คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เมื่อเขาและเธอได้เจอกัน
เมื่อเขาและเธอได้เจอกัน
'ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้น'
'รู้อย่างนี้ทำซะตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว'
'เวลาที่เสียไปแล้วเรียกคืนไม่ได้นะ'
ผมรู้สึกสงสารคนในยุคก่อนหน้านี้นิดหน่อย พวกเขามักจะพูดแบบนั้นเสมอเวลาที่อะไรๆไม่เป็นดั่งใจ
ไอ้ความรู้สึกเสียดายเวลาที่เสียไปใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจมัน แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจเอาซะเลยก็คือในเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรกับเวลาที่เสียไปไม่ได้ ทำไมถึงไม่คิดอะไรให้รอบคอบก่อนจะลงมือกระทำ ส่วนเรื่องที่ความรอบคอบช่วยอะไรไม่ได้ผมคิดว่ามันก็มี แต่ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นจริง ต่อให้เป็นพระเจ้าก็คงจนปัญญาจะช่วย และต่อให้สลับจุดยืนของผมตอนนี้กับคนในยุคก่อน ผมว่าตัวเองก็คงไม่พูดเรื่องไร้สาระแบบประโยคข้างต้นแน่นอน
โลกปัจจุบันที่ผมอยู่คือโลกอนาคตของคนเหล่านั้น ซึ่งการท่องเวลาไปในอดีตก็ไม่ต่างอะไรกับการซื้อทัวร์ท่องเที่ยว ผมโชคดีกว่าชาวบ้านนิดหน่อยที่ได้เกิดมาในวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวยจนแบบว่า ถ้าจะมีอุปกรณ์สำหรับย้อนเวลาตั้งอยู่บนอ่างล้างจานก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่เรื่องที่แปลกเห็นทีจะเป็นเรื่องที่ความต้องการอยากจะใช้มันของผมมีค่าน้อยกว่าศูนย์
สำหรับคนในอดีต ยุคของผมคือยุคแห่งความฝัน แต่ถ้าสำหรับผมก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นตาขนาดนั้น อาจเป็นเพราะสภาพที่แทบไม่ต้องกระดิกนิ้วทำอะไรเป็นแวดล้อมที่คุ้นชินตั้งแด่จำความได้ แต่ก็รู้สึกขอบคุณจินตนาการและความทะเยอทะยานของคนยุคก่อนเหมือนกัน ที่ทำให้ปัจจุบันเป็นอย่างที่เป็นอยู่ แต่ถ้าอยากจะให้อธิบายให้เห็นภาพกับคุณๆ คงจะยาก เพราะคุณคงไม่เข้าใจแหง ผมเองก็ขี้เกียจเล่า คุณไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองคิดถึงโลกอนาคตหรอก ทำสิ่งที่ควรทำให้ดีที่สุดอยู่กับปัจจุบันของคุณไปน่ะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมานั่งบ่นตามที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น เพราะผมรำคาญ และมันก็เป็นประโยชน์กับตัวคุณเองด้วย ใครว่าผมผิดก็เถียงได้เลย
เอาล่ะ สำหรับวันนี้ ผมจะทิ้งเลข 7 ที่ต่อเลข 1 ในอายุและเปลี่ยนเป็นเลข 8 แทน ซึ่งผมจะใช้เลขเดิมนี้ไปจนกว่าจะถึงวันนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
"บ่นอะไรไอ้ลูกชาย อธิษฐานได้แล้ว"
เค้กวันเกิดก้อนเบ้อเริ่มถูกนำมาตั้งโดยหุ่นยนต์สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มราคาแปดหลักของเงินเยน เทียนที่ปักอยู่บนก้อนสีดำมีอยู่แค่สองเล่มเหนือเลข 1 กับเลข 8 ซื่งทำจากไวท์ช๊อคโกแลต ว่าแต่...สมัยนี้เขายังต้องขออะไรกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้แบบนั้นอีกเรอะ
"แหม มันเป็นมู้ดไง อายุสิบแปดแล้วหัดมีอารมณ์โรแมนซ์หน่อยเซ่"
พ่อว่าอย่างเซ็งๆ ผมไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียง จึงก้มหน้าขอพรซึ่งขอแบบเดิมทุกปี ก่อนจะเป่าให้ความสว่างที่มีอยู่น้อยนิดดับวูบไป
"คำอธิษฐานของแกตลอดสิบหกปีจะเป็นจริงในวันนี้ ดีใจด้วยนะ"
ชายที่มีใบหน้าคล้ายผมในอีกหลายสิบปีพูดพร้อมความสว่างที่คืนมาจากหลอดไฟ
"ผมสิบแปดแล้ว พ่อมั่ว"
"สองปีแรกที่แกเกิดแกยังขอพรไม่ได้นี่หว่า เพราะงั้นไม่นับ"
จะจุกจิกไปเพื่อ? แต่ก็ดีใจนะ วันนี้เป็นวันที่ผมบรรลุนิติภาวะ เพราะงั้นกฎหมายสำหรับเด็กทั้งหมดจึงปลดล็อค หนึ่งในนั้นคือการอนุญาตข้ามมิติเวลา
คำอธิษฐานของผมไม่ว่าจะเทศกาลไหนหรือในวันเกิดตัวเองมีอยู่เพียงข้อเดียวคือ อยากจะพบกับแม่สักครั้ง พ่อบอกว่าแม่ตายด้วยอุบัติเหตุก่อนที่ผมจะจำความได้ ซึ่งนั่นผมคิดเสมอว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับตัวเอง เพราะงั้นการที่ผมจะกลับไปพบกับผู้มีบุญคุณเหลือล้นจึงเป็นเพียงแค่การเรียกร้องความยุติธรรมของคนเป็นลูกชายเท่านั้น
สิ่งที่เกี่ยวกับแม่มีมากมายหลายอย่าง แน่นอนพ่อเป็นคนเก็บเอาไว้ และสิ่งที่ผมดูซ้ำแล้วซ้ำอีกคือรูปถ่ายกับวีดิโอของเธอ ดูจนหัวใจผมซึมซับทั้งใบหน้าสวยน่ารักในแบบที่ว่าถ้าผมเจออย่างนี้บ้างคงรักตาย ทั้งเสียงเล็กๆ ใสๆ ที่ฟังแล้วคล้ายเด็กแต่ก็เพราะจนถ้าเอาทำนองมาใส่ก็อัดเป็นเพลงได้สบาย ทั้งหมดทั้งมวลนั้นผมจำได้ชัดเจนราวได้กับเจอด้วยตัวเอง
หลังจากกินเค้ก ผมก็ได้มาสแตนด์บายอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น พ่อบอกว่าจะไปเอาของขวัญมาให้ซึ่งไม่ต้องเสียสมองเดาเลยว่าเป็นอะไร
"อ่ะ ไทม์เกียร์ของแก พ่อเก็บไว้ให้ตั้งนานแล้ว"
พ่อพูดพร้อมยื่นสิ่งที่คล้ายกับนาฬิกาข้อมือสีดำให้กับผม จะว่าคล้ายก็ไม่เชิง ถ้ามันมีเวลาบอกมันก็คือนาฬิกานั่นแหละ เพียงแต่ออปชั่นหลักมันไม่ได้ใช้ดูว่าควรจะกินอาหารกลางวันได้หรือยัง
"แล้วก็ใส่คอนแทคนี่ซะ มันจะบอกทุกอย่างที่แกอยากรู้เกี่ยวกับยุคที่แกจะไป"
ผมที่ใส่ไทม์เกียร์เสร็จแล้วรับตลับขาวๆ สี่เหลี่ยมผืนผ้าก่อนจะเปิดมันและใส่ทันที
"มีกฎข้อห้ามอะไรนอกเหนือจากที่ผมรู้อีกรึเปล่าพ่อ"
"ไม่มีหรอก มีอยู่แค่สองสามข้อที่สำคัญๆ ก็อย่างเรื่องที่ห้ามบอกเรื่องในอนาคตให้คนในอดีตรู้และก็อื่นๆ นิดหน่อยแกรู้อยู่แหละ"
ก็จริงอ่ะนะ ผมคงไม่ทำอะไรโง่ๆ ในอดีตเพื่อเดือดร้อนตัวเองในอนาคตหรอก ว่าแต่คอนแทคนี่เจ๋งแฮะ แฉข้อมูลพ่อซะหมดเปลือกเพียงแค่ผมคิดเท่านั้น
"แต่ถึงแกจะทำผิดกฎก็ไม่ต้องเป็นห่วง พ่อแกใหญ่ซะอย่าง"
มันใช่คำสอนที่พ่อควรเตือนคนเป็นลูกไหมล่ะนั่น ดีที่ผมเป็นคนรุ่นใหม่ที่ค่อนข้างจะมีหัวคิด ไม่งั้นผมก็คงเตลิดออกเที่ยวหาแต่เรื่องปวดหัวมาให้บุพการีเป็นแน่แท้ การที่ผมไม่เคยคิดอยากใช้เครื่องย้อนเวลายกเว้นครั้งนี้เป็นหลักฐานว่าผม หรือคนรอบตัวไม่เคยเสียใจกับเรื่องที่ตัวเองเคยทำ เป็นหลักฐานชั้นยอด ที่ใครๆ ก็ต่างชื่นชมว่าผมถูกอมรมมาดี
ระหว่างที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แวบเดียวผมก็มาอยู่บนห้องนอนตัวเองแล้ว
พ่อบอกเรื่องที่ควรเลี่ยงอีกนิดๆ หน่อยๆ ก่อนจะบอกให้ผมโชคดี และฝากความคิดถึงให้แม่ด้วย...
ตัวเองเพิ่งบอกข้อห้ามอยู่หยกๆ น้า ของพรรค์นั้นจะไปพูดยังไงเล่า
เอาล่ะ ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรงหลังปิดเทอมมาได้ 2 อาทิตย์ การไม่ใช้เวลาไปกับการรอนู่นนี่นั่นเป็นนิสัยของผม
ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้ผมจึงได้มายืนอยู่ในที่ๆ ไม่ใช่ห้องนอน ถ้าหวังสเปเชี่ยลเอฟเฟคของการข้ามมิติเวลาก็ขอโทษทีที่มันไม่ใช่นิยายไซ-ไฟ แต่ความจริงก็อย่างที่เห็นนี่แหละ ผมย้อนกลับมาในอดีตเรียบร้อยแล้ว
โดยที่ไม่เฉลียวใจเลยว่า จินตนาการแห่งความฝันของผมจะโดนพังทลายโดยไม้กวาดด้ามเดียว
---------------------------------------------------------------------------
"ย้ากกกกก........ฮู้ววววววววววว"
เจ้าของเสียงตะโกนลั่นซอยคือฉันเองแหละ การที่ไม่มีอะไรลอยออกมาจากหน้าต่างแลนด์ดิ้งสู่กระหม่อม(กบาล)น้อยๆ ของฉัน เป็นหลักฐานว่าตัวเองยังเป็นคนที่มารยาทใช้ได้
แต่ทว่า...
หากใครได้รู้สาเหตุที่ฉันกรี๊ดกร๊าดหน้าบานปานได้แคะเล็บขบให้กับสมาชิกวง SJ ก็คงต้องปรบมือให้กับความพยายามและผลลัพธ์จากมัน ที่ตอนนี้อยู่ในมือเรียวสวยของฉันแล้ว
อยากย้อนกลับไปก่อนนี้นิดหน่อยเหมือนกัน แต่ก็กลัวคนเขารำคาญ เอาเป็นว่าตอนนี้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งวางขายวันแรก ตอนนี้...ดิฉันสอยมาเรียบร้อยละค่าาาา วู้ววว รู้สึกว่าค่าความอินเทรนด์ตัวเองเพิ่มขึ้นมา 147% เลยอ่ะตัวเธอ ว่าแล้วเดี๋ยวถึงบ้านต้องถ่ายรูปคู่กับมันหน่อยละ อัพฯ ลงวอลล์ยั่วน้ำลายพร้อมเพิ่มอุณหภูมิรอบดวงตาให้ She ทั้งหลายสักหน่อย
แต่เมื่อกลับมาถึงก็ต้องแปลกใจ ทำไมประตูรั้วถึงเปิดได้หว่า แม่ก็ยังไม่กลับนี่นาเพราะรถไม่อยู่..........
หรือว่า...!?!
ฉันทำตัวเงียบจนขนาดนินจายังต้องอายพร้อมกลมกลืนไปกับความมืดของราตรี เบียดร่างเข้าประตูรั้วก่อนจะแอบข้างกำแพงบ้าน
เห็นแล้ว! หมอนั่นอยู่หน้าบ้านและยังไม่รู้ตัว เอาไงดี จะแจ้งตำรวจมือถือเครื่องเก่าก็ขายไปแล้ว ส่วนเครื่องใหม่ก็สมชื่อ ใหม่ขนาดกล่องยังไม่ได้แกะเล้ย เอาวะ
หลังคิดตก ฉันซ่อนกล่องมือถือไว้แถวนั้น และคว้าไม้กวาดใบไม้ในสวนติดมือมาพร้อมย่องราวสายลับ โอกาวะ ฮารุกะ แอสซาซินโหมด!!! ชะแว้บ...
ค่อยๆ... ค่อยๆ... ขนาด ชะตาตัวเองใกล้ขาดแล้วยังไม่รู้ตัว หมอนี่เป็นโจรที่เซ่อจัดจ้านจริง เอาล่ะ ระยะเข้าที่แล้ว ฉันจับไม้กวาดสองมือแล้วชูขึ้นเหนือหัว จิตวิญญาณแห่งเคนโด้จุติแล้ว!!!
ป้าบๆๆๆๆๆๆ
"โอ้ยๆๆๆๆๆๆ"
"ตายซะไอ้โจรชั่ว มือเท้ามีไว้สร้างแต่ความเดือดร้อนให้คนอื่นรึไงย้าาาา"
เสียงฟาดไม้ดังสะใจจริง แต่ฉันยังไม่หยุดมือ โจรชั่วปัดป้องพายุไม้กวาดที่ฉันกระหน่ำฟาดราวกับซัมเมอร์เซลล์ลดราคา 99%
"ยัยบ้า หยุดฟังกันก่อนดิเฮ้ย!"
"ใครจะไปโง่ทำแบบนั้นกันเล่า!!"
"โธ่เว้ย! พอแล้ว!!!"
สัญญาณบ่งบอกถึงอันตรายดังลั่นในหัวฉันเมื่อเขารับไม้กวาดได้ โจรชั่วแย่งอาวุธพิฆาตหนึ่งเดียวของฉันและโยนหายไปในสวน เราสู้กันครู่ใหญ่จนไม่รู้ว่าอะไรหล่นจากตัวบ้าง แต่สุดท้าย แรงสาวน้อยน่ารักบอบบางเช่นฮารุหรือ จะสู้แรงชายโฉดได้
เขาล็อคข้อมือฉันด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียวพร้อมดันหลังจนติดประตูบ้าน อีกมือปิดปากฉันไว้ ร่างสูงของเขาชิดกับฉันมากจนเหมือนกับถูกกอดทำให้ยกขาเตะไม่ได้ บ้าจริง มันจะฆ่าเรารึเปล่า รึว่าจะเอาไปขาย! ยิ่งน่ารักอยู่ด้วยนะเรา
"ฉันไม่ใช่คนร้าย!"
ชายโฉดขึ้นเสียง โหย เชื่อตายล่ะ...
แต่ไม่รู้ทำไม อีกใจหนึ่งก็...รู้สึกว่าเขาพูดเรื่องจริงนะ แบบว่า โจรที่ใส่น้ำหอมที่ดมกลิ่นแล้วไม่อยากนึกถึงราคาต่อขวดนี่...มันมีสักกี่คนล่ะ แถมตัวเขาก็อุ่นๆอย่างบอกไม่ถูก ว้ายยย นี่ไม่ใช่เวลามาเคลิ้มนะยะฮารุ!!!
เขาหันล่อกแล่กราวกับกลัวจะมีคนรู้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ อวัยวะที่อยู่บนใบหน้าฉันใช้ได้แต่ตา ส่วนอื่นถูกกดด้วยมือใหญ่ เพราะงั้นด้วยความที่ฉันใช้อวัยวะส่วนที่เหลือเต็มที่ ทำให้ฉันได้เห็นหน้าเขาราว 180 องศา
พระเจ้า...เขา หล่อเริ่ดมากค่ะ คิ้วเข้มเรียงสวยเป็นระเบียบ ดวงตาคมกริบสีน้ำผึ้งราวปิศาจ จมูกโด่งเฟี้ยวเป็นสันแลดูแข็งแรงและริมฝีปากหยักสีชมพูอ่อนพอดีคำ...
เอ้ย! พอๆๆๆๆ ยังไงหมอนี่ก็เป็นโจร และเมื่อเขาถอนหายใจออกมาในที่สุดเขาก็จ้องใบหน้าฉันตรงๆ
รู้สึกไปเองรึเปล่า แต่เขาทำหน้าเหมือนผีน้อยแคสเปอร์เจอผีไม่น้อยในเรื่องจูออนไต่อยู่บนขื่อบ้าน
"...แม่!!!"
ฉันพยายามสื่อความหมายผ่านดวงตาว่า 'ใครแม่นายยะ' แต่ไม่จำเป็นแล้ว เขาผละออกจากฉันไปเองและเซถอยหลัง ละม้ายคล้ายคลึงกับแอ็คติ้งคนตกใจในหนังที่พยายามสื่อให้คนดูเข้าใจอย่างนั้นนั่นแหละ
"เฮ้ย!!!"
ท่าทางของคนจะเป็นลมของหมอนั่นเป็นสาเหตุให้ฉันอุทานมาดแมนเช่นนี้ ฉันคว้าแขนหมอนั่นที่กำลังจะหงายหลังไปโดยอัตโนมัติ เพราะไม่งั้นหัวพี่แกต้องฟาดกับขอบปูนตายแหงแซะ
"นาย...นาย! เป็นอะไรอ่ะ!"
พอเห็นคนไม่สบายอยู่ตรงหน้า ต่อมความใจอ่อนของตัวเองก็เริ่มทำงานทันที เอาไงดีๆ จะแจ้งตำรวจดี หรือพาเข้าบ้านก่อนดี ว้าก! สับสน! เอางี้ดีกว่า หาหลักฐานที่ระบุว่าหมอนี่เป็นใครแล้วยึดไว้ รอเขาตื่นค่อยถามว่ามาขโมยของที่บ้านรึเปล่า โอเคตามนั้น
ฉันแบกตัวชายปริศนาไปพิงกับประตูบ้าน ตัวเขาเบากว่าที่คิดมากเลยล่ะ ก่อนจะล้วงทุกกระเป๋าที่มีอยู่บนเสื้อผ้า แต่ก็ไม่เจอพวกบัตรอะไรที่ระบุตัวเขาได้เลย จริงสิ จะว่าไป คนจะมาขโมยของใครมันจะไปพกอะไรมา
แต่เดี๋ยวก่อน...ตอนที่เราสู้กันมีอะไรตกมาจากเสื้อหมอนั่น...
ว่าแล้วฉันก็หันกลับหลังไปปร๊าดหนึ่งและก็เจอ เจ๋งจอร์จ! มือถือโจรนอนแอ้งแม้งอยู่ใกล้ๆ กับชั้นวางกระบองเพชร ฉันหยิบขึ้นมา...พลิกซ้ายพลิกขวา....อืม......มือถือแปลกๆ นะ........(โปรดสังเกตจุดที่เริ่มเยอะขึ้นตามระดับความงง) พลิกหน้าพลิกหลัง................
แล้วปุ่มปลดล็อคมันอยู่หนใดล่ะเว้ยเห้ย!!! จะว่าไปสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มันวางขายที่ใดในโลกฟร้าาาาาา
แต่แล้วหน้าจอก็สว่างขึ้น อักษรคาตาคานะสีขาววิ่งเร็วปรู๊ดบนแบ็คกราวด์สีดำตัดกับตัวเครื่อง อ่านได้ความว่า
[กำลังสแกนม่านตา...]
[กำลังสแกนลายนิ้วมือ...]
[กำลังสแกน DNA จากต่อมไขมันบนฝ่ามือ...]
บอกฉันทีพระเจ้านี่มันอะไร
ยังไม่ทันที่คำขอของฉันจะทะลุผ่านกลุ่มเมฆสตราโตคิวมูลัส ไอ้สถานะสแกนสีขาว พากันพร้อมใจเปลี่ยนเป็นข้อความสีแดงเถือกว่า
[ไม่ยืนยันตัวเจ้าของ <โอกาวะ โคซาโตะ>]
พร้อมเสียงของชายผู้สลบไป...
[นายเป็นใครวะ จะแอบดูอะไรในมือถือชาวบ้านเค้า ทุเรศจริง]
จึ้ก กก กกก
ซาวด์เอฟเฟคค์แทงใจดำตำเข้ามาในอก แต่เรื่องนั้นยังไม่สำคัญเท่ากับความจริงในมือ แก็ตเจ็ตที่ดิฉันถืออยู่นี่จะวางขายหลังจากนี้อีกกี่สิบกี่ร้อยปีฟร้า ที่สำคัญกว่านั้นอีก หมอนี่ชื่อ โคซาโตะ นามสกุล โอกาวะ หมอนี่เป็นอะไรกับฉัน หวังเรื่องเดียวคือหมอนี่คงไม่ใช่สายลับที่หลุดมาจากหนังเรื่องมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ลนะ!!!
ความคิดเห็น