คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เจ้าชู้ 3
3
EH :: ฉันเชื่อทงเฮได้ใช่มั๊ย รักทงเฮได้ใช่มั๊ย
DH :: พี่เชื่อผมได้ทุกอย่าง ผมรักพี่นะครับ รักพี่มากนะครับรู้มั๊ย
ทั้งๆที่ตั้งใจว่าเช้านี้พอลืมตาขึ้นมาจะได้เห็นหน้าฮยอกแจเป็นคนแรก แต่กลับกลายเป็นว่า ที่นอนฝั่งด้านซ้ายของเขานั้นว่างเปล่า วาดมือจับไปโดนก็พบว่ามันเย็นเฉียบ เมื่อตื่นมาไม่ได้พบคนที่อยากเจอ ทงเฮก็เกิดอาการหงุดหงิด ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะอาบน้ำชำระล้างร่างกาย แล้วลงไปเดินเล่น
เช้าๆแบบนี้ ฮยอกแจคงออกไปยืนรับลมเหมือนเคย
แล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อเดินมาถึงระเบียงรับลม ใบหน้าที่ติดจะหงุดหงิดของทงเฮเปลี่ยนไปทันควัน เมื่อพบหน้าคนที่เขาอยากจะพูดอรุณสวัสดิ์ด้วยเป็นคนแรก ไม่คิดให้เสียเวลา ร่างกายก็ขยับไปตามที่ใจต้องการ วงแขนแกร่งสอดเข้ารัดร่างโปร่งบางตรงหน้า รั้งให้คนที่ทำให้โลกของเขาเปลี่ยนไปมาอยู่ในอ้อมกอด ฮยอกแจที่กำลังเพลินกับการรับลมเย็นสบายสะดุ้งเกร็งตัว แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่ เมื่อนึกรู้ว่าคนที่ทำแบบนี้กับเขามีคนเดียว
“ทำไมตื่นเช้านักล่ะครับ”
“เผื่อจะมีคนตามมากอดตอนเช้าชดเชยเวลาเมื่อคืน”
อะไรไม่รู้ดลใจฮยอกแจพูดตอบออกไปแบบนั้น ร่างกายที่คุ้นชินกับสัมผัสโอบรัด ค่อยๆเอนตัวพิงแผ่นอกของคนที่อยู่ด้านหลัง อ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงเบา แต่ทว่าระยะห่างกันแค่ลมหายใจคั่น ไม่เป็นอุปสรรคต่อการได้ยินเลยแม้แต่น้อย ทงเฮอมยิ้มกับท่าทีที่บ่งบอกว่าหึงหวงของคนตรงหน้า ก่อนจะกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นอีกนิด ริมฝีปากแต้มจูบลงบนขมับ พร้อมทั้งสูดดมกลิ่นหอมที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทุกครั้ง
“ขอโทษนะครับ”
คำขอโทษที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา แต่แค่นั้นก็เพียงพอ ฮยอกแจกดหน้าลงเล็กน้อย แล้วขยับตัวเอนพิงอีกคนเสียทั้งตัว หลับตาพริ้มรับลมสบายๆพร้อมกับผ้าห่มชั้นดีที่จะไม่ทำให้เขาหนาวเกินไป ฮยอกแจไม่อยากจะโกหกตัวเอง ว่าเมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลยสักนิด หลังจากที่ทงเฮจูบหน้าผากราตรีสวัสดิ์เขาเหมือนทุกครั้งที่ไปค้างที่คอนโดของทงเฮ แต่เมื่อคืนกลับแตกต่าง เพราะไม่มีอ้อมกอดอุ่นๆ กับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ขับกล่อมให้หลับสนิทเหมือนทุกคืน ไม่อยากจะยอมรับนัก เพราะด้วยใจนึงยังกลัว กลัวกับสิ่งต่างๆที่ได้ยินมา พวกเขาสองคนไม่เคยคุยเรื่องระหว่างกัน แต่ทุกอย่างมันกลับชัดเจนในความรู้สึก ทุกการกระทำ ทุกความเอาใจใส่ ที่ทั้งสองมีให้กัน มันบ่งบอกทุกอย่างได้ดี
“ไปทานอาหารเช้ากันมั๊ย ป่านนี้พวกซองมินคงตื่นแล้ว”
“ผมยังอยากกอดพี่อยู่เลย”
ไม่พูดเปล่า ซ้ำยังกระชับอ้อมกอดเสียแนบแน่น ฮยอกแจเองถึงแม้จะมีหวั่นไหวไปเล็กน้อย แต่ทว่าหัวใจยังสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ทงเฮกำลังสื่อมาให้ตน
“ฉันเชื่อใจทงเฮนะ”
ประโยคสั้นๆที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา ทำให้ทงเฮชะงักไปชั่วครู่ สายตาเหลือบมองคนในอ้อมกอด ฮยอกแจไม่ได้กำลังทำหน้าเศร้าหมอง ใบหน้าสวยนั้นยังคงเต็มไปด้วยความสุขเหมือนเดิม บ่งบอกว่าเจ้าของนั้นยอมวาง”ใจ”ของตัวเองไว้ในมือของเขาแล้ว
“ผม...”
“ชู่ว์...”
เสียงขัดแผ่วเบาดังขึ้นพร้อมๆกับ ฮยอกแจหันมาหาเขาเต็มตัว นิ้วเรียวทาบอยู่บนริมฝีปากของเขา ฮยอกแจส่ายหน้าน้อยๆ ราวกับว่าไม่ต้องการให้เขาพูดออกมา ราวกับรู้ว่าที่เขาจะพูดนั้นคืออะไร แล้วทงเฮก็ต้องรู้สึกว่าหัวใจตัวเองทำงานหนักหน่วงอีกครั้ง เมื่อฮยอกแจเลื่อนมือมาวางไว้ที่แผ่นอก ตรงตำแหน่งหัวใจ การกระทำที่ทำให้ทงเฮตอบตนเองได้อย่างไม่ต้องคิด
“ให้ตรงนี้เราบอกกันก็พอ”
รัก.. เขารักอีฮยอกแจหมดหัวใจเหลือเกิน
กว่าทั้งคู่จะกลับเข้ามายังห้องอาหาร ก็สายมากแล้ว สองมือที่กอบกุมกันมาแนบแน่น ทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารหันมามองอย่างสนอกสนใจ โดยปกติของทั้งทงเฮและฮยอกแจ จะไม่ค่อยจับมือถือแขนอะไรกันต่อหน้าพวกเขานัก แต่วันนี้กลับแปลกไปจากทุกวัน เมื่อทั้งคู่เดินจูงมือกันเข้ามาจากประตูระเบียงปีกซ้ายของบ้าน แม้จะเพียงแค่จับมือเข้ามาพร้อมกันธรรมดา แต่บรรยากาศรอบคนทั้งคู่นั้น มันดูอบอวลไปด้วยความรักความเข้าใจ
“พี่ฮยอกแจแพ้อะไรอีกหรือเปล่าครับ”
“นอกจากปลาหมึกก็ไม่มีแล้วล่ะ”
เป็นทงเฮที่ตอบแทนเสียเอง คิบอมได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้าให้แม่บ้านยกข้าวต้มมาให้ผู้มาใหม่ทั้งสอง กิริยาอาการปกติ บนโต๊ะกินข้าวกำลังไม่ปกติ ทุกๆคนรู้จักอีทงเฮดี คนเจ้าชู้ ไม่ค่อยใส่ใจใคร เอะอะอะไรก็มีแต่คำว่าลืมแบบอีทงเฮนั้น กลับจำได้อย่างดิบดี ว่าพี่ฮยอกแจทานอะไรไม่ได้บ้าง นั่นเป็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในตัวของทงเฮ ที่เพื่อนๆสังเกตเห็น พอทานไปได้ซักพัก โดยทั้งคู่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ถูกจับตามองจากคนทั้งโต๊ะ
ทงเฮหันมาหาคนข้าง ๆ เมื่อเห็นฮยอกแจดูจะทานไปได้นิดหน่อย ซักถามกันไปมาก็ได้ความว่า ฮยอกแจไม่ชอบกินต้มหอมผักชี แต่จะให้เขี่ยออกมันก็เสียมารยาท ทงเฮยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะจัดการยกถ้วยข้าวต้มของเขาที่คิบอมสั่งแม่บ้านไว้แล้วว่าไม่ต้องใส่ต้นหอมผักชีให้ฮยอกแจ แล้วเอาถ้วยของฮยอกแจมาเขี่ยผักออกเสียเอง
“ไม่เป็นไรหรอกทงเฮ”
“ทานเถอะครับ ของผมไม่มีต้นหอมผักชีหรอก”
ทงเฮพูดยิ้มๆ พลางพยายามตักช้อนเลี่ยงต้นหอมผักชีที่มีกลิ่นฉุนอยู่เต็มชาม การกระทำที่ทำให้ซองมินตาโต กระตุกแขนเสื้อคิบอมไม่ห่าง แม้กระทั่งคยูฮยอน ที่คิดจะเอ่ยปากแซว ก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นกับตาว่าอีทงเฮที่เรื่องมากเรื่องอาหารการกิน ยอมนั่งทานข้าวต้มที่ผักที่ตัวเองบอกว่าไม่ชอบกลิ่นมันอยู่เต็มชาม
“หืม? ครับ?”
ทงเฮงุนงงเล็กน้อย เมื่อมีรู้สึกถึงแรงสะกิด พอหันไปมองก็พบว่า ตรงหน้าของตนมีช้อนข้าวต้ม พร้อมกับใบหน้าระเรื่อของฮยอกแจ ริมฝีปากบางเฉียบกำลังเม้มเบาๆ ทงเฮมองแล้วอมยิ้มเสียเต็มแก้ม ฮยอกแจน่ารักมากจริงๆ ชายหนุ่มก้มลง งับช้อนที่ส่งมาให้ เล่นเอาทุกคนบนโต๊ะชะงักงัน แม้จะเคยเห็นภาพทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหน จะเปิดเผยความรู้สึกของกันและกันต่อหน้าทุกคนขนาดนี้ ยุนโฮที่ตามมาทีหลัง เห็นภาพน่ารักนั้นเสียจนอดใจไม่ไหว ต้องยกกล้องตัวเก่งที่คล้องคอขึ้นมาถ่ายภาพไว้ทันที ซองมินที่กำลังจะหันเรียกป้าแม่บ้านถึงกับชะงักงัน คยูฮยอนเองก็ตาโตไม่แพ้กัน ขนาดคิบอมที่ว่านิ่งๆ ยังตกใจไม่หาย อีทงเฮเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปมาก เพราะคนคนเดียว
“ฉันจะนั่งข้างพี่ทงเฮ”
ถ้าบรรยากาศเมื่อครู่มันหวานหอมเสียจนคนมองยังต้องเขินจนพาลกันหน้าขึ้นสีระเรื่อแล้วละก็ บรรยากาศตอนนี้ก็คงเทียบได้กับความอึดอัดเสียจน อยากจะหนีไปให้พ้น อึนนาหยุดยืนอยู่ตรงเชิงบันได สายตาไม่พอใจส่งมายังฮยอกแจโดยไม่มีการปิดบัง เสียงแหลมเล็กของหญิงสาว ประกาศิตขึ้นมาทันทีที่เห็นบรรยากาศสีชมพูที่ลอยวนอยู่รอบโต๊ะอาหาร ที่จริงหล่อนตื่นและลงมาได้สักพักแล้ว ทว่ากำลังจะก้าวเดินมายังโต๊ะอาหาร ก็ต้องเห็นภาพที่อยากจะกรีดร้องกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ
“ฉันจะนั่งข้างแฟนฉัน กรุณาลุกด้วยค่ะพี่ฮยอกแจ”
อึนนาจงใจเน้นคำว่าแฟนอย่างชัดเจน ฮยอกแจที่ได้ยินคำนั้นก็ผละออกจากทงเฮทันที มือบางลุกขึ้น พลางบอกทุกคนว่าอิ่มแล้ว โดยไม่ลืมระบายยิ้มอ่อนๆ ให้ทุกคน รวมทั้งทงเฮด้วย ใบหน้าหล่อเหลาฉายชัดถึงความไม่พอใจ ที่เห็นฮยอกแจยิ้มแบบนั้น
ยิ้มเฝือดฝื่นแบบนั้น มันไม่ใช่พี่ฮยอกแจสักนิด
“ยุนโฮกับแจจุงพึ่งมานี่นา พี่พาไปเก็บของที่ห้องดีกว่า”
ฮยอกแจเลือกที่จะหันมาสนใจผู้มาใหม่ทั้งสองแทน ทงเฮมองฮยอกแจด้วยความไม่เข้าใจ แต่ทันทีที่จะลุกตามออกไปอึนนาที่เดินเข้ามาพอดีก็คว้าเข้าที่ข้อแขนทงเฮ
“พี่ทงเฮจะไปไหนล่ะคะ ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ”
“ปล่อยนะอึนนา”
“จะรีบไปไหนล่ะคะ เมื่อกี๊อึนนาเห็นพี่ฮยอกแจแย่งข้าวต้มพี่ไป งั้นเดี๋ยวอึนนาตักป้อนให้นะคะ”
หญิงสาวยังคงไม่ปล่อยตัวให้ห่างออกจากทงเฮแม้แต่น้อย ซึ่งทงเฮก็พยายามจะแกะแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมนั้น แต่อึนนาก็ช่างกวนใจเสียเหลือเกิน ทำให้ทงเฮได้แต่มองแผ่นหลังของฮยอกแจกับกลุ่มของยุนโฮเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
หลังจากเมื่อเช้า ก็ไม่มีใครพบฮยอกแจอีกเลย ยุนโฮกับแจจุงที่ตามมาทีหลัง ก็บอกว่าพอฮยอกแจมาส่งที่ห้องนั่งคุยเล่นได้สักพักก็ขอตัวกลับออกมา ทั้งคู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร จนกระทั่งตกลงว่าจะนั่งเรือไปเกาะเชจูกันนี่แหละ ถึงได้รู้ว่าฮยอกแจหายไปตั้งแต่สายๆ
“พวกมึงไปเหอะ กูจะไปหาพี่ฮยอกแจ”
“ได้ยังไงกันคะพี่ทงเฮ ไอ้บ้านั่นจะไปไหนก็ไปสิ”
“คิมอึนนา!!!”
หญิงสาวสะดุ้งเสียจนสุดตัว เมื่ออยู่ดีๆ อีทงเฮเกิดแผดเสียงขึ้นมาดังลั่น เสียงทุ้มที่เคยน่าฟังบัดนี้กับแข็งกร้าวเสียจน มือที่คอยเกาะเกี่ยวแขนชายหนุ่มไว้ปล่อยออกโดยทันที
“มาทางไหน กลับไปทางนั้น แล้วอย่ามาทำตัวไร้มารยาทกับพี่ฮยอกแจอีก”
“พะ..พี่ทงเฮ”
“กลับไป คิมอึนนา ก่อนที่ฉันจะตีเธอ”
หมดความอดทนแล้ว เขาหมดความอดทนแล้วจริงๆ คิมอึนนามาที่บ้านพักตาอากาศนี่ได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงก็สร้างความวุ่นวายให้กับเขาได้ขนาดนี้ ซ้ำยังพาลไปทำร้ายความรู้สึกของคนที่เขาใส่ใจมากที่สุดตอนนี้ด้วยอีกต่างหาก ทงเฮมองด้วยสายตาแข็งกร้าว จนหญิงสาวที่ยืนน้ำตาคลอเมื่อครู่ถึงกับเข่าอ่อน อีทงเฮที่อ่อนโยนกับเธอเสมอ ตอนนี้กลับกลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่รู้จัก
“ทะ..ทำไมกันคะพี่ทงเฮ”
“เราเลิกกันแล้วคิมอึนนา ถ้าเธอจำได้ เธอเป็นคนพูดเอง”
“ตะ...แต่ ตอนนั้นฉันพูดด้วยอารมณ์นี่คะ”
ทงเฮหัวเราะเบาๆในลำคอ นัยน์ตาคมที่ยามปกติทอดมองใครบางคนนั้นอ่อนโยน แต่ตอนนี้กำลังมองหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยสายตาเฉยเมย
“หึหึ คิมอึนนา เธอมันก็แค่ของในสต็อคที่ฉันเขี่ยทิ้งก็เท่านั้นเอง”
ตุบ!!
“ทงเฮ....”
เสียงแผ่วเบาแต่ทว่ากลับดังชัดในโสตประสาททำให้ทงเฮหันกลับไปมอง แล้วความรู้สึกวาบในอกก็แล่นขึ้นมา เมื่อเห็นฮยอกแจ นั่งกองกับพื้น ข้างประตูไม้ที่จะเข้ามายังห้องโถง ใบหน้าหวานใสที่เคยอมชมพูกับขาวซีด ริมฝีปากสั่นระริก ดวงตาที่เคยทอประกายสดใสกับดูแห้งผากไร้เงาสะท้อนใดๆ ภาพทุกอย่างเร่งให้ทงเฮเข้ามาประคองร่างที่ทรุดลงอยู่กับพื้น ท่าทีที่ราวกับฮยอกแจเป็นแก้วบางนั้นทำให้อึนนาแผดเสียงลั่น
“เพราะพี่! พี่ฮยอกแจ พี่ทำให้เราเลิกกัน!”
อึนนาโวยวายเสียงลั่น พุ่งตรงจะเข้าทำร้ายฮยอกแจ แต่ซองมินกับคิบอมที่อยู่ใกล้คว้าไว้ได้ทัน ทงเฮเองก็ดันฮยอกแจไปหลบหลังตัวเองไว้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ใครๆต่างก็หลงนักหลงหนาบัดนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ยิ่งรับรู้ว่าคนที่ตนจับข้อแขนไว้นั้นสั่นเทามากเพียงใด ก็ยิ่งอยากจะจับคิมอึนนาโยนออกไปเดี๋ยวนี้
“ออกไปซะคิมอึนนา”
“ ทำไมคะ พี่อย่าบอกนะ ว่าพี่รักมัน รักอีฮยอกแจคนนั้น!”
ทงเฮชะงัก ไปชั่วครู่ พร้อมๆกับฮยอกแจที่มองคนตรงหน้าจากด้านหลัง ใบหน้าที่เคยเต็มใบด้วยความสดใสบัดนี้กลับขาวซีด มือที่ขยำเสื้อของทงเฮเริ่มคลายออก เมื่อทงเฮยังคงนิ่ง ทงเฮเองก็มัวแต่ตะลึงไม่รู้จะตอบอะไรถึงได้ปล่อยแขนเล็กที่ตนเองจับไว้แน่นเมื่อครู่ แต่นั่นก็เพียงพอให้ฮยอกแจเลื่อนมือออก พร้อมๆกับขยับถอยห่าง เพียงเท่านั้น ทงเฮที่กำลังอึ้งก็หันกลับมา เมื่อรู้สึกว่าสัมผัสสั่นเทาที่เขาอยากปกป้องเมื่อครู่หายไป
“พี่ครับ....”
ไม่ว่าเมื่อไรฮยอกแจก็ยังคงมีรอยยิ้มให้กับเขาเสมอ ทงเฮคิดแบบนั้น จนกระทั่งวินาทีนี้ มันก็ยังเหมือนเดิม ฮยอกแจยังคงเป็นเหมือนวันแรกที่รู้จักกัน แต่ทว่านัยน์ตาใสที่ทงเฮเคยเห็นมันสะท้อนออกมาว่ามีเขาอยู่ในนั้น กลับจางหาย แววตาฮยอกแจในตอนนี้ไม่มีอะไรสะท้อนออกมาเลย ทงเฮทำท่าจะขยับเข้าไปใกล้ แต่ฮยอกแจกลับส่ายหน้าพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้อีกเช่นเคย ยิ้มที่ทงเฮไม่นึกชอบใจมันสักนิด
“ฉัน....ไม่รู้เรื่องระหว่างเธอกับทงเฮหรอก แต่ที่รู้แน่ๆ...ฉันไม่ใช่คนที่ทงเฮรัก จนกลายเป็นมือที่สามของเรื่องระหว่างพวกเธอหรอกนะ”
“ฮยอกแจ....”
ทงเฮเรียกเสียงแผ่ว มองใบหน้าหวานที่ยอมรับจริงๆว่าหลงไปแล้วทั้งใจ ไหล่ลาดเขาชอบแอบอิงกำลังสั่นอย่างชัดเจน ทว่าพอทงเฮขยับเข้าไปใกล้ กลับเป็นฮยอกแจเองที่ถอยห่างออกไปเสียหลายก้าว จนคนมองได้แต่มองด้วยความไม่เข้าใจ
“ฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะ เหมือนจะไม่สบาย”
“เดี๋ยวผมไปส่งที่ห้อง”
“ไม่เป็นไรหรอก นายพาอึนนาขึ้นไปคุยกันบนห้องดีกว่า คุยกันดีๆนะ ฉัน..จะไปนอนห้องซีวอนแล้วกัน”
ไม่รอให้ใครคัดค้าน ฮยอกแจก็หมุนตัวออกไปทันที ทงเฮได้แต่มองตามแผ่นหลังที่ครั้งนึงเขาเคยคิดว่ามันช่างอ่อนแอ บอบบางเสียเหลือเกิน แต่วันนี้ทงเฮรู้แล้วว่าฮยอกแจเป็นเพียงคนอ่อนโยนเท่านั้น ไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด แผ่นหลังเล็กยังคงตั้งตรง และห่างออกไปช้า ๆ ทงเฮกำหมัดแน่น เมื่อทันเห็นว่าฮยอกแจยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง
“กลับไปซะคิมอึนนา”
“ฉันไม่กลับ พี่จะมาไล่ฉันกลับแบบนี้ไม่ได้”
“กลับไปคิมอึนนา กลับไปก่อนที่ฉันจะตีเธอ”
ทงเฮพูดเสียงเย็น ทั้งยังไม่หันกลับมามองซักนิด ซองมินที่เห็นเพื่อนยืนกำหมัดจนตัวสั่น ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปแตะแขนไว้ ทงเฮหันกลับมามองเล็กน้อย ซองมินเองก็พยักหน้าไปทางชั้นสองของบ้าน แล้วก็ตบไหล่เบาๆอีกสองที ทงเฮยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้อย่างขอบคุณ แล้วเดินปลีกตัวออกไปทันที
“พี่ทงเฮ!”
“พอเถอะอึนนา” เป็นซีวอนที่ปรามเสียงอ่อน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอึนนาเสียใจ แต่ทว่าเขาก็รู้จักเพื่อนตัวเองดีเช่นกัน ลองทงเฮออกไปขนาดนั้นแสดงว่าเจ้าตัวคงพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ตีอึนนาอยู่ไม่ใช่น้อย คิบอมปล่อยแขนที่ยื้ออึนนาไว้ แล้วหญิงสาวก็ทรุดลงนั่งกับพื้นทันที ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา มองไปยังเบื้องหน้าที่ทงเฮรีบก้าวขึ้นบันไดเพื่อไปหาใครอีกคน ทุกคนได้แต่มองภาพนี้ด้วยความสงสารจับใจ
“เดี๋ยวฉันจะให้แม่บ้านเก็บของให้ เธอกลับไปก่อนเถอะนะ”
“ทำไมคะ พี่จะให้ผู้ชายคนนั้นมาแย่งพี่ทงเฮไปจากฉันหรอ”
“อึนนา ผู้ชายคนที่เธอพูดถึงน่ะ เขาไม่เคยแย่งพี่ทงเฮไปจากเธอเลยสักครั้ง คนที่เข้าหาก่อน คือทงเฮต่างหาก”
“..............”
“ยอมแพ้เถอะอึนนา เรื่องของเธอกับทงเฮมันจบไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว”
คิบอมพูดออกมาแค่นั้น ก่อนจะหันไปเรียกให้แม่บ้านมาพาอึนนาไปเก็นของ ก่อนจะให้เตรียมรถไปส่งให้ถึงบ้านตระกูลคิม ครั้งนี้อึนนาก็ยอมแต่โดยดี ที่จริงเธอรู้ตั้งแต่มาถึงเมื่อวานแล้วด้วยซ้ำไป แต่ก็ยังอยากที่จะพยายามรั้งทงเฮไว้กับเธออีกสักครั้งเท่านั้นเอง......
หลังจากหันหลังออกมาฮยอกแจก็พยายามอย่างมากที่จะให้ทุกย่างก้าวของตัวเองมั่นคง จนเมื่อถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง ฮยอกแจก็ทรุดตัวลงนั่งพร้อมๆกับน้ำตาที่กลั้นมานานค่อยๆไหลลงมา เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะร้องไห้ไปทำไม ร้องไปเพื่ออะไร ทงเฮไม่ได้เป็นคนพูดประโยคนั้นกับเขาสักนิด แต่เบื้องลึกของจิตใจกลับบอกฮยอกแจมาว่า สักวัน เขาจะไปอยู่แทนที่คิมอึนนา และนั่งมองทงเฮหันหลังไปใส่ใจใครอีกคน ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล ฮยอกแจพิงศีรษะเข้ากับกำแพงด้านข้างกัดปากแน่นเสียจนริมฝีปากแทบช้ำ ภาพที่ทำให้คนที่ก้าวตามมารู้สึกวูบโหวงในช่องอก ยิ่งเห็นว่าฮยอกแจนั่งกลั้นสะอื้นเสียจนตัวสั่น ก็ยิ่งอยากจะเข้าไปโอบกอดปลอบโยนไม่ให้มีน้ำตา
แรงรั้งเล็กน้อย ทำให้ร่างเล็กหันไปมองและก่อนที่จะรู้ตัวความอบอุ่นที่ตนคุ้นเคยก็เข้ามา ฮยอกแจนิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะระบายยิ้มอ่อน จำได้ดีแม้ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าของแขนที่โอบรอบไหล่เขาไว้ มือที่รั้งให้ศีรษะเขาชิดอก ลูบผมอย่างปลอบประโลม ความอ่อนโยนที่ได้รับมาตลอดเวลาที่รู้จักกัน ทำให้ฮยอกแจยอมที่หลับตาลงปล่อยน้ำตาให้มันไหลอยู่อย่างนั้น
ทงเฮประทับจูบลงบนกระหม่อมบาง สูดดมกลิ่นหอมที่ผมนุ่ม และยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ลูบไล้ตรงตำแหน่งหัวใจ ยิ่งกอดแน่นเท่าไร ทงเฮก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงน้ำใสๆ ที่ซึมผ่านเสื้อของตัวเอง อยากจะเอ่ยคำพูดออกมาปลอบประโลมแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรให้ฮยอกแจสบายใจ จึงได้แต่ใช้อ้อมแขนโอบรัดร่างเล็กไว้ให้รู้ว่าอีทงเฮยังคงอยู่ตรงนี้
“ฉันเชื่อที่หัวใจทงเฮบอกฉันได้ใช่มั๊ย....”
น้ำเสียงอ่อนแรงทำให้ทงเฮยิ่งกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้น คราวนี้เขาจะไม่ลังเลอีกแล้ว ไม่เลยสักนิด เขารู้ตัวทันทีที่ฮยอกแจหันหลังแล้วก้าวจากเขามาเมื่อครู่
“ผมรักพี่ รักนะครับ รักพี่นะ ฮยองตัวเล็ก”
TALK :: ครบแล้วววววว อยากจะบอกว่าปาดเหงื่อมาก รีบมาปั่นให้เลย เพราะเดี๋ยวเขาจะสอบบไฟนอลแล่วว กว่าจะเสร็จก็วันที่ยีสิบนู้นนนล่ะค่ะ เห็นมั๊ยคะว่าคุณผู้หญิงของบ้านทำยังไง แค่หันหลังแล้วจากมา คุณผู้ชายก็ชัดเจนในความรู้สึกตัวเองทันทีจนกล้าพูดออกไปเลย กระซิบอีกนิดนะคะ ว่ามานอกสถานที่เจอแคค่คนเดียว แต่พอกลับไปร่ำเรียนที่มหาลัยล่ะก็ ศึกหนักค่ะ มาดูกันนะว่าคุณผู้หญิงเค้าจะทำยังไง
อีกไม่นานก็ใกล้จะปิดตำราเรื่องนี้แล้ววว แอบใจหายเบาๆ แต่เรื่องนี้เราตั้งใจแต่งมากเลยนะคะ พาร์ทสองนี่ดูมึนๆ ไปนิดๆ เพราะลูกครึ่งมึนมากใกล้สอบ อ่านหนังสือกันหัวฟูเลยจริงๆ สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านและติชมผลงานนะเจ้าคะ ไปแล้ววว ถ้าช่วงเว้นสอบ แอบแว้บมาได้จะแว้บมาน้าาา
ลูกครึ่งแร๊พแด๊นซ์ น้อมเคารพ
ความคิดเห็น