ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF HAEEUN'S STORY

    ลำดับตอนที่ #16 : LOVE STORY :: HAND IN HAND

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 424
      7
      16 มิ.ย. 56

     


    Hand in hand

     

    ปล. ทุกอย่างรอบตัวมันไม่ธรรมดา เพราะคนที่จับมือกันคือคนพิเศษ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    โรงอาหารตอนพักเที่ยงนี่มันน่าระเบิดทิ้งไปจริงๆ

    ซ้ายก็คน ขวาก็คน ข้างหน้าก็คน ไม่รู้ว่าคนจะเยอะแยะไปไหน ทงเฮหยุดชะงักกึกทันทีทั้งที่ยังไม่ทันแตะบันไดทางเข้าจนคนที่เดินตามต้อยๆมาข้างหลังไม่ทันได้ดูกระแทกเข้ากับแผ่นหลังกว้างเข้าอย่างจัง คิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นอยู่แล้วยิ่งขมวดแน่นเข้าไปอีก ใบหน้าหล่อหันกลับไปมองคนที่เดิมตามมา นัยน์ตาคมสบเข้ากับแววตาใสที่ฉายแววงุนงง แล้วมันหมั่นไส้จนอดใจไม่ไหว

     

     

     

     

     

    โป๊ก!

     

     

     

     

     

    “โอ๊ยย ทงเฮ!” เสียงใสแว่วดังมาพร้อมกับมือเล็กที่ตีเข้าที่แขน ทงเฮหัวเราะชอบใจเล็กน้อยที่เห็นอีกคนหน้ายุ่ง ฮยอกแจยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ แถมค้อนกลับให้คนตรงหน้า

     

    “เลิกเล่นเกมแล้วก็เดินดีๆ”

     

    พูดเนือยๆตามสไตล์ หันกลับไปข้างหน้าแล้วก็ชั่งใจว่าจะเอายังไง ฮยอกแจชะโงกหน้าให้พ้นแผ่นหลังกว้างที่บังตัวเองไว้ แล้วก็ทำหน้างงๆ หันมองทงเฮที่ขมวดคิ้วอยู่ ก็ได้แต่ขมวดคิ้วตาม  จนคนที่มาใหม่เห็นเข้าก็ได้แต่สงสัย

     

     

    “นี่ยืนทำหน้าเลียนแบบกันทำไมเนี่ย”

     

     

    เฮนรี่ที่เดินนำหน้าอยู่หันกลับมา ก็ร้องทักขึ้น พอทงเฮกับฮยอกแจหันหน้ามามองพร้อมกัน ก็เผลอขมวดคิ้วตามเข้าไปอีก

     

    “อะไรของมึงทงเฮ ทำหน้าหงิกทำไม”

     

    “คนเยอะ”

     

    “แล้วฮยอกแจล่ะ ไปทำหน้าหงิกทำไม?”

     

    “ฉันทำเป็นเพื่อนทงเฮอ้ะ”

     

    โอเคเฮนรี่ขอบายไม่เข้าใจตรรกะฮยอกแจเท่าไร พอหันไปมองหน้าทงเฮอย่างขอความเห็น ก็เจอทงเฮทำหน้าตาเหม็นเบื่ออีก เอาเถอะ ปล่อยพวกมันไป เขาเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรมากมายนักหรอก หมุนตัวหันหลังกลับเดินขึ้นไปยังชั้นสองของโรงอาหาร ทิ้งสองคนที่ยืนหน้ายุ่งไว้ตรงทางเข้า

     

    “ทงเฮหิวแล้ว”

     

    “....”

     

    “ทงเฮ หิว”

     

    “....”

     

    “หิว หิว”

     

    “แต่คนเยอะ?”

     

    “หิวข้าว หิวข้าว หิวข้าว”

     

    = = ทำไมต้องยอมไอ้ท่าทางแบบนี้ทุกทีเลย!!

     

     

     

     

     

     

    สงครามบนโต๊ะอาหารมันเป็นเรื่องปกติ

    เสียงโหวกเหวกโวยวายถือเป็นเรื่องปกติมากของโรงอาหาร ยามที่นักศึกษาพักเที่ยงเช่นนี้ โต๊ะของกลุ่มทงเฮก็เช่นกัน  วางจานข้าวลงกับโต๊ะยังไม่ทันจะได้นั่ง ตะเกียบลึกลับก็บินมาหมายจะคีบเนื้อในจาน แต่ก็โดนสกัดดาวรุ่งไปเสียก่อน

     

    “เชี่ย ใครวะ”

     

    เฮนรี่บ่นอุบอิบ พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นฮยอกแจวางจานข้าวลงข้างๆทงเฮ ในมือถือตะเกียบที่เป็นอาวุธทำร้ายร่างกายเฮนรี่เมื่อครู่เอาไว้

     

    “เดี๋ยวนี้กล้าตีฉันแล้วหรอฮยอกแจ”

     

    “ก็เฮนรี่จะแย่งของทงเฮอ่ะ”

     

    “โหหหหห เดี๋ยวนี้มีปกป้องกันด้วยเว้ย”

     

    “เปล่า เฮนรี่แย่งอันนั้นไปแล้ว ฮยอกแจจะแย่งอะไรล่ะ”

     

    คยูฮยอนขำพรืดออกมา จะว่าตลกมันก็ตลก แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่านี่เป็นเรื่องปกติของสองคนนี้เขาล่ะ นั่นไง ยังไม่ทันขาดคำ ฮยอกแจนั่งลงกินข้าวคำแรกปุ๊บ ตะเกียบทงเฮก็พุ่งเข้าแย่งข้าวฮยอกแจปั๊บ!

     

    “ทงเฮ!

     

    “กินข้าว”

     

    หน้างอบ่นงุ้งงิ้งไปด้วย ตักข้าวเข้าปากไปด้วย ทงเฮก็หมั่นแย่งข้าวจากจานฮยอกแจไปเรื่อยๆ คยูฮยอนกับเฮนรี่ที่มองอยู่ก็ได้แต่ทำหน้างงๆ

     

    “โหหห ฮยอกแจได้กินบ้างมั๊ยเนี่ย ได้ทงเฮแย่งตลอด”

     

    กำลังจะอ้าปากตอบ แต่ทงเฮเอาตะเกียบในมือตัวเองเข้าปากฮยอกแจไว้เสียก่อน ฮยอกแจก็เผลองับเข้าไปทำให้พูดไม่ได้ ส่วนตัวเองก็หันมาถลึงตาใส่เพื่อน แล้วก็ดึงตะเกียบออกจากปากฮยอกแจมากินข้าวต่อไปเงียบ ๆ จนตัวเองอิ่ม หันมองก็เห็นฮยอกแจรวบช้อนเลยถามขึ้นมา

     

    “ขนมมั๊ย?” เอ่ยถาม ฮยอกแจทำหน้าคิดอยู่สักพักก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ ทงเฮเองก็ไม่ได้คาดคั้นพยักหน้ารับอะไร

     

    “งั้นรอนี้ เดี๋ยวไปซื้อน้ำ”

     

    ทงเฮพูดแค่นั้นแล้วก็ลุกไปเลย ฮยอกแจเองก็หยิบมือถือมาเล่นระหว่างรอทงเฮเดินไปซื้อน้ำ เฮนรี่ที่นั่งมองอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย หันมาจะขอความเห็นจากคยูฮยอน คยูฮยอนก็ไหวไหล่น้อยๆ พลางบอกว่าเรื่องนี้ไม่ขอพูด เห็นทีถ้าอยากรู้คงต้องถามเอาจากฮยอกแจ

     

    “ฮยอกแจ  เป็นแฟนกับทงเฮยั้งอ่ะ?”

     

    “หืออออ??”

     

    “ฮยอกแจเป็นแฟนกับไอ้ทงเฮมันหรือยัง”

     

    เฮนรี่เห็นฮยอกแจขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งเหยิง ก็เผลอทำตาม วันนี้เห็นหน้าแบบนี้จนอดทำตามไม่ได้ แล้วก็ต้องถามตัวเองว่าคำถามที่ถามนี่มันยากเกินไปหรือยังไง ทำไมฮยอกแจทำหน้ายุ่งแบบนั้น คยูฮยอนที่มองอยู่ก็ได้แต่ขำ เฮนรี่เลือกถามผิดคนไปแล้วจริงๆ ฮยอกแจไม่มีทางตอบได้หรอกเพราะตัวเขาเคยถามมาแล้ว คำตอบที่ได้น่ะหรอ..

     

    “ไม่รู้อ่ะ ฉันมีความสุข ทงเฮก็มีความสุข ฉันเลยไม่ได้ถามอ่ะ”

     

    ก็สมล่ะนะที่เป็นคำตอบของฮยอกแจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เป็นอะไร  ทำไมหน้ายุ่ง”

     

    “ดีดเหม่งอีกแล้วนะทงเฮ!

     

    เลิกเรียนแล้วก็เดินกลับหอด้วยกัน มันกลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว ทงเฮสังเกตมาตั้งแต่เที่ยงแล้วว่าฮยอกแจดูเงียบๆผิดปกติ ไม่งอแงตอนนั่งรอ ไม่ร้องขอกินขนม โอเคว่าฮยอกแจไม่ใช่เด็กสามขวบ แต่ว่าฮยอกแจเป็นเด็กแปดขวบต่างหาก

     

    “คิดอะไรอยู่”

     

    “..........”

     

    “ฉันถามเรื่องที่คิด ไม่ใช่ให้ฮยอกแจคิดเรื่องโกหก”

     

    เอ่ยทักอย่างรู้ทัน ทำให้ฮยอกแจหน้ามุ่ยมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก ท่าทางที่ดูแล้วว่าคิดมากอยู่ไม่น้อยทำให้คนที่ตอนแรกเดินนำหน้า ต้องหันกลับมาหา จูงมืออีกคนไปยังสวนสาธารณะใกล้ๆกับหอพัก จับฮยอกแจนั่งลงบนม้านั่งก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนส้นเท้าหันหน้าเข้าหา

     

    “เป็นอะไรหืมฮยอกแจ”

     

    “ก็..ก็เฮนรี่ถาม”

     

    ทงเฮขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย นึกถึงหน้าไอ้ตี๋เพื่อนรักที่ดูท่าแล้วคงถามคำถามที่ยุ่งยากต่อกระบวนการคิดของฮยอกแจแน่ๆ ถึงได้ทำให้คนที่ไม่ค่อยคิดมากหน้ายุ่งคิ้วผูกโบว์แบบนี้

     

    “เฮนรี่ถามว่าอะไร?”

     

    “ก็ถาม ว่าฉันกับทงเฮเป็นแฟนกันหรือยัง”

     

    “หืมม..แล้วทำไม?”

     

    “ก็ฉันตอบไม่ได้”

     

    “โธ่ เด็กบื้อ” ทงเฮยิ้มละมุน ยกมือขึ้นยีหัวคนที่นั่งก้มหน้าก้มตา มืออีกข้างที่กอบกุมกันอยู่บีบกระชับเบาๆ ให้ฮยอกแจรู้สึกอุ่นใจ ทงเฮรู้ดีว่าสถานะความสัมพันธ์ของเขาสองคนมันไม่ได้ชัดเจน แต่ที่เป็นทุกวันนี้เรียกได้ว่ามีความสุขมาก มากจนทงเฮไม่อยากให้ฮยอกแจไปอยู่ไกลหูไกลตา ฮยอกแจเองก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ส่งยิ้มให้กันอยู่ ก็รู้ว่าทงเฮเข้าใจว่าเขาคิดมากเรื่องอะไร ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกส่งคืนให้ ทงเฮวางมืออีกข้างลงที่เดิม รอยยิ้มยังคงไม่จางหาย

     

    “ตอนนี้..ฮยอกแจรู้สึกว่าฉันเป็นอะไร”

     

    “ก็เป็นทงเฮ”

     

    “อย่างอื่นล่ะ นอกจากทงเฮของฮยอกแจแล้ว ฉันเป็นอะไรอีก”

     

    “ก็เป็น...รอยยิ้มของฮยอกแจ”

     

    ทงเฮยิ้มออกมากับคำตอบแบบนั้น ฮยอกแจซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเสมอ เพราะฉะนั้นระหว่างพวกเขาถึงไม่ต้องมีคำบอกรัก ไม่ต้องมีสถานะว่าแฟน ทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

     

    “คราวหลัง...เวลาใครถาม ฮยอกแจก็ตอบไปแบบที่ตอบฉันนะ”

     

    “อื้ออออ”

     

    “ป่ะ กลับหอได้แล้ว”

     

    เมื่อเห็นอีกคนกลับมายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม ทงเฮก็ลุกยืนขึ้น หันหลังเตรียมจะก้าวเดิม แต่ก็รู้สึกว่าคนที่นั่งอยู่ยังไม่ขยับ รอยยิ้มยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากแม้ในกระทั่งเวลาที่หันมา ฮยอกแจเงยหน้ามองมาอยู่แล้ว ทงเฮยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดพลางส่งมือยื่นไปหา ฮยอกแจเห็นแบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา ส่งมือไปวางไว้บนมือหนานั้นเช่นกัน รอยยิ้มยังคงมีประดับอยู่บนใบหน้าของทั้งสองคน

     

    “ป่ะ..กลับห้องเรากัน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    5555555555555+ ถามว่าสาระอยู่ตรงไหน? 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×