ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crescendo ดนตรีรัก จังหวะร้าย (YaOi)

    ลำดับตอนที่ #13 : Rhythm 11 : Which SUN is...?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.69K
      7
      16 ม.ค. 53

     Rhythm 11 : Which SUN is...?

     

     

                (Special Part : กานต์ครับผม ^^)

                กานต์โว้ยยยยย!! เอาฝรั่งเศสมาด่วนๆ!!”

                พวกหมัดเห็บเหาหิวกระหาย เอ๊ย...ไอ้เป้ไอ้เมฆไอ้พีทสามสหายร่วมห้องและร่วมวงกับผมกระโดดชาร์จเข้าใส่ทันทีที่ผมโผล่หน้าเข้ามาในห้อง ผมมองพวกมันยิ้มๆแต่ก็ยื่นสมุดฝรั่งเศสให้แต่โดยดี แหม...คนมันเก่งยังงี้ก็ช่วยไม่ได้แหละคร้าบบบ ฮ่าๆ<<<รู้สึกเป็นพวกหลงตัวเองหน่อยๆ?

                อ่า...ลืมแนะนำตัว ผมชื่อกานต์กฤษฎ์ครับ ชื่อยาวเรียกยากแถมยังเขียนยากเนอะ? ดังนั้นพวกเพื่อนๆเลยมักเรียกผมแค่ กานต์ส่วนนอกนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพอใจว่าใครอยากใส่ยศอะไรให้(เป็นต้นว่าไอ้ , เชี่ย , สาด ฯลฯ)

                แต่ผมไม่ค่อยถือหรอกครับ ในเมื่อผมออกจะเป็นคนดี~!

                เออกานต์ ไมที่โต๊ะมึงดูแปลกๆไปวะ?ไอ้เป้ที่ยังสงสัยไม่เลิกซักขึ้นทั้งที่ยังลอกไม่เสร็จ และไอ้พีทไอ้เมฆก็สนับสนุนด้วย

                ช่ายๆ ช่ายยยย ทำตัวน่าสงสัยเป็นบ้า

                คือ...ผมหยุดคิดนิดหนึ่ง อืม...จะตอบพวกมันว่าอะไรดีล่ะ ...วันนี้มันปวดๆท้องอ่ะ

                ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมไม่ค่อยอยากให้ไอ้บ้าพวกนี้รู้เรื่องของน้องตัวเล็กๆคนนั้นนัก

                อ๋อ ถึงได้กินน้อยงั้นสิ มิน่าพีทที่เป็นไอ้ซื่อตลอดกาลพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็ก้มหน้าลงไปลอกงานต่อ พีทเป่าแซ็กฯครับ เหมือนไอ้กล้าแฟนอั๋นมันแต่เป็นรองลีดฯ

                แกนี่ไม่ค่อยพูดแต่ชอบเก็บข้อมูลจริงเว้ย ไอ้พีทเมฆลีดฯทรอมโบนเริ่มมองเพื่อนที่ตัวเล็กที่สุดในห้องคนนี้แบบหวาดๆ ถ้าแค่ในห้องผมคนตัวเล็กสุดก็คือพีทนี่แหละครับ แต่ถ้านับในวงด้วยคนที่ตัวที่เล็กสุดในกลุ่มพวกเราม.5 จะเป็นเน็ต<<<พีทภูมิใจมากที่ตัวเองสูงกว่าเน็ตสองเซนต์ - -

                ใครว่าไม่พูด เชี่ยพีทนี่ออกจะพูดมากเป็นต่อยหอย อุ้ก!!”ไอ้เป้ตัวปากดีสวนขึ้นมา ก่อนจะหน้าเขียวไปแบบกะทันหันเหมือนมีใครเอาตีนกระทืบตีนมัน

                ไปโดดลงเหวเหอะ ไอ้แรงควาย!”พีทชี้หน้าด่าไอ้เป้ มันเป่าทูบาครับ ในสายตาพีทตัวน้อยเลยเห็นว่าไอ้เป้นี่แหละแรงควายตัวจริง

                อูย...ด่ากูแรงควายแต่มึงนี่ควายกระทืบโรงชัดๆ...ตัวออกเล็กไหงแรงเยอะงี้วะ

                กระทืบโลงมึงอ่ะเดะ! ไอ้ควายสาด!”

                เฮ้ย เดี๋ยวพวกมึงก็ลอกไม่เสร็จหรอก ไอ้สองฟายนี่คนสงบศึกเป็นเมฆครับ ท่าทางมันจะทนไม่ได้กับเสียงพีทที่ออกแนวสูงๆน่ารำคาญ ทำให้สองฟายจำใจต้องสงบศึก หยุดเถียงกันก่อน

                ผมนั่งมองสามสหายหมัดเห็บเหาลอกการบ้าน ไอ้สามตัวนี้รื่นเริงดีครับ อยู่กับพวกมันแล้วไม่เบื่อ แต่สักพักมิสที่สอนวิชาฝรั่งเศสก็เข้ามา พวกมันจึงจำต้องแยกย้ายกันกลับศาลตัวเองเป็นการด่วน

                ผมบอกให้เพื่อนในชั้นลุกขึ้นยืนทำความเคารพมิส เอ่อ...มาดมัวแซลที่สอน(ในวิชาฝรั่งเศสต้องเรียกเงี้ยอ่ะครับ) ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ผมก็เป็นหัวหน้าห้องนะ เป็นคนที่วิวัฒนาการแล้วในจำนวนลิงกังมากมาย ณ ที่นี้

                (เชื่อรึเปล่าว่าถ้าสามสหายหมัดเห็บเหาได้ยิน มันจะต้องรวมหัวกันค้านหัวชนฝาว่าไม่ใช่)

                ห้อง 9 ของผมเป็นห้องศิลป์ภาษา-ฝรั่งเศสครับ เรามีแผนภาษาสามแผนคือฝรั่งเศส จีน เยอรมัน ซึ่งด้วยความที่ไม่ใช่ลูกคนจีนและไม่นิยมฮิตเลอร์พอ(ไม่เกี่ยว...)ผมจึงเลือกเข้าฝรั่งเศส แต่ถ้าถามว่าในอนาคตอยากเรียนอะไร แหม...ไม่ยาก...ก็ดนตรีนี่แหละครับ!

                ผมอยากเรียนเอกการดนตรี จึงเลือกเข้าสายที่เรียนเบาสุดเพื่อให้มีเวลามากที่สุดสำหรับการฝึกซ้อม    

                พอพูดถึงวงผมก็นึกถึงวาน้องผม ไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดนะครับ แต่เป็นรุ่นน้องที่ผมสอนเองกับมือ เพิ่งเข้ามาปีนี้ก็จริงแต่เป็นเฟิร์สทรัมเป็ตที่มีแววทีเดียว คิดว่าหลังจากผมก็คงเป็นวานี่ล่ะครับที่จะเป็นลีดฯทรัมเป็ตรุ่นต่อไป

                ทิวาเป็นเด็กตลกดีครับ เป็นคนเฮฮาและก็ชอบทะเลาะกับนัทแซ็กฯน้องไอ้พีทมัน รายนี้เองก็เฮฮาใช่ย่อย ทิวาเป็นกึ่งๆหัวโจกของพวกเด็กม.3 แต่ในความซ่าแบบเด็กผู้ชาย ผมกลับรู้สึกได้ว่าน้องเขาน่ารัก ^^

                เอ่อ...ผมเปล่าเป็นเกย์หรอกครับ แต่ทิวาเป็นกรณีพิเศษ ผมชอบที่น้องเขาร่าเริงดี...ร่าเริงจัดมากๆเลยล่ะ ดังนั้นถ้าจะพูดกันแบบตรงๆ...ผมก็คงเป็นผู้ชายที่ชอบทิวา แต่บังเอิญว่าน้องเขาเป็นผู้ชายเฉยๆล่ะมั้ง?

                สิ่งจุดประกายสิ่งแรกให้พวกเราสนิทกันเป็นตอนเทอมหนึ่งหลังจากที่ทิวาเพิ่งเข้ามา วันนั้นเป็นวันลูกเสือโลกที่มีการสวนสนามครับ ซึ่งในจำนวนเด็กทรัมเป็ต ทิวาเป็นเด็กม.ต้นที่โตสุด(ม.3) และก็บังเอิญเป็นอย่างสูงที่น้องม.2 ที่เคยเล่นมาก่อนหน้านี้และฝึกมาเพื่องานนี้เกิดจับไข้ไม่สบาย

                แน่นอน สวนสนามย่อมคู่กับแตรฟันฟาร์ ผมไม่กล้าปล่อยเด็กม.1 ที่เพิ่งเริ่มหัดลงสนามแน่ แถมเด็กม.2 ที่เป่าได้ก็เหลือแค่คนเดียว ลงท้ายผมจึงเลือกให้วาเป็นฟันฟาร์ 1

                (แตรฟันฟาร์มีสองคน เป็นแตรเดี่ยวให้สัญญาณก่อนเริ่มสวนสนาม ใครเคยผ่านการเดินสวนสนามของลูกเสือมาคงนึกออก)

                ตอนนั้นล่ะครับที่ฟันฟาร์หลักสูตรเร่งรัดก่อนลงสนามจึงเริ่มขึ้น

                ผมเป็นคนสอนให้วาเป่าเองกับมือ ไล่โน้ตฟังเสียงให้ทีละตัวๆจนถึงเวลาเริ่มงาน วันนั้นวาเครียดมาก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะต้องรับความกดดันจากคนทั้งสนาม เจ้าตัวสั่นจนเกือบจะถอดใจอยู่แล้ว และก็คงเป่าไม่ออกแน่ถ้าผมไม่เรียกสติไว้ก่อน

                ถ้าวาไม่เป่า พี่เป่าให้เองผมพูดตามตรง เดี๋ยวยืมชุดคนตัวใหญ่ๆสักคนมา แล้ววาก็เข้าไปยืนในแถว เล่นตามปกติแบบที่คนอื่นเล่น

                วันสวนสนามมีถึงแค่ม.ต้นที่เข้าร่วม สำหรับม.ปลายที่ขึ้นสู่รด.แล้วก็ต้องไปเรียนตามปกติ แต่พอผมพูดแบบนั้นออกไป ทิวา...เด็กนั่นกลับส่ายหน้า

                งานของผม ผมจะรับผิดชอบเองครับ

                วาพูดแค่นั้นแล้วก็ลงสนามไป ผมยอมรับว่าในวินาทีที่ได้ยินเสียงประธานกล่าวเปิดงานจบ ผมถึงกับหยุดฟังมาสเซอร์และรอฟังเสียงฟันฟาร์จากในห้องเรียนอย่างใจจดใจจ่อ    

                และวาก็ทำได้อย่างที่ปากพูดครับ ฟันฟาร์ 1 ในวันนั้นกระหึ่มทั่วสนาม ทะลุกระจกเข้ามาจนถึงห้องเรียนด้วยซ้ำ

                ผมดีใจ...ดีใจเหลือเกินที่มองคนไม่ผิด

                ถึงวาจะก้าวช้ากว่ารุ่นน้องคนอื่นๆตรงที่ไม่ได้เริ่มตั้งแต่ ม.1 แต่อะไรบางอย่างที่มีอยู่ลึกๆข้างในก็ทำให้สามารถสปีดตัวเองขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่เดือนเดียว

                นั่น...จะเรียกว่าความรู้สึกบีบคั้นของมือโซโลก็คงได้ล่ะมั้ง?

                ผมเริ่มจับตามองและฝึกเคี่ยวทิวา จนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...ที่ความรู้สึกนั้นก้าวล้ำเกินกว่าคำว่าพี่น้อง...

     

     

     

                กานต์ เหม่ออีกละพีทสะกิดแขนผม ผมนั่งข้างพีทครับ สุขสงบกว่านั่งข้างไอ้ปากมากเป้ไม่ก็จอมขี้รำคาญอย่างเมฆเป็นไหนๆ เลิกเรียนแล้วนา เป็นอะไร? ง่วงนอนเรอะ?

                อ้อ เปล่าๆผมรีบปฏิเสธ ไม่ได้ง่วงหรอก แค่เหม่อคิดโน่นคิดนี่เยอะไปหน่อย ไปวงกัน

                ผมชวน พีทพยักหน้า หันไปตะโกนเรียกเมฆกับเป้ แล้วเราก็ยกพวกกันไปซ้อมตามปกติ

                วันนี้วาดูแปลกๆไปอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกได้ถึงความกังวลบางอย่าง อ้อใช่...ผมได้บอกวาไปแล้วครับว่าผมรู้สึกยังไง แม้น้องเขาจะไม่ได้ปฏิเสธอะไรแต่ก็ไม่ตอบรับ แต่อยู่ๆพอพวกชมรมบาสเข้ามาพูดอะไรสักอย่าง...ที่จับใจความได้ว่าเพื่อนวาบาดเจ็บ วาก็ผลุนผลันออกไป

                ใช่แค่เพื่อนเหรอ...?   

                ผมอาจกังวลเกินไป แต่สายตาที่วาแสดงออกมาในตอนนั้น มันไม่ใช่สายตาของเพื่อนเป็นห่วงเพื่อน มันเหมือน...มีอะไรมากกว่านั้น

     

                ...วามีคนที่ทิ้งไปไม่ได้อยู่...

     

                ผมอยากจะลืมๆประโยคนั้นไปเสียจริง เสียแต่ว่า...มันทำไม่ได้นี่สิ...

                ตอนจะกลับผมได้เจอวาอีกครั้ง วากลับมาเอารองเท้าที่ห้อง และประโยคที่ผมไม่คาดคิดก็หลุดออกมา

                จะกลับบ้านด้วยกันกับวาไหมครับ?

                ไอ้เรารึก็หลงนึกว่าสองคน ที่ไหนได้...พอลงไปดันเจอก้างชิ้นเบ้อเริ่ม...เด็กชมรมบาสที่คงเป็นคนเดียวกับที่วาลงไปหาตอนนั้น ซึ่ง...สายตาเอาเรื่องใช้ได้(หัวเราะ)

                หมอนี่ล่ะก้างชิ้นเอก แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือการคาดหมายของผมกลับเป็นน้องม.2 ที่เพิ่งเจอเมื่อเช้า

                ตัวเล็ก~!

                ตัวเล็ก...ความจริงเขาชื่อตะวันครับ ทำหน้าเหม็นเบื่อมากมายตอนที่ผมเรียกเขาด้วยชื่อที่คิดค้นขึ้นเอง ผมเจอเด็กคนนี้เมื่อเช้าเพราะเขาหนีพวกอันธพาลมาซ่อนอยู่ใต้โต๊ะพวกผม(เป็นเรื่องน่าแปลกที่เมื่อเช้านอกจากผมแล้วก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามีอีกหนึ่งหน่อซ่อนอยู่)

                อันที่จริงตัวเล็กก็ดูเป็นรุ่นน้องที่นิสัยดี โอเคคนหนึ่งครับ เสียอยู่อย่างเดียวตรงที่ดันเชียร์วากับเพื่อน...ที่ดูเหมือนจะชื่อซี...

    ตะวันกับทิวา ผมอดคิดไม่ได้ว่าสองชื่อนี้ช่างคล้ายกันเหลือเกิน

    ระหว่างทางขากลับบ้านผมกับตัวเล็กนั่งด้วยกัน แอบหมั่นไส้แกมเซ็งหน่อยๆเหมือนกันแหละที่เจ้าซีนั่นลากวาไปนั่งด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร...ผมยังมีเวลาให้เผาผลาญไปเรื่อยๆอีกเยอะ เรื่องแค่นี้ผมรอได้ครับ

    ผมค่อนข้างจะโอเคกับตัวเล็กนะ ถ้าตัดเรื่องที่ตัวเล็กเชียร์วากับเพื่อน ผมว่าน้องเขาก็เป็นคนน่ารักคนหนึ่ง ใช่...น่ารัก ใช้คำไม่ผิดหรอก แต่เป็นคนละแบบกับวาเลยครับ วาดูน่ารักแบบซื่อๆ ส่วนตัวเล็กนี่นอกจากท่าทางจะฉลาดเป็นกรดแล้วยังดูหัวดื้อเอาการ คนแบบนี้ผมว่ารับมือยากนะ ถึงผมจะมีน้องสาวหรือชอบคนอายุน้อยกว่า แต่บางทีกับเด็กดื้อๆผมก็ทนไม่ได้เหมือนกัน

    แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบน้องเขาหรอก

    เอ่อ...จะว่าไปแล้ว บนรถเมล์มันก็มีเรื่องชวนขวัญผวาด้วยแหละ

    ต้องโทษคนขับรถที่ดันเบรกเสียงแรง ผมเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เลยเสียหลักล้มลงไปทับตัวเล็กเต็มๆ ดีนะที่ตั้งตัวได้ก่อนเลยเอามือยันเบาะไว้ได้ทันไม่งั้นตัวเล็กคงโดนผมทับแบนแน่ แต่...ถึงจะยันเบาะพยุงตัวเอาไว้ได้...ใบหน้าของผมมันก็ดันไปก่อนแล้วครับ

    ผมล้มไป...แล้วก็จูบตัวเล็กเข้าไปแบบจังๆเลยอ่ะ...

    ตัวเล็กอึ้งไปในทันใด ผมเองก็อึ้งเลยรีบผละออกมาแทบไม่ทัน รู้สึกผิดหน่อยๆทั้งกับตัวเอง กับน้องเขา แล้วก็...กับวา...

     

    รู้สึกผิด...เพราะผมดันเผลอปล่อยให้ตัวเองใจเต้นโดยไม่รู้ตัว

     

    ริมฝีปากบางๆสีอมชมพูนั่นแวบแรกที่สัมผัสกลับให้ความรู้สึกหวานประหลาดที่อยากลิ้มลองต่ออย่างไม่รู้จบ ยังดีนะที่ผมมีสติมากพอ ถอยออกมาได้ทันก่อนที่จะเผลอทำอะไรลงไปให้เข้าหน้ากันไม่ติดซะเปล่าๆ

    ผมชอบวา...ผมชอบวา...จริงๆนะ...ผมพยายามบอกกับตัวเองเช่นนี้...แต่...เจ้าตัวเล็กที่เข้ามาในชีวิตผม เข้ามาป่วนความคิดผมแบบกะทันหันนี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถสลัดออกไปได้โดยง่ายเอาเสียเลย  

                แต่...สำหรับผม...ดวงอาทิตย์น่ะ...มีได้แค่ดวงเดียวเท่านั้นแหละ

     

     

     

                ผ่านมานานพอควรแล้วตั้งแต่เรื่องบนรถเมล์ตอนนั้น ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยเจอตัวเล็กอีกเลย ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจเพราะตึกม.ต้นกับม.ปลายอยู่คนละที่กัน(แต่ผมว่าใกล้กันนะ แค่มีโรงอาหารคั่นกลางเอง)

                เฮ้ย! ไปกันกานต์!”เป้ตะโกนเรียกหลังจากเรียนพละตอนเย็นเสร็จ พวกเราเอากระเป๋าลงมาจากห้องด้วยเพราะเป็นคาบสุดท้าย จะได้ตรงไปที่วงได้เลย

                ไปกันก่อนเหอะ ขอแวะห้องน้ำแป๊บผมเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำที่หลังโรงอาหาร ที่นี่คนน้อยดีครับ มันอยู่ติดกับสวนพฤกษาของโรงเรียน ค่อนข้างเปลี่ยวเลยไม่ค่อยมีใครใช้ 

    หืม...?

                ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ กลุ่มเด็กม.ต้นพวกนั้นทำไรอยู่หว่า? ผมเดินเข้าไปดูใกล้ขึ้นอีกนิด ก่อนจะพบว่าคนตรงกลางที่กำลังโดนรุมถึงหกต่อหนึ่งเป็นคนรู้จักผมเอง

                ตัวเล็ก!”ผมเรียก งงน่ะใช่แต่ความปลอดภัยย่อมมาก่อน เด็กม.2 ที่น่าจะเป็นหัวโจกหันขวับมาทางผมแล้วตีหน้ายักษ์ใส่

                มึงเป็นใคร! มาเสือกไรด้วย!?

                อู้หู...หยาบซ้า...นี่กูรุ่นพี่มึงนะไอ้เด็กเปรต...อุ้ย หลุด ไม่ได้ๆ ผมไม่พูดคำหยาบครับ ^^   

                มาสเซอร์พงศธร! ผมเจอตราที่มาสเซอร์หาอยู่แล้วน้า!”ผมแกล้งตะโกนชื่อมาสเซอร์ฝ่ายปกครอง พร้อมกับชูเข็มในมือขึ้นโบกสูงๆโดยหันหน้าไปทางข้างหลังเหมือนจะเรียกให้ใครอีกคนมาดู เด็กม.2 พวกนั้นเลยสะดุ้งเฮือก รีบแตกวงทันใด

                เฮ้ย! พงศธรเลยเหรอวะ! เผ่นเร็ว!”ไอ้เด็กหัวโจกวิ่งก่อนใครเพื่อน หึๆ ชื่อมาสเซอร์นี่ขายดิบขายดีเกินคาดแฮะ

                ตัวเล็กที่ยืนชิดต้นไม้มองผมสลับกับกลุ่มเด็กอันธพาลที่เพิ่งวิ่งหนีไป ...ไม่มีมาสเซอร์ซะหน่อย

                ก็ใช่ไงผมตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแล้วแบมือชูเข็มที่ถือโบกเมื่อกี้ให้เขาดู ส่วนนี่ก็เข็มวงโยฯ ไม่ใช่ตรามาสเซอร์ฝ่ายปกครอง

                ตัวเล็กทำหน้าแปลกๆ แล้วชมผมแบบเต็มๆคำ

                รุ่นพี่นี่เจ้าเล่ห์เป็นบ้า - -^”

                แหม ไม่ถึงขนาดนั้นครับน้อง เขาเรียกแก้สถานการณ์ผมหัวเราะ หกต่อสองถึงฝ่ายนั้นจะเป็นเด็กม.ต้นแต่ผมก็มีสิทธิ์เจ็บตัว เรื่องไรจะเอาหน้าหล่อๆไปเสี่ยงล่ะ แล้วนี่ไปทำไรให้โดนรุมมาอีกล่ะหือ? เรานี่ชอบหาเรื่องจริง

                ผมพูดตามจริงนะ เจอเด็กนี่ทีไรมีแต่เรื่องกับเรื่อง ไม่รู้ไปวอนตีนด่าใครให้พวกมันมาไล่กระทืบเอา...

                ผมก็อยู่ของผมเฉยๆ แต่พวกมันอ่ะชอบไล่ม่อไล่ไถตังค์ตัวเล็กตอบ สีหน้าขยะแขยงแบบไม่หน่อย ก่อนจะพูดสั้นๆอีกคำ เอาง่ายๆ...โรคจิต!”

                ชัดมากผมหัวเราะรับ และเพิ่งสังเกตเห็นหัวเข่าที่ถลอกเลือดไหล แต่เอาเข้าจริงเด็กนี่ก็มีแต่รอยฟกช้ำตามแขนเต็มไปหมด จึงคว้ามือหมับพาเดิน เยินไปทั้งตัว มา ไปห้องพยาบาลกัน

                ไม่ต้องลากน่า!”ตัวเล็กสะบัดออกแล้วเดินนำหน้าเสียเอง ผมอมยิ้มขำ...มีหยิ่งแฮะ...

                วิ่งหนีจนเป็นแบบนี้เลยหรือ?

                ก็พวกมันเล่นทีเผลอรุ่นน้องตอบฮึดฮัด อยู่ๆก็เข้ามาล็อคทางด้านหลัง ผมโดนหมัดไปสองสามปั้กเล่นเอาจุก แถมมันยังบ้าล็อคแขนแน่นจนเคล็ดไปหมด พอวิ่งหนีมาก็ล้มหัวเข่าถลอกอย่างที่เห็นนี่แหละ

                ผมไม่ว่าอะไร พาตัวเล็กไปที่ห้องพยาบาล แต่พอเข้าไป ในห้องกลับไม่มีใครอยู่สักคน

                มิสไปไหนน้า...ผมเกาหัว แต่ก็เดินไปคุ้ยหาแอลกอฮอล์กับผ้ากอซแล้วก็ยานวดจากในชั้นวางมาได้ เอาเหอะ ทำเองก็ได้

                เฮ้ย ไม่ต้อง เดี๋ยวทำเองตัวเล็กปฏิเสธ พยายามแย่งแอลกอฮอล์มา แต่ผมไวกว่า จี้สำลีชุ่มแอลกอฮอล์ลงไปที่แผลแบบจังๆ สีหน้าของตัวเล็กตอนนี้ตลกมาก มันเหมือนจะเปลี่ยนสลับไปมาระหว่างแดง ดำ เขียว เหลือง ก่อนจะมาหยุดที่สีหน้าปกติ

    เจ็บ!! รุ่นพี่ใช้มือหรืออะไรทาเนี่ย!! มือหนักเป็นบ้า!!”

                เอาน่าผมหัวเราะ ใส่ยาให้แล้วปิดผ้ากอซเป็นอันเสร็จเรียบร้อย และก็หันไปหาเป้าหมายต่อไปซึ่งก็คือยานวด ยื่นแขนมาสิ

                ไม่เอา พี่อ่ะมือหนัก - -^”

                คราวนี้จะทำเบาๆน่า ^^”

                ตัวเล็กยอมยื่นแขนให้แบบไม่แน่ใจนัก ผมจึงบีบยาออกจากหลอดแล้วค่อยๆชโลมลงบนผิวขาวจัดนั้น ดูแล้วน่าจะเป็นพวกลูกครึ่งล่ะมั้ง? ขาวเหมือนไม่ใช่คนไทย ตัวเล็กนิ่งเงียบ ผมเองก็ไม่ได้ชวนคุย จนทาไปสักพักนั่นแหละฝ่ายนั้นถึงได้เปิดปาก

                วันนี้ไม่ซ้อมเหรอ?

                อ้อ ซ้อมสิ แต่ไม่ได้ไปผมตอบอย่างรวดเร็วจนตัวเล็กอ้าปากค้าง

                ทำไมตอบหน้าตายแบบนั้นล่ะฟะ!”

                ฮ่าๆ เราเองก็ทำหน้าได้ฮาอะไรขนาดนี้ ตัวเล็กเอ๊ย...

                ก็แหม...ผมพึมพำ แต่มือก็ยังเกลี่ยยาไปมาอยู่บนแขนช้ำเป็นจ้ำนั้น ...ใครจะปล่อยไปได้ล่ะ เราน่ะชอบเป็นเป้าให้ใครๆเขารังแกอยู่เรื่อย มีไรวันหลังก็บอกพี่ได้ เดี๋ยวให้อั๋นไปกัด อั๋นมันโหดพออยู่แล้ว

                อ่ะนะ...ไม่อยากจินตนาการสีหน้าอั๋นถ้ารายนั้นมาได้ยินผมพูดถึงเขาแบบนี้...ฮ่าๆ

                ตัวเล็กเงียบไปสักพัก ก่อนจะพึมพำขึ้น ...ไม่เห็นต้องทำแบบนี้ รุ่นพี่น่ะชอบพี่วาไม่ใช่รึไง

                ผมหยุดมือที่เกลี่ยยาลง(ไม่ได้นวด นวดแล้วเดี๋ยวยิ่งช้ำ) เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำถามราวกับเพิ่งเคยเห็นหน้ากับเป็นครั้งแรก

                คำถามของตัวเล็กดังสะท้อนไปมาอยู่ในหัวผม แต่เหนือสิ่งอื่นใด...ภาพที่ผุดขึ้นมาในความคิดตอนนี้กลับไม่ใช่ภาพของวา...

                ...ก็ว่างั้นแหละผมเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ...ก็น่าจะชอบวา...

                นั่นสิ...ผมน่าจะชอบวา...แล้วนี่ผมทำอะไรอยู่เนี่ย? โดดซ้อมวงเสี่ยงโดนอั๋นเชือดเพื่อแลกกับการอยู่ทายาทำแผลให้เด็กจอมหาเรื่องคนหนึ่ง?

                ให้ตายซี่...ถามอะไรแทงใจดำเป็นบ้า...

                ดวงอาทิตย์น่ะ...มีได้แค่ดวงเดียวไม่ใช่รึไงเล่า

                แล้วทำไม...ในวินาทีนี้...

     

                ตะวันถึงได้สาดแสงแรงกว่า ทิวาได้ล่ะ?

               

                รุ่นพี่อย่ามาทำตัวแบบนี้สิเสียงของตัวเล็กเปลี่ยนไป มือนั้นผลักมือผมออกพร้อมทั้งถอยห่าง สายตาที่มองมาดูผิดหวังกึ่งซุกซ่อนบางสิ่งอยู่

               

                ทำต่อกัน เหมือนชั้นไม่ดีไม่มีค่าอะไร

              เหมือนกับคนไม่มีประโยชน์อะไร

              บอกกับชั้นว่าเธอไม่รักก็จบ

              เธอไม่อยากจะพบจะผูกจะพันไม่ต้องสงสาร แค่นั้นชั้นก็เข้าใจ

              บอกกับชั้นว่าเธอไม่รักก็พอ ไม่ได้ขอให้เธอมาเปลี่ยนใจ

              ชั้นเองก็ยอมเจ็บปวดใจ ยิ่งรักเท่าไหร่ยิ่งเจ็บ

              (Ost. อุบัติรักข้ามขอบฟ้า กอล์ฟ&ไมค์ : ยิ่งรักยิ่งเจ็บ)

     

                ผมน่ะ...ไม่ต้องการความหวังลมๆแล้งๆหรอกนะ!”

                ผมนิ่งอึ้ง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะโดนตวาดด้วยถ้อยคำเช่นนี้...ไม่อาจยอมรับ...ว่าทุกคำพูดแสนจะเสียดแทงเข้าไปในใจ

              ดวงอาทิตย์มีได้แค่ดวงเดียว

                นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

     

                แล้วผมล่ะ...จะเลือกดวงไหน?

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ 
    พี่กานต์เริ่มจะ...เอนเอียงตามใจอยากใครหลายๆคน...ฮา~แต่เขาก็ยังยืนยันคำตอบเดิมนะ วา(คงจะ)ยังเป็นที่หนึ่งอยู่<<<ใส่วงเล็บมาเพื่อ - -? 
    อยากจะสารภาพแหละ...โนว์ไม่มีเวลาตอบเม้นท์เลย = = นี่ก็วิ่งมาลงให้แป๊บๆ เดี๋ยวต้องไปแล้ว ช่วงนี้จะมีกีฬาสีเลยยุ่งโคตรรรรรร ติดไว้ก่อนนะ นะๆๆๆ(ทำตาวิ้งๆ) เดี๋ยวจะตอบให้ครบทุกคนแน่ๆค่ะ แต่....คงไม่ใช่วันนี้ TT^TT
    อย่าโกรธโนว์นะ งือ...
    นอนฝันถึงหนูตะวันกับพี่กานต์ไปก่อนละกัน ว่าแต่....ไอ้สองคนนั่นยังจูบกันไม่เลิกอีกเรอะ!!! =[]=
    /ทิ้งระเบิดแล้ววิ่ง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×