คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Trust is weakness?
Chaptor 4
Trust is weakness?
คินทร์ยังคงอยู่ในระบบเครือข่าย แต่เขาก็ได้รับข้อความแล้ว ผ่านทางระบบของโทรศพท์มือถือที่จะฟอร์เวิร์ดส่งมายังระบบของเขา ทันทีที่ข้อความเข้ามา เขาก็ไม่รู้ว่าซายน์จะมาถึงเมื่อไหร่ รีบทำงานดีกว่า คินทร์นั่นท่องไปตามโลกของระบบเครือข่ายอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าต้องไปยังที่ใด เขาต้องไปยังเมนเฟรมของสถาบันวิจัยดาร์วิน เพื่อนำข้อมูลการวิจัยล่าสุดออกมา ทันทีทีกายทิพย์ของเขาหยุดอยู่ที่หนาประตูทางเข้าสู่เมนเฟรม ไฟก็ลุกท่วมกำแพงขึ้นมา เพื่ป้งกันไม่ให้มีอะไรผ่านเข้าไปได้ แต่ไม่ใช่สำหรับแฮกเกอร์ชั้นเซียนอย่างเขา กะอีแค่ไฟร์วอลล์เวอร์ชั่นเก่าๆ แบบนี้จะขวางเขาได้รึ ไม่มีทาง เขาปรับเปลี่ยนกายทิพย์ของตนเองให้ลุกไหม้ขึ้นเหมือนกับเปลวไฟ และทะลุผ่านกำแพงไฟเข้าไปยังส่วนในของระบบอย่างรวดเร็ว หลักการมันง่ายมาก เขาก็แค่ทำตัวเองให้เหมือนกับกำแพ
ไฟรุ่นนี้ กำแพงที่ไหนมันจะไหม้ตัวมันเอง ไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย แต่ระบบป้องกันขั้นต่อไปเป็นระบบที่น่ารำคาญ อีกระบบหนึ่งคือการตรวจสอบด้วยเสียงจากผู้ดูแลระบบ คินทร์เรียกเอาหน้าจอโปรแกรมพิเศษขึ้นมาลอยสว่างอยู่ตรงหน้าของกายทิพย์ แล้วมองหาข้อมูลสักพัก จนรู้ว่าเบอร์โทรศัพท์ที่พักของผู้ดูแลระบบของสถาบันวิจัยคือเบอร์อะไร เขาใช้โปรแกรมโทรศัพท์เสมือนจริงกดเบอร์ติดต่อไปยังผู้ดูแลระบบของสถาบันวิจัยแห่งนี้ เขาเชื่มต่อระบบโทรสับเข้ากับกายทิพย์ของเขาเพือกำหนดจิตให้เกิดเสียงพูด
“ฮัลโหล” เสียบเป้ามายตอบกลับมา “ คุณ วรวุฒิ รึปล่าวคับ ผมโทรจากการไฟฟ้านครหลงนะครับ ไม่ทราบว่าคุณได้ชำระค่าบริการของยอดเดือนที่แล้วหรือยังคับ ทางเรายังไม่ได้รับข้อมูลเลย” นาคินทร์โมเมด้วยสไตล์ที่คุ้นเคยที่สุด “ ผมว่าผมจ่ายไปแล้วนะ เด๋วผมไปหาบิลม่าอนสักครู่นะคับ “ พูดเยอะๆกว่านี้อีกนิดสิ คินทร์คิด ทุกคำพูดของเป้าหมายถูกบันทึกไว้ด้วยโปรแกรมพิเศษแล้ว คินทร์ตัดสายทิ้งเมื่อโปรแกรมฟ้องขึ้นมาว่า การวิเคราะห์เสียงเสร็จสิ้น โปรแกรมได้แปลงเสียงของเป้าหมายให้เป็นรูปร่างคล้ายกับแถบกระดาษยาวๆที่คินทร์ใช้กายทิพย์หยิบจับได้ คินทร์ฉีก แถบข้อมูลหลายน้นเป็นท่อนๆแล้วเรียงต่อกันใหม่ เขากำลังดัดต่อถ้อยคำของผู้ดูแลระบบให้เป็นประโยคที่ระบบรักษาความปลอดภัยต้องการ คินทร์เสียบแถบข้อมูลเข้าไปยังช่องเสียบข้อมูลของระบบรักษาความปลอดภัย ในชั่วอึดใจเดียว ระบบความปลอดภัยของเมนเฟรมก็ถูกหลอกตุ๋น แล้วทำการ ส่งกายทิพย์ของคินทร์เข้าไปด้านในสุดของระบบ คินทร์ถูกระบบเหวี่ยงมายังเครื่งคอมพิวเตอร์ย่ยในระบบเครือข่ายของสถาบันวิจัยที่อยู่ในห้องเดียวกับเมนเฟรม กายทิพย์ของคินทร์เดินออกมาจากคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าว แล้วเดินตรงไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมที่ตั้งอยู่ในห้อง ถึงแม้ว่าจะมีระบบดักจับน้ำหนักที่เหยียบลงบนพื้นหน้าเครื่องเมนเฟรม แต่กายทิพย์นั้นเป็ฯพลังงาน ไม่มีมวล ย่อมไม่ทำให้เกิดแรงกดทับจนกระตุ้นระบบรักษาความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน คินทร์ยื่นมือของกายทิพย์จมหายเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม แล้วหยิบเอาแฟ้มสีเหลืองดูโปร่งใสออกมาจากคอมพิวเตอร์เมนเฟรม แล้วเดินก้าวลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์เครือข่ายที่ เขาก้าวออกมาทีแรก เพื่อส่งตัวเองกลับเข้าไปอยู่ในระบบเครือข่ายส่วนตัว คินทร์วางมือข้างนึงลงบนแฟ้มแล้วดึงมือออกมาอย่างรวดเร็ว แฟ้มก็เพิ่มจำนวนเป็นสามแฟ้ม อย่างง่ายดาย เขาเดินไปยังตู้ตู้หนึ่งในระบบเครือข่ายส่วนตัวึ่งมีลักษณะคล้ายกับต็ไปรษณีย์ทั่วไป แต่ในนี้มันคือโปรแกรมส่งข้อมูลที่ใช้งานสำหรับคินทร์คินทร์ยัดแฟ้มข้อมูลลงไปในช่องของโปรแกรมตู้นั้น เพื่อจบงานงานหนึ่งให้กับลูกค้ารายใหญ่ บริษัทแอนโดรมีด้า ซึ่งจิกใช้งาน agent serpentine หรือตัวเขาเอง อย่างหนัก เขาชักรู้สึกว่าบริษัทนีคงจะมีโปรเจคอะไรแปลกๆและเป็นอันตรายต่อสังคมแน่นอน เพราะแต่ละข้อมลที่เขาไปล้วงมาเนี่ย ใช้พัฒนาอะไรได้มากมาย ที่เขาคิดไว้ ริษัทนี้ต้องเอาไปใช้พัฒนา ไวรัสคอมพิวเตร์ชั้นสูง ไม่ก็ ทำอาวุธชีวภาพเลย ข้อมูลมักไปในทางแนวทางการจำลองสิ่งมีชีวิตรูปแบบติจิทัล ตายล่ะสิ ถ้าเกิดทำได้จริง แล้วไวรัสพวกนี้มันติดกายทิพย์ของเขาขึ้นมาได้ เขาจะทำไงล่ะ เดือดร้นพอดี แต่งานก็คืองาน ถึงจะไม่เต็มใจทำ แต่เพื่อความมั่นคงของชีวิตก็ต้องทำ
“ Security perimeter breach!!” เสียประกาศเตือนของระบบรักษาความปลอกภัยของคินทร์ดังเตือนกายทิพย์ที่อยู่ในระบบ
คินทร์เชื่อมตอกล้องวงจรปิดที่อยู่ที่หน้าห้องอย่างรวดเร็ว ที่แท้ น้องซายน์ขึ้นมาถึงหน้าห้องนี่เอง คินทร์ปิดระบบรักษาความปลอดภัย แล้วปล่อยให้ประตูห้องเด้งเปิดอัติโนมัติ วันนี้ล่ะได้เวลาบอกทุกอย่างให้คุณน้องคนนี้รู้กันไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“ พี่คินทร์คับ ผมเข้าไปแกะขนมให้พี่นะ “ ซายน์เดินตรงเข้าไปในห้อง เพื่อจะไปหยิบจานมาใส่ขนม แต่เขาก็ต้องยืนตะลึง กับ ร่างของคินทร์ที่นอนอยู่บนเตียงกลางห้องโถง ที่ดูเหมือนจะสิ้นสติสมประดี
“ นี่พี่คินทร์เป็นไรไปครับเนี่ย.....” ซายน์ทำถุงขนมหล่นลงบนพื้นทันที ที่เห็นว่าคินทร์ต่ออยู่กับเครื่องช่วยหายใจและเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบที่ใช้กันในโรงพยาบาล ซานย์เดินไปลูกใบหน้าของชายหนุ่ม ที่ตัวเย็นมาก ไร้สีเลือดฝาด
“ ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย ตอนเช้ายังคุยกันอยู่แล้ว หนุ่มน้อย แนบใบหน้าของตนเองลงไปสนิทกับแก้มของชายหนุ่มบนเตียง
“ เย็นหยั่งกะน้ำแข็ง ทำไมอาการหนักแบบนี้ พี่คินทร์ของผม พี่ห้ามเป็นอะไรไปต่อหน้าผมเด็ดขาดนะ ป่วยเป็นไรก็ไม่บอกกัน” น้ำตาอุ่นๆของซายน์เริ่มเอ่อล้นเบ้าตา แล้วหยดไหลมาอาบที่ใบหน้าไร้สติของชายหนุ่มบนเตียง ซายน์รู้สึกมีสัมผัสแผ่วเบามาปาดน้ำตาของเขาออกจากใบหน้า เขาตกตะลึงยิ่งกว่าครั้งไหนไหนในชีวิต เป็นกายทิพย์ของนาคินทร์ที่ยืนอยู่ข้างกายเขา เอิ้อมมือมาปาดน้ำตา ปกติแล้ว กายหยาบจะไม่สามารถสัมผัสกับกายทิพย์ได้ หากจิตไม่มั่นคงพอ แต่คินทร์ฝึกมาเป็นแรมปี กายทิพย์ของเขาทำอะไรแบบกายเนื้อทำก็ได้ แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว เพราะต้องใช้สมาธิมากมาย ไม่ใช่นึกจะหยิบจับอะไรก็ทำได้ทันที เพราะร่างนี้เป็นเพียงพลังงานบริสุทธิ์
ซายน์จ้องมองกายทิพย์ของคินทร์ ตาไม่กระพริบ มันอยู่เหนือความคิดแฃะประสบการณ์ของเขา สิ่งที่เขาคิดออกอย่างเดียวคือสิ่งที่เขาเห็นเป็นวิญญาณของคินทร์ที่หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว เขายิ่งร้องไห้ หนักกว่าเดิมอีก เพราะไม่เห็นว่าเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจจะร้องแล้วเป็นเส้นแบนราบลงไปตรงไหน แต่สิ่งที่เขาเห็นมันอยู่เหนือความคิดใดๆของเด็กหนุ่ม ซายน์ร้องไห้ฟูมฟายหนักขึ้นไปอีก เขาซบหน้าลงบนอกของร่างเนื้อของคินทร์บนเตียง แล้วร้องไห้ฟูมฟาย “ ทำไมพี่คินทร์ทิ้งผมไปดื้อๆแบบนี้ล่ะคับ โฮแงๆ “ ไอน้องคนนี้คงมีใจให้ราไม่มากก็น้อยล่ะ บอกเลยดีกว่า “ คินทร์คิด พร้อมกับเพ่งกระแสจิตตรงไปยังวิญญาณของซายน์ที่ซบอยู่บนตัวของเขา
“ซายน์ ฟังพี่นะ “
“ หา พี่คินทร์ พูดได้ไงเนี่ย ยังสอดท่อช่วยหายใจอยู่เลย” ซายน์โวยวายขึ้นมาด้วยความตกใจที่ได้ยินเสียง
“ พี่พูดกับเราผ่านทางกระแสจิต ฟังให้ดีๆล่ะ มันอาจจะอยู่เหนือความเข้าใจของซายน์ไปหน่อย แต่ตั้งใจคิดตามก็แล้วกัน พี่ไม่ได้ตายหรอกนะ แต่อยู่สภาพที่จิตวิญญาณอยู่นอกร่างกายเนื้อ ซึ่งเป็นความสามารถที่พี่ทำได้ เพราะการฝึกฝน ไม่ใช่เพราะว่าตายแล้ววิญญาณหลุดออกจากร่าง ไม่งั้นพี่จะปาดน้ำตาเราจากหน้าได้ยังไง ผีหน่ะทำไม่ได้หรอกนะ ไม่เหมือนกายทิพย์แบบนี้ แล้วก็รางสองร่างนี้มีสายใยบางๆโยงกันอยู่ ลองดูที่ข้อมือขวาที่ร่างนี้ดีๆนะ จะเห็นด้ายสีทองบางๆโยงเข้าโยงยังหัวใจของร่างเนื้อนี่คือสายใยทิพย์ซึ่งถ้ามันขาดแล้วกายทิพย์หลุดออกไป ถึงจะเรียกว่าตาย ที่พี่ต้องถอดร่างนี้เพื่อที่จะทำอะไรบางอย่างกับระบบเครือข่ายในรูปแบบของร่างพลังงาน “ ซายน์คิดตามแบบงงๆ พี่คินทร์คนนี้ทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ เอาวะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
กายทิพย์ของคินทร์ เลื่อนหน้าเข้าไปจนแทบชิดกับหน้าใสๆของน้องซายน์ ริมฝีปากของกายทิพย์ สัมผัสเข้ากับริมฝีปากอ่อนนุ่มของซายน์อย่างแผ่วเบา ซายน์ก็รู้สึกว่ามีคนกำลังจุมพิตเขาจริงๆ นาคินทร์ต้องกำหนดพลังจิตอย่างมากกว่าจะทำเช่นนี้ได้ ในการที่จะสื่อความรู้สึกไปโดยตรงกับจิตวิญญาณของซายน์ที่ไม่เคยฝึกฝนจิตมาก่อน กายทิพย์สั่งระบบของห้องให้ปิดเครื่องช่วยกายใจและคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อที่เขาจะได้กลับเข้าร่างเพื่ออธิบายอะไรหลายๆอย่างกับหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆได้สะดวกขึ้น คินทร์ตั้งจิตมั่นคงอีกครั้ง แล้วเดินเหยียบไปบนร่างกายเนื้อที่นอนอยู่ กายทิพย์ซึมซ้อนเข้าไปในกายเนื้อราวกับน้ำซึมลงลนพื้นทราย คินทร์เอิ้อมมือดึงเอาท่อช่วยหายใจกับโพรบของเครื่องวัดหัวใจ ออก แล้วหันไปส่งยิ้มให้กับซายน์ที่กำลังโผเข้ามากดเขาทันทีที่เห็นว่าร่างของคินทร์ขยับ “ พี่คินทร์ อ่า เล่นไรบ้า ทีหลังจะจูบก็กลับเป็นตัวเองสิ อย่าใช้ร่างนั้น มันจั๊กจี้แปลกๆพิกล “ ซายน์ยิ้มขึ้นพร้อมกับปาดน้ำตาที่ยังเหลืออยู่บนใบหน้าทิ้งไป นาคินทร์เอื้อมมือมาลูบหัวของซายน์อย่างอ่อนโยนพร้อมกับกระซิบเบาๆที่ข้างหูของซายน์ จนซายน์สั่นสะเทิ้มไปทั้งตัว “ โทษทีที่ทำให้ตกใจนะ แต่ตะกี้นี่พูดจริงเหรอ ที่ว่าจูบได้หน่ะ พี่บ้ายุนะ” คินร์ช้อนปลายคางของหนุ่มน้อยขึ้นมาแล้วประกบริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบา หนุมน้อย สั่นสะท้านไปทั้งตัว จนคินทร์ต้องดึงตัวเข้ามากอดจนแน่น “โถ สั่นเป็นลูกแมวตกน้ำเชียว ลูกแมวของพี่” “ พี่คินทร์อ่า นี่จะไม่ให้ผมตั้งเนื้อตั้งตัวกันบ้างเลยเหรอ แต่ผมก็ชอบนะ ผมชอบพี่มาตั้งแต่วันแรกที่รู้จักแล้วล่ะ แต่ก็กลัวว่าพี่จะไม่ชอบผม”
“ ใครว่าล่ะ พี่หน่ะหลงชอบเธอตั้งแต่วันแรกเหมือนกัน พี่มีอะไรต้องอธิบายเยอะเลย”ชายหนุ่มตอบกลับ
“ ทำอย่างอื่นก่อนได้ไหมคับ พี่คินทร์ “
“ทำอะไรล่ะ เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ “
“ กินทีรามิซึที่ผมทำมาให้พี่ ก่อน เด๋วผมป้อนพี่เองด้วยวิธีพิเศษ “ ซายน์ลุกขึ้นไปแกะห่อถุงพลาสติกที่ใส่ขนมมากหลายย่างแล้วหยิบเอาเค้ก ทิรามิซึอันเล็กออกมา เอาหยิบช้อนขึ้นมาตักเข้าปาก แล้วเดินไปหานาคินทร์ แล้วพุ่งเข้าไปประกบปาก ใช้ลิ้นดันเอาขนมในปากตัวเองเข้าปากคินทร์
“ กินแบบนี้ อร่อยกว่าไหมคับ พี่คินทร์” ซายน์ทำหน้าทะเล้นใส่
“ อร่อยกว่าปกติเยอะเลย เดี๋ยวปั้ด จับกินทั้งตัว “ นาคินทร์มองหนุ่มน้อยด้วยสายตาที่เหมือนจะจับหนุ่มน้อยกลืนกิน จริงๆ
“ อยากกิน ก็กินเลยคับ ผมไม่ว่าอะไรพี่อยู่แล้ว “ ซายน์นอนแผ่ลงข้างคินทร์ที่นอนอยู่ คินทร์รีบดึงตัวของซายน์เข้ามากอด แล้วซุกแผ่นหน้าลงบนต้นคอขาวๆของซายน์ จนซายน์สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ซายน์ดึงหน้าของคินทร์ไปแลกจูบอย่างดูดดื่ม คินทร์เอื้อมมือไปใต้เตียงแล้วหยิบเอากุญแจมือ ส่องประกายวาบวับขึ้นมาแล้ว คล้องเข้าที่ข้อมือซ้ายอันบอบบางของหนุ่มน้อยทันที ส่วนปลายอีกข้างเขาเอาไปคล้องกับหัวเตียงซึ่งเป็นโครงเหล็ก
“ พี่คินทร์ทำไรผมคับเนี่ย “ ซายน์พยายามกระชากมือ แต่ก็เจ็บปล่าวๆ
“ เพื่อความปลอดภัยกับตัวพี่เอง พี่ขอโทษนะซายน์ “ คินทร์ลุกขึ้นไปหยิบเอากล้องวีดีออกมาจากตู้ แล้วตั้งไว้บนโต๊ะที่สามารถโฟกัสไปที่เตียงได้อย่างชัดเจน เขาเองก็ปวดใจไม่น้อยที่ต้องทำแบบนี้ แต่เพื่อเป็นการประกันความลับของตัวเอง
“ ถ้าเรื่องนี้รั่วออกไปนะซายน์ ภาพ วีดีโอพวกนี้ก็จะรั่วออกไปเหมือนกัน”
“ ถ้าพี่คินทร์ไม่ไว้ใจผมแล้วมาบอกผมทำไม “ ซายน์โวยวายขึ้นมาทันทีแต่ก็โวยวายต่อไม่ได้ เพราะปากของคินทร์เข้ามาประกบปากของเขาไว้แน่น ลินของคินทร์เองก็แหย่เข้าไปในปากของซายน์
“เด็กดื้อ พี่เป็นอาชญากรระดับโลกนะ ทำไรต้องมีมาตรการป้องกันสิ คินทร์พูดพร้อมกับลูบไล้ไปตามเนินอกขาวเนียนของหนุ่มน้อย คินทร์เลื่อนหน้าไปที่หน้าอกของหนุ่มน้อย แล้วตวัดปลายลิ้นลงบนตุ่มเนื้อ บนเนินอกของซายน์ จนหนุ่มน้อยสั่นทะเทิ้มทั้งตัว ซายน์กดหัวคินทร์ให้แนบชิดไปกับหน้าอกของเขายิ่งขึ้น ซายน์เริ่มหอบหายใจเร็วขึ้นอีก แสดงให้เห็นว่าอารมณ์บางอย่างพุ่งพรวดอย่างต่อเนื่อง คินทร์เลื่อนมือไปสัมผัส น้องคนเล็กของซายน์ที่กำลังตื่นตัว เต็มที่ แล้วขยับขึ้นลง ซายน์เริ่มครางไม่เป็นภาษาทันทีที่น้องชายคนเล็กถูกกระตุ้นจนตื่นตัว
“ซายน์ครับ เป็นของพี่นะครับ “ คินทร์กระซิบที่ข้างหูของซายน์
“ ครับพี่คินทร์ที่รัก “ ซายน์ตอบด้วยเสียงสั่นเครือ แล้วดึงตัวคินทร์เข้าไปกอดแน่น แบบเก้ๆกังๆ เพราะมือข้างหนึ่งถูกพันธนาการไว้
“ พี่คินทร์ปล่อยผมดีกว่าคับ แบบนี้ผมว่ามันไม่สะดวกไงไมรู้ ผมไม่ใช่คนปากสว่างหรอกนะคับ “
นาคินทร์ยิ้มเหี้ยมเกรียมขึ้นมาทันที แล้วอ้าปากงับไปที่ต้นคอของซายน์ อย่างแรงจนเลือดของซายน์ไหลซึมออกมา คนโดนกัดร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
“ มันเจ็บนะพี่คินทร์ ทำอะไรเนี่ย” ซายน์งอแงขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด
“ เลือดซายน์นี่หวานดีนะคับ กินขนมเยอะไปรึปล่าว ว่ากันว่ารสของเลือดนั้นจะสะท้อนถึงชีวิตและวิญญาณ พี่เลยอยากชิมหน่ะคับ โทษทีนะ ถ้ากัดเจ็บไปหน่อย เขี้ยวพี่ไม่ค่อยคมมั้ง มันเลยเจ็บ “
“ พี่คินทร์เป็นผีดูดเลือดด้วยเหรอ ไหนจะถอดวิญญาณได้เนี่ย ตอนนี้พี่เป็นไรผมก็เชื่อทั้งนั้นแหละ”
“ พี่ไม่กินเลือดสะเปะสะปะนะ พี่อยากชิมแต่เลือดซายน์อ่ะคับ เป็นการสร้างพันธะสัญญาระหว่างเราด้วยนะ“ นาคินทร์ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปหยิบเอามีดคมกริบมาจากโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วกรีดลงไปบนปลายนิ้วชี้ของตนเอง จนเลือดไหลซึมออกมา คินทร์เดินกลับไปที่เตียงแล้วลูบปลายนิ้วที่เต็มไปด้วยเลือดของตนเองลงไปบนริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของเด็กหนุ่มที่ตกใจมากกับการกระทำของชายที่ตัวเองหลงใหล แต่ก็แลบลิ้นมาเลียริมฝีปากตัวเองแบบงงๆ เอ รสชาติของเลือดพี่คินทร์ก็ไม่เลวนี่นา แต่พี่เขา คิดอะไรของเขาเนี่ย “ เป็นการสร้างพันธะสัญญาระหว่างวิญญาณของสองเรานะครับผม อย่าตกใจไป คนดีของพี่ “ คินทร์รีบปลอบเด็กหนุ่มที่กำลังตกใจกับการกระทำของเขา แต่ละอย่างมันเหนือความเข้าใจของเด็กหนุ่มทั้งหมดเลย ซายน์มองดูปลายนิ้วของชายร่างสูงอย่างเป็นห่วง เลือดยังคงไหลซึมออกมาไม่หยุด เขาอยากไปล้างแผลทำแผลให้คินทร์ แต่ว่าเขาโดนคล้องอยู่กับเตียงแบบนี้ ลุกไปไหนได้ที่ไหนกัน ได้แต่พูดบอก” พี่คินทร์คับ ไปทำแผลก่อนดีกว่าไหม ติดเชื้อขึ้นมาแล้ววุ่นวายนะ พี่คินทร์ปล่อยผมดีกว่า ผมทำแผลให้ “ เด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้าของหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความเป็นห่วงจนคินทร์รู้สึกใจอ่อนขึ้นมานิดหน่อย พลางคิดว่า ซายน์คงไม่ทำอะไรบ้าๆ แน่ เลยตัดสินใจหยิบกุญแจดอกเล็กมาปล่อยให้ซายน์เป็นอิสระ จากพันธนาการ ทันทีที่ซายน์เป็นอิสระ ซายน์ก็รีบโผเข้าสวมกอดหนุ่มรุ่นพี่อย่างทันที พร้อมกับประกบปากของเขาเข้ากับปากของคินทร์ พร้อมกับพูดเสียงอู้อี้ “ ผมไม่มีวันที่จะทรยศหรือทำร้ายพี่ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ผมขอเป็นของพี่นะครับ ทั้งตัวและหัวใจ” นาคินทร์หันไปมองหนุ่มน้อยที่กอดเขาด้วยสายตาแปลกใจ และดีใจอย่างบอกไม่ถูก “ งั้นเดี๋ยวพี่จะอธิบายทุกอย่าง ให้ฟัง่อนก็แล้วกัน ว่าซายน์จะยังคิดเหมือนเดิมรึปล่าว”
ความคิดเห็น