แค่ได้บอกว่า 'รัก' - แค่ได้บอกว่า 'รัก' นิยาย แค่ได้บอกว่า 'รัก' : Dek-D.com - Writer

    แค่ได้บอกว่า 'รัก'

    หากถ้าได้รักใครไปแล้ว คงอยากจะำพูดคำนั้น แม้จะมีความจริงอะไรที่ถูกเปิดเผยขึ้นมา แต่ความรู้สึกที่เรียกว่ารักที่แท้จริงคงจะยังอยู่ และอยากจะบอกไป ก่อนที่จะสายถ้าหากรู้ตัว

    ผู้เข้าชมรวม

    236

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    236

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 มี.ค. 53 / 20:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      ณ เมือง เฮเลไนซ่า เป็นเมืองที่กว้างใหญ่มากถึงกับมี ป่าต้องห้ามที่ไว้สำหรับองค์หญิงของเมืองนี้เท่านั้น องค์หญิงทรงเป็นผู้ที่มีความงดงามมากขั้นว่า เจ้าชายต่างเมืองมาขอสมรสกันเป็นว่าเล่น นางทรงมีใบหน้าเรียวเล็กขาวผุดผ่องคล้ายกับว่าจะมีประกายระยิบระยับออกมาเมื่อมอง ดวงตาของนางกลมโต สีฟ้าสดใสจึงเป็นเหตุให้นางมีนามว่า แซฟไฟร์ จมูกและปากจิ้มลิ้ม นางดูงดงามที่สุดแล้วในแคว้นแห่งนี้

              พระราชาและพระราชินีทรงดูแลเมืองอย่างดี การค้าก็เจริญรุ่งเรืองพร้อมกองทหารที่มีความเข้มแข็งสำหรับการรบ เมือง เฮเลไนซ่า เป็นเมืองที่น่าเกรงขามมาก ถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆในแคว้นนี้

            วันหนึ่งเมื่อเจ้าหญิงแซฟไฟร์ เดินเล่นเข้าไปในป่าเหมือนเคยเพื่อผ่อนคลาย ทันใดนั้นนางได้ยินเสียงร้องแปลกดังมาจากป่าลึกข้างใน  โอ๊ยยย ! เป็นเสียงผู้ชาย เจ้าหญิงแซฟไฟร์ตกใจเลยเดินตรงเข้าไปตามเสียงนั้น ก็พบร่างของชายหนุ่มผู้ซึ่งมีบาดแผลเลือดไหลอาบไปทั่วร่างกาย ใบหน้าของชายหนุ่มดูมีเสน่ห์แม้จะเป็นใบหน้าที่ทรมาน เจ้าหญิงทรงลงทุนลากชายหนุ่มร่างใหญ่ไปที่น้ำตกในป่า ล้างเลือด และทำแผลที่หน้าอกของชายหนุ่มโดยใช้สมุนไพรในป่านั้น และทรงดูแลเขาอย่างดีจนกระทั่ง ชายหนุ่มผู้นั้นฟื้น องค์หญิงจึงถามว่า

      “ท่านเป็นใคร ทำไมถึงมีบาดแผลเช่นนี้ ?

      “เราเป็นชาวบ้านธรรมดาที่ผ่านมาแถวนี้ แล้วโดนเจ้าสัตว์ร้ายตัวใหญ่ทำร้าย”ชายหนุ่มผู้นั้นตอบ

      “ท่านคงหิวแล้วสินะ ข้าจะนำอาหารมาให้” องค์หญิงแซฟไฟร์พูด

      “ท่านเป็นถึงองค์หญิง อย่ามาช่วยเหลือชาวบ้านธรรมดาอย่างข้าเลย”

      “แล้วจะให้ข้าทนดูผู้อื่นทรมานอย่างนี้หรอ คงไม่ได้หรอก รอข้าสักครู่นะ”องค์หญิงพูดเสร็จก็เดินไปเอาอาหารมาให้กับชายหนุ่ม

       

                      นางทรงมาดูแลชายหนุ่มทุกวัน จนกระทั่งทั้งคู่สนิทกัน  และนางก็ได้หลงรักชายหนุ่มผู้นั้น วันหนึ่งเมือเจ้าหญิงมาหาชายหนุ่ม สัตว์ร้ายตัวใหญ่มหึมาได้ออกมาจะทำร้ายองค์หญิง ชายหนุ่มผู้นี้ก็ลงไปปกป้องและต่อสู้กับสัตว์ร้ายจนชนะ แต่ก็ได้แผลที่หัวไหล่มาอีก เจ้าหญิงก็ทรงทำแผลให้ และสังเกตุไปเห็นรอยสักสีดำที่เป็นรูปเหมือนสายเลือดของเจ้าเมืองเก่าๆที่สลายไปแล้ว แต่นางก็ไม่ได้สนใจอะไร จนนางไปได้ยินที่ พระราชาคุยกับมหาดเล็ก

      “สายไปแล้วสินะ ถ้าเราจะแก้ไข”พระราชาทำสีหน้าเคร่งเครียด

      “พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเป็นคนตรวจสอบว่า คนผู้นี้เป็นคนของสายเลือดเมือง โพไซดอนนา ผู้มีรอยสักสีดำเฉกเช่นรูปนี้”มหาเล็กพูดและโชว์รูปรอยสักที่อยู่บนกระดาษ องค์หญิงเห็นแล้วทรงตกใจมาก

      “สมควรแล้วแหล่ะ มันเป็นการแก้แค้นที่ถูกต้องแล้วสำหรับคนอย่างข้า”พระราชาพูดพลางลูบหน้าตัวเอง

      “จะให้ข้าพเจ้าทำยังไงต่อไป ทรงสั่งมาได้เลยเพคะ”มหาเล็กพูดทำหน้าขึงขัง

      “ท่านไปบอกครอบครัวของท่าน ให้เก็บข้าวของและไปจากเมืองนี้ก่อนรุ่งเช้าซะ”พระราชาพูด

      “ท่าน...เราจะต้องต่อสู้ และ...”

      “พอแล้วแหล่ะ มันถูกต้องแล้วที่เค้าจะต้องทำอย่างนี้ เพื่อแก้แค้นให้คนของเขา ข้าเองนั่นแล่ะที่ผิด กลับบ้านไปเถอะ”พระราชาตัดบทและไล่มหาดเล็กไป

      “งั้นข้าพเจ้าขอให้พระองค์โชคดี นะพ่ะย่ะค่ะ”แล้วมหาเล็กก็เดินออกไป

      เจ้าหญิงยังคงไม่เชื่อสายตาตัวเอง เนื่องจากว่ารอยสักรูปนั้นเป็นรูปเดียวกับรอยสักที่แขนของชายหนุ่ม ตอนนี้ความสงสัยของนางผุดขึ้นมารายล้อมสมองของนางและนางมีหลายคำถามที่อยากจะถามชายหนุ่ม นางรีบเดินไปที่ป่าเพื่อพบชายหนุ่ม แล้วนางก็เดินตรงไปพยายามกลั้นน้ำตาแล้วถามว่า

      “เจ้าเป็นใคร ?

      “ข้าคือคนธรรมดาสามัญที่เจ้าไม่ควรรู้จัก”ชายหนุ่มตอบมองลึกลงไปในตาองค์หญิง

      “ไม่จริงใช่ไหม ที่เจ้ามาล้างแค้นพ่อข้า”นางถามพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้

      “จริง สิ่งที่พ่อเจ้าทำยังไงมันก็คงเรียกว่าคนไม่ได้ ข้ามาแก้แค้นให้พ่อข้า เนื่องจากพ่อเจ้านั่นแหล่ะที่เหยียบเมืองข้าจมดินและทำให้เมืองของเจ้ายิ่งใหญ่มาในปัจจุบันนี้ไงเล่า !”ชายหนุ่มพูดทุกอย่างที่อยากระบายออกมา

      “ฮึก ฮึก เจ้าทำอะไร เจ้าเข้ามาที่นี่ทำไม”องค์หญิงน้ำตาไหลพรากออกมาอาบแก้ม

      “ข้ามาเพื่อดูลาดเลา เมืองของเจ้าและวางระเบิดที่จุดศูนย์กลางของเมืองเจ้า เมืองเจ้าจะระเบิดเป็นจุณในรุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้เมือพระอาทิตย์ได้พ้นขอบฟ้ามา”ชายหนุ่มพูด สายตาที่กำลังจะซ่อนความเจ็บปวดก็ทนไม่ไหวเมื่อเห็นเจ้าหญิงร้องไห้เลย สะบัดหน้าหนี

      “ในเมื่อเจ้าจะฆ่าทุกคนในเมืองนี้ทำไมเจ้าไม่ ฆ่าข้า ฮึก ฮึก ปล่อยให้ข้าโดนเสือกินไปเลยล่ะ จะมาช่วยข้าไว้ทำไม ฮึก ฮึก”เจ้าหญิงทรงร้องไห้ราวกับน้ำนัยน์ตาเจ้าหญิงที่เก็บไว้ได้ล้นออกมาอย่างมากมาย

      “....”

      “เจ้ารู้ไหม ข้าไม่เคยรู้สึก ฮึก กับใครเช่นนี้มาก่อนเลย..ฮึก ฮึก จนกระทั่งข้าได้มาพบ เจ้า”เจ้าหญิงพูดไปสะอื้นไป

      “สิ่งที่เจ้าทำ....ข้าขอขอบคุณมาก นี่มันก็ดึกมากแล้ว ทำไมเจ้าไม่กลับไปซะ”ชายหนุ่มพูดมองขึ้นไปบนฟ้าที่มีดวงดาวระยิบตา

      “อย่าไล่ข้า ข้าอยาก ฮึก จะบอกฮึก ฮึก ว่าข้า รักเจ้านะ”เจ้าหญิงได้บอกความรู้สึกทั้งๆน้ำตา

      “......บอกเพื่ออะไรกันทั้งๆ ที่ข้าเป็นศัตรูของท่าน”ชายหนุ่มถาม

      “ข้าไม่สนใจว่าท่านจะคิดยังไงกับข้า แต่ข้าจะบอกก่อนที่ข้าจะตาย ก่อนที่ข้าจะสิ้นลมหายใจ”เจ้าหญิงพูด

      “ข้าก็รักเจ้า”ชายหนุ่มพูดเบาๆ

      เมื่อองค์หญิงได้ยินดังนั้นก็ทรงเงียบไป อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ชายหนุ่มยื่นมือไปจับมือองค์หญิงที่บอบบางราวกับมือจะหักอย่างแผ่วเบา แล้วพูดว่า

      “ทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำ อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ข้าและเจ้าก็จะไม่ได้เจอกันอีก เจ้ามีจะถามอะไรข้าอีกไหม?

      “ข้าอยากรู้ว่าเจ้า ชื่ออะไรกัน”เจ้าหญิงถาม

      “ข้ามีชื่อว่า ไวรี เจ้าชายแห่งเมือง โพไซดอนนา ผู้แก้แค้น”เมื่อ เจ้าชาย ไวรีพูดจบ องค์หญิงแซฟไฟร์ก็โผเข้ากอดทั้งคู่ก็โอบกอดกันใต้แสงดาว พร้อมรับความเจ็บปวด เมื่อรุ่งเช้ามาถึง เมื่อพระอาทิตย์ได้พ้นขอบฟ้า แสงของอนุภาพทำลายล้างก็ได้ส่องออกมาสู้กับแสงของพระอาทิตย์ แล้วเมืองทั้งเมืองก็หายไป พร้อมๆกับคู่รักจากไปแต่ความรักของพวกเขาจะอยู่ต่อไป

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×