หัวขโมยแห่งบารามอสกับถ้วยอัคนี [FanFic]

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน 

ก่อนอื่นเราขอสารภาพความในใจของเราก่อนที่จะเริ่มเนื้อเรื่องนะคะ

แฟนฟิกเรื่องนี้เราเคยลงเมื่อปี 2549 ค่ะ

ใช่ค่ะมันคือ 14 ปีก่อนที่เราเริ่มแต่งและลงเรื่องนี้ใน Dek-Dและ Suntree

แต่เราไม่สามารถแต่งจนจบได้ในตอนนั้น

มันทำให้เรารู้สึกติดค้างอะไรบางอย่างตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา

และปีนี้ ค.ศ.2020 เราถือโอกาสแต่งให้จบและเผยแพร่ให้ทุกคนได้อ่าน

เรารู้ว่าผู้อ่านเก่าที่เคยอ่านเรื่องนี้ในตอนนั้นอาจไม่กลับมาอ่านแล้ว และตอนนี้คงมีแต่นักอ่านรุ่นใหม่ที่อาจจะพลัดหลงเข้ามา หรืออาจจะต้องการย้อนวันวานมาอ่านแฟนฟิกของวรรณกรรมเก่าเรื่องนี้

ยังไงต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ 

มุกบางมุกมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราเขียนในปีนั้น อาจเชยหรือถึงกับไม่เก็ต ก็จะมีบ้างนะคะ เพราะบางส่วนเราอยากคงสำนวนการเขียนนั้นไว้ แต่บางส่วนเราก็อัพเดตค่ะ

ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ

Ermione

30 เมษายน 2563

ป.ล. ว่าด้วยเรื่องนามปากกา ตอนนั้นเราใช้ชื่อ Geisha of Tristor เกอิชาแห่งทริสทอร์

ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Ermione ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับที่เราใช้ในการวาดรูปค่ะ และรูปประกอบที่ลงในนี้ทั้งหมดวาดโดยเราเองค่ะ ถ้าจะรีโพสต์ก็ขอให้มาแจ้งก่อนนะคะ

เธอคนนั้นเพิ่งจะผละออกมาจากการอวยพรของเพื่อนๆ  มีสามสี่คนที่เฟรินคิดว่าคงเป็นพี่น้องกัน  

เพราะพวกเขามีผิวตกกระและผมสีแดงเหมือนกัน   ส่วนอีกคนเฟรินจำได้ทันที  

เขาคือคนที่มากับโช แชงวันนั้น  เด็กหนุ่มผมดำใส่แว่นกลม   แฮร์รี่นั่นเอง 

“แล้ว...”  เฟรินลังเลครู่หนึ่ง 

“พ่อรู้รึเปล่า...ไม่สิ พ่อพอบอกได้รึเปล่าว่า  ฮอกวอตส์เตรียมอะไร” 

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏชัดบนหน้าคนตอบ 

“บอกแล้ว  ถ้าแข่งชนะ เอารางวัลมาแบ่งกันนะเฟ้ย” 

เฟรินถอนหายใจ  ก่อนทำเสียงจิ๊กจั๊ก 

“เออ ..น่า” 

“มันคือโทรลล์” 

“หา!”    เฟรินอ้าปากค้าง  “โทรลล์   เหรอ?” 

“ใช่  โทรลล์  ออกเสียงถูกแล้ว” 

 เฟรินเม้มปาก เธอไม่ได้สนเรื่องนั้น และราวกับมาดัสรู้ความคิดเขาพูดต่อ 

“ฉันบอกแค่นี้แหล่ะ แกเตรียมดาบกับคฑาที่ฉันทุ่มทุนซื้อให้ไว้ให้ดีแล้วกัน”

"หัวขโมยรึ"  

คำพูดปนหัวเราะในลำคอเรียกดวงหน้านวลให้แดงก่ำ

"ใช่   หัวขโมย" 

 คำตอบสวนขึ้นมาให้คนถามตีหน้าบึ้งทันที  เฟรินยิ้มแยกเขี้ยว   

"หัวขโมยผู้เก่งกาจ  ไม่เกรงกลัวสิ่งใด  

ผจญภัยมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ   แล้วจู่ๆก็มีอำนาจเทียบเท่าเจ้าหญิงขึ้นมา"  

"หัวขโมย...เจ้าหญิง..

พออยู่ต่อหน้าความตาย เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนนึงเท่านั้นแหละ"