คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เป้าหมาย
เป้าหมาย
“อย่างนี้เหรอ ?” ฮารุกะถามพร้อมพิมพ์สิ่งที่ตัวเองเข้าใจลงไปในคอมฯ ซึ่งมันผิดอยู่นิดหน่อย
“ไม่ใช่ เธอต้องขึ้นต้นด้วยคำว่า Virtual” ผมแก้ไขให้เธอเข้าใจเสียใหม่ ซึ่งยากอย่างที่คิด
“ดูในจอฉันนะ ภาพนี้มีนาย A เป็นพอยน์เตอร์ของคลาส Student ซึ่งมันสามารถชี้แอดเดรสอ๊อบเจ็กต์ของคลาส Student และคลาสสืบทอด New Student ได้ ดังนั้นเมื่อเรียกใช้เวอร์ชวลฟังก์ชั่น hello( ) แต่ละครั้ง ก็จะได้ผลการทำงานของอ๊อปเจ็กต์ที่มันชี้อยู่...ทันนะ เพราะงั้นตอนที่เธอประกาศเวอร์ชวลฟังก์ชั่นนี้ถึงต้องขึ้นต้นด้วย Virtual ไง”
ผมวางมือถือไว้ตรงจอมอนิเตอร์เพื่อให้ฮารุกะดูได้ถนัด เธอที่ดูคล้ายกับเข้าใจอะไรบางอย่างจึงรัวนิ้วบนคีย์บอร์ดอย่างเชี่ยวชาญ
ที่ผมกำลังทำอยู่นี้คือการเขียนโปรแกรมแบบเก่าสุดๆ ที่ต้องมานั่งจำตำแหน่ง จำโค้ด และคีย์เข้าไปเอง แต่นั่นก็เป็นเพียงมุมมองความลำบากของผมเพียงคนเดียว อย่างที่เคยบอกไปแล้ว ก็เพราะปัจจุบันมีการริเริ่ม ทำให้อนาคตอันเป็นโลกจริงๆ ของผมมีการพัฒนาต่อยอดจนสะดวกสบาย ขอบคุณนักพัฒนาเหล่านั้นอย่างสุดซึ้งเลย
แต่ถ้าถามว่าทำไมผมถึงต้องเรียนรู้การเขียนโปรแกรมแบบเก่านี้ คงต้องย้อนเวลากลับไปสักเล็กน้อย ที่ว่าย้อนเวลานี่เป็นแค่เพียงคำพูดที่แสดงให้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เท่านั้น เลยไม่ต้องมีไทม์เกียร์มาเกี่ยวข้อง ถ้าพูดถึงการย้อนเวลาแบบนั้น บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมผวามันไม่น้อย แม้จะไม่แสดงออกมาก็เหอะ
ก่อนหน้านี้นิดหน่อย ฮารุกะที่กลับมาจากโรงเรียนก็ขึ้นไปทำอะไรไม่รู้บนห้อง จนประมาณ 6 โมงก็ลงมาเปิด คอมพิวเตอร์ ผมเห็นเธอเปิดหน้าต่างขาวๆ ตั้งแต่ตอนนั้น จนเวลาล่วงเลยมากว่าสองทุ่มก็เห็นตัวหนังสือประดับอยู่บนนั้นยังไม่ถึงบรรทัด ด้วยความสงสัยผมเลยถามดู คำตอบที่ได้รับก็คือ ‘นายไม่เข้าใจหรอก ที่โลกอนาคตมีการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุหรือเปล่าล่ะ’ ก่อนเธอจะนั่งเท้าคางโดยมีกะจิตกะใจทำสิ่งที่ค้างอยู่ให้สำเร็จเป็น 0 เห็นท่าไม่ดีผมเลยขอหนังสือเธอมาอ่าน ถ้าใส่คอนแทคอยู่ก็คงจะสบายกว่านี้ แต่สิ่งที่เกินความสามารถในการเข้าใจของผมเท่าที่จำได้รู้สึกจะไม่มี เพราะงั้นแค่หนังสือจึงเพียงพอแล้ว
15 นาทีต่อมาผมเข้าใจทั้งหมด ปฏิบัติจริงบนมือถือตัวเองอีก 10 นาทีก็เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ได้เอาสิ่งที่ตัวเองเข้าใจไปบอกฮารุกะที่นั่งหน้ามุ่ยค้นข้อมูลในเครือข่ายบรอดแบรนด์ยุคเก่าที่เรียกว่าอินเตอร์เน็ต ผลก็เป็นไปตามคาด เธอทำหน้าอึ้งกิมกี่แบบไม่ปิดบังกันเลยทีเดียว อีกหลายนาทีต่อมาหรือก็คือตอนนี้ ยัยแม่ตอนอายุ 18 ก็เป่าปากพร้อมปิดหน้ากระดานขาวที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือแน่นเอี๊ยด
“ท่าทางเรื่องที่บอกว่ากำลังเรียน ป.โท อยู่ก็ไม่ได้โม้น่ะสิ”
ทำหน้าเหมือนผู้ร้ายยอมจำนนต่อหลักฐานเลยนี่
“ช่างฉันเถอะน่า”
เธอว่างอนๆ ก่อนสะบัดหน้ากลับไปที่จอ ผมเองที่ได้ทำหน้าที่ครูสอนพิเศษโดยบังเอิญก็กลับไปนั่งเอนหลังบนโซฟา พร้อมเปิดโทรทัศน์ดูก็พบว่ารายการเกมส์โชว์สนุกไม่น้อย
“ยังมีอารมณ์สบายใจอยู่อีกเหรอนาย หาทางกลับโลกอนาคตได้รึยังเนี่ย”
คำถามนั้นทำให้ผมต้องเบนสายตาจากโทรทัศน์ไปมองหลังคอขาวๆ ที่เผยเพราะเส้นผมยาวสีโคล่าถูกรวบเป็นหางม้า...ก็รู้อยู่จะถามทำไม
“ก็ไม่อะไรหรอก แค่นัตจังเขาชวนไปเที่ยวน่ะ ถ้านายยังไม่กลับอ่ะนะ”
ผู้หญิงที่เจอเมื่อเช้านั่นเอง
อันที่จริงแล้ว ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่ตัวเองเคยมีเพื่อนสมัยเรียน ม.ปลาย ที่ชื่อ ยามานากะ โคนาตะ ด้วย แถมหน้าตาก็ไม่เข้าข่ายว่าเคยเจอที่ไหน ดูจากความสนิทสนมที่เห็นเมื่อเช้าก็ทำให้รู้สึกว่า ถ้าเธอคนนั้นจะโผล่มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็คงไม่แปลกอะไร แต่แปลกตรงที่ไม่เคยเห็นพ่อพูดถึงเพื่อนของแม่คนนี้เลยนี่แหละ แต่เอาเถอะ มีเหตุผลเป็นร้อยที่ไม่จำเป็นต้องพูดถึงนี่นะ ระหว่างนี้ผมก็คิดได้เกินห้าสิบแล้วด้วย
“ทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่เลยนี่นาย ไม่อยากไปหรือไง”
ใช่...เธอเดาไม่ผิดหรอกว่าฉันเหมือนคนคิดอะไรอยู่
“เปล่า ไปสิ คนเขาอุตส่าห์ชวน”
ยัยนั่นพยักหน้าก่อนจัดแจงปิดคอมฯเพื่อไปหาข้าวเย็นกินในครัว ส่วนผมที่กินไปเรียบร้อยแล้วจึงดูโทรทัศน์ต่อ เมื่อรายการเกมส์โชว์จบลงกลายเป็นรายการข่าว ผมจึงปิดมันและกลับไปตั้งหน้าตั้งตาหาสาเหตุที่ทำให้ผมกลับโลกอนาคตไม่ได้กับหนทางแก้ไข โดยใช้สิ่งที่ต่อให้ผมบอกชื่อก็คงไม่มีใครในยุคนี้เข้าใจได้ แต่ถ้าให้อธิบายลักษณะง่ายๆ ก็คือ คอมพิวเตอร์แบบพับเก็บได้ ซึ่งผมปูไว้กับโต๊ะรับแขกหน้าโซฟาที่ตัวเองนั่งอยู่ วันนี้ทั้งวันผมใช้เวลาไปกับสิ่งนี้ พยายามรวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่มีอยู่น้อยนิด ตั้งสมมติฐาน หรือแม้แต่ลองสร้างเครื่องทะลวงสัญญาณแบบง่ายๆ เพื่อขอความช่วยเหลือจากตำรวจในอนาคตก็ทำแล้ว แต่มันไม่ได้ผล
ไม่ได้ผลที่ผมพูดถึงนี้ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คนที่มีไอคิวระดับ 200+ อุตส่าห์เค้นสมองคิดไม่ประสบผลสำเร็จ แต่มีผู้ที่พยายามสุดขีดที่จะปิดกั้นการขอความช่วยเหลือของผมเช่นกัน มันเป็นใครที่ทำแบบนี้ผมไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าถ้ารู้ตัวคนร้ายและได้เห็นหน้ามันก็จะขอชกสักหมัดโดยไม่ฟังเหตุผลใดๆ เพราะงั้นพ่อจึงพ้นจากข้อสงสัยผมไปแล้ว ผมเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ถ้ามีเรื่องให้ผมทำในช่วงเวลานี้เขาก็ขอดีๆ ไปแล้ว
“โอ้โห ไอ้นี่ของนายเจ๋งไปเลยแฮะ”
ไม่รู้ว่ากินข้าวเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ และก็ไม่รู้ว่าเธอคนนี้มานั่งข้างๆ ผมตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนนี้เธอก็อยู่ตรงนี้ พร้อมส่งสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบังไปยังสิ่งที่เปรียบเสมือนผ้าปูโต๊ะเปล่งแสง ว่าแต่ช่วยอย่าพูดอะไรคลุมเครืออย่างไอ้นี่ไอ้นั่นของฉันอีกนะเธอ
“ในอนาคตเราจะมีของเจ๋งๆ อย่างนี้ใช้จริงๆ เหรอ?”
ยัยนี่ถามพลางใช้นิ้วจิ้มนุ่นนี่ราวกับเด็กซน อายุก็ไม่น้อยแล้วนะเธอ ส่วนเรื่องที่ถาม ถ้าไม่ใช่ลูกคุณหนูจริงๆ ก็ไม่มีใช้หรอก เพราะราคามันก็ไม่ได้ถูก
“อีกละ ทำไมนายถึงชอบย้อนฉันอยู่เรื่อยนะ สงสัยเถียงพ่อเถียงแม่บ่อยล่ะสิเนี่ย ใช่ไหม”
ฉันไม่มีอะไรที่ต้องเถียงกับพ่อหรอก เธอถูกเรื่องหนึ่งที่ว่าส่วนใหญ่ฉันจะเถียงกับแม่มากกว่า เพราะตั้งแต่มานี่ฉันก็ใช้คำพูดที่เข้าข่ายการเถียงทั้งชีวิตกับพ่อไปกับเธอหมดแล้ว แต่แน่นอน ผมแค่คิดอยู่ในใจสำหรับเรื่องนี้
“โอ๊ะ ตรงนี้มีแกลลอรี่อยู่ด้วย ขอดูได้ไหม?”
ย่อไว้เล็กๆ ยังอุตส่าห์หาเจออีกเนอะ
“ไม่ได้” ผมบอกไปแค่นั้น และลากสิ่งที่ยัยนั่นอยากเห็นซ่อนไว้ลึกๆ ซึ่งเธอทำปากยื่นเมื่อถูกปฏิเสธ หน้าตาตลกจริงวุ้ย
“แค่นี้ทำเป็นหวง มีรูปต้องห้ามของแฟนนายอยู่รึไง เชอะ ผู้ชายก็เป็นซะแบบเนี้ย”
คิดเองพูดเองเออเองเสร็จสรรพเลยนะเธอ อะไรนักหนาเนี่ย ฉันไม่มีรูปแบบนั้นหรอกเพราะไม่ใช่คนซกมก ถ้าเป็นรูปแฟนฉันยินดีจะโชว์ให้เธอดูเลย เพราะมั่นใจว่าตัวเองหาแฟนได้สวยน่ารักแน่ แต่ที่ให้ดูไม่ได้ก็เพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าในอนาคตเธอจะมีลูกชายชื่อ โอกาวะ โคซาโตะ ที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ต่างหาก
ใช่ครับ ในแกลลอรี่ของผมมีทั้งภาพของฮารุกะในต่อจากนี้อีกหลายปีหลายสิบรูป ทั้งวีดิโอพร้อมคลิปเสียง ฉันกลัวเธอจะช็อคหรอกถึงให้ดูไม่ได้ เป็นความใจดีของฉันล้วนๆ เลยนะ
แต่เหมือนหญิงสาวนางนี้จะไม่ได้รู้สึกติดใจอะไร เธอกวาดสายตาไปยังไอเทมต่างๆ ที่ผมวางไว้อยู่บนโต๊ะอีกตัว จนในที่สุดเธอก็เลือกมา 1 อย่าง
“แล้วอันนี้ล่ะ ขอลองได้รึเปล่า?”
พร้อมทำหน้าเหมือนลูกแมวเห็นหญ้าปลอม
“เธอรู้เหรอว่ามันใช้ยังไง” ผมถามและหยิบเครื่องเล่นออลอินวันรูปแว่นตากันแดดขึ้นมา ในเมื่อไม่มีอะไรในนี้ที่ไม่อยากให้ยัยนี่เห็นผมก็ไม่หวงหรอก
“แล้วมันคืออะไรล่ะ”
ฮารุกะทำแววตาราวกับลูกสาวที่เห็นพ่อกำลังซื้อขนมสำหรับตัวเองโดยเฉพาะ ผมอมยิ้มก่อนจะส่งให้เธอไป
“มันทำได้หลายอย่าง ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ สวมไว้เหมือนแว่น และตรงขาแว่นมันจะมีลูกกลมๆ อยู่เห็นไหม ดึงมันลงมาใส่ในหูเธอก็เล่นได้ตามปกติ การสั่งการหลักๆ ก็ใช้เสียงกับความคิด ฉันเชื่อมต่อกับเครือค่ายออนไลน์ในยุคนี้ไว้แล้ว นอกนั้นเธอไปลองดูเอาเองละกัน”
ระหว่างที่ผมอธิบายมาถึงตรงนี้ ยัยนั่นก็สแตนบายรอเรียบร้อยแล้ว วิบตาต่อมาคุณเธอก็เข้าสู่โลกแห่งเกมส์ ถ้าดูจากนิสัยแล้วผมคิดว่าคนอย่าง โอกาวะ ฮารุกะ ไม่น่าจะเริ่มด้วยเกมส์สำหรับผู้เริ่มต้น
ขณะที่ฟังฮารุกะพูดนู่นนี่นั่นในโลกแห่งเกมส์ ผมก็วางแปลนสิ่งที่จะทดลองทำในวันพรุ่งนี้ จากนั้นผมก็ยกคอมที่เปรียบเหมือนผ้าปูออกจากโต๊ะ พับมันจนเล็กพอ ก่อนจะม้วนเก็บในกระบอกและเดินไปเข้าห้องน้ำ
ในคืนที่สองของการอยู่บ้านหลังนี้ คุณแม่ของฮารุกะอนุญาตให้ผมใช้ห้องนอนของคุณลุงหรือคุณตาโคจิโร่ได้ อันที่จริงตั้งแต่เด็กจนถึงเมื่อวานซืน ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณตาคุณยายแบบตัวเป็นๆ สักครั้ง สาเหตุก็เพราะว่าพวกท่านตายในอุบัติเหตุคราวนั้นพร้อมกันกับแม่ของผม ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกท่านเป็นคนยังไง แต่พอได้มาสัมผัสกับคนที่ผมต้องเรียกว่าคุณแม่ในยุคสมัยนี้ก็รู้เลยว่าท่านเป็นคนน่ารักและใจดีมาก ผมคิดเรื่องเหล่านี้ขณะเดินออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นฮารุกะยิ้มพร้อมแสดงท่าทางเก้ๆ กังๆ ขณะสนุกอยู่กับเกมส์ ก็ทำเอาหน้าอกผมร้อนวูบขึ้นมา
พ่อเล่าให้ฟังว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับครอบครัวโอกาวะคราวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัย แต่มันเป็นการวางแผนฆาตกรรม ระบบของรถทั้งหมดถูกโปรแกรมบางอย่างทำให้รวน แต่ทั้งหมดเป็นเพียงคำพูดของพ่อเพียงคนเดียว ตำรวจไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ มาพิสูจน์คำพูดของเขาได้ ด้วยเหตุนั้นจนถึงตอนนี้ฆาตกรก็ยังคงลอยนวลอยู่
แต่พ่อบอกว่าเขารู้ตัวคนร้ายดี ซึ่งชื่อของหมอนั่นผมจำได้ขึ้นใจ ถามว่าทำไมผมถึงปักใจเชื่อคำพูดที่ไม่มีหลักฐานของพ่อตัวเอง ก็เป็นเพราะว่าตลอดชีวิตทั้ง 18 ปีของผมยังไม่เคยเห็นพ่อว่าร้ายใคร ขนาดคนที่กระทำกันโต้งๆ เขายังอุตส่าห์หัวเราะพร้อมมองพวกนั้นอย่างเข้าใจได้ แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วว่าไหม
ฮารุกะสั่งตัวละครในเกมส์ด้วยอารมณ์ที่อินสุดๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ท่าทางติดลมนั่นทำให้ผมซึ่งกำลังเก็บของลงกระเป๋าทวงคืนไม่ลง
หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยผมก็เปิดนิตยสารเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะดู นางแบบในนั้นทำให้ผมคิดเล็กๆ ว่าทำไมยัยแม่ของผมที่กำลังหัวเราะหัวใคร่อยู่นี่ถึงไม่ลองส่งประวัติตัวเองไปดูบ้าง หัดใช้สิ่งดีๆ ในตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยก็น่าจะเวิร์คไม่ใช่เรอะ ถ้าขี้เกียจจะให้ฉันเป็นธุระให้เลยก็ยังได้
“เอ้าเด็กๆ ทำอะไรกันอยู่เอ่ย”
เมื่อเปิดประตูเข้ามาคุณแม่ก็ทักทายด้วยเสียงสดใส เธอแขวนโค้ทไว้ที่ราวหน้าประตู ถุงกระดาษใบใหญ่นั่นท่าทางจะหนักไม่น้อย ผมจึงรีบลุกขึ้นไปช่วยคุณแม่ถือ
“แหม...ขอบใจจ้ะโคซาโตะคุง แล้วนั่น...ฮารุทำอะไรอยู่”
คุณแม่เอี้ยวตัวมองผ่านไหล่ผมไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่บนโซฟา...ตายล่ะ ยัยนั่นไม่ได้รู้เรื่องที่แม่ตัวเองกลับมาเลยวุ้ย และเป็นไปได้ยากที่ผู้เป็นแม่จะไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบนหน้าลูกสาวตัวเอง
”อยู่ในบ้านฮารุจะใส่แว่นดำทำไมเนี่ย”
จะสนุกก็หัดรู้เนื้อรู้ตัวบ้างเหอะแม่คุณเอ้ย ยังดีที่คุณแม่ไม่ได้ถามผมซึ่งคิดคำแก้ตัวไม่ทัน แต่เดินไปสะกิดไหล่ฮารุกะ ข้างๆ ซึ่งก็ได้ผล ยัยนั่นรู้ตัวสักที
”อ้าวแม่ กลับมาตอนไหนคะเนี่ย”
”เมื่อกี้น่ะสิ แล้วเราเป็นอะไร ใส่แว่นดำพึมพัมๆ อยู่คนเดียว อย่าบอกนะว่าเป็นเครื่องเล่นเกมแบบใหม่”
ถูกเผงเลยครับคุณแม่ น่าจะส่งไปสมัครรายการเกมโชว์ที่ผมเพิ่งจะดูจบไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้ให้รู้แล้วรู้รอด เอาล่ะ ในเมื่อคุณแม่ไม่ปล่อยความสงสัยตัวเองไปง่ายๆ ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือเธอแล้วนะ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อป่าวประกาศว่า ’ข้านี่แหละคนจากอนาคต’ นะขอบอก ให้เธอรู้คนเดียวก็พอ แล้วก็ให้มันหยุดอยู่แค่นั้นแหละ ยัยนั่นมองมาที่ผมแวบหนึ่งขณะที่กำลังคิดอย่างนั้น ทั้งที่ผมไม่ได้ส่งซิกอะไร แต่ดูเหมือนคุณเธอจะเก็ท
”อ๋อ...ของลูกชายแม่นั่นแหละ หนูเห็นมันเท่ดีก็เลยยืมมาลองใส่ดูน่ะค่ะ”
ผมเห็นสีหน้าฉงนของคุณแม่ตอนเอาของไปวาง
”ไม่ยักรู้ว่าเราชอบของเท่ๆ ด้วย”
”แหม ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ เห็นอย่างนี้หนูก็โตแล้วนา รสนิยมก็ต้องมีเปลี่ยนบ้างไรบ้าง...”
ลื่นยิ่งกว่าปลาไหลตอนรู้ตัวว่ากำลังจะถูกจับไปย่างอีกแฮะ
”…ช่างเหอะค่า แม่เหนื่อยไหม เดี๋ยวหนูไปเตรียมน้ำอุ่นให้เนอะ”
”จ้า ฝากด้วยนะ เดี๋ยวแม่ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน อ้อ แม่ซื้อขนมมาฝากเราสองคนด้วยนา อยู่ในถุงนะจ๊ะโคซาโตะคุง”
ยัยฮารุกะกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันทีเหมือนเด็กที่หยุดโตอยู่แค่นี้ แต่ผมต้องขอผ่านเพราะหมดเวลากินของตัวเองแล้ว การที่ตัวเองเป็นคนเป๊ะกับทุกเรื่องก็ทำให้ผมเป็นคนที่มีสุขภาพกายแข็งแรงมาจนถึงตอนนี้นี่แหละ คุณแม่ชื่นชมผมในเรื่องนั้น และบอกฮารุกะว่าน่าจะตั้งกฎเกณฑ์ในตัวเองขึ้นมาบ้าง ยัยนั่นค้อนผมทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไรพร้อมทำปากยื่นเป็นเป็ดก่อนเปล่งเสียง เด็กๆ ออกมา
”กฎของหนูก็คือไม่ฝืนตัวเองไงคะ”
และสะบัดก้นไปทางห้องน้ำ
ไม่รู้ว่ายัยนั่นเข้าใจอะไรผิดหรือไม่เข้าใจอะไรเลยกันแน่ อยากมอบพจนานุกรมพร้อมที่คั่นหนังสือที่คั่นอยู่ตรงหน้าที่บอกความหมายของคำว่า ’กฎเกณฑ์’ ให้ เป็นของขวัญวันเกิดจริงๆ ไม่ไหวเลยยัยคนนี้ หวังว่านิสัยนี้ของเธอจะหายไปก่อนฉันเกิดนะ แต่เท่าที่สำรวจตัวเองก็พบว่ามีสิ่งที่ตรงข้ามกับมารดาบังเกิดเกล้าหลายอย่าง เพิ่งดีใจที่ตัวเองเป็นตัวเองก็วันนี้นี่แหละ
”ตามสบายนะโคซาโตะคุง”
ผมตอบรับคุณแม่ที่เดินขึ้นบันไดไป ขณะที่ผมกำลังจะกดรีโมตเปิดโทรทัศน์ก็มีเสียงเพลงดังขึ้น
[Sorry Sorry Sorry Sorry…]
ช่างเป็นเพลงที่ฟังออกแค่นั้นจริงๆ ต้นเสียงมาจากทางซ้ายของทีวีซึ่งเป็นที่ตั้งของโต๊ะคอม เครื่องสี่เหลี่ยมสีขาวสั่นไหวอยู่บนนั้น โดยส่วนตัวผมมีนิสัยที่ไม่ชอบให้คนที่เขาอุตส่าห์โทรฯมาต้องผิดหวัง ผมจึงเดินเข้าไปเพื่อดูชื่อคนโทรฯมา เมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของคนที่ผมได้เจอเมื่อเช้า การรับสายแทนยัยนั่นคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
”สวัสดีครับนัตจัง”
[อุ๊ย...โคซาโตะคุง...หวาว...แล้วนี่ฮารุไปไหนเหรอคะ]
”ยัยนั่นเตรียมน้ำให้คุณแม่อาบอยู่ครับ น่าจะอีกพักหนึ่ง จะรอไหมครับ”
[ตอนนี้เขาปิดคอมไปแล้วใช่ไหมคะ เฟซบุ๊คไม่ได้ออนแล้ว]
โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คระดับตำนานกำลังบูมอยู่ในยุคนี้สินะ ”ใช่ครับ”
[งั้นไม่เป็นไรค่ะ ฝากโคซาโตะคุงบอกฮารุด้วยนะคะ ว่าพรุ่งนี้เรียวคุงเรียกประชุมแบ่งงานกัน ให้รีบมาแต่เช้า]
หา...?
”ได้ครับ...เอ่อ..นัตจัง ผมขอถามเรื่องหนึ่งได้ไหม”
ชื่อของเขาสะดุดกึกขึ้นมา ผมภาวนาจากใจว่าอย่าให้เป็นคนเดียวกันกับที่ผมรู้จักแต่ไม่เคยเห็นหน้า เสียงหวานปลายสายอุทานสั้นๆ จนเหมือนเห็นภาพเธอเอียงคอพร้อมขมวดคิ้ว ผมถามคำถามที่ตัวเองสงสัยออกไปหลังได้รับอนุญาต
”เรียวคุงที่นัตจังพูดถึง...เป็นใครเหรอครับ...หมายถึง...ชื่อจริงน่ะ”
[เห...เรื่องนี้เอง เขาชื่อนิโนมิยะ เรียว น่ะจ้ะ เป็นประธานของชมรมเราที่ฮารุแอบปลื้ม.....]
คำพูดหลังจากนั้นผมไม่ได้ฟังเลยแม้แต่คำเดียว ไม่รู้สักนิดว่าตัวเองวางสายไปตอนไหน ชื่อจริงของชายคนนั้นถูกเอ่ยออกมาทำลายคำขอของผมเป็นผุยผง คำขอที่ภาวนาต่อพระเจ้าว่าอย่าให้เป็นชื่อเดียวกันกับคนที่ผมรู้จักแต่ไม่เคยเห็นหน้า
นิโนมิยะ เรียว
ฆาตกร...ที่ทำให้ผมกำพร้าแม่ตั้งแต่ยังไม่รู้ความ..
ความคิดเห็น