ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF HAEEUN'S STORY

    ลำดับตอนที่ #5 : เจ้าชู้ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 786
      9
      7 ต.ค. 55

    3


    EH ::  ฉันเชื่อทงเฮได้ใช่มั๊ย รักทงเฮได้ใช่มั๊ย 

    DH ::  พี่เชื่อผมได้ทุกอย่าง ผมรักพี่นะครับ รักพี่มากนะครับรู้มั๊ย

     

     

     

     

    ทั้งๆที่ตั้งใจว่าเช้านี้พอลืมตาขึ้นมาจะได้เห็นหน้าฮยอกแจเป็นคนแรก แต่กลับกลายเป็นว่า ที่นอนฝั่งด้านซ้ายของเขานั้นว่างเปล่า วาดมือจับไปโดนก็พบว่ามันเย็นเฉียบ  เมื่อตื่นมาไม่ได้พบคนที่อยากเจอ ทงเฮก็เกิดอาการหงุดหงิด ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะอาบน้ำชำระล้างร่างกาย แล้วลงไปเดินเล่น

     

     

     เช้าๆแบบนี้ ฮยอกแจคงออกไปยืนรับลมเหมือนเคย

     

     

    แล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อเดินมาถึงระเบียงรับลม ใบหน้าที่ติดจะหงุดหงิดของทงเฮเปลี่ยนไปทันควัน เมื่อพบหน้าคนที่เขาอยากจะพูดอรุณสวัสดิ์ด้วยเป็นคนแรก ไม่คิดให้เสียเวลา ร่างกายก็ขยับไปตามที่ใจต้องการ วงแขนแกร่งสอดเข้ารัดร่างโปร่งบางตรงหน้า รั้งให้คนที่ทำให้โลกของเขาเปลี่ยนไปมาอยู่ในอ้อมกอด ฮยอกแจที่กำลังเพลินกับการรับลมเย็นสบายสะดุ้งเกร็งตัว แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่ เมื่อนึกรู้ว่าคนที่ทำแบบนี้กับเขามีคนเดียว

     

    “ทำไมตื่นเช้านักล่ะครับ”

     

    “เผื่อจะมีคนตามมากอดตอนเช้าชดเชยเวลาเมื่อคืน”

     

    อะไรไม่รู้ดลใจฮยอกแจพูดตอบออกไปแบบนั้น ร่างกายที่คุ้นชินกับสัมผัสโอบรัด ค่อยๆเอนตัวพิงแผ่นอกของคนที่อยู่ด้านหลัง อ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงเบา แต่ทว่าระยะห่างกันแค่ลมหายใจคั่น ไม่เป็นอุปสรรคต่อการได้ยินเลยแม้แต่น้อย ทงเฮอมยิ้มกับท่าทีที่บ่งบอกว่าหึงหวงของคนตรงหน้า ก่อนจะกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นอีกนิด ริมฝีปากแต้มจูบลงบนขมับ พร้อมทั้งสูดดมกลิ่นหอมที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทุกครั้ง

     

    “ขอโทษนะครับ”

     

    คำขอโทษที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา แต่แค่นั้นก็เพียงพอ ฮยอกแจกดหน้าลงเล็กน้อย แล้วขยับตัวเอนพิงอีกคนเสียทั้งตัว หลับตาพริ้มรับลมสบายๆพร้อมกับผ้าห่มชั้นดีที่จะไม่ทำให้เขาหนาวเกินไป  ฮยอกแจไม่อยากจะโกหกตัวเอง ว่าเมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลยสักนิด หลังจากที่ทงเฮจูบหน้าผากราตรีสวัสดิ์เขาเหมือนทุกครั้งที่ไปค้างที่คอนโดของทงเฮ แต่เมื่อคืนกลับแตกต่าง เพราะไม่มีอ้อมกอดอุ่นๆ กับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ขับกล่อมให้หลับสนิทเหมือนทุกคืน  ไม่อยากจะยอมรับนัก เพราะด้วยใจนึงยังกลัว กลัวกับสิ่งต่างๆที่ได้ยินมา พวกเขาสองคนไม่เคยคุยเรื่องระหว่างกัน แต่ทุกอย่างมันกลับชัดเจนในความรู้สึก ทุกการกระทำ ทุกความเอาใจใส่ ที่ทั้งสองมีให้กัน มันบ่งบอกทุกอย่างได้ดี

     

    “ไปทานอาหารเช้ากันมั๊ย ป่านนี้พวกซองมินคงตื่นแล้ว”

     

    “ผมยังอยากกอดพี่อยู่เลย”

     

    ไม่พูดเปล่า ซ้ำยังกระชับอ้อมกอดเสียแนบแน่น  ฮยอกแจเองถึงแม้จะมีหวั่นไหวไปเล็กน้อย แต่ทว่าหัวใจยังสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ทงเฮกำลังสื่อมาให้ตน

     

    “ฉันเชื่อใจทงเฮนะ”

     

    ประโยคสั้นๆที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา ทำให้ทงเฮชะงักไปชั่วครู่ สายตาเหลือบมองคนในอ้อมกอด ฮยอกแจไม่ได้กำลังทำหน้าเศร้าหมอง ใบหน้าสวยนั้นยังคงเต็มไปด้วยความสุขเหมือนเดิม บ่งบอกว่าเจ้าของนั้นยอมวาง”ใจ”ของตัวเองไว้ในมือของเขาแล้ว

     

    “ผม...”

     

    “ชู่ว์...”

     

    เสียงขัดแผ่วเบาดังขึ้นพร้อมๆกับ ฮยอกแจหันมาหาเขาเต็มตัว นิ้วเรียวทาบอยู่บนริมฝีปากของเขา  ฮยอกแจส่ายหน้าน้อยๆ ราวกับว่าไม่ต้องการให้เขาพูดออกมา  ราวกับรู้ว่าที่เขาจะพูดนั้นคืออะไร แล้วทงเฮก็ต้องรู้สึกว่าหัวใจตัวเองทำงานหนักหน่วงอีกครั้ง เมื่อฮยอกแจเลื่อนมือมาวางไว้ที่แผ่นอก ตรงตำแหน่งหัวใจ  การกระทำที่ทำให้ทงเฮตอบตนเองได้อย่างไม่ต้องคิด

     

     

    “ให้ตรงนี้เราบอกกันก็พอ”

     

     

    รัก.. เขารักอีฮยอกแจหมดหัวใจเหลือเกิน

     

     

     

     

     

     

    กว่าทั้งคู่จะกลับเข้ามายังห้องอาหาร ก็สายมากแล้ว สองมือที่กอบกุมกันมาแนบแน่น ทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารหันมามองอย่างสนอกสนใจ โดยปกติของทั้งทงเฮและฮยอกแจ จะไม่ค่อยจับมือถือแขนอะไรกันต่อหน้าพวกเขานัก แต่วันนี้กลับแปลกไปจากทุกวัน เมื่อทั้งคู่เดินจูงมือกันเข้ามาจากประตูระเบียงปีกซ้ายของบ้าน  แม้จะเพียงแค่จับมือเข้ามาพร้อมกันธรรมดา แต่บรรยากาศรอบคนทั้งคู่นั้น มันดูอบอวลไปด้วยความรักความเข้าใจ

     

    “พี่ฮยอกแจแพ้อะไรอีกหรือเปล่าครับ”

     

    “นอกจากปลาหมึกก็ไม่มีแล้วล่ะ”

     

    เป็นทงเฮที่ตอบแทนเสียเอง คิบอมได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้าให้แม่บ้านยกข้าวต้มมาให้ผู้มาใหม่ทั้งสอง  กิริยาอาการปกติ บนโต๊ะกินข้าวกำลังไม่ปกติ ทุกๆคนรู้จักอีทงเฮดี  คนเจ้าชู้ ไม่ค่อยใส่ใจใคร เอะอะอะไรก็มีแต่คำว่าลืมแบบอีทงเฮนั้น กลับจำได้อย่างดิบดี ว่าพี่ฮยอกแจทานอะไรไม่ได้บ้าง นั่นเป็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในตัวของทงเฮ ที่เพื่อนๆสังเกตเห็น  พอทานไปได้ซักพัก โดยทั้งคู่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ถูกจับตามองจากคนทั้งโต๊ะ

     

    ทงเฮหันมาหาคนข้าง ๆ เมื่อเห็นฮยอกแจดูจะทานไปได้นิดหน่อย  ซักถามกันไปมาก็ได้ความว่า ฮยอกแจไม่ชอบกินต้มหอมผักชี แต่จะให้เขี่ยออกมันก็เสียมารยาท ทงเฮยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะจัดการยกถ้วยข้าวต้มของเขาที่คิบอมสั่งแม่บ้านไว้แล้วว่าไม่ต้องใส่ต้นหอมผักชีให้ฮยอกแจ แล้วเอาถ้วยของฮยอกแจมาเขี่ยผักออกเสียเอง

     

    “ไม่เป็นไรหรอกทงเฮ”

     

    “ทานเถอะครับ ของผมไม่มีต้นหอมผักชีหรอก”

     

    ทงเฮพูดยิ้มๆ  พลางพยายามตักช้อนเลี่ยงต้นหอมผักชีที่มีกลิ่นฉุนอยู่เต็มชาม การกระทำที่ทำให้ซองมินตาโต กระตุกแขนเสื้อคิบอมไม่ห่าง แม้กระทั่งคยูฮยอน ที่คิดจะเอ่ยปากแซว ก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นกับตาว่าอีทงเฮที่เรื่องมากเรื่องอาหารการกิน ยอมนั่งทานข้าวต้มที่ผักที่ตัวเองบอกว่าไม่ชอบกลิ่นมันอยู่เต็มชาม

     

    “หืม? ครับ?”

     

    ทงเฮงุนงงเล็กน้อย เมื่อมีรู้สึกถึงแรงสะกิด พอหันไปมองก็พบว่า ตรงหน้าของตนมีช้อนข้าวต้ม พร้อมกับใบหน้าระเรื่อของฮยอกแจ ริมฝีปากบางเฉียบกำลังเม้มเบาๆ  ทงเฮมองแล้วอมยิ้มเสียเต็มแก้ม ฮยอกแจน่ารักมากจริงๆ ชายหนุ่มก้มลง งับช้อนที่ส่งมาให้ เล่นเอาทุกคนบนโต๊ะชะงักงัน แม้จะเคยเห็นภาพทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหน จะเปิดเผยความรู้สึกของกันและกันต่อหน้าทุกคนขนาดนี้ ยุนโฮที่ตามมาทีหลัง เห็นภาพน่ารักนั้นเสียจนอดใจไม่ไหว ต้องยกกล้องตัวเก่งที่คล้องคอขึ้นมาถ่ายภาพไว้ทันที ซองมินที่กำลังจะหันเรียกป้าแม่บ้านถึงกับชะงักงัน คยูฮยอนเองก็ตาโตไม่แพ้กัน ขนาดคิบอมที่ว่านิ่งๆ ยังตกใจไม่หาย อีทงเฮเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปมาก เพราะคนคนเดียว

     

     

     

    “ฉันจะนั่งข้างพี่ทงเฮ”

    ถ้าบรรยากาศเมื่อครู่มันหวานหอมเสียจนคนมองยังต้องเขินจนพาลกันหน้าขึ้นสีระเรื่อแล้วละก็ บรรยากาศตอนนี้ก็คงเทียบได้กับความอึดอัดเสียจน อยากจะหนีไปให้พ้น   อึนนาหยุดยืนอยู่ตรงเชิงบันได  สายตาไม่พอใจส่งมายังฮยอกแจโดยไม่มีการปิดบัง เสียงแหลมเล็กของหญิงสาว ประกาศิตขึ้นมาทันทีที่เห็นบรรยากาศสีชมพูที่ลอยวนอยู่รอบโต๊ะอาหาร ที่จริงหล่อนตื่นและลงมาได้สักพักแล้ว ทว่ากำลังจะก้าวเดินมายังโต๊ะอาหาร ก็ต้องเห็นภาพที่อยากจะกรีดร้องกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ

     

    “ฉันจะนั่งข้างแฟนฉัน  กรุณาลุกด้วยค่ะพี่ฮยอกแจ”

     

    อึนนาจงใจเน้นคำว่าแฟนอย่างชัดเจน  ฮยอกแจที่ได้ยินคำนั้นก็ผละออกจากทงเฮทันที มือบางลุกขึ้น พลางบอกทุกคนว่าอิ่มแล้ว โดยไม่ลืมระบายยิ้มอ่อนๆ ให้ทุกคน รวมทั้งทงเฮด้วย ใบหน้าหล่อเหลาฉายชัดถึงความไม่พอใจ ที่เห็นฮยอกแจยิ้มแบบนั้น 

     

    ยิ้มเฝือดฝื่นแบบนั้น มันไม่ใช่พี่ฮยอกแจสักนิด

     

    “ยุนโฮกับแจจุงพึ่งมานี่นา พี่พาไปเก็บของที่ห้องดีกว่า”

     

    ฮยอกแจเลือกที่จะหันมาสนใจผู้มาใหม่ทั้งสองแทน  ทงเฮมองฮยอกแจด้วยความไม่เข้าใจ แต่ทันทีที่จะลุกตามออกไปอึนนาที่เดินเข้ามาพอดีก็คว้าเข้าที่ข้อแขนทงเฮ

     

    “พี่ทงเฮจะไปไหนล่ะคะ ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ”

     

    “ปล่อยนะอึนนา”

     

    “จะรีบไปไหนล่ะคะ เมื่อกี๊อึนนาเห็นพี่ฮยอกแจแย่งข้าวต้มพี่ไป งั้นเดี๋ยวอึนนาตักป้อนให้นะคะ”

     

     

    หญิงสาวยังคงไม่ปล่อยตัวให้ห่างออกจากทงเฮแม้แต่น้อย ซึ่งทงเฮก็พยายามจะแกะแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมนั้น แต่อึนนาก็ช่างกวนใจเสียเหลือเกิน ทำให้ทงเฮได้แต่มองแผ่นหลังของฮยอกแจกับกลุ่มของยุนโฮเดินห่างออกไปเรื่อยๆ 












     

    หลังจากเมื่อเช้า ก็ไม่มีใครพบฮยอกแจอีกเลย ยุนโฮกับแจจุงที่ตามมาทีหลัง ก็บอกว่าพอฮยอกแจมาส่งที่ห้องนั่งคุยเล่นได้สักพักก็ขอตัวกลับออกมา ทั้งคู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร จนกระทั่งตกลงว่าจะนั่งเรือไปเกาะเชจูกันนี่แหละ ถึงได้รู้ว่าฮยอกแจหายไปตั้งแต่สายๆ

     

    “พวกมึงไปเหอะ กูจะไปหาพี่ฮยอกแจ”

     

    “ได้ยังไงกันคะพี่ทงเฮ  ไอ้บ้านั่นจะไปไหนก็ไปสิ”

     

    “คิมอึนนา!!!

     

    หญิงสาวสะดุ้งเสียจนสุดตัว เมื่ออยู่ดีๆ อีทงเฮเกิดแผดเสียงขึ้นมาดังลั่น เสียงทุ้มที่เคยน่าฟังบัดนี้กับแข็งกร้าวเสียจน มือที่คอยเกาะเกี่ยวแขนชายหนุ่มไว้ปล่อยออกโดยทันที

     

    “มาทางไหน กลับไปทางนั้น แล้วอย่ามาทำตัวไร้มารยาทกับพี่ฮยอกแจอีก”

     

    “พะ..พี่ทงเฮ”

     

    “กลับไป คิมอึนนา ก่อนที่ฉันจะตีเธอ”

     

    หมดความอดทนแล้ว เขาหมดความอดทนแล้วจริงๆ คิมอึนนามาที่บ้านพักตาอากาศนี่ได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงก็สร้างความวุ่นวายให้กับเขาได้ขนาดนี้  ซ้ำยังพาลไปทำร้ายความรู้สึกของคนที่เขาใส่ใจมากที่สุดตอนนี้ด้วยอีกต่างหาก ทงเฮมองด้วยสายตาแข็งกร้าว จนหญิงสาวที่ยืนน้ำตาคลอเมื่อครู่ถึงกับเข่าอ่อน อีทงเฮที่อ่อนโยนกับเธอเสมอ ตอนนี้กลับกลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่รู้จัก

     

    “ทะ..ทำไมกันคะพี่ทงเฮ”

     

    “เราเลิกกันแล้วคิมอึนนา ถ้าเธอจำได้ เธอเป็นคนพูดเอง”

     

    “ตะ...แต่ ตอนนั้นฉันพูดด้วยอารมณ์นี่คะ”

     

    ทงเฮหัวเราะเบาๆในลำคอ นัยน์ตาคมที่ยามปกติทอดมองใครบางคนนั้นอ่อนโยน แต่ตอนนี้กำลังมองหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยสายตาเฉยเมย

     

    “หึหึ  คิมอึนนา  เธอมันก็แค่ของในสต็อคที่ฉันเขี่ยทิ้งก็เท่านั้นเอง”

     

     

     

     

     

    ตุบ!!

     

    “ทงเฮ....”

     

     

    เสียงแผ่วเบาแต่ทว่ากลับดังชัดในโสตประสาททำให้ทงเฮหันกลับไปมอง แล้วความรู้สึกวาบในอกก็แล่นขึ้นมา เมื่อเห็นฮยอกแจ นั่งกองกับพื้น ข้างประตูไม้ที่จะเข้ามายังห้องโถง ใบหน้าหวานใสที่เคยอมชมพูกับขาวซีด ริมฝีปากสั่นระริก ดวงตาที่เคยทอประกายสดใสกับดูแห้งผากไร้เงาสะท้อนใดๆ ภาพทุกอย่างเร่งให้ทงเฮเข้ามาประคองร่างที่ทรุดลงอยู่กับพื้น ท่าทีที่ราวกับฮยอกแจเป็นแก้วบางนั้นทำให้อึนนาแผดเสียงลั่น

     

    “เพราะพี่! พี่ฮยอกแจ พี่ทำให้เราเลิกกัน!

     

    อึนนาโวยวายเสียงลั่น พุ่งตรงจะเข้าทำร้ายฮยอกแจ แต่ซองมินกับคิบอมที่อยู่ใกล้คว้าไว้ได้ทัน ทงเฮเองก็ดันฮยอกแจไปหลบหลังตัวเองไว้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ใครๆต่างก็หลงนักหลงหนาบัดนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ยิ่งรับรู้ว่าคนที่ตนจับข้อแขนไว้นั้นสั่นเทามากเพียงใด ก็ยิ่งอยากจะจับคิมอึนนาโยนออกไปเดี๋ยวนี้

     

    “ออกไปซะคิมอึนนา”

     

    “ ทำไมคะ พี่อย่าบอกนะ ว่าพี่รักมัน รักอีฮยอกแจคนนั้น!

     

    ทงเฮชะงัก ไปชั่วครู่ พร้อมๆกับฮยอกแจที่มองคนตรงหน้าจากด้านหลัง ใบหน้าที่เคยเต็มใบด้วยความสดใสบัดนี้กลับขาวซีด  มือที่ขยำเสื้อของทงเฮเริ่มคลายออก เมื่อทงเฮยังคงนิ่ง  ทงเฮเองก็มัวแต่ตะลึงไม่รู้จะตอบอะไรถึงได้ปล่อยแขนเล็กที่ตนเองจับไว้แน่นเมื่อครู่ แต่นั่นก็เพียงพอให้ฮยอกแจเลื่อนมือออก พร้อมๆกับขยับถอยห่าง เพียงเท่านั้น ทงเฮที่กำลังอึ้งก็หันกลับมา เมื่อรู้สึกว่าสัมผัสสั่นเทาที่เขาอยากปกป้องเมื่อครู่หายไป

     

    “พี่ครับ....”

     

    ไม่ว่าเมื่อไรฮยอกแจก็ยังคงมีรอยยิ้มให้กับเขาเสมอ  ทงเฮคิดแบบนั้น จนกระทั่งวินาทีนี้ มันก็ยังเหมือนเดิม ฮยอกแจยังคงเป็นเหมือนวันแรกที่รู้จักกัน  แต่ทว่านัยน์ตาใสที่ทงเฮเคยเห็นมันสะท้อนออกมาว่ามีเขาอยู่ในนั้น กลับจางหาย แววตาฮยอกแจในตอนนี้ไม่มีอะไรสะท้อนออกมาเลย ทงเฮทำท่าจะขยับเข้าไปใกล้ แต่ฮยอกแจกลับส่ายหน้าพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้อีกเช่นเคย  ยิ้มที่ทงเฮไม่นึกชอบใจมันสักนิด

     

    “ฉัน....ไม่รู้เรื่องระหว่างเธอกับทงเฮหรอก  แต่ที่รู้แน่ๆ...ฉันไม่ใช่คนที่ทงเฮรัก จนกลายเป็นมือที่สามของเรื่องระหว่างพวกเธอหรอกนะ”

     

     

    “ฮยอกแจ....”

     

    ทงเฮเรียกเสียงแผ่ว มองใบหน้าหวานที่ยอมรับจริงๆว่าหลงไปแล้วทั้งใจ  ไหล่ลาดเขาชอบแอบอิงกำลังสั่นอย่างชัดเจน ทว่าพอทงเฮขยับเข้าไปใกล้ กลับเป็นฮยอกแจเองที่ถอยห่างออกไปเสียหลายก้าว จนคนมองได้แต่มองด้วยความไม่เข้าใจ

     

    “ฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะ เหมือนจะไม่สบาย”

     

    “เดี๋ยวผมไปส่งที่ห้อง”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก  นายพาอึนนาขึ้นไปคุยกันบนห้องดีกว่า คุยกันดีๆนะ  ฉัน..จะไปนอนห้องซีวอนแล้วกัน”

     

    ไม่รอให้ใครคัดค้าน ฮยอกแจก็หมุนตัวออกไปทันที ทงเฮได้แต่มองตามแผ่นหลังที่ครั้งนึงเขาเคยคิดว่ามันช่างอ่อนแอ บอบบางเสียเหลือเกิน แต่วันนี้ทงเฮรู้แล้วว่าฮยอกแจเป็นเพียงคนอ่อนโยนเท่านั้น ไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด แผ่นหลังเล็กยังคงตั้งตรง และห่างออกไปช้า ๆ ทงเฮกำหมัดแน่น เมื่อทันเห็นว่าฮยอกแจยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง 

     

    “กลับไปซะคิมอึนนา”

     

    “ฉันไม่กลับ  พี่จะมาไล่ฉันกลับแบบนี้ไม่ได้”

     

    “กลับไปคิมอึนนา กลับไปก่อนที่ฉันจะตีเธอ”

     

    ทงเฮพูดเสียงเย็น ทั้งยังไม่หันกลับมามองซักนิด ซองมินที่เห็นเพื่อนยืนกำหมัดจนตัวสั่น ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปแตะแขนไว้ ทงเฮหันกลับมามองเล็กน้อย ซองมินเองก็พยักหน้าไปทางชั้นสองของบ้าน แล้วก็ตบไหล่เบาๆอีกสองที  ทงเฮยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้อย่างขอบคุณ แล้วเดินปลีกตัวออกไปทันที

     

    “พี่ทงเฮ!

     

    “พอเถอะอึนนา”  เป็นซีวอนที่ปรามเสียงอ่อน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอึนนาเสียใจ แต่ทว่าเขาก็รู้จักเพื่อนตัวเองดีเช่นกัน ลองทงเฮออกไปขนาดนั้นแสดงว่าเจ้าตัวคงพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ตีอึนนาอยู่ไม่ใช่น้อย  คิบอมปล่อยแขนที่ยื้ออึนนาไว้ แล้วหญิงสาวก็ทรุดลงนั่งกับพื้นทันที ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา มองไปยังเบื้องหน้าที่ทงเฮรีบก้าวขึ้นบันไดเพื่อไปหาใครอีกคน ทุกคนได้แต่มองภาพนี้ด้วยความสงสารจับใจ 

     

    “เดี๋ยวฉันจะให้แม่บ้านเก็บของให้  เธอกลับไปก่อนเถอะนะ”

     

    “ทำไมคะ พี่จะให้ผู้ชายคนนั้นมาแย่งพี่ทงเฮไปจากฉันหรอ”

     

    “อึนนา  ผู้ชายคนที่เธอพูดถึงน่ะ เขาไม่เคยแย่งพี่ทงเฮไปจากเธอเลยสักครั้ง คนที่เข้าหาก่อน คือทงเฮต่างหาก”

     

    “..............”

     

    “ยอมแพ้เถอะอึนนา  เรื่องของเธอกับทงเฮมันจบไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว”

     

    คิบอมพูดออกมาแค่นั้น ก่อนจะหันไปเรียกให้แม่บ้านมาพาอึนนาไปเก็นของ ก่อนจะให้เตรียมรถไปส่งให้ถึงบ้านตระกูลคิม ครั้งนี้อึนนาก็ยอมแต่โดยดี ที่จริงเธอรู้ตั้งแต่มาถึงเมื่อวานแล้วด้วยซ้ำไป แต่ก็ยังอยากที่จะพยายามรั้งทงเฮไว้กับเธออีกสักครั้งเท่านั้นเอง......

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากหันหลังออกมาฮยอกแจก็พยายามอย่างมากที่จะให้ทุกย่างก้าวของตัวเองมั่นคง จนเมื่อถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง ฮยอกแจก็ทรุดตัวลงนั่งพร้อมๆกับน้ำตาที่กลั้นมานานค่อยๆไหลลงมา เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะร้องไห้ไปทำไม ร้องไปเพื่ออะไร ทงเฮไม่ได้เป็นคนพูดประโยคนั้นกับเขาสักนิด  แต่เบื้องลึกของจิตใจกลับบอกฮยอกแจมาว่า สักวัน เขาจะไปอยู่แทนที่คิมอึนนา และนั่งมองทงเฮหันหลังไปใส่ใจใครอีกคน  ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล ฮยอกแจพิงศีรษะเข้ากับกำแพงด้านข้างกัดปากแน่นเสียจนริมฝีปากแทบช้ำ  ภาพที่ทำให้คนที่ก้าวตามมารู้สึกวูบโหวงในช่องอก ยิ่งเห็นว่าฮยอกแจนั่งกลั้นสะอื้นเสียจนตัวสั่น ก็ยิ่งอยากจะเข้าไปโอบกอดปลอบโยนไม่ให้มีน้ำตา  

     

     

    แรงรั้งเล็กน้อย ทำให้ร่างเล็กหันไปมองและก่อนที่จะรู้ตัวความอบอุ่นที่ตนคุ้นเคยก็เข้ามา ฮยอกแจนิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะระบายยิ้มอ่อน จำได้ดีแม้ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าของแขนที่โอบรอบไหล่เขาไว้  มือที่รั้งให้ศีรษะเขาชิดอก ลูบผมอย่างปลอบประโลม ความอ่อนโยนที่ได้รับมาตลอดเวลาที่รู้จักกัน ทำให้ฮยอกแจยอมที่หลับตาลงปล่อยน้ำตาให้มันไหลอยู่อย่างนั้น  

     

    ทงเฮประทับจูบลงบนกระหม่อมบาง  สูดดมกลิ่นหอมที่ผมนุ่ม และยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ลูบไล้ตรงตำแหน่งหัวใจ ยิ่งกอดแน่นเท่าไร ทงเฮก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงน้ำใสๆ ที่ซึมผ่านเสื้อของตัวเอง  อยากจะเอ่ยคำพูดออกมาปลอบประโลมแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรให้ฮยอกแจสบายใจ จึงได้แต่ใช้อ้อมแขนโอบรัดร่างเล็กไว้ให้รู้ว่าอีทงเฮยังคงอยู่ตรงนี้

     

    “ฉันเชื่อที่หัวใจทงเฮบอกฉันได้ใช่มั๊ย....”

     

    น้ำเสียงอ่อนแรงทำให้ทงเฮยิ่งกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้น คราวนี้เขาจะไม่ลังเลอีกแล้ว ไม่เลยสักนิด เขารู้ตัวทันทีที่ฮยอกแจหันหลังแล้วก้าวจากเขามาเมื่อครู่

     

     

     

     

    “ผมรักพี่  รักนะครับ  รักพี่นะ  ฮยองตัวเล็ก” 





    TALK ::   ครบแล้วววววว  อยากจะบอกว่าปาดเหงื่อมาก รีบมาปั่นให้เลย เพราะเดี๋ยวเขาจะสอบบไฟนอลแล่วว กว่าจะเสร็จก็วันที่ยีสิบนู้นนนล่ะค่ะ  เห็นมั๊ยคะว่าคุณผู้หญิงของบ้านทำยังไง แค่หันหลังแล้วจากมา คุณผู้ชายก็ชัดเจนในความรู้สึกตัวเองทันทีจนกล้าพูดออกไปเลย  กระซิบอีกนิดนะคะ ว่ามานอกสถานที่เจอแคค่คนเดียว แต่พอกลับไปร่ำเรียนที่มหาลัยล่ะก็ ศึกหนักค่ะ มาดูกันนะว่าคุณผู้หญิงเค้าจะทำยังไง

     อีกไม่นานก็ใกล้จะปิดตำราเรื่องนี้แล้ววว  แอบใจหายเบาๆ  แต่เรื่องนี้เราตั้งใจแต่งมากเลยนะคะ พาร์ทสองนี่ดูมึนๆ ไปนิดๆ เพราะลูกครึ่งมึนมากใกล้สอบ อ่านหนังสือกันหัวฟูเลยจริงๆ สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านและติชมผลงานนะเจ้าคะ ไปแล้ววว ถ้าช่วงเว้นสอบ แอบแว้บมาได้จะแว้บมาน้าาา 





    ลูกครึ่งแร๊พแด๊นซ์ น้อมเคารพ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×