ณ ร้านอาหารที่ในอนาคตมันจะเป็นของฉันถ้ามันไม่ล่มไปซะก่อนน่ะนะ ฉันเลือกที่จะนั่งอยาในมุมหนึ่งของร้าน ข้างหลังเป็นห้องคิดเงิน ข้างหน้ามีโต๊ะที่มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งนั่งอยู่รวมทั้งทางซ้ายมือนั่นด้วย ซ้ายมือถัดออกไปอีกเป็นประตูร้าน และทางขวามือเยื้องไปข้างหน้าเป็นประตูไปครัว แน่นอนมันไม่ใช่มุมที่ดีนัก แต่ฉันก็เลือกมากไม่ได้หรอกก็ฉันไม่ใช่ลูกค้านินะ
อันที่จริงฉันก็ไม่อยากมาที่นี่นัก ที่มาก็เพราะโดนบังคับน่ะ ปกติฉันก็อยู่บ้านคนเดียวบ่อยจนชิน และชินจนไม่กล้าจะออกจากบ้านอยู่แล้วล่ะนะ เรื่องนั้นช่างเถอะที่ฉันเล่ามาถึงตรงนี้ก็เพราะฉันมาก็ไม่มีอะไรจะทำนั่นแหละ “ช่วยงานที่ร้าน?” ฝันเถอะ ฉันไม่ใช่เด็กดีมาจิตสาธารณะเหมือนตอนประถมแล้วล่ะ แถมเอาโน็ตบุ๊คมากลับใช้เน็ตไม่ได้เพราะWIFIที่ร้านดันมีปัญหาอีก ก็เลยต้องมาเขียนอะไรระบายให้หายเบื่อแทน
ฉันนั่งอยู่ลำพังท่ามกลางความวุ่นวาย ฉันได้ยินเสียงต่างๆมากมายที่บางครั้งฉันเองก็ไม่เข้าใจ ฉันมองเห็นผู้คนแสดงกริยาที่แตกต่างกันออกไป บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจพวกเขาเช่นกัน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉันก็คิดขึ้นมาอีกว่า บางทีทุกสิ่งที่ฉันได้ยิน ได้เห็นและไม่เข้าใจมัน เพียงแค่เพราะตัวฉันที่ไม่พยายามเข้าใจมันต่างหาก อาจเป็นเพราะโลกใบนี้ช่างวุ่นวายจนเกินไปจนบางครั้งฉันก็ไม่อยากรับรับรู้ถึงพวกมันก็เป็นได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉันจึงลองเพ่งสมาธิมากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจกับคำพูดทุกคำพูด ประโยคทุกประโยคที่ผู้เคนต่างเปล่งเสียงออกมา มันก็ยังคนยากเกินที่จะเข้าใจสำหรับฉันในตอนนี้ ฉันยังคงนั่งอยู่ที่นั่น และพยายามเพ่งสมาธิไปที่คนทีละคนแทน
แม่ของฉัน เธอเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ เธอมักจะมาที่ร้านนี้ในเวลาสิบเอ็ดโมงโดยประมานเพื่อเปิดร้านเมื่อเหล่าพนักงานได้เตรียมของพร้อมแล้ว แน่นอน บางวันพนักงานของพวกเราก็ไม่ขยันขนาดนั้น อันที่จริงแต่ละคนออกจะขี้เกียจด้วยซ้ำไป นั่นเป็นสาเหตุที่หลายๆครั้งพ่อและแม่ของฉันมักจะโมโหเมื่อมาถึงร้านและกลับไปที่บ้าน อา แต่นี่ฉันไม่ได้จะมาเล่าประวัติของแม่ฉันให้พวกคุณฟังนี่นะ
ในเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งลูกค้าจะเริ่มโทรสั่งอาหารและเริ่มเข้าร้าน ผ่านไปจนเวลาเที่ยงครึ่งคนก็จะเยอะจนเต็มร้านชั้นแรกและเหล่าพนักงานจะยุ่งกันจนหัวปั่น รวมทั้งแม่ของฉันด้วย เริ่มแรกแม่ของฉันมักจะนำรายการอาหารที่ลูกค้าโทรสั่งเข้ามาคีย์ใส่คอมเพื่อทำรายการอาหารที่ลูกค้าสั่งไปให้ในครัว จากนั้นก็เอาอาหารไปเสิร์ฟ แต่เมื่อพอคนเยอะเข้า แม่ก็มักจะประจำที่ที่ห้องคิดเงิน และคอยคีย์รายการอาหารรวมทั้งทำบิลให้ลูกค้า
โอ๊ะ เมื่อกี๊ฉันเพิ่งจะโดนไล่ให้มานั่งในห้องคิดเงินกับแม่เพราะที่ไม่พอให้ลูกค้านั่ง อ๊ะอ่ะ อย่าคิดว่าคนเยอะมันจะดีเสมอไปนะคุณ เพราะยิ่งคนเยอะมาเท่าไหร่ก็ยิ่งวุ่นวายมากเท่านั้น นอกจากจะเหนื่อยขึ้นแล้ว ยังมักเกิดข้อผิดพลาดหลายอย่างในการทำงาน เช่น เสิร์ฟผิด อาหารมาช้า ลืมทำ และอีกหลายอย่าง อย่าคิดว่านี่เป็นแค่ปัญหาเล็กๆนะ เพราะแค่ปัญหาเล็กๆนี่แหละที่จะทำให้แต่ละคนอารมณ์ขุ่นมัว โดยเฉพาะสำหรับลูกค้าของเรา คุณอาจเสียลูกค้าคนสำคัญไปจากปัญหาพวกนี้นี่แหละ
ที่ๆฉันนั่งตอนนี้กลายเป็นหันหลังให้ทุกคน สรรพเสียงดูจะเบาลง แต่ก็เพียงเล็กน้อย ที่ตรงนี้เสียงที่ชัดเจนที่สุดก็คงเป็นเสียงเครื่องคิดเงินน่ะนะ
เฮ้อ นอกเรื่องอีกแล้ว อันที่จริงตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะเขียนอะไรเอาสะเลยและมันมักจะออกมาห่วยแตกเสมอ ที่พวกคุณอ่านมาถึงตรงนี้ได้เนี่ยฉันขอแสงความนับถือรวมทั้งขอบคุณที่มาอ่านผลงานแย่ๆนี้ด้วยค่ะ
กลับมาที่เดิม หลังจากฉันถูกย้ายมานั่งที่ห้องคิดเงิน แม่มักจะหันมาบอกให้ฉันเอาบิลไปให้ลูกค้าโต๊ะนั่นนี่ หรืออกไปเสิร์ฟ บางทีฉันก็ไปบ้างไม่ไปบ้างนั่นแหละ อย่างที่บอกฉันไม่ใช่เด็กดีนัด แม่มักจะบ่นให้ฉันฟังว่าถ้าลูกๆหลานๆเหล่าพนักงานของเรามาที่ร้านก็จะช่วยงานร้านเราทั้งนั้น รวมทั้งน้องชายฉันด้วยน่ะนะ สิ่งที่ฉันทำก็คือนั่งเงียบเอาไว้ และลืมๆมันเพื่อให้เวลาผ่านไปไวๆสะ ช่างเป็นเด็กที่ไม่ได้เรื่องเอาสะเลย
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงครึ่งคนลดลงมาเยอะจนแทบจะมีอยู่เพียงสามสี่โต๊ะ แม่ฉันเริ่มสับสนระหว่างบิลของโต๊ะหนึ่งกับอีกโต๊ะหนึ่ง หรือรายการอาหารสลับกัน จนต้องเคลียร์นิดหน่อย แต่ก็ผ่านมาได้ บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายเมื่อคนลดลง พี่หมูพี่ผู้จัดการร้านทักแม่ฉันเรื่องรายการอาหารที่ถูกแก้ไข เกิดการถกเถียงกันเล็กน้อยและแม่ฉันสับสนหนัก พี่หมูชี้แจงอะไรเล็กน้อยและแม่ฉันเห็นด้วยกับมัน พวกเขาแก้ไขปัญหาบางอย่างจากนั้นแม่ฉันก็พูดด้วยความโล่งใจปนขบขัน เรื่องที่เวลาเธอกำลังคิดเรื่องหนึ่งๆแต่พอมีคนมาแทรกเธอจะลืมมันไปทันที ก็เลยต้องมาทวนรายการอาหารที่โต๊ะหนึ่งสั่งใหม่ ฮ่ะๆ วุ่นวายจริงๆ
เสียงของแม่ฉันทุกประโยคชัดเจนอยู่ในหัว ท่ามกลางเสียงวุ่นวายอย่างเสียงสั่งอาหาร เสียงเรียกพนักงานอะไรพวกนั้น ฉันแทบไม่ต้องจินตนาการมากถึงท่าทางที่เธอจะแสดงออกเวลาเธอพูดถึงเรื่องบางเรื่องในขณะที่ฉันยังคงนั่งหันหลังให้เธอ เธอมักจะขมวดคิ้วและกดเสียงลงให้เยาเวลาทวนรายการอาหารคนเดียว เธอจะเสียงดังขึ้นเมื่อเธอสับสนและหาทางแก้ปัญหา เสียงเธอจะสดใสและกลั้วหัวเราะเวลาคุยกับพนักงาน เรื่องลูกค้าบางกลุ่มที่ทำเงินให้เธอได้มากในวันนั้น
บ่ายสองโมง...ฉันเริ่มหิวสะแล้วแหะ งั้นวันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ในบางทีฉันอาจได้มาเขียนเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกครั้ง แต่ไม่แน่ ฉันอาจลบเรื่องนี้ทิ้งและไม่เขียนถึงมันอีกเลย
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ฉันเคยคิดว่าจะลองแต่งเรื่องยาวสักครั้งในชีวิต แต่ตอนนี้คงต้องเริ่มที่เรื่องสั้นก่อนน่ะนะ
...คุณคิดว่าฉันจะทำได้มั้ยนะ?
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น