นี่เปียโนหลังนั้นมันตั้งอยู่ตรงนั้นมานานเท่าไหร่แล้วนะ...
เมื่อไหร่เธอจะกลับมาตามที่สัญญากับฉันไว้...
ฉันจะไม่บ่นว่ามันไม่เพราะอีกเลย ขอเพียงแค่เธอกลับมาแค่นั้น ได้ไหม
สวัสดีครับ ไดอารี่เล่มนี้ เล่มที่เธอคนนั้นซื้อให้ผมในวันเกิดเธอ ผมมาสาย ผมมาถึงผมก็ขอโทษเธอหลายๆครั้ง เธอไม่ถามถึงเหตุผลของผม เธอคงรู้ดี ผมขี้ลืมมาก หลังจากผมขอโทษและให้ของขวัญกับเธอแล้ว เธอก็ยื่นไดอารี่เล่มหนึ่งผม ผมงงมาก เธอให้ผมทำไม ผมถามเหตุผลของเธอ วันนี้วันเกิดเธอ แต่ทำไมถึงให้ของขวัญกับผมแทน เธอตอบผมด้วยความสดใส พร้อมกับหัวเราะน้อยๆที่ทำให้ผมงงได้
“โตฟขี้ลืมนี่ เราก็เลยให้ไดอารี่นี้ไว้จด กันลืมนะ จะได้จำได้ว่าคนอื่นนัดโตฟตอนไหน”
ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมตอบเธอกลับไปว่า ก็ผมไม่ได้มีรอยหยักในสมองเยอะแบบเธอนี่ ผมพูดจริง...เธอเรียนเก่งมาก ต่างกับผมมากเช่นกัน สมัยก่อน เธอคอยติวหนังสือให้ผมยามเมื่อใกล้สอบเกือบทุกครั้ง จนทุกวันนี้ ผมไม่ได้เรียนคณะเดียวกับเธอ แต่ผมก็ไม่เข้าใจ เธอหาความรู้จากวิชาที่ผมเรียนมาจากไหน เธอ...ยังคงสามารถสอนผมได้ แม้จะเรียนคนละวิชา...ผมสนิทกับเธอมาก เธอไปเล่นที่ห้องผมได้โดยไม่กลัวผม แม้ผมจะเป็นผู้ชาย และเธอเป็นผู้หญิง ผมอยู่คอนโดคนเดียว ผมชอบเปียโนมาก เธอพยายามขอฝึกเปียโนกับผม ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเข้าห้องนี้ จนทุกวันนี้ เธอยังเล่นได้กระท่อนกระแท่น ผมว่า..เธอคงไม่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีล่ะมั้ง ผมเคยบ่น เธอเล่นอะไรของเธอ ทำไมมันช่างเพี้ยนซะขนาดนั้น ทั้งทำนอง ทั้งคีย์ แต่ผมชอบมันนะ ก็...ผมรักเธอนี่ แต่เธอคงไม่รู้ เพราะผมไม่เคยเอ่ยปาก จนวันสุดท้ายที่ผมเจอเธอ ผมจำเหตุการณ์นั้นได้ดี มันเหมือนภาพติดตา ที่ติดตาผม มันหลอกหลอนผมในฝันทุกคืน วันนั้นเป็นว่าที่ผมควรจะดีใจวันนั้นวันที่ 6 สิงหา ผมยังจำได้ดีแม้มันจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม วันนั้น ผมชวนเธอไปนั่งเล่นกันอยู่น้ำตก ผมกับเธอชอบลุย ผมชวนเธอไปปีนน้ำตก หลายๆชั้น วันนั้นผมได้คุยกับเธอว่า
“มาสต์ เรามีอะไรจะบอก”ผมเอ่ยขึ้นหลังจากเราปีนมาถึงชั้นสูงสุดของน้ำตก ที่นี่ไม่มีใครเลย สงสัยเพราะมันปีนยากล่ะมั้ง
“อะไรหรอ”เธอถามผม
“เรา...เอ่อ เรา”ผมพูดได้แค่นี้ แล้วผมก็เงียบ ตอนนั้นผมพยายามรวบรวมความกล้าจะสราภาพรักกับเธออยู่ แต่สงสัย ผมหน้าแดงมาก เธอเล่นเอ่ยบอกถามผม
“มีอะไรหรอ ทำไมโตฟหน้าแดงจัง เป็นไข้หรือเปล่า”เธอเอียงคอนิดๆอย่างที่ติดเป็นนิสัยแล้วเอามือแตะหน้าผากผมเบาๆ ตอนนั้น ในใจผมคิดว่า เธอน่ารักจัง น่ารักมากๆเลย
“คือเรา...คือเรารักมาสต์”ผมโผล่งออกไป ดูเธอตกใจ มือที่เธออังหน้าผากอยู่ชะงัก เธอชักมือกลับ ในใบหน้าเธอไม่มีคำว่าดีใจแปะอยู่เลย
“เราก็รักโตฟนะ เรารักเพื่อนทุกๆคนเลย”เธอตอบผมมาแบบนี้ ผมรู้ว่าเธอรู้ว่าผมหมายถึงรักเธอแบบไหน แต่เธอคงบ่ายเบี่ยง ผมเศร้าไปพักนึง ก่อนตัดสินใจ บอกเธอให้ถึงที่สุด
“ไม่ใช่สิ เรารักมาสต์ แบบที่ไม่ใช่เพื่อน แบบคนรัก ความรักที่ชายให้หญิงหนะ”ผมบอกเธอไปอย่างนั้น เธอทำหน้าตกใจนิดๆ เธอคงไม่คิดว่าผมยังคงจะบอกเธอต่อไป
“อืม...”เธอตอบกลับมาแค่นั้น แค่นั้นจริงๆ แล้วเธอก็ก้มหน้าลง ตอนแรกผมสงสัย เธอก้มหน้าลงทำไม ผมมองตามเธอ ผมเห็นหยดน้ำสีใสๆหยดลงบนพื้น ผมรู้ทันทีเลยนั่นว่า เธอร้องไห้...
“มาสต์ มาสต์ร้องไห้ทำไม เราขอโทษ เราจะกลับมาคิดกับมาสต์แบบเพื่อนก็ได้ เราขอโทษนะมาสต์ เลิกร้องไห้เถอะนะ”ผมจำไม่ได้ว่าผมขอโทษไปกี่ครั้ง นับไม่ถ้วน ผมพึมพำอยู่แค่นั้น ผมขอโทษ... มาสต์เงียบไปสักพักพร้อมกลับพูดขัดผมขึ้นว่า
“เลิกขอโทษเราได้แล้ว ไม่ใช่ความผิดของโตฟหรอกที่ทำเราร้องไห้ เราร้องเอง เราสิสมควรขอโทษโตฟ”เธอบอกผม เธอนิ่งไปสักพักพร้อมบอกว่า “เราลงกันเถอะ” ผมตอบตกลง...
หลังจากนั้น ผมกับเธอก็ลงมาข้างล่าง เราแยกย้ายกันกลับ หลังจากนั้นผมไม่ได้ติดต่อเธออีกเลย เธอก็ไม่ติดต่อมาหาผมเช่นกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงเปิดเทอม ผมจึงไม่ต้องลาเรียน วันๆผมหมกตัวอยู่แต่ในคอนโดผม ผมร้องไห้ แต่ผมไม่แตะของมึนเมาทั้งสิ้น ผมรู้ดีว่ามันไม่ทำให้ผมลืม แต่มันจะยิ่งทำให้ผมเจ็บ เพราะผมเลิกดื่มของมึนเมาเพื่อเธอ เธอเคยเตือนผมไว้ เวลาผมเห็นของพรรค์นั้น ผมจะนึกถึงเธอ ผมถึงไม่แตะมัน ผมร้องไห้ น้ำตาของลูกผู้ชายรินหลั่งลงมา ผมพรมนิ้วลงบนเปียโน เพลงที่เธอชอบ ให้มันช้ำใจ ผมบรรเลงเปียโนทั้งน้ำตา ตอนนั้น ผมไม่รู้เลยว่า มีอีกคนมานั่งร้องไห้หน้าห้องผมเช่นกัน ผมบรรเลงอย่างนั้นทั้งวัน ไม่กิน ไม่นอน จนสุดท้าย ผมทนไม่ไหว ผมสลบคาเปียโน เธอคงสังเกตว่าเปียโนเงียบเสียงไปนาน เธอจึงเปิดประตูเข้ามา เธอมีกุญแจสำรองของผม เธอพาผมไปโรงพยายามทันทีที่เจอผมในห้อง ผมเข้าไอซียู กระเพาะผมเป็นแผลเหวอะหวะเพราะผมไม่กินอะไรทั้งสิ้น ผมนอนให้น้ำเกลือ จนวันนึง ผมตื่นขึ้น ผมพบกับเธอ นอนหลับฟุบเตียงผม พร้อมกับจับมือผมไว้แน่ ผมไม่กล้าขยับตัว กลัวเธอตื่น ผมนอนมองหน้าเธอ สักพักเธอก็รู้สึกตัว
“โตฟ โตฟ โตฟตื่นแล้วเหรอ ทำไมไม่ปลุกเรา เรียกพยายามบาลๆ”เธอพูด ดูเธอตกใจที่ผมตื่นจริงๆ ผมมองเข้าไปในดวงตาคู้นั้น ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ผมว่า ผมเห็นแววดีใจของเธอนะ
“มาสต์ เรา..น้ำ”ผมเจ็บคอ สงสัยนอนมาเกินไปเลยคอแห้ง
“น้ำๆ”ดูเธอยังตกใจไม่หาย เธอหยิบน้ำมาให้ผม แต่ผมไม่มีแรงจะถือแก้วเลย ผมเลยไม่ได้ยกมือขึ้นรับ เธอคงจะงง เลยถามผมว่า
“ทำไมไม่รับไปล่ะ”
“เราไม่มีแรง”ผมตอบตามตรง
“อ๋อ...เอ้อ เราลืมนึก”แล้วเธอก็ประคองผมขึ้นยกดื่มน้ำ พอผมพอ พยาบาลก็เข้ามาพอ พยาบาลบอกให้เธอไปรอข้างนอกก่อน ความจริง ผมไม่อยากให้เธอไปตอนนั้นเลย แต่ผมไม่แรง แม้จะพูด พยาบาลตรวงร่างกายผม ถามอาการ ผมตอบไปได้แต่เบาๆ สักพักนางพยาบาลเดินออกไป พร้อมบอกกับผมว่า ผมต้องนอนดูอาการสัก 3-4 วัน พอนางพยาบาลเดินออกไป เธอก็เดินกลับเข้ามา
“เป็นไงบ้าง”เธอถามผม ตอบนี้ผมเริ่มมีแรงแล้ว ผมตอบกลับไปว่า
“หายปวดแล้ว”เธอยิ้ม...แล้วเธอก็ร้องไห้...ผมตกใจมาก
“มาสต์เป็นอะไร”ผมถามเธอด้วยความตกใจ
“โตฟ เราขอโทษ เราขอโทษจริงๆ”เธอพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา
“ทำไม มาสต์ขอโทษเราทำไม”ผมถามแบบงงๆ
“เรา..เรา มีอะไรอยากบอกโตฟ เราขอโทษจริงๆที่ต้องมาบอกวันนี้ ทั้งๆที่...เรามีเวลาต้องมากมาย เราทำให้โตฟเป็นแบบนี้ เราขอโทษ”ผมเงียบ ฟังเธอต่อ
“เรา...โตฟ โตฟจำที่โตฟบอกเราบนน้ำตกได้ไหม”ผมจำได้ จำได้ดีทีเดียว ครั้งนี้ ผมอยากบอกเธออีกครั้ง
“เราจำได้ ที่เราบอก เรารักมาสต์ ใช่ไหม”ผมถามเธอ
“ใช่ โตฟ เรา..เรารักโตฟนะ แต่ว่า...”เธอเงียบไป ผมดีใจ เธอรักผมเหมือนกัน
“แต่”เธอพูดได้แค่นี้เธอก็ร้องไห้หนักเข้าไปอีก ร้องแล้วเธอก็พูดต่อประโยคนั้นพร้อมเสียงสะอื้น
“แต่เราเป็น...ลูคีเมีย ระยะสุดท้าย โตฟรู้ไหมว่าเราอยู่ได้อีก 2เดิอนเท่านั้น เราไม่อยากให้โตฟเสียใจ ถ้าเราบอกว่ารักโตฟไป แต่เราก็ไม่อยากให้โตฟเป็นแบบนี้เพราะเราเหมือนกันเราติวให้โตฟได้เพราะเราหาอ่านมาเพื่อนติวโตฟ เรารักโตฟ เรารักโตฟ”เธอบอกผม ตอนนั้นเหมือนโลกมันถล่มลงตรงหน้า แต่ผมจำได้ว่า การรักษาพวกนี้อยู่ที่กำลังใจ ผมจะเป็นอำลังใจให้เธอได้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเลยตัดสินใจบอกเธอไปว่า
“มาสต์ มาสต์เป็นแฟนกับเรานะ”
เธอตกใจ
“โตฟแน่ใจแล้วหรอเราอยู่ได้อีกไม่นานนะ”
“แน่ใจสิ ตกลงนะ ช่วงเวลาทีเหลือ ขอเราทำให้มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดได้ไหม นะครับ”
“เรา..ตกลง”คำตอบเธอทำเอาผมยิ้มทั้งๆที่ในใจอยากร้องไห้
“งั้นรอแปป โตฟขอเก็บของก่อน”
“โตฟ โตฟต้องอยู่ดีอาการอีกนะ โตฟ อย่า”ผมไม่ฟังเธอ ผมอยากให้มีเวลามากที่สุด
“มาสต์ ช่วงนี้ มาสต์ไปอยู่กับเราที่คอนโดได้ไหม เล่นเปียโนให้เราฟังทุกวันนะ”ผมขอเธอให้สิ่งที่ไม่คาดคิด
“เอ่อ...มันจะดีหรอ เรา...”
“นะครับ ถ้ามาสต์ไม่อนุญาต เราจะไม่แตะตัวมาสต์เลย เราสัญญา”ขอเสนอของผม
“ตกลง”เธอตอบตกลง หลังจากนั้น ผมก็หนีออกจากโรงพยาบาล
หลังจากนั้น ทุกๆ ผมให้เธอบรรเลงเปียโน สอนเปียโนให้เธอ พาเธอไปทุกทีที่เธอยากได้ เธอยากได้อะไร ผมหามาให้เธอทุกอย่าง วันนึงเธอบอกกับผมว่าหมอวินิจฉัยได้ว่า เธอจะอยู่ได้อย่างมากคือวัน xx เท่านั้น เวลาผ่านไป 50 วัน อีก 10 วันจะครบเวลาเธอบอก ทำให้ผมนึกขึ้นได้อย่างหนึ่ง ก่อนหน้าวันที่เธอบอกมันเป็นวันเกิดผมเอง...วันนั้นผมกะจะบรรเลงเปียโนเพลงที่ผมแต่งเพื่อเธอ
วันก่อนหน้าวัน xx
ผมขอบันทึกเหตุการณ์ณืวันนั้นเป็นบทสนทนาตลอดเลยดีกว่า รอบนี้ ผมจะไม่เขียนเอียงๆเพื่อนให้เหมือนเหตุการณ์ย้อนหลัง แต่ผมขอเน้นข้อความแทน วันแห่งความทรงจำของผม
วันนี้ ผมไปข้างนอก กลับมาพร้อมตุ๊กตาหมี ตัวที่เธออยากได้ เธอรออยู่ที่ห้อง ผมเปิดประตูเข้าไป...
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์จ้ะ”เธอยื่นเค้กมาให้ผม ทั้งห้องปิดไฟมืด มีเพียงแสงเทียนที่ทำให้เห็นหน้าเธอผมเป่าเทียน ตอนนี้ เหลือเพียงแสงสลัวจากห้องนอนผมที่เปิดไปสีส้มลอดออกมา ผมวางเค้กไว้บนโต๊ะ เธอจะเดินไปเปิดไฟ แต่ผมคว้าแขนเธอไว้ก่อน วันนี้ ผมอยากอยู่มืดๆ แล้วตอนนี้ บรรยากาศช่างโรแมนติกมากเธอหันมาทางผม ผมเห็นจากแสงไป ผมนั่งลงกับโซฟา
“ไม่เปิดไฟล่ะ”เธอถามผม ผมเงียบ แล้วผมก็กระตุกแขนเธอเบาๆ แต่กำลังเธอตอนนี้ ทำให้เธอมาตามแรงผม เธอนั่งลงบนตักของผมพอดี... ผมเอาหน้าเกยกับไหล่เธอ พูดเบาๆว่า
“อยู่แบบนี้สักพักนะ” เธอนิ่ง ผมถือว่าเธอตอบตกลง ผมนั่งอยู่ท่านั้นนานท่าไหร่ ผมไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือตอนที่เธอหันมาถามผมว่า
“โตฟ จะนั่งอีกนานเท่าไหร่”เธอหันหน้ามา ตาเราสบกันพอดีผมจ้องตาเธอหน้าเธอแดงขึ้นเรื่อ ผมเห็นแม้มันจะมีแสงแค่นิดเดียว เธอน่ารักมาก.. . ผมก้มหน้าลงเรื่อยๆ เหมือนมีแรงอะไรไม่รู้มาดูดให้ผมก้มลงไป ริมฝีปากผมเกือบจะชนกับริมฝีปากบางๆของเธอ ผมถามเธอว่า จูบเธอได้ไหม ผมกลัวผิดสัญญา เธอไม่ตอบผม แต่เธอกับยื่นหน้าเอาริมฝีปากบางมาแตะริมฝีปากผม ผมยิ้มในใจ พร้อมจูบเธอ เธอจูนผมตอบ ทำเอาผมชะงักนิดๆ แล้วผมก็จูบเธอต่อ เธอประทวงในลำคอเบาๆ ผมถึงหยุด ให้เธอได้หายใจ เธอหน้าแดงเธอช่างน่ารักจริงๆ ผมชักอดใจไม่อยู่แล้วนะเนี่ย แต่...สัญญาต้องเป็นสัญญา เธอคงจะเห็นผมพยายามจะห้ามใจตัวเอง แต่เธอมาทำเอาผมตบะแตก เธอจูบผมอีกครั้ง ผมอึ้งมาก...ครั้งนี้เธอเงยหน้าข้นมาพูดกับผมเบาๆว่า
“โตฟ อยู่เฉยๆนะ เดี๋ยวเรามา” แล้วเธอก็เดินเข้าห้องนอนไป ทำเอาผมค้างเล็กๆ เธอเดินกลับมา พร้อมผ้าผืนเล็กๆยาว เธอเดินอ้อมไปข้างหลัง เธอเอาผ้าปิดตาผมไว้ ผมงง แต่ผมไม่ได้ถามอะไรออกไป ผมั่งนิ่งแล้วมีอะไรไม่รู้มาจับที่มือผม เดินจูงไปไหนผมไม่รู้ เธอผลักผมเบา ผมนั่งลงไป นุ่มๆนี่เตียงผมนี่ ผมกระซิบบอกข้างหูเบาๆว่า แกะผ้าปิดตาได้ แล้ววันนี้ เธออนุญาต ละเว้นขอสัญญาที่โรงพยาบาล หลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้น ผมไม่เขียน มันอยู่ในความทรงจำผมตลอดมา...วันรุ่งขึ้น ผมตื่นมา ผมไม่อยากปลุกเธอ ผมรอเธอตื่นนานมาก แต่แล้ว เธอก็ไม่ตื่น ผมลองเอามืออังจมูก ผมพบว่า เธอไม่หายใจแล้ว...น้ำตาผมไหลลงเรื่อยๆ สุดท้ายผมได้สติ ผมโทรเรียกรถพยาบาล เธอเขาไอซียู ผมรอนานมาก จนหมอท่านหนึ่งเดินออกมา บอกผมว่า เธอสิ้นใจ แต่เธอ อยู่ได้นานกว่าที่หมอคาด ผมทรุด ร้องไห้อย่างไม่อายใคร ร้องจนไม่มีน้ำตา
ผมเดินออกจากโรงพยาบาล เดินไปเรื่อยๆ เดินจนถึงห้อง ตอนนั้น มันมีภาพเธออยู่เต็มห้อง ไม่ว่ามุมไหนก็มีภาพเธอเต็มไปหมด ผมเริ่มได้สติ ผมโทรไปบอกพ่อกับแม่เธอ แม่เธอบอกจะจักงานศพให้ พอวางหู ผมเดินไปที่เปียโนหลังนั้น ผมฟุบหน้ากับเปียโนร้องไห้...ร้องอย่างนั้นทุกวัน ทุกเวลา งานศพเธอ ผมไม่ได้ไป ผมร้องไห้ ร้องไห้...
จนวันนี้ ผ่านไป 1 ปีกับการจากไปของเธอ ผมเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ผมเงียบ ตั้งใจเรียนจนผมคว้าเกียรตินิยมมาได้ วันนี้ ผมจัดของที่ห้อง ในวันเกิดผม ผมไม่จัดงาน ผมเจอไดอารี่เล่มนี้ ผมเอามาเขียนถึงเธอ เพื่อระลึกถึงเธอ ไม่จะไม่เศร้ากับการจากไปของเธอ แต่ผมสัญญาตรงนี้ เธอจะเป็นรักแรกและรักสุดท้ายของผม หัวใจผมไม่เหลือที่ให้ใครแล้ว...ผมรักเธอจังเลย....
Ps.คืนวันเกิดผม คืนนั้นเธอไม่ได้มีอะไรกับผมนะ อย่าเข้าใจผิด ผมแค่นอนกอดเธอเฉยๆ
------------------------------------------- the end ---------------------------------------
เม้นท์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็น