ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BEAST . SHORTFICTIONS [ 2JUN ]

    ลำดับตอนที่ #1 : 1st story . If

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 976
      2
      5 ก.ย. 54

    title : if
    status : ficlet
    fandom : beast
    pairing : 2jun
    author : electrica-b
    genre : drama
    theme :
    FARRY' 25

    1st STORY

     

    IF . . .

                ... “ถ้าเพียงแต่” ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ... เป็นคำพูดของคนเหลวไหล ... ที่ยอมปล่อยมือจากทุกสิ่งทุกอย่างให้ผันผ่านไปตามกาลเวลา ... โดยไม่เคยคิดแม้แต่ที่จะหยุดยั้ง ...

     

                กว่าจะรู้ตัวอีกที ... ก็สายเกินกว่าที่จะพูดว่า ถ้าเพียงแต่เสียแล้ว ...

     

                .

     

                .

     

                .

     

                “ฉันจะไปทะเลกับพ่อแม่ แล้ว ...”

     

                “เออ ขอให้สนุกนะ ตอนนี้ฉันกำลังดูบอลอยู่ ... โทษทีนะ”

     

                “ไม่ใช่ ... คือฉันจะถามว่า ... นายจะไปด้วยรึเปล่า?”

     

                “บาย ... เที่ยวให้สนุกแล้วกัน ฉันจะวางสายล่ะนะ ดูบอลอยู่”

     

                .

     

                .

     

                .

     

                ยุนดูจุน เป็นหนุ่มโสดอายุ 22 ปีที่ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อยไปวันๆ หาเช้ากินค่ำกับงานพิเศษที่เปลี่ยนเป็นว่าเล่นให้ได้ทุกสามเดือน สาเหตุเพราะ ... เป็นคนเหลวไหล

     

                “เดือนนี้เธอทำแบบนี้ติดต่อกันมาห้าครั้งแล้วนะ พอกันที ถ้าอยากทำตัวเหลวแหลกไร้สาระนักก็ไปหางานทำที่อื่นไป!

     

                ผู้จัดการร้านโวยวายใส่เขาชุดใหญ่อย่างหัวเสีย ก่อนที่ชั่วโมงถัดไปเขาจะถูกเฉดหัวออกมาจากร้านแสดงถึงการไล่ออกเป็นนัยๆนั่นเอง ครั้งนี้ยุนดูจุนไม่ได้หาข้ออ้างอะไรโง่ๆเพื่อแก้ไขความผิดที่ตัวเองกระทำ ... เพราะจำไม่ได้แล้วว่าครั้งก่อนๆเคยแก้ตัวว่าอะไรไปบ้าง ... ถ้าเกิดแก้ตัวไปอย่างเดิมอีกมีหวังเขาคงโดนเอากระทะฟาดหัวเป็นการแถมท้ายแน่ๆ

     

                ถ้าเพียงแต่ เขาฉุกคิดได้ซักนิด และย้ำนักย้ำหนาให้ตัวเองจดจำใส่สมองไว้ว่าครั้งต่อไปอย่าทำอะไรแบบนี้อีกล่ะก็ ... เรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

     

                .

     

                .

     

                .

     

                ... “ถ้าเพียงแต่” ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ... เป็นคำพูดของคนเหลวไหล ... ที่ไม่ยอมไขว่คว้า ... ไม่ยอมเก็บเกี่ยว ... ไม่ยอมทำความเข้าใจ ... ไม่ยอมทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากนั่งนิ่งๆรอให้โอกาสเข้ามาหา ...

     

                กว่าจะรู้ตัวอีกที ... ก็สายเกินกว่าที่จะพูดว่า ถ้าเพียงแต่เสียแล้ว ...

     

                .

     

                .

     

                .

     

                “ดูจุน ... เสื้อตัวนี้สวยมั้ย? ถ้าฉันใส่แล้วจะดูดีรึเปล่า?”

     

                “ไม่รู้สิ เอ้อ เดี๋ยวฉันขอตัวไปดูเสื้อทางนั้นแปปนึงนะ”

     

                “ก็ได้ ... งั้นเจอกันที่แคชเชียร์แล้วกัน ...”

     

                .

     

                .

     

                .

     

                งานพิเศษเริ่มหายากมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจกำลังตกต่ำเช่นนี้ร้านค้าต่างๆคงไม่ยินยอมเปิดรับสมัครพนักงานใหม่ขึ้นเอาง่ายๆเป็นแน่แท้ ผ่านไปสองอาทิตย์แล้วที่ยุนดูจุนยังคงเป็นหนุ่มโสดว่างงาน ... ถึงจะหางานไม่ได้ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งแต่เขาก็ยังคงนิ่งเฉยดูบอลอยู่ที่คอนโดของตัวเองได้เหมือนเป็นเรื่องปกติ

     

                วันอังคารที่แล้วมีเพื่อนสนิทคนนึงโทรมาพูดเรื่องงานพิเศษใหม่ของเขา ... ร้านขายแผ่นเสียงหน้าปากซอยคอนโดกำลังประกาศเปิดรับสมัครพนักงานขายคนใหม่เพราะตอนนี้พนักงานในร้านไม่พอ งานง่ายๆ ไม่ถึงกับต้องทำอะไรยุ่งยากมากมาย เพียงแค่รับแผ่นเสียงมาจากลูกค้าและคิดตังค์เสร็จสรรพแถมท้ายด้วยคำว่า ขอบคุณอย่างมีมารยาทเพียงเท่านั้น ... เสียอย่างเดียวคือรายได้ไม่ดีเท่าที่ควร

     

                เหตุผลเพียงแค่นั้นก็พอที่จะทำให้คนเหลวไหลอย่างยุนดูจุนปฏิเสธได้ง่ายๆ ... ถึงโอกาสดีๆจะถูกหยิบยื่นมาตรงหน้าแล้วก็ตาม

     

                ถ้าเพียงแต่ เขาทำตัวฉลาดซักหน่อย ยุนดูจุนคงจะยินยอมรับงานนั้นไปทำแต่โดยดีและไม่มีข้อแม้อะไรใดๆทั้งสิ้น ถ้าเขาหัดรู้จักไขว่คว้า ... เรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

     

                .

     

                .

     

                .

     

                ... “ถ้าเพียงแต่” ...

     

                ถ้าเพียงแต่... เป็นคำพูดของคนเหลวไหล ... ที่ไม่เคยสนใจว่า ... รอบกายนั้น ... มีอะไรบ้างที่เป็น สิ่งสำคัญ ...

     

                กว่าจะรู้ตัวอีกที ... ก็สายเกินกว่าที่จะพูดว่า ถ้าเพียงแต่เสียแล้ว ...

     

                .

     

                .

     

                .

     

                “ทำไมนายทำตัวไร้สาระแบบนี้ยุนดูจุน? นายลืมไปแล้วรึไงว่าวันนี้เป็นวันอะไรของเรา?!

     

                “แล้วทำไมนายต้องมาโวยวายขึ้นเสียงใส่ฉันแบบนี้ด้วยล่ะ? ฉันทำผิดอะไรที่หนักหัวนายขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     

                “นายนี่มันเหลวไหลที่สุด ...”

     

                .

     

                .

     

                .

     

                เกือบสองปีแล้วที่ยุนดูจุนยังคงเป็นโสด ... ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมีแฟนใหม่ แต่เขาแค่ยังไม่อยากลืมเสียงของใครบางคนที่จนป่านนี้ก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจของเขา ...

     

                ยงจุนฮยอง ... แฟนเก่าที่เคยคบกันมาถึงหกปี

     

                ผู้ชายอินดี้ ... ขี้วีน ... โลกส่วนตัวโคตรสูง ... และอีกร้อยแปดพันอย่างที่เป็นนิยามให้แก่คนรักของยุนดูจุน ไม่รู้ว่ายุนดูจุนกับยงจุนฮยองมาเป็นแฟนกันด้วยวิธีแบบไหน แถมพอคบกันแล้วต่างฝ่ายก็ต่างเอาแต่ใจจนทะเลาะกันเป็นว่าเล่น ยงจุนฮยองเป็นผู้ชายที่ละเอียดอ่อน เวลารักใครก็รักจริงและอยากให้คนๆนั้นยอมรับในความอินดี้ของตัวเองบ้าง ใช่ว่ายุนดูจุนจะไม่รู้สิ่งนี้ ...

     

                ติดอยู่เพียงแค่ เขาทำตัวเหลวไหลเกินไป ...

     

                โรงพยาบาลเป็นสถานที่ๆเขาฝังใจเกลียดอย่างสุดขั้วหัวใจ ... เพราะมันเป็นสถานที่สุดท้ายของเมื่อสองปีก่อนที่เขาได้เห็นเสี้ยวหน้าของยงจุนฮยองก่อนที่ร่างเปื้อนเลือดจากอุบัติเหตุโดนรถชนท้ายของผู้ชายคนนั้นจะหายลับเข้าไปในห้องไอซียูอย่างรวดเร็ว ไม่มีแล้วเสียงวีนแตกโวยวายที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยๆว่า เหลวไหล ... ไม่มีแล้วความอินดี้ที่ชอบทำให้เขาหัวปั่น ... ไม่มีแล้วยงจุนฮยอง ... แฟนขี้บ่นของเขา

     

                มีเพียงแค่ ... ยงจุนฮยอง “เจ้าชายนิทรา”

     

                แต่เขาก็ยังคงหวัง ... หวังว่าถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกซักปี ... หรือสองปี ... อาจจะสามปีก็ได้ไม่แน่ ... บางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะกลับมา อาจจะเอ่ยปากเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงวีนๆกับท่าทางอินดี้ที่แสนจะคิดถึง ก่อนที่จะใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดเขาไว้แน่น ... เพียงแค่นั้นยุนดูจุนก็จะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้ไปอีก

     

                ถ้าเพียงแต่ ยงจุนฮยองจะลืมตาขึ้นมามองหน้าของยุนดูจุนซักครั้ง ...

     

                .

     

                .

     

                .

     

                ... “ถ้าเพียงแต่” ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ... เป็นคำพูดของคนเหลวไหล ... ที่ยอมปล่อยมือจากทุกสิ่งทุกอย่างให้ผันผ่านไปตามกาลเวลา ... โดยไม่เคยคิดแม้แต่ที่จะหยุดยั้ง ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ... เป็นคำพูดของคนเหลวไหล ... ที่ไม่ยอมไขว่คว้า ... ไม่ยอมเก็บเกี่ยว ... ไม่ยอมทำความเข้าใจ ... ไม่ยอมทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากนังนิ่งๆรอให้โอกาสเข้ามาหา ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ... เป็นคำพูดของคนเหลวไหล ... ที่ไม่เคยสนใจว่า ... รอบกายนั้น ... มีอะไรบ้างที่เป็นสิ่งสำคัญ ...

     

                กว่าจะรู้ตัวอีกที ... ก็สายเกินกว่าที่จะพูดว่า ถ้าเพียงแต่ เสียแล้ว ...

     

                .

     

                .

     

                .

     

                ยุนดูจุน เป็นหนุ่มโสดอายุ 22 ปีที่ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ไม่เคยมีความมุ่งมั่นที่จะไขว่คว้าอะไรใดๆเลยซักครั้งในชีวิต ไม่เคยมีความคิดที่จะเก็บรักษาอะไรใดๆไว้ทั้งสิ้นทำให้สิ่งสำคัญหลายสิ่งหลายอย่างจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน สาเหตุเพราะ ... เป็นคนเหลวไหล

     

                นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้แต่เฝ้ามอง ... ใบหน้าของใครคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับใหลอย่างไม่รู้วันลืมตาตื่นอยู่บนเตียงกว้างในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่เขาเกลียดแสนเกลียด ... ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในรอบสองปี ...

     

                สองปีที่เขาไม่ได้ยินเสียงผู้ชายอินดี้คนนี้โวยวายใส่เขาเลย ...

     

                “นี่ ยงจุนฮยอง ... นายได้ยินฉันมั้ย?”

     

                ยุนดูจุนได้แต่พูดอยู่คนเดียวอย่างนี้มาเป็นระยะเวลาเกือบสองปีเต็ม ถ้าหากหนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวันแล้วล่ะก็ ... ครั้งนี้ที่เขากุมมือเย็นเฉียบของยงจุนฮยองไว้คงจะเลยครั้งที่เจ็ดร้อยไปนานโข ...

     

                “เมื่อไหร่นายจะตื่นซักทีล่ะ?”

     

                อีกครั้งที่ได้ยินเพียงเสียงลมพัดเป็นคำตอบสำหรับคำถาม ...

     

                “ฉันอยากฟังเสียงนายบ่นจะแย่อยู่แล้วรู้มั้ย? ไอ้คนอินดี้ ... ยงจุนฮยอง ... ตื่นซะทีสิ ...”

     

                .

     

                .

     

                .

     

                ถ้าเพียงแต่ ในวันนั้นเขาตอบตกลงไปทะเลกับจุนฮยอง ... เรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ในวันนั้นเขาบอกกับจุนฮยองว่าจะซื้อเสื้อตัวนั้นให้ ... เรื่องพวกนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ในวันนั้นเขาเลิกทำตัวเหลวไหล ... แล้วยอมพูดคำว่า ขอโทษ ... เรื่องพวกนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ...

     

                ถ้าเพียงแต่วันนั้นเขารั้งจุนฮยองเอาไว้ ...

     

                ... จุนฮยองก็คงจะไม่ถูกรถชน

     

                ถ้าเพียงแต่ ...

     

                .

     

                .

     

                .

     

                “ฉันขอโทษนะจุนฮยอง ...”

     

                ใต้ขอบตาของยุนดูจุนร้อนผ่าว ... น้ำใสไหลเอ่อเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นจนหยดติ๋งลงมากระทบกับผ้าห่มซึ่งคลุมร่างกายของคนที่นอนนิ่งไม่รับรู้อะไรอยู่บนเตียงตามแรงโน้มถ่วงในที่สุด และนี่ก็เป็นอีกครั้ง ... ที่ร้องไห้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ...

     

                เจ็บปวดแค่ไหน ... ก็คงจะพูดได้แค่คำว่า ถ้าเพียงแต่...

     

                ถ้าเพียงแต่ เขาเลิกทำตัวเหลวไหล ... และเปิดใจให้กับผู้ชายอินดี้คนนี้ซักนิด ...

     

                วันนี้ ... วินาทีนี้ ... เขาคงจะได้พูดคำว่า “รัก” ให้ยงจุนฮยองฟัง ...

     

                “ฉันรักนายนะยงจุนฮยอง ... ตื่นขึ้นมาเถอะ ... ฉันรอนายอยู่ ... และจะรอนายตลอดไป ...”

     

                ตลอดไป ... เท่าที่จะรอได้ ... อีกสิบปี ... ยี่สิบปี ... สามสิบปี ... สี่สิบปี หรือห้าสิบปีก็ตาม ...

     

                จะรอ ... ถ้าเพียงแต่ มันยังไม่สายเกินไป ...

     

                .

     

                .

     

                .

     

                ... “ถ้าเพียงแต่” ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ... เป็นคำพูดของคนเหลวไหล ... ที่ยอมปล่อยมือจากทุกสิ่งทุกอย่างให้ผันผ่านไปตามกาลเวลา ... โดยไม่เคยคิดแม้แต่ที่จะหยุดยั้ง ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ... เป็นคำพูดของคนเหลวไหล ... ที่ไม่ยอมไขว่คว้า ... ไม่ยอมเก็บเกี่ยว ... ไม่ยอมทำความเข้าใจ ... ไม่ยอมทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากนังนิ่งๆรอให้โอกาสเข้ามาหา ...

     

                ถ้าเพียงแต่ ... เป็นคำพูดของคนเหลวไหล ... ที่ไม่เคยสนใจว่า ... รอบกายนั้น ... มีอะไรบ้างที่เป็นสิ่งสำคัญ ...

     

                กว่าจะรู้ตัวอีกที ... ก็สายเกินกว่าที่จะพูดว่า ถ้าเพียงแต่ เสียแล้ว ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×