ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter : DM/HP Drarry] (รวม OS fic)

    ลำดับตอนที่ #3 : (Short Fic) Count on me [ intro ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.83K
      448
      31 ม.ค. 62




    ♣ INTRO ♥

     

     

    ในโลกที่แสนธรรมดาแต่แท้จริงไม่ธรรมดา เพราะเมื่ออดีตกาล โลกใบนี้ไม่ได้มีแค่เพียงมนุษย์เท่านั้น

    แล้วใครจะรู้กันเล่า ว่าเผ่าพันธุ์ที่น่าจะหายไปจากโลกแสนนานนั้น กลับยังหลงเหลืออยู่โดยที่ไม่มีใครรับรู้

    ว่ากันว่า ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ตนอาศัย



    เขาคนนั้น ภายนอก เขาเป็นเพียงคุณชายที่ดูเย็นชาจากตระกูลใหญ่โตและเก่าแก่ของเมือง เพื่อนน้อย ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่จะมีอยู่คนๆ หนึ่งที่เขาดูจะสนใจ เป็นพิเศษ

    พร้อมกับความจริง ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา



    หากเคยได้ยินตำนานหรือเรื่องเล่าของแวมไพร์มาครั้งตั้งแต่ยังเด็กและกำลังคิดว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ปรุงแต่ง

     

     

    คุณอาจจะกำลังคิดผิด







    ♣ Count on me ♥

    Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]

    AU Fic : Fantasy | Short Fic | R




    “นี่ เคยได้ยินเรื่องแวมไพร์มาก่อนรึเปล่า? เขาว่ากันว่าโลกเราน่ะเมื่อก่อนมนุษย์กับแวมไพร์อยู่ร่วมกันล่ะ” เสียงกระตือรือร้นดังมาจากเด็กสาวผมฟูสีน้ำตาล ในมือของเธอมีหนังสือปกหนังดูคร่ำครึโบราณ ใบหน้าหมดจดของเธอถูกปิดบังด้วยหน้าหนังสือที่เธอกางอ่านอยู่ แต่เสียงกลับเจื้อยแจ้วออกมาเพื่อสนทนากับเพื่อนชายอีกสองคนที่นั่งตรงข้ามเธอ

     

    “เรื่องหลอกเด็กน่า จะมีแวมไพร์ในโลกนี้ได้ไง” เด็กหนุ่มผมแดงปั้นหน้าแหยออกมาเมื่อนึกถึงแวมไพร์ในหนังที่ตนเคยดูในภาพยนตร์ พวกนั้นไล่กินเลือดมนุษย์เป็นอาหาร ถ้ามีอยู่จริง มนุษย์ธรรมดาอย่างเขาคงไม่มีชีวิตรอดมานั่งหน้าแหยตรงนี้

     

    “แต่ในหนังสือนี่มีบอกนี่! แล้วฉันก็ไม่ได้เจอแค่เล่มเดียวด้วย” เด็กสาวยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ เธอวางหนังสือลงกับโต๊ะและหมุนแท็บเล็ตของเธอหันไปทางชายผมแดง “นี่ ข้อมูลที่ลงในอินเทอร์เน็ตก็พอมีบ้าง ไหนจะยังอ้างอิงถึงหนังสือเก่าๆ หลายเล่มถึงประวัติศาสตร์เมื่อก่อนอีก”

     

    “พอเลยๆ ฉันเบื่อจะฟังแล้วเฮอร์ไมโอนี่” เจ้าของเรือนผมสีแดงยอมแพ้ เขายกมือทั้งสองข้างเป็นการห้ามปราม เบือนสายตาหนีออกจากจอแท็บเล็ตตรงหน้า แล้วหยิบหูฟังมาสวมใส่ที่หูทันที

     

    เด็กสาวเจ้าของชื่อมุ่ยหน้าอย่างขัดใจ มองตามคนที่ฟุบหน้ากับหนังสือตั้งโตของเด็กหนุ่มแล้วแลบลิ้นใส่ ก่อนที่เป้าหมายต่อมาของเธอจะเปลี่ยนมาที่คนที่นั่งทำงานเงียบๆ มาตั้งแต่ต้น แม้ใบหน้าของเขาจะเรียบนิ่งและดูเหมือนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเขาได้ยินและฟังหมดทุกประโยค

     

    “แฮร์รี่ เธอว่าไง เรื่องนี้น่ะ” เฮอร์ไมโอนี่มองไปทางเด็กหนุ่มผมดำที่กำลังเงยหน้ามามองช้าๆ อย่างมีความหวัง

     

    “อืม ฉันก็คิดว่าอาจจะเคยมีนะ ตอนเด็กๆ คุณย่าก็เคยอ่านจากหนังสือให้ฟัง” เขาได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนข้างๆ ที่ฟุบหน้าอยู่ก่อนจะขำออกมาเล็กน้อย

     

    “ใช่ไหมล่ะ!!” เด็กสาวโพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น ถ้าจะมีใครที่คุยกับเธอเรื่องลึกลับพวกนี้ได้ก็มีแฮร์รี่เพื่อนสนิทของเธอตอนนี้ กับลูน่าเด็กสาวที่เรียนอยู่ต่างห้องกันอีกคน

     

    แฮร์รี่ยักไหล่ให้กับท่าทางดีใจของเธอ ปากกาในมือหมุนควงไปมา ใบหน้ามีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “ถึงจะไม่เคยเจอ แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีแวมไพร์อยู่ไหมก็เถอะ แต่ในหนังสือเล่มนั้นบอกว่าพวกเขาตายกันไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”

     

    ปากกาในมือเด็กหนุ่มผมดำหยุดควง เจ้าตัวชี้ปลายด้ามปากกามาทางหนังสือปกหนังในมือของเด็กสาว เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้ายุ่งยากเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น คล้ายคนที่กำลังเสียดายอะไรบางอย่างอยู่เล็กๆ

     

    “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

     

    “ก็แค่คิดว่า...ถ้ายังมีพวกเขาอยู่ ฉันอยากจะถามน่ะ ว่าใช้ชีวิตยังไง ลำบากหรือเปล่า อยากรู้ว่าการใช้ชีวิตของเขาลำบากมากไหม คือในหนังสือมันก็ไม่ได้บอกละเอียดมากขนาดนั้น”

     

    เรือนผมสีดำขยับส่ายเบาๆ ตามร่างของเจ้าของที่กำลังขำออกมา เฮอร์ไมโอนี่ก็สมเป็นเฮอร์ไมโอนี่จริงๆ เธอมักจะมีความสงสัยและใคร่รู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ นั่นทำให้เธอชอบที่จะอ่านหนังสืออะไรก็ตามที่คนปกติไม่ค่อยอ่าน และเธอก็จะมีข้อมูลพวกนั้นอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ดังเช่นตอนนี้ที่เธอเหมือนจะหันมาสนใจเรื่องของแวมไพร์หลังจากที่ในคาบเรียนวันก่อน ครูของพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

     

    เด็กสาวเพียงหนึ่งพองแก้มเล็กน้อยเมื่อแฮร์รี่กำลังหัวเราะเยาะเธอ มือเล็กหยิบยางลบของรอนปาใส่แฮร์รี่ไปที แต่เด็กหนุ่มที่โดนโยนยางลบใส่ก็ไวพอที่จะคว้ามันได้ทันก่อนที่ยางลบจะโดนหน้าของเขา พลางหรี่ตามองเด็กสาวที่ประทุษร้ายเขาอย่างไม่จริงจังนัก

     

    แฮร์รี่ก้มหน้าเขียนงานในมือต่อ แต่ปากก็เอ่ยถามเด็กสาวไปด้วย “ถ้าถึงเวลานั้นที่เธอรู้ว่าใครคือแวมไพร์ เธอจะไม่หนีไปก่อนเหรอ เขาอาจจะอยากพุ่งมากัดคอเพื่อดื่มเลือดเธอก็ได้”

     

    “โถ่! แฮร์รี่ เธอบอกว่าในหนังสือเล่มนี้บอกไว้ว่าแวมไพร์ตายหมดแล้ว ก็เหมือนเธออ่านมันมาก่อน แต่เธออ่านข้ามหน้าหรือยังไง เขาบอกว่าแวมไพร์เลือกที่จะไม่ทำร้ายมนุษย์และอยู่อย่างสันติ เขาไม่สุ่มสี่สุ่มห้ากัดหรอกนะ”

     

    ราวกับเด็กสาวท่องประโยคนี้ไว้ในหัวอย่างดี เธออธิบายออกมาได้อย่างฉะฉานและจริงจัง ดวงตากลมโตของเธอจ้องไปที่กลุ่มผมดำขลับที่กำลังก้มเขียนงานและพยักหัวขึ้นลงคล้ายกับตอบรับคำพูดของเธอ

     

    “งั้นถ้าหนังสือเล่มนั้นพูดไว้ถูกหมดจริงๆ ล่ะก็ คงไม่มีแวมไพร์ที่ไหนให้เธอถามได้แล้วล่ะเฮิร์ม”

     

    เด็กสาวถอนหายใจเฮือกทันที ดวงหน้าแสดงแววผิดหวังออกมาอย่างไร้การปิดบัง เธอก้มหน้าลงใช้หน้าผากเคาะเบาๆ ไปที่หน้าหนังสือที่เปิดอ่านค้างไว้ แฮร์รี่หลุดขำเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของเพื่อนสาว เฮอร์ไมโอนี่มักจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งเวลาที่มีอะไรไม่ดั่งใจเธอ ยิ่งการอยากรู้อะไรแล้วเธอไม่ได้คำตอบก็จะยิ่งหงุดหงิด

     

    ทั้งสองนั่งคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องแวมไพร์กันไปซักพักอย่างออกรส พร้อมกับเสียงกรนเบาๆ จากรอนที่ฟุบหลับไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่เบะปากมองไปยังคนฟุบด้วยสายตารำคาญ เธออยากจะเอาหนังสือในมือทุบไปซักทีให้ตื่น แต่มาคิดว่าถ้าเจ้าตัวที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมาแล้วบ่นกระปอดกระแปดให้ฟังนั่นน่ารำคาญกว่ามาก

     

    กระแสลมเย็นๆ ผ่านหลังแฮร์รี่ไปวูบหนึ่งเมื่อเขาก้มหน้าเขียนงานต่อไปได้อีกสองสามตัวจนเขารู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที ร่างกายสั่นขึ้นมาน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ หลังคอของเขาที่มีเส้นผมปกปิดไม่มากนักเย็นวาบขึ้นมา ใบหน้าที่จดจ่อกับงานเงยขึ้นและมองไปทางด้านหลังของตัวเองอย่างระแวดระวังอย่างรวดเร็ว

     

    ด้านหลังของเขาไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาเช่นทุกที ดวงตาสีมรกตหลังกรอบแว่นพยายามกวาดตามองไปมา เขากำลังคิดว่าเขาคงคิดไปเอง แต่อาการเย็นวาบๆ ตามร่างกายยังไม่หายไปเท่าที่ควรจะเป็น

     

    เมื่อพื้นที่ว่างที่ผู้คนเดินอยู่เริ่มบางตา ถัดไปอีกเสามีโต๊ะหนึ่งที่ถูกครอบครองด้วยเด็กนักเรียนอีก 5 คนอยู่ สามในห้าพากันฟุบนอนไปแล้ว เด็กสาวอีกคนในกลุ่มนั้นก็กำลังก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่ มีเพียงคนเดียวที่กำลังเงยหน้าจ้องมองมาทางที่แฮร์รี่นั่งอยู่

     

    ใบหน้าขาวจัดนั้นจ้องเขม็งเข้าที่ใบหน้าของแฮร์รี่โดยไม่แม้แต่จะหลบสายตาแม้ว่าคนที่เขาทำการจับจ้องมาซักพักจะหันหลังไปสบตาพอดี มุมปากของเจ้าตัวยกขึ้นคล้ายยิ้มเหยียด – ที่แฮร์รี่แสนเกลียด ดวงตาสีฟ้าซีดเทาจ้องมองอย่างถือดี พลางยักคิ้วข้างหนึ่งส่งมาให้ราวจะกวนประสาท

     

    แฮร์รี่คิ้วกระตุกทันทีกับการกระทำนั้น – ไอ้บ้ามัลฟอย เด็กหนุ่มห้องเรียนข้างกันที่แฮร์รี่รู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยอย่างแรง ด้วยเหตุผลที่ว่าครั้งเมื่อเปิดเทอมวันแรกของไฮสคูลปีแรกของเขา ก็โดนเจ้าคนหัวบลอนด์ทองนั่นมาก่อกวนแล้ว นับแต่นั้นเวลาเจอกันภายในโรงเรียนเขาก็มักจะถูกมัลฟอยแกล้งตลอด ทั้งทางสายตา คำพูด และการกระทำในบางครั้งถ้าหมอนั่นสามารถเข้ามาประชิดตัวแฮร์รี่ได้

     

    เด็กหนุ่มผมดำฮึดฮัดพ่นลมหายใจออกทางจมูกเล็กน้อยแล้วรีบหันหน้ากลับทันที มือกำปากกาในมือแน่น ลมหายใจถูกสูดเข้าปอดลึกๆ ทีหนึ่งและผ่อนออกมายาวๆ เพื่อสงบสติของตัวเอง

     

    เด็กสาวที่จมกับหนังสือในมือชะโงกหน้าออกมาจากหน้าหนังสือเล็กน้อยเพื่อมองเพื่อนของเธอที่ดูท่าว่าจะถอนหายใจออกมารอบแล้วรอบเล่า แต่เมื่อเห็นว่าแฮร์รี่กลับมานั่งทำงานดังเดิมเธอก็เลิกสนใจและอ่านหนังสือในมือต่อ

     

    โดยที่เด็กหนุ่มเรือนผมดำก็แทบลืมไปทันทีว่าอาการหนาวเย็นและขนลุกก่อนหน้าได้หายไปอย่างไม่รู้ตัว

     

     

    “แกล้งอะไรเขาอีกล่ะ”

     

    เสียงเรียบนิ่งของเด็กสาวผมประบ่าสีดำข้างกันกับเด็กหนุ่มผมบลอนด์ทองเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้าจากสมุดตรงหน้า

     

    เสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากคนข้างกายเป็นคำตอบแทน แพนซี่ พาร์กินสันเหลือบสายตามองคนข้างกายเธอที่กำลังใช้สาตาจดจ้องไปยังแผ่นหลังเล็กที่อยู่ถัดไปอีกช่วงเสาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วส่ายหน้าระอา ทั้งที่ก็นั่งห่างกันขนาดนั้น แถมอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้สนใจอะไรแต่แรก แต่เจ้าคนข้างเธอก็ดูจะชอบแหย่เขาคนนั้นอยู่เรื่อยไป

     

    “ยัยเกรนเจอร์สนใจเรื่องพวกนั้นด้วยเหรอ เห็นอ่านหนังสือนั่นมาพักใหญ่”

     

    เดรโก มัลฟอยเอ่ยทำลายความเงียบอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าซีดละออกจากแผ่นหลังเล็กที่กำลังขะมักเขม้นทำงานแล้วเหลือบไปด้านข้างของเขาแทน ฝั่งตรงข้ามของแฮร์รี่คือเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังยกหนังสือขึ้นอ่านจนเดรโกสามารถมองเห็นหน้าปกได้ชัด และมองเพียงแวบเดียวเขาก็รู้ว่าคือหนังสืออะไร

     

    “จะว่างั้นก็ได้ เห็นว่าเธอเป็นพวกหนอนหนังสือน่ะ อะไรน่าสนใจเธอก็จะหาอ่านทั้งหมด” แพนซีตอบโดยไม่เงยหน้าอีกครั้ง

     

    เด็กหนุ่มผมบลอนด์โคลงหัวไปมา ดวงตาฉายแววเรียบนิ่งเย็นชาต่างจากท่าทีกวนประสาทในทีแรก เขามองปกหนังสือเล่มนั้นซักพักแล้วเบือนสายตามาที่แผ่นหลังใต้เสื้อยืดสีเข้มตามเดิม

     

    ด้วยความสามารถของเขาที่เหนือมนุษย์ทั่วไป มันไม่ยากนักหรอก ที่จะได้ยินการพูดคุยของคนที่อยู่ห่างไปแค่หนึ่งช่วงเสา เมื่อนึกถึง รอยยิ้มของเดรโกก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก ดวงตาทั้งสองพราวระยับมากกว่าเดิมยามมองไปที่แผ่นหลังเล็กบางกว่าเขาที่กำลังโยกตัวไปมาเบาๆ

     

     

                “เธอกลัวแวมไพร์ไหม แฮร์รี่ แล้วคิดว่าพวกเขาจะเป็นยังไง”

     

    “ไม่รู้สิเฮิร์ม เพราะยังไม่เคยเจอกับตัวเลยไม่รู้ว่าน่ากลัวไหม แต่ถ้าภายนอกเขาเหมือนเราแล้วไม่อ้าปากแยกเขี้ยวพุ่งใส่ก็คงไม่กลัวนะ แล้วก็... ฉันไม่อยากตัดสินพวกเขาทั้งที่ฉันไม่เคยเจอหรอกนะ แต่ฉันเชื่อนะ ว่ายังไงก็คงมีแวมไพร์ดีๆ อยู่เหมือนกัน”


    ___________________________________________________________________________


    TALK !!


    #WizDMHP ไปหวีดกันในแท็กนี้บนทวิตเตอร์ได้นะคะ!

     

    จริงๆ ตั้งใจจะไม่ลงเลยค่ะ ... แต่มาเจอรูปที่ทำไว้ ก็เลย อะ! ลงก็ได้ ลองเขียนดูก็ได้ค่ะ เรื่องนี้คิดไว้ว่าจะไม่ทำยาวมาก จะพยายามทำให้จบใน 5 ตอนหรืออาจน้อยกว่านี้ค่ะ ไม่ได้วางพล็อตซับซ้อนอะไร แค่อยากเขียนคุณชายเป็นแวมไพร์เท่านั้นเอง งานนี้นอกจากเพื่อนๆ แล้ว มีแขกรับเชิญสุดพิเศษด้วยค่ะ รอรับชมกัน

    ขอกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ จากคอมเมนต์น่ารักๆ จากคนอ่านทีนะคะ ช่วงนี้จริงๆ คืองานท่วมหัวเลย แต่เวลางานเยอะแล้วมันมักจะมีไฟดอดมาเขียนฟิคทุกที แต่งานก็ต้องทำอะเนอะ TwT

    และเพราะตั้งใจจะเขียนไม่ยาว บางทีอาจมีรวบรัดตัดตอนไปบ้าง แต่จะพยายามทำให้ไม่งงนะคะ ธีมเรื่องนี้เป็นไฮสคูลปีสุดท้ายผสมความแฟนตาซีที่ไม่เกี่ยวกับฮอกวอตส์แต่น่าจะจับไปอยู่อังกฤษนะคะ เยะ หวังว่าจะไม่งงกัน ฝากติดตามด้วยน้าาาาาา  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×