    ลำดับตอนที่ #1 : Sleep with me free Wi-Fi

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 58




    Sleep with me free Wi-Fi

     

     

    คอนโดสูง 20 ชั้นแห่งที่มาร์คอาศัยอยู่ตั้งแต่เริ่มทำงานอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนัก แม้จะไม่ได้อยู่ในย่านใจกลางเมืองแต่ถ้าเดินทางไปทำงานสะดวกสบายเขาก็ยอมควักเงินจ่ายแล้ว อีกอย่างคอนโดแห่งนี้อยู่ในสภาพไม่ใหม่มากนักแถมยังไม่เก่าจนน่ากลัว เพราะมีสภาพกลางๆ ราคาเลยไม่แพงมาก เขาเลยพอจะมีเงินเก็บที่ควักจ่ายได้โดยไม่ต้องคิดเสียดายมากนัก

    ข้อดีอีกอย่างที่เขาชอบคอนโดแห่งนี้ก็คือมีสวนสาธารณะใกล้ๆ ความจริงไม่ได้เป็นผู้ชายรักสุขภาพต้องออกกำลังกายทุกวี่วันหรอก แต่ให้ปอดได้พักหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้ามาในร่างกายบ้างก็ดี แถมย่านนี้ยังเงียบ ไม่มีสถานบันเทิงหรือร้านอะไรที่ก่อให้เกิดเสียงดังวุ่นวาย สำหรับเขาคอนโดแห่งนี้เลยเหมาะสมกับตัวเองที่สุด

    มาร์คเรียนจบและทำงานได้ 3 ปีแล้ว เขาทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบและยังไม่มีแววจะลาออกเพราะเพื่อนทำงานก็ดี เจ้านายก็โอเค งานก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ก็คงทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเบื่อ

    กระเป๋าถูกวางลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น หยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดทิ้งไว้ ระหว่างรอให้เครื่องบูทก็เดินหายเข้าไปในห้องครัว หยิบแก้วมาเตรียมเครื่องดื่ม มาร์คเพิ่งจะมาถึงห้อง วันนี้วันศุกร์ คิดเอาไว้แล้วล่ะว่าจะกลับมาเล่นเกม ถึงได้เปิดแล็ปท็อปไว้นั่นไง มาร์คเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับขนมขบเคี้ยวอีก 2-3 ถุงด้วย วางทั้งขนมและแก้วน้ำลงบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ก็บูทเสร็จพอดี

    อันดับแรกก็ต้องต่อไวไฟกับแล็ปท็อปก่อน มาร์คลากเม้าส์ไปคลิกเพื่อต่อไวไฟจากกล่องส่งสัญญาณที่เขาติดตั้งตั้งแต่ย้ายมาพักที่คอนโดแห่งนี้

    ‘MyNameIsMark’

    ชื่อไวไฟที่เขาเป็นคนตั้งด้วยตัวเอง มาร์คกดเชื่อมต่อก่อนจะเด้งหน้าต่างกรอบเล็กมาเพื่อให้ใส่รหัสผ่าน เขารัวแป้นพิมพ์ลงไปอย่างคล่องแคล่ว

    ‘americanboy’

    มาร์คหันไปจิบน้ำแล้วเปิดถุงเตรียมพร้อม นี่กะว่าจะตีบอสอีกฝั่งให้ได้ก่อนถึงจะยอมลุกไปอาบน้ำ เขาเอนหลังพิงโซฟา ก่อนจะหรี่ตามองเพราะไวไฟต่อกับแล็ปท็อปไม่ได้

    “อ้าว...เป็นไรวะ?”

    มือลากเม้าส์ไปทั่วแผ่นรอง ลูกศรที่ปรากฏตรงหน้าจอเลยวิ่งพล่านไปทั่วตามอารมณ์คนลากนั่นล่ะ คิ้วหนาค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ก่อนจะลองกดอีกรอบ

    เดาะลิ้นในปากอย่างหงุดหงิด มาร์คหันไปหยิบโทรศัพท์มาลองต่อไวไฟแทน กำลังโมโหว่าคงได้ยกแล็ปท็อปไปซ่อมอีกแน่ๆ เพราะเดือนที่แล้วเพิ่งจะเอาไปซ่อมการ์ดจอ ปลายนิ้วกดเชื่อมต่อและพบว่า

    ไม่ได้โว้ย!

    ถอนหายใจเอนหลังพิงโซฟา โมโหเพราะว่าตอนเลิกงานเขารีบเดินไม่ยอมไปตามนัดกับเพื่อนที่ทำงานซึ่งชวนกันไปดริ๊งก์เลยเพราะอยากเล่นเกม มาร์คเดินไปหยุดตรงหน้าโทรศัพท์ต่อสายตรงถึงเคาน์เตอร์ด้านล่าง กดหมายเลขศูนย์ลงไป รอเพียงไม่ถึงอึดใจก็มีคนรับสาย

    “สวัสดีค่ะ”

    “ห้อง 708 ไวไฟมีปัญหาครับ ช่วยเรียกช่างมาดูให้ที” มาร์คกรอกเสียงลงไปแบบเหวี่ยงๆ

    “อาการเป็นยังไงคะ?”

    “ก็ต่อไวไฟไม่ได้ ลองแล้วทั้งแล็ปท็อปทั้งมือถือ มันไม่ติดเลย แต่สัญญาณไวไฟขึ้นให้ต่อนะ”

    “สักครู่นะคะ เราจะติดต่อช่างให้”

    “ครับ”

    วางสายแต่สีหน้ายังเซ็งสุดขีด มาร์คถอนหายใจ เดินไปหยุดตรงโซฟาแล้วหย่อนกายลง สุดท้ายก็ต้องหยิบโทรศัพท์มาเล่นฆ่าเวลา ด้านนอกฟ้าเริ่มมืด ก็ได้แต่ภาวนาหวังว่าช่างจะยังทำงานอยู่แล้วกัน มาร์คพึมพำให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะได้ยินเสียงจากระเบียงห้องข้างๆ

    “กูไม่ไป ถามเหี้ยไรนักหนา!

    คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง ก็ไม่ได้ตั้งใจจะฟังหรอก แต่ต้องโทษคนข้างห้องไม่ใช่เหรอที่ออกมาคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงแถมยังพูดเสียงดังเผื่อแผ่เรื่องราวน่ะ มาร์คกดเข้าแอพพลิเคชั่นนู้นนี่ เห็นภาพเพื่อนๆ อัพโหลดพร้อมจะปาร์ตี้แล้วก็อยากจะเปลี่ยนใจกะทันหันขึ้นมา

    “บอกว่าไม่! ... กูไม่ไปไหนทั้งนั้นอ่ะกูเหนื่อย ... มึงจะมาหลอกกูไปเจอไอ้รุ่นพี่หน้านิ่งนั่นล่ะสิ กูไม่โง่นะยองแจ ... ไม่ต้องอ่ะ กูไม่ไป ... ก็บอกว่าไม่ไป มึงฟังภาษาเกาหลีไม่รู้เรื่องเหรอ แค่นี้นะ!

    มาร์คยืนอยู่ตรงระเบียง เขาเดินมาตั้งแต่ได้ยินประโยคกูไม่ไปของคนข้างห้องแล้วล่ะ ร่างสูงกะพริบตามองคนที่มือข้างหนึ่งยังจับราวระเบียง มืออีกข้างกดตัดสายโทรศัพท์ที่ดังลั่นอยู่ในอุ้งมือ ได้ยินเสียงสบถอึกอักในลำคอ แล้วคนที่โวยวายกับมือถือก็เบนสายตามามอง

    “อ้าว? พี่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เด็กคนนั้นเอ่ยถาม สภาพเหมือนเพิ่งกลับมาจากมหาลัย ยังอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ

    “ตั้งแต่มึงตะโกนลั่นคอนโด”

    “เหรอ...” ยักไหล่แล้วก็เดินมาหยุดตรงระเบียงห้องของพวกเราที่อยู่ติดกัน “ขี้เสือกเนอะ ได้ยินคนพูดนี่เดินออกมาใส่ใจเลยเหรอพี่”

    “นั่นปากเหรอวะแบม”

    มาร์คพ่นลมหายใจออกมา เด็กคนนั้นชื่อแบมแบม เรียนมหาลัยแถวๆ นี้ อยู่ปี 2 แล้วแต่ในสายตามาร์คเขาว่าเด็กคนนี้เหมือนเด็กม.ปลายมากกว่าเด็กมหาลัยซะอีก

    แบมแบมย้ายมาอยู่ที่ห้องข้างๆ ตอนอยู่ปี 1 เทอมที่ 2 พวกเรารู้จักกันมาปีกว่าๆ มาร์คไม่ได้เป็นพวกอัธยาศัยดีที่จะเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมคอนโดนัก การประชุมส่วนกลางเขาก็ไม่ค่อยโผล่หัวไปเพราะคิดว่าเสียเวลา แต่ที่รู้จักกับแบมแบมก็เพราะเด็กคนนี้เป็นซะแบบนี้ไง

    เสียงดัง ชอบออกมาคุยโทรศัพท์ รบกวนชาวบ้านชาวช่อง

    เอาเป็นว่าเรารู้จักกันเพราะตอนย้ายมาใหม่ๆ แบมแบมออกมาคุยโทรศัพท์เป็นภาษาต่างชาติ มาร์คซึ่งวันนั้นกำลังนอนดูหนังถึงกับทนไม่ไหวต้องเปิดประตู เขาตั้งใจมาบอกแบมแบมให้ลดเสียงลง แต่กลับกลายเป็นว่าเด็กนั่นวางสายที่คุยอยู่ หันมายิ้มให้เขา ก่อนจะเอ่ยสวัสดี

    เรารู้จักกันครั้งแรกด้วยการคุยกันที่ระเบียงเหมือนอย่างตอนนี้

     “ไม่ไปไหนเหรอคืนนี้” มาร์คถาม ก็ทุกวันศุกร์เขาและแบมแบมมักจะกลับคอนโดหลังเที่ยงคืนมากกว่า ปกติเราจะเจอกันโดยบังเอิญที่ลิฟต์ชั้นล่างในคืนวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้

    “ไม่อ่ะ เบื่อเพื่อน แล้วพี่อ่ะ?”

    “ว่าจะกลับมาเล่นเกม ไวไฟพัง นี่เรียกช่างอยู่” มาร์คชี้แจง แล้วตอนนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหันไปมองในห้องก่อนจะชี้ไม้ชี้มือไปข้างใน

    “สงสัยช่างโทรมา”

    “อื้อ ไปเหอะ” แบมแบมโบกมือไล่ให้ไปรับสาย

    มาร์คเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง อารมณ์ดีขึ้นตอนเดินไปหยิบโทรศัพท์มาแนบหูด้วยความหวังว่าเดี๋ยวช่างจะมาซ่อมให้มันเหมือนเดิมและเขาจะได้เล่นเกมยาวๆ ไปคืนนี้

    “ค่ะ... ห้อง 707 นะคะ เมื่อสักครู่โทรมาแจ้งเรื่องไวไฟมีปัญหา โทรติดต่อช่างให้แล้วนะคะ แต่วันนี้ช่างไม่ว่าง จะมาซ่อมให้วันจันทร์นะคะ”

    “อะไรนะ! วันจันทร์!” มาร์คเกือบจะตะคอกดังลั่นใส่ ปลายสายดูเหมือนจะชะงักไป ก่อนน้ำเสียงติดหงุดหงิดจะกระแทกกลับมา

    “ค่ะ! วันจันทร์ ร้านปิดตอน 5 โมงเย็นค่ะ ตอนนี้ 6 โมงเย็นแล้ว แต่ทางนั้นรับเรื่องไว้ วันจันทร์จะมาซ่อมให้แต่เช้า” น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับมา

    “แล้วพรุ่งนี้ล่ะ?” มาร์คเค้นเสียงถาม “นี่วันหยุดนะคุณ แล้วไวไฟใช้ไม่ได้เนี่ยนะ”

    “ร้านปิดเสาร์-อาทิตย์ค่ะ ทางคอนโดมีบริการร้านอินเตอร์เน็ตที่ชั้น 1 เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ”

    ที่มาร์คอยากได้ไม่ใช่อินเตอร์เน็ต 24 ชั่วโมงโว้ย แล้วใครมันจะบ้าไปร้านอินเตอร์เน็ตใต้คอนโดเพื่อเล่นเกมกับเหล่าเด็กที่พ่อแม่ไปทำงานแล้วทิ้งลูกหลานไว้กับคนเฝ้าร้านคอมวะ

    “...ครับ ถ้างั้นมาซ่อมจันทร์เช้านะ”

    “ค่ะ แล้วจะแจ้งเวลานัดหมายอีกที ขอบคุณค่ะ”

    มาร์คยังจับโทรศัพท์ค้างไว้ไม่วางหู แม้สัญญาณจากปลายสายจะตัดไปแล้วแต่มันก็ชวนหงุดหงิดไม่น้อย แม้เขาควรจะเข้าใจว่าร้านมันปิดวันหยุดก็เหอะ เขาก็แค่ผู้ชายวัยทำงานที่ยังรับไม่ได้อยู่ดีกับการไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ตั้ง 2 วันในวันหยุด

    โอ้โห...นี่มัน 2015 แล้วโว้ย ขาดไวไฟ 2 ชั่วโมงกูก็ลงแดงได้ครับ!

    วางหูลงบนแป้นโทรศัพท์ ถอนหายใจยาวพยายามสงบสติอารมณ์ มาร์คยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะหันกลับไปทางประตูห้องเพราะเสียงออดดังขึ้น มองอินเตอร์คอมแล้วก็เห็นเด็กข้างห้องยืนยิ้มเห็นฟันขาวสะอาดอยู่ตรงนั้น มาร์คเปิดประตูแล้วยืนพิงกรอบประตูกอดอกมอง

    “ว่าไงพี่ ช่างมาซ่อมให้กี่โมง?”

    “วันจันทร์ ไม่รู้กี่โมง” มาร์คตอบเสียงเซ็งสุดขีด

    “หา? วันจันทร์เลยเหรอวะ? แล้วนี่ทำไง ไม่ได้เล่นเกม” แบมแบมเหมือนจะปลอบ แต่ตาที่ยิ้มและสีหน้าระบายความสุขบางๆ นั่นมันไม่ใช่อาการเห็นใจกันแล้ว

    “เออ แล้วมีอะไรมากดออดห้องคนอื่น”

    “ที่จริงผมอยากดื่มเหล้าอ่ะแต่ไม่มีเพื่อน”

    “แล้ว...?” มาร์คเลิกคิ้วมอง แบมแบมเม้มปากเงยหน้ามากระแทกเสียงว่า

    “ชวนพี่แดกเหล้าอยู่เนี่ย ไม่ได้เล่นเกมไม่ใช่เหรอ? ป่ะ...ไปหาซื้ออะไรกินกัน” แบมแบมทำเสียงดี๊ด๊า

    มาร์คส่ายหัว แบมแบมเล่นมุขนี้บ่อย มากดออดแล้วสรุปก็ลากเขาไปนู้นไปนี่ ไม่ถามสักคำว่าว่างไหม ไม่ดูหน้าอีกต่างหากว่าตอนนี้เขาเหวี่ยงรึเปล่า เอาแต่ใจชิบหาย

    “ถ้าบอกว่าไม่อ่ะ” มาร์คเอ่ยสั้นๆ

    “ก็แล้วแต่พี่ คือแบบตอนแรกก็กะว่าเออมาชวนไปกินเหล้าที่ห้องผมไรงี้ ถ้าพี่อยากเล่นเกมก็ยกคอมมาใช้ไวไฟที่ห้องผมได้ แต่ก็นะ...” แบมแบมยักไหล่เดินถอยออกมา 2-3 ก้าว ยกมือกำลังจะโบก มาร์คเลยคว้าไว้

    ไอ้เด็กเอาแต่ใจ

    “เออๆ ตกลง แดกเหล้ากัน”

    “ก็แค่เนี้ยพี่ เล่นตัวทำไมเนี่ย” แบมแบมยิ้มกว้างให้ มาร์คเดินกลับไปหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจห้องแล้วเดินออกมาอีกครั้ง พอล็อกห้องเรียบร้อยพวกเราก็เดินเข้าลิฟต์กัน

    “พี่เลี้ยงนะ แลกกับค่าไวไฟ”

    ประตูลิฟต์เปิดตอนถึงชั้นหนึ่ง ตอนนั้นแบมแบมเอ่ยประโยคนั้นก่อนจะเดินนำหน้ามาร์คไป เขาได้แต่มองตามแผ่นหลังไอ้เด็กข้างห้อง

    นอกจากเอาแต่ใจแล้วแม่งยังงกอีก

     

     

     

    “เป็นเด็กเป็นเล็กกินไรเยอะแยะ แบม...บอกว่าพอ ฟังเกาหลีไม่รู้เรื่องรึไง”

    มาร์คเดินตามหลังแบมแบมซึ่งถือตะกร้าสีแดงคล้องแขนเอาไว้ เดินวนไปวนมาแถวตู้แช่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็หยิบเบียร์กระป๋องเป็นแพ็กใส่ตะกร้า ตามด้วยเหล้าอีกขวด ก่อนจะเดินวนกลับไปหยิบเบียร์อีกแพ็กที่ไม่ใช่ยี่ห้อเดิม ร้อนถึงคนจ่ายเงินที่ต้องเดินประกบแล้วหยิบออกมา

    “พี่ใช้ไวไฟที่ห้องผมได้ถึงคืนวันอาทิตย์” แบมแบมหันมาเอ่ยถาม มาร์คชะงักมือที่ถือแพ็กเบียร์และกำลังจะเอาไปคืน สุดท้ายก็หย่อนมันลงตะกร้าสีแดงอย่างเดิมแล้วพึมพำเบาๆ ว่า

    “ดีล”

    แบมแบมยิ้มกว้าง หมดจากการซื้อแอลกอฮอล์ก็วนไปหาขนมขบเคี้ยวที่จะกินเป็นกับแกล้ม มาถึงขั้นนี้แล้วมาร์คว่าเขาก็ควรเลือกที่ตัวเองอยากกินบ้างเพราะไหนๆ ก็ต้องเป็นคนจ่าย ก้มมองกระเป๋าเงินในกระเป๋ากางเกงแล้วก็ได้แต่ยกมือตบเบาๆ

    ปลายเดือนนี้กูจ่ายค่าบัตรเครดิตบานแน่ๆ

    “แล้วทำไมไม่ไปกับเพื่อน อยากดื่มไม่ใช่เหรอ?” มาร์คเอ่ยถามตอนหยิบขนมใส่ตะกร้าที่วางอยู่บนพื้น แบมแบมยืนลังเลรสชาติขนมอยู่ก็พึมพำตอบ

    “ก็บอกว่าเบื่อเพื่อน พี่ไม่ได้ยินรึไง?”

    “เบื่อเพื่อนหรือโดนเพื่อนเบื่อ”

    คนโดนว่าหันมาจ้องเขม็ง มาร์คยักไหล่ ที่จริงก็ไม่ใช่เด็กน่าเบื่อหรอกแต่เป็นเด็กเอาแต่ใจไปหน่อยไงก็เลยถาม แบมแบมหยิบขนมได้ก็หย่อนมันลงตะกร้าพลางยกมันขึ้นมาถือ หมุนตัวเดินนำไปทางแคชเชียร์พลางเริ่มตอบคำถามออกมา

    “เบื่อเพื่อน มันหลอกผมไปเจอรุ่นพี่อีกคนไง ใครจะโง่ไม่รู้วะ ไอ้ร้านที่มันนัดไอ้พี่คนนั้นไปร้องเพลงพาร์ทไทม์อยู่” กระแทกเสียงด้วย สีหน้านี่บ่งบอกจริงๆ ว่าไม่ชอบ

    “ทำไมเขาอยากเจอ ไปติดหนี้เขาไว้เหรอ?” มาร์คช่วยแบมแบมหยิบของออกจากตะกร้าแล้ววางลงให้แคชเชียร์สแกนบาร์โค้ดเพื่อคิดเงิน

    “เปล่า” แบมแบมตอบเสียงห้วน ยื่นเหล้าไปให้พนักงานก็หันมาพึมพำ “เขาชอบผม”

    มาร์คเกือบจะหัวเราะดังลั่น แต่ยังเกรงใจพนักงานสาวซึ่งกำลังหยิบของใส่ถุงให้พวกเราอยู่ เลยกลั้นขำแทน แบมแบมเอื้อมมือมาตีไหล่ ก่อนจะกระแทกเสียงบ่นอู้อี้

    “แม่งไม่น่าบอกเลย แต่เขาชอบผมจริงๆ นะ ตื๊อได้เดือนหนึ่งล่ะ น่ารำคาญ เพื่อนก็เสือกเชียร์อีก”

    “เขาเรียนคณะอะไรล่ะ?” มาร์คยังถามต่อ อยากรู้ว่าเด็กคณะเศรษฐศาสตร์แบบแบมแบมนี่โดนคณะอะไรมาจีบ

    “ดุริยางค์ เอกวอยซ์ แม่ง...มาชอบผมได้ไงวะ?”

    มาร์คเกือบขำพรืดอีกรอบ ในความคิดเขาเด็กดุริยางค์นี่ต้องเป็นพวกติสท์ๆ หน่อยสินะ แต่ก็น่าจะหน้าตาดีสิ ก็เรียนเอกวอยซ์เชียว เราถือถุงกันคนละถุงแล้วเดินออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต แบมแบมถอนหายใจแล้วสะบัดหัว

    “พี่มาร์คกินข้าวเย็นรึยังอ่ะ”

    “ยัง” มาร์คก็เหมือนจะเพิ่งนึกได้ พอหันไปก็เห็นแบมแบมยิ้มกว้าง

    “ป่ะพี่...กินข้าวกัน ร้านนั้นก็ได้ พี่จ่าย”

    มาร์คมองหน้า แล้วเขาจะปฏิเสธอะไรได้วะ ก็เลยต้องพยักหน้า บ่นไล่หลังแบมแบมแต่เด็กข้างห้องมันก็ดันเสนอข้อต่อรองมาอีกว่าเดี๋ยวให้นอนค้างที่ห้องจนกว่าจะวันอาทิตย์เลยก็ได้ ให้ใช้ห้องน้ำได้ด้วย จะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ หลายรอบ มาร์คก็เลยพยักหน้าแล้วดีลอีกรอบ

    เด็กเศรษฐศาสตร์นี่มันสันดานแบบนี้ทุกคนรึเปล่าวะ?

     

     

     

    มาร์คหอบเสื้อผ้าและแล็ปท็อปตัวโปรดมาที่ห้องแบมแบม เจ้าของห้องเปิดประตูค้างไว้ให้ ชี้นิ้วไปทางโซฟาในห้องนั่งเล่นก่อนจะเอ่ยไล่หลังว่า

    “พี่นอนห้องนั่งเล่นนะ ผมมีที่นอนปิกนิกให้”

    “อือ”

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้ามาในห้องนี้หรอกแต่จะเป็นครั้งแรกที่มาร์คได้นอนค้างในห้องนี้ รูปแบบห้องพักของพวกเราคล้ายๆ กัน ไหนจะตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ที่ติดมากับตอนย้ายห้องมาใหม่พวกเราก็ไม่ได้ย้ายเหมือนกันอีกต่างหาก มาร์คเลยรู้สึกเหมือนนี่คือห้องตัวเอง ที่แตกต่างก็คงจะเป็นหมอนลายต่างจากห้องเขา ผ้าม่าน และนิตยสารกับหนังสือที่วางกองบนโต๊ะในห้องนั่งเล่นนั่นล่ะ

    แบมแบมหายเข้าไปในครัว มาร์คอยู่ในชุดนอน ขาดเหลืออะไรก็แค่เดินไปเปิดประตูห้องตัวเองเพื่อหยิบมาใช้สอย เขาวางแล็ปท็อปลงบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น บูทเครื่องไม่กี่วินาที พอเครื่องติดก็ค้นหาไวไฟ

    “ไวไฟชื่ออะไรอ่ะ?” มาร์คหันไปตะโกนถาม แบมแบมโผล่ออกมาจากห้องครัวพร้อมหนีบขนมไว้กับรักแร้สองข้าง มือถือเบียร์ออกมา 2 แพ็ก

    “แอมยัวร์แมน”

    “อะไรนะ? อีชื่อไวไฟหลงตัวเองนี่ของแบมแบมเหรอวะ?” มาร์คหัวเราะแทบนอนลงไปดิ้นที่พื้น เขาเคยเห็นไวไฟชื่อนี้บ่อย มิน่าล่ะ ก็ห้องใกล้ๆ กันนี่เองนี่หว่า

    กดเชื่อมต่อกับไวไฟชื่อเสร่ออย่าง ‘I’m your man’ แล้วก็หันไปมองแบมแบมซึ่งวางเบียร์ลงบนโต๊ะ ฉีกถุงขนมก่อนจะโยนเข้าปาก มาร์คก็หันมาถามต่อ

    “พาสเวิร์ดอ่ะ” คนโดนถามชะงักมือ หลุบตาต่ำก่อนจะบอกว่า

    “ไอแอมแฮนด์ซั่ม”

    มาร์คหัวเราะเสียงดังลั่นออกมาทันที เจ้าของห้องถลึงตาโต วางถุงขนมก่อนจะหยิบเบียร์กระป๋องมางัดฝามันเปิด เสียงฟู่ดังขึ้นแล้วเจ้าตัวก็บ่นมาว่า

    “มาขำอะไรผมล่ะ ก็ดีกว่าไวไฟมายเนมอีสมาร์คป่ะวะ? คนบ้าไร กลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นไวไฟตัวเองรึไง? แล้วพาสเวิร์ดพี่นี่อะไร เฮอะ!” แบมแบมรัวคำพูดแล้วกระดกเบียร์เข้าปาก

    “ก็ดีกว่าไอแอมแฮนด์ซั่มอ่ะ”

    มาร์คปาดน้ำตาเพราะหัวเราะหนักออกจากหางตาแล้วกรอกรหัสไวไฟลงไป การเชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์ เขาถึงกับพึมพำลูกพ่อตอนคลิกไอค่อนเพื่อจะเล่นเกม

    “นี่พี่กะจะเล่นเกมทั้งวันเลยเหรอวันหยุดเนี่ย” แบมแบมถาม โยนขนมเข้าปากแล้วยื่นซองมาทางมาร์ค คนแก่กว่าพยักหน้าหงึกแล้วหยิบขนมเข้าปาก

    “พี่นี่ไร้สาระดีว่ะ”

    “ชีวิตคนเราต้องมีสาระทุกอย่างรึไงล่ะ” มาร์คตอบพลางยื่นมือไปผลักหน้าผากแบมแบม

    เขาหันมาสนใจเกมมากกว่า ที่จริงก็พกหูฟังมาด้วยเพราะคิดว่าแบมแบมจะดูโทรทัศน์กลัวจะรบกวน แต่เห็นเด็กหนุ่มเอาแต่นั่งงัดกระป๋องเบียร์ดื่มอึกๆ เขาก็เลยเปิดลำโพงแล็ปท็อปให้ได้ยินกันถ้วนทั่ว มาร์คปล่อยเกมทิ้งไว้พักหนึ่ง ตอนนั้นเลยเงยหน้ามองกระป๋องเบียร์เปล่าๆ ซึ่งนอนกลิ้งอยู่ที่พื้นไปแล้ว 3 กระป๋อง

    “เดี๋ยวก็เมาหรอก”

    “พี่ดื่มด้วยกันสิ” แบมแบมยื่นกระป๋องเบียร์ให้ มาร์ครับมาดื่มต่อจากอีกคน ส่วนเด็กหนุ่มงัดกระป๋องใหม่ ก่อนจะบริการมาร์คด้วยการหยิบขนมยื่นมาให้ถึงปากด้วย

    “ผมนะ...ไม่เข้าใจไอ้ยองแจเลย พี่จินยองมันดีมากแล้วทำไมไม่คบกับมันไปเลยวะ มายัดเยียดมันให้เป็นผัวผมทำไม”

    มาร์คเกือบสำลัก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าของห้องซึ่งตอนนี้แก้มขึ้นริ้วคงจะกรึ่มแล้ว มาร์ครู้จักยองแจเพราะเป็นเพื่อนสนิทที่แบมแบมพามาที่ห้องบ่อย เวลายองแจมาแล้วก็เสียงดังทั้งคู่ เลยไม่แปลกใจที่จะเห็นคนคล้ายกันคบกันได้ ฟังจากที่แบมแบมบ่นเมื่อกี้ก็คงอัดอั้นตันใจจริงๆ

    “แล้วผมก็เป็นผู้ชายอ่ะพี่ ไม่ได้อยากมีผัว”

    แบมแบมถอนหายใจ ก่อนจะยกกระป๋องเบียร์แล้วดื่มอักๆ อย่างกับน้ำเปล่า มาร์คเบิกตาเอื้อมไปดึงมืออีกคนแต่ก็ไม่ทันเพราะตอนแบมแบมดึงกระป๋องเบียร์ออกจากปากมันก็เบาโหวงแล้ว

    “เลิกๆ ดื่มไรเยอะแยะ” มาร์คบ่นแล้วหันมาดื่มเบียร์ในมือตัวเองให้หมด ก่อนจะรีบแย่งอีกกระป๋องมาถือไว้ แล้วเอ่ยคาดคั้นแบมแบมไปว่า

    “พี่ยังไม่ได้กินเลย พอได้แล้ว”

    “ผมมีอีกแพ็ก”

    แบมแบมว่าแล้วลุกหายเข้าไปในห้องครัว มาร์คถึงกับถอนหายใจ ปกติไอ้เด็กนี่มันก็รั้นบอกไม่ค่อยฟังอยู่เป็นทุนเดิม ยิ่งตอนเมานี่เขาก็ไม่ควรคาดหวังว่ามันจะฟังเขาสินะ

    เจ้าของห้องเดินกลับมาอีกครั้ง ไอ้เดินตรงไหมมันก็เดินตรงของมัน แต่แก้มแดงๆ นั่นก็เป็นหลักฐานได้อย่างดีว่าเลือดที่สูบฉีดในร่างกายแบมแบมน่ะมีแอลกอฮอล์ผสมไปเยอะ พอห้ามอีกแบมแบมก็หันมาง้างมือเอาไวไฟมาอ้าง ถ้าถามว่าห่วงไอ้เด็กนี่ไหมก็ห่วง แต่ก็กลัวไม่ได้เล่นเกมและใช้ชีวิตแบบไร้ไวไฟมากกว่านี่หว่า สรุปเลยหุบปากเงียบ พยายามแย่งมันดื่มแทน

    “แล้วไอ้พี่จินยองนะ...มันแม่งโคตรขยันตื๊อผมเลย ไม่ได้พูดจีบนะ แต่ซื้อขนมมาให้ทุกวัน เดินมารอที่คณะแบบเนี่ย ผมก็โดนแซวพี่เข้าใจป่ะ?” แบมแบมวางกระป๋องเบียร์ลงอีกครั้งตอนพูดประโยคนั้น

    “ผมก็ไม่ได้รังเกียจเรื่องผู้ชายคบกันหรอก แต่คนมันไม่ใช่อ่ะพี่...” ยื่นมือมาจับไหล่มาร์คแล้วบีบหลวมๆ ขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจดังๆ

    “ทำให้ตายยังไงเขาก็ไม่ใช่สำหรับผม”

    คนชื่อจินยองมาได้ฟังความในใจแบมแบมตอนนี้คงร้องไห้น้ำตานองหน้าไปแล้วแน่ๆ มาร์คพยักหน้า ขืนส่ายหน้าหรือว่าอะไรขัดใจคงไม่ใช่แค่ฝ่ามือแบมแบม อาจจะต้องเตรียมหลบกระป๋องเบียร์หรือถุงขนมด้วย

    เขาปิดแล็ปท็อปไปแล้ว กลับกลายเป็นมานั่งฟังแบมแบมเล่าความในใจพร่างพรู ปกติเคยเห็นแบมแบมตอนเมาแล้วขึ้นลิฟต์มาพร้อมกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มาค้างแถมยังมาเห็นแบมแบมจากตอนปกติก้าวผ่านโลกของคนเมา มาร์คเลยคิดว่าช่างเป็นวันหยุดที่คุ้มค่าซะจริง แอร์ฟรี ไฟฟรี ไวไฟฟรี มีที่ให้ซุกหัวนอนด้วย เสียแค่ค่าเหล้าเบียร์แค่นี้ไม่สะเทือนขนหน้าแข้งเลย

    “นอนป่ะ จะหลับตรงนี้เหรอวะ แบม...แบมแบม...ไหนบอกมีที่นอนปิกนิก อยู่ไหน”

    “ลุกไม่ขึ้นอ่ะ ตรงนั้น” บ่นแล้วก็ชี้มือไปทั่วห้องเลย

    สรุปที่นอนกูอยู่ตรงไหนของห้องมึงครับ

    กวาดตาไปเรื่อยเลยเห็นว่ามีที่นอนปิกนิก 2-3 อันวางเรียงอยู่ เพื่อนมาค้างด้วยบ่อยเลยมีหลายสีให้เลือก มาร์คหยิบมาอันหนึ่ง เขากางมันลงที่พื้น หันไปมองเจ้าของห้องแล้วก็ถอนหายใจ

    “ลุก...ไปนอนในห้อง พี่จะนอนนี่”

    ตบแขน แล้วเขย่าเบาๆ แต่แบมแบมก็หลับตาพริ้ม ส่งเสียงอือออแถมยังกลิ้งหนีอีกต่างหาก ถ้าไม่คิดว่าแบมแบมเมา มาร์คก็คงด่าเปิงให้ลุกแล้ว สุดท้าย...มาค้างห้องมัน ก็ยังต้องลากมันมานอนบนที่นอนปิกนิกอีกต่างหาก

    มาร์คทิ้งกองขนมและกระป๋องเบียร์เกลื่อนไว้ที่เดิม เขาเองก็ง่วง วันนี้ทำงานมาเหนื่อย สู้รบกับไวไฟที่ห้อง ต่อด้วยช้อปปิ้งกับแบมแบม จะไม่ให้เหนื่อยได้ไง เลยไปลากที่นอนปิกนิกอีกอันออกมากางใกล้ๆ แบมแบม มาร์คเดินไปปิดไฟในห้อง ก่อนจะเดินย้อนกลับมานอนบนที่นอน

    จมูกยังกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ จากคนที่นอนใกล้ๆ มาร์คนอนหงาย เขามองเพดานในความมืด เปลือกตาหนักอึ้ง คงเพราะเบียร์ทำให้เขาหลับได้สบายขึ้น กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา แขนของแบมแบมก็พาดมาที่แถวเอว พร้อมร่างที่กลิ้งมาชิด ปลายจมูกแตะเข้ากับผิวเนื้อตรงท่อนแขน

    มันอุ่น...และร้อนวาบ...

    มาร์คไม่ได้เขยิบหนี กลายเป็นหันหน้ามามองแบมแบมผ่านความมืด มองเห็นเงาร่างตะคุ่มนั่นกอดท่อนแขนเขาไว้ แบมแบมเขยิบเข้ามาใกล้อีก ก่อนจะเอ่ยอู้อี้ออกมาว่า

    “ไอ้เหี้ยยองแจ...กู...ไม่ได้ชอบพี่จินยอง...”

    เออ...มันละเมอถึงเรื่องนี้ด้วย คงจะเครียด ที่จริงแบมแบมออกแนวรำคาญและเหนื่อยใจมากกว่า มาร์คยิ้ม เขามองกลุ่มผม ลมหายใจร้อนวาบนั่นพ่นโดนท่อนแขนเขาเป็นจังหวะสม่ำเสมอตามจังหวะการหายใจของแบมแบม

    เด็กนี่มันก็ไม่ได้แย่นะ...

    นิสัยมันห่าม ปากหมา แล้วก็โคตรเอาแต่ใจไปหน่อย แต่มาร์คก็มองว่ามันเป็นเด็กน่าคบ เขามองแบมแบมที่ขยับตัวแล้วเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากคู่นั้นเผยอเล็กน้อย มันไม่ได้ตุ้งติ้งหรือเรียบร้อยจนทำให้ตกหลุมรักหรอก หน้าตาก็ไม่ได้ชวนให้คิดว่าน่ารัก แต่เป็นคนน่าเอ็นดูมากกว่าตอนยิ้มหวานๆ อ้อนน่ะ

    มาร์คใช้มืออีกข้างบีบปากของอีกคน แบมแบมส่งเสียงฮึดฮัดแต่ก็ขยับเข้ามาหา มาร์คมองกลีบปากนั่นนิ่ง รู้จักกันมาเป็นปีกว่าๆ ก็เพิ่งได้ยินแบมแบมพูดเรื่องมีคนมาจีบให้ฟังก็วันนี้แหละ เขาก้มหน้าลงไปหา ดึงแขนสองข้างมาประคองแบมแบม ก่อนจะกดจูบลงไป

    รสชาติจูบของเด็กคนนี้ปร่าไปด้วยแอลกอฮอล์เจือจาง มาร์คจูบหนักๆ ก่อนจะจูบลงไปใหม่เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอมตื่น เขาบดจูบ สอดปลายลิ้นไปควานทั่วโพรงปาก แบมแบมขยับตัวเล็กน้อยก็เลยผละตัวออก ก่อนจะเห็นว่าตอนถอนหน้าออกไปเชื่องช้า ไอ้เด็กเจ้าของห้องมันลืมตาอยู่

    “เชี่ยพี่มาร์ค...” แบมแบมบ่นเสียงพร่า ยันตัวออกแล้วยกหลังมือขึ้นเช็ดขอบปาก

    “เป็นบ้าอะไร ผมให้มาใช้ไวไฟฟรี ไม่ได้ให้มาจูบฟรี”

    เห็นไหม? โดนจูบแล้วแทนที่จะโวยวายเหมือนสาวน้อย แบมแบมก็ไม่ได้ทำ หลังมือมันเช็ดปากแล้วขยับตัวออกห่างเล็กน้อย ไม่รู้ว่าสร่างเมาหรือยัง มาร์คเขยิบออกไปด้วย ก่อนจะพึมพำขึ้นว่า

    “อยากลองดู จูบกับผู้ชายมันจะเป็นไง”

    “แล้วพี่จำเป็นต้องมาลองกับผมเหรอวะ” แบมแบมพูดเสียงต่ำ เงียบไปครู่หนึ่งขยับตัวให้เข้าที่เข้าทางแล้วก็ดันหันกลับมามองมาร์คพลางถามว่า

    “แล้วรู้สึกไงวะพี่?”

    แบมแบมนี่เป็นเด็กอยากรู้อยากลองด้วยนะ มาร์คหัวเราะเสียงทุ้ม เขาหันกลับมา เด็กนี่มันน่าเอ็นดูจริงๆ นะ เพราะความอยากรู้แล้วก็ช่างสงสัยของแบมแบมนี่ล่ะ มาร์คเลยคิดเรื่องหาเศษหาเลยออก เขาขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า

    “ตะกี้ยังไม่รู้สึกอะไร”

    “เหรอ” แบมแบมลากเสียงยาวแล้วดวงตาคู่นั้นก็กรอกมาสบตามาร์ค เขยิบมาใกล้ พลางพึมพำว่า “ลองใหม่ป่ะ ผมสร่างเมาล่ะ พอจะมีสติ”

    มาร์คล่ะไม่อยากเชื่อ ถ้ามีสติและสติดีจริงๆ ผู้ชายที่ไหนจะตกปากรับคำว่าอยากลองจูบใหม่กับผู้ชายด้วยกันวะ นี่มันคนขาดสติและอยากรู้อยากลองล้วนๆ เลย

    ถ้าถามว่ามาร์คจะปฏิเสธไหมล่ะก็...

    “มานี่มา”

    ปลายนิ้วกระดิก พอเด็กคนนั้นยื่นหน้ามาใกล้ มาร์คที่ช่ำชองเรื่องจูบและมีประสบการณ์มากกว่าก็โน้มใบหน้าเข้าไปหา กลิ่นแอลกอฮอล์เจือจางคละคลุ้ง แต่มาร์คไม่ได้นึกรังเกียจ เขากดจูบลงไป เอียงคอให้ได้องศาแล้วกัดริมฝีปากล่างแบมแบม ได้ยินเสียงครางฮือและร่างกายที่สะดุ้งเล็กน้อย มาร์คเกือบจะเลิกเสื้ออีกคนออกจากตัว แต่เขาบอกตัวเองว่าอย่า อย่างน้อยเขาก็ควรตระหนักว่าตัวเองกับเด็กนี่ไม่ได้เป็นอะไรกัน

    ที่ทำอยู่นี่ก็อยากรู้อยากลองพอกันล้วนๆ

    “อ่า...”

    แบมแบมขยับเข้ามาหา ร่างกายโปร่งนั่นแทบจะปีนขึ้นมาเกยบนร่างของมาร์ค เขาต้องคอยกดไหล่อีกฝ่ายให้นอนราบ แล้วเป็นตัวเองที่พลิกตัวขึ้นมาคร่อมแบมแบมเอาไว้แล้วจูบให้อีกคนเมาอีกครั้ง

    แต่รอบนี้เมารสจูบนะ

    แบมแบมยกมือขึ้นโอบไหล่ จิกเล็บลงบนไหล่ ตอนนั้นมาร์คเลยสำเหนียกและรู้ตัวว่าถ้ากูไม่หยุดตอนนี้ จากนี้ก็คงหยุดไม่ได้ เลยดึงใบหน้าออกมา ริมฝีปากจูบคลอเคลียแถวแก้มแบมแบม ขณะที่ปลายจมูกเลื่อนลงต่ำสัมผัสแถวซอกคอ เสียงเด็กหนุ่มข้างห้องครางแผ่ว

    “ไง...” มาร์คหยุดแล้วเลื่อนตัวมาถามพลางยิ้มบาง “รู้สึกยังไง”

    “เมา”

    แบมแบมหัวเราะ เปลือกตาเหมือนจะปิดลงแล้วพร้อมจะหลับตลอดเวลา มาร์คปล่อยอ้อมแขน พลิกตัวลงไปนอนที่เดิมของตัวเองแต่ยังตะแคงมองแบมแบมที่ผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติอยู่ หากเปลือกตาอีกฝ่ายยังปิดสนิท

    “เมาจูบ ง่วงแล้ว”

    มาร์คนอนอยู่ตรงนั้น แบมแบมหลับไปจริงๆ ก็คงจะทั้งเมาเบียร์และเมาจูบอย่างที่ว่า เขาไม่รู้หรอกว่าแบมแบมจะแค่รู้สึกเมาอย่างเดียวรึเปล่า เพราะมาร์ครู้สึกดีไปหมด แบมแบมไม่ใช่พวกจูบไม่เป็นและไม่ประสา แต่เหมือนจะรู้ว่าจังหวะไหนควรจะเอาคืน และจังหวะไหนควรจะถอยให้มาร์คได้รุกเร้า

    ดีจริงๆ

    ลมหายใจของแบมแบมผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมออีกหนอันบ่งบอกว่าคราวนี้เข้าสู่นิทราจริงๆ แล้ว มาร์คนอนหงายมองเพดาน เขากะพริบตา กลับกลายเป็นว่าตัวเองนี่ล่ะที่กำลังจะนอนไม่หลับแทน รสชาติขมเฝื่อนของเบียร์จากปากแบมแบมยังติดลิ้น

    มาร์คตั้งสมาธิ ปิดเปลือกตาแล้วเริ่มกล่อมตัวเองให้หลับ...

     

     

     

    มาร์คและแบมแบมช่วยกันเก็บขยะลงถุงดำ กระป๋องเบียร์คือขยะส่วนใหญ่ที่กลิ้งเกลื่อนห้อง มาร์คเป็นคนถือถุงดำตามหลังแบมแบมที่ก้มหยิบขยะแล้วโยนใส่

    “ทำไมเยอะจังวะ”

    “ก็กินอยู่คนเดียวน่ะ หมดไปแล้วสองแพ็กที่ซื้อมาเมื่อวาน” มาร์คพึมพำอยู่ด้านหลัง เจ้าของห้องหันกลับมามอง ก่อนจะโยนถุงขนมชิ้นสุดท้ายใส่ถุงดำ

    “เสร็จแล้ว เย็นนี้พี่ซื้อมาให้ผมใหม่แล้วกัน”

    “ซื้ออะไร?” มาร์คถาม มัดปากถุงดำอยู่พลางเงยหน้ามามองแบมแบมด้วยความงุนงง

    “เบียร์ไง”

    “ยังจะกินอีกเหรอ?” มาร์คเบิกตาส่งเสียงสูงปรี๊ด “เมื่อคืนรู้ไหมว่าเมาขนาดไหน?” มาร์คส่ายหัว

    “ก็พอสมควร” แบมแบมตอบแล้วยักไหล่ “ดีกว่าผมไปเมาข้างนอกป่ะ แล้วพี่อ่ะ...ไม่เมาแล้วมาจูบผมทำไมวะ เป็นบ้าเหรอ?”

    ตั้งแต่ตื่นเราไม่ได้พูดเรื่องนี้กันเลย มาร์คน่ะจำได้ทุกอย่างแต่ไม่รู้ว่าแบมแบมจำได้ไหม สุดท้ายก็เหมือนว่าเราจะจำได้ทั้งคู่นะ แบมแบมถึงได้เอ่ยเสียงเรียบออกมาแบบนั้นราวกับไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรทั้งๆ ที่จูบกับผู้ชาย

    “เมาไม่เมาก็จูบได้นะถ้าอยากจูบ”

    “เฮ้ย...แล้วพี่...มาอยากจูบผมทำไมวะ?” แบมแบมเขยิบออกห่าง หรี่ตามองขณะที่มาร์คหัวเราะเสียงต่ำ

    “ก็บอกว่าอยากรู้ไง จำไม่ได้เหรอ?”

    “อ๋อ...อื้อ...” แบมแบมตอบเสียงต่ำแล้วพยักหน้าหงึก มาร์คส่ายหน้าเบาๆ แล้วยื่นถุงดำที่มัดปากเรียบร้อยไปให้เจ้าของห้อง แบมแบมจะเดินออกไปนอกห้องเพื่อทิ้งถุงดำ มาร์คเลยเดินตามไปด้วย

    เราเดินผ่านห้องของมาร์คโดยไม่ได้แวะหยุด แบมแบมทิ้งถุงดำลงในถังใบใหญ่ที่คอนโดจัดไว้ให้ ก่อนจะหันกลับมามองแล้วเอ่ยถามเสียงเบาหวิวออกมาว่า

    “พี่...ไม่ได้คิดอะไรกับผมจริงๆ ใช่ป่ะ?”

    “จะให้คิดอะไร ก็ไหนเมื่อคืนบอกไม่อยากได้ผัว”

    “ก็เออสิ!” แบมแบมกระแทกเสียง “ถ้าอยากจูบผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่ต้องมาคิดอะไร ไม่ต้องมาพูดรับผิดชอบด้วย ผมโตแล้ว พอเข้าใจ...ว่าพี่แค่อยากจูบ”

    “แน่ใจเหรอว่าแค่พี่ที่อยาก” มาร์คเดินตามหลังพลางหัวเราะเสียงต่ำ แบมแบมหันหน้ากลับมาถลึงตาใส่ มือจับลูกบิดประตูห้องตัวเองแล้วหันมาสะบัดเสียงใส่มาร์คว่า

    “ก็แล้วมันใครมาเริ่มก่อนทำให้ผมอยากวะ!

    ประตูห้องถูกกระชากแล้วแบมแบมก็เดินเข้าไปก่อน มาร์คล็อกประตูห้องไล่หลังแล้วหัวเราะเสียงทุ้มตามไป แบมแบมหันมามองตาขวาง กระแทกตัวลงบนโซฟาแล้วหยิบรีโมทมาเปิดทีวีเพื่อหาอะไรดู

    “เมื่อคืนจูบกับผู้ชายเป็นครั้งแรกเลยป่ะ?”

    “เออ” แบมแบมหันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่แต่ก็ตอบคำถาม มาร์คเดินไปหย่อนกายนั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำไปว่า

    “นี่จ่ายทั้งค่าเบียร์ ค่าขนม ค่าข้าวเมื่อเย็นวาน เมื่อคืนก็จ่ายเป็นจูบ ให้แค่ไวไฟไม่พอแล้วมั้ง”

    “พี่จะเอาอะไรอีกวะ?” แบมแบมหันมาจ้อง มาร์คหัวเราะพอได้ยินเสียงห้วนสั้นนั่น แล้วยังมีสีหน้าหาเรื่องอีก

    “ไวไฟฟรีเดือนหนึ่ง”

    “โอ๊ยงก! เน็ตช้าผมก็โหลดบิทไม่ได้ดิ่โว้ย”

    แบมแบมโวยขึ้น มาร์คหัวเราะอีกรอบ เรายังตกลงกันอยู่เรื่องที่มาร์คจ่ายจูบให้แบมแบมไปอีก ยังต่อรองด้วยการขอใช้ไวไฟห้องแบมแบมอีกเดือน มาร์คจะได้ลดค่าใช้จ่ายเรื่องไวไฟไปสักเดือนทดแทนค่าเบียร์ที่เสียไปเยอะกว่าค่าไวไฟต่อเดือนซะอีก

    แต่มาร์คได้ข้อดีของแบมแบมอยู่ข้อจากเหตุการณ์เมื่อคืน ว่าไอ้เด็กเศรษฐศาสตร์ข้างห้องนี่นอกจากมันจะเอาแต่ใจและงกแล้วเนี่ย

    จูบมันทำให้รู้สึกดียันเช้าด้วยนะ

    ...ของแบบนี้มีแค่มาร์คเท่านั้นล่ะที่ได้ลอง (เป็นคนแรกด้วย)












    ขอเกริ่นถึงฟิคเรื่องนี้ก่อนว่ามันไม่ใช่ฟิคยาวค่ะ แต่เป็นซี่รี่ส์(?)ที่เริ่มต้นจากคำว่า Sleep with me
    ตัวละครหลักๆจะมีแค่ 2 ตัวคือมาร์คกับแบมแบม คาแรกเตอร์อบอุ่นหาไม่ได้จากฟิคเรื่องนี้
    //มุมสารภาพว่าเก็บกดจากการแต่งอบอุ่น 2 เรื่องติดเลยหาทางออกให้ตัวเองด้วยการเปิดเรื่องใหม่
    ฟิคเรื่องนี้ที่เราวางไว้จะมีประมาณ 7 ตอนจบค่ะ เป็นฟิคยาวแบบจบในตอน 
    พอขึ้นตอนใหม่ก็จะเป็นเหตุการณ์ใหม่ค่ะ ตัวละครเดิม >_< คิดว่าคงไม่งงกันแหละ
    แต่ทีนี้...เรื่องเนี่ย มันไม่ใช่ฟิคใสค่ะ 555 แล้วเราก็คิดว่าคงไม่อัพบ่อยเท่า #มาร์คแบมโซเชียล
    เราเอาเรื่องนั้นเป็นหลักค่ะว่าจะลงให้จบ ส่วนเรื่องนี้คิดว่าประมาณ 1 เดือนต่อ 2 ตอน
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความขยันในการแต่งฟิคของเราด้วย ... ซึ่งคิดว่าจากนี้ไปคงไม่ค่อยมี(เพราะต้องสอบค่ะ)
    เราจะพยายามอัพเดตตลอดนะคะ แต่ไม่ทิ้งหรอก มีตอนฟิค 7 ตอนล่ะด้วย ฮี่ๆๆ

    ใครชอบอยากให้กำลังใจ(และกดดันให้มาลงไวๆ ซึ่งจะพยายาม)
    ติดแท็ก #ficmbinbed ด้วยนะคะ หรือจะคอมเม้นต์ไว้ก็ได้ค่ะ >_<

    ปล......ฟิคเรื่องนี้พี่มาร์คฉีกทุกกรอบที่เราเคยแต่งมาร์คคนอบอุ่นเลยค่ะ แง๊
    หวังว่าจะไม่แปลกไปนะคะ ก็หวังว่าทุกคนจะชอบ อย่าลืมฟังเพลงนะ //เลือกเพลงนานกว่าแต่งฟิค 55555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×