คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : วิวาห์จำยอม 1
เรากำลังมีชีวิตของคนที่ตายไปแล้ว เราถูกห่อหุ้มอยู่ด้วยภาวะของอดีต
โอกุสต์ กงต์
"เจ้าพอจะบอกข้าได้ไหม ว่าวีร์ออกมาในสนามรบทำไม"
นั่นเป็นประโยคแรกที่ริซวานเอ่ยขึ้น เมื่อทั้งเขาและหมอนั่นรีบรุดมายังที่เกิดเหตุหลังจากที่ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในกระโจมถึงการเสียชีวิตของมหาราชรัณวีร์... แน่ละว่าทหารผู้นั้นไม่ได้โกหก เพียงแต่รัณวีร์ที่ตายไปกับรัณวีร์ที่ทหารนั่นรู้จักเป็นคนละคนกัน แล้วดูเหมือนว่ารัณวีร์ที่ทหารนายนั้น รวมถึงผู้คนเกือบทั้งหมดในรวีปุระและดินแดนข้างเคียง หากไม่นับตัวเขา ริซวาน กษัตริย์องค์ก่อน และชายาทั้งสองของพระองค์ที่ล่วงลับไปแล้วรู้จักนั้น จะยังมีชีวิตอยู่โดยมีชิ้นส่วนอวัยวะครบถ้วน แม้จะดูมอมแมมและโทรมไปหน่อยก็ตาม
ดาสอยากตอบไปเหลือเกินว่า ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร สำหรับข้าแล้วรัณวีร์ตัวจริงเหมาะจะเล่นในสนามเด็กเล่นมากกว่าสนามรบเสียอีก! แต่เขารู้ดีกว่านั้น แม้จะไม่เคยเอ่ยออกมาตรงๆ แต่การกระทำที่เสียสละของริซวานบ่งบอกได้ดีว่าเขารักรัณวีร์ที่เป็นพี่ชายสุดแสนจะไม่ได้ความมากเพียงใด ดังนั้นดาสจึงได้แต่ก้มลงมองศพของรัณวีร์ที่พวกเขาทั้งคู่เพิ่งช่วยกันแต่งตัวให้โดยใช้ชุดที่ริซวานสวมก่อนหน้านี้ (ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ทหารที่เพิ่งเจอริซวานในสนามรบเมื่อครู่ผิดสังเกต ทว่าเขาทั้งคู่คงได้แต่หวังว่าทหารคนที่พบศพรัณวีร์คนแรกและรีบวิ่งมาแจ้งข่าวให้เขาทราบนั้นจะไม่ติดใจอะไร เนื่องจากชุดสีกรมท่าที่ทั้งคู่สวมก่อนหน้านี้คล้ายกันมากอยู่แล้ว) ซึ่งไม่ได้มีทีท่าว่าจะตายอย่างทรมานแต่อย่างใด แล้วคิดหาคำพูดฉลาดๆเพื่อตอบคำถามของริซวานก่อนหน้านั้น
"ด้วยความเคารพนะ ริซวาน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่พี่ชายท่าน แต่..." ดาสเริ่มเอ่ยช้าๆด้วยความไม่แน่ใจ "ข้าเชื่อว่าสาเหตุหลักๆที่ทำให้รัณวีร์ออกมาจากกระโจมที่พักทั้งที่เราย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่ได้นั้น ไม่น่าจะเป็นอื่นไปได้นอกจากความจริงที่ว่าวีร์ต้องการเห็นว่าที่ชายาของเขาที่เพิ่งมาถึงสักครั้ง"
"ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน" ริซวาน... ที่ในตอนนี้สวมชุดทหารธรรมดาโดยใช้ผ้าโพกหัวและผ้าพันคอปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิดเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่สหายที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างดาสย่อมมองออกว่า อารมณ์ที่ผสมปนเปกันยุ่งของหมอนี่อันตรายมากในตอนนี้ แต่ที่เขาไม่แน่ใจก็คือ อารมณ์ที่ว่านั้นจะอันตรายต่อตัวหมอนั่นเองหรือต่อคนรอบข้าง ซึ่งดูเหมือนจะมีชื่อเขาอยู่เป็นอันดับต้นๆเสียด้วย! "แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ ต่อให้วีร์จะงี่เง่าขนาดไหน หมอนั่นก็ไม่ใช่คนโง่ถึงขนาดจะเดินตามหาเจ้าสาวในสนามรบหรอก เจ้าไม่ได้บอกวีร์หรอกหรือว่าองค์หญิงแห่งฆาซนีคอยเขาอยู่ในกระโจมพลับพลาที่ไว้ใช้รับรองแขก"
"แน่ละว่าข้าบอก ข้าพยายามบอกหมอนั่นแทบตายให้ออกมาต้อนรับองค์หญิงด้วยตัวเองแทนท่านที่แค่จะยืนยังเต็มกลืนอยู่แล้ว แต่ใช่ว่าวีร์จะฟังนี่ คนใจเสาะอย่างหมอนั่นเอาแต่คิดว่าตัวเองจะทำพลาดขายหน้าจนองค์หญิงที่ว่าเดินทางกลับ ดังนั้นข้าจึงต้องรีบมาช่วยท่านแต่งตัวเพื่อเตรียมออกไปต้อนรับองค์หญิงก่อนหน้านี้ไง" แล้วข้าก็บังเอิญมาเห็นตอนที่ท่านกับองค์หญิงที่ท่านวิจารณ์เสียๆหายๆที่ควรจะเป็นแค่น้องสะใภ้ของท่านในอนาคตกอดกันกลมราวกับกจะและเทวยานี[1]ยามคลั่งรักก็ไม่ปาน... ดาสเสริมในใจ แต่เขารู้ดีเกินกว่าจะพูดออกไปดังๆ นอกเสียจากว่าเขาจะอยากตามไปรับใช้รัณวีร์ตัวจริงในโลกหน้าละก็นะ
"นั่นแหละวีร์ หากเขามีความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้สักนิด ข้าก็เชื่อว่าเขาจะเป็นกษัตริย์ที่ดีได้โดยไม่ต้องอาศัยข้า" ดาสอยากแย้งเหลือเกินว่าคุณสมบัติของกษัตริย์ที่ดีนั้นมีมากกว่าความมั่นใจในตัวเองที่หมอนี่พูดถึง ซึ่งคุณสมบัติทุกอย่างที่ว่าก็มีอยู่เหลือเฟือในตัวริซวานผู้นี้ หากหมอนี่ไม่คิดจะช่วยชีวิตพี่ชายฝาแฝดด้วยวิธีผิดๆแบบนี้แต่แรก! "ก็เพราะเรื่องนั้นแหละ ข้าจึงไม่คิดว่าเขาจะออกมายังสนามรบทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าหญิงของเขาอยู่ในที่ปลอดภัย แค่หมอนี่ยอมออกจากเมืองเพื่อมาดูสมรภูมิกับข้าก็มากพอแล้ว ดังนั้นต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้เราพบศพของเขาที่นี่"
อีกสิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ทำให้ดาสนึกหงุดหงิด แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีทางเป็นไปได้แล้วก็คือ การที่ริซวานตั้งใจจะให้รัณวีร์ปกครองรวีปุระและดินแดนประเทศราชอย่างเต็มตัวหลังพิธีวิวาห์ของรัณวีร์ โดยที่ตัวริซวานเองจะหลบไปใช้ชีวิตเงียบๆในชนบท แน่ละว่าไม่มีใครสนใจพระอนุชาสติฟั่นเฟือนของรัณวีร์มหาราชอยู่แล้ว และดาสเองก็อยากให้ริซวานได้พบความสงบในชีวิตบ้างหลังจากทำหน้าที่เกินกว่ากษัตริย์ปกติหลายเท่าตัวด้วย แต่ให้ตายเถอะ! ประเทศชาติจะเป็นอย่างไรหากริซวานปล่อยให้รัณวีร์ตัวจริงที่แสนจะขี้ขลาดปกครองจริงๆ ดังนั้นสิ่งที่ดาสอยากให้เกิดขึ้นจริงๆก็คือ ให้รัณวีร์ออกมาเปิดเผยความจริงเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาและริซวานที่กษัตริย์องค์ก่อนปิดบังไว้ เพื่อที่ริซวานจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างที่ควรเป็นมานานเสียที ทว่าวันนี้ความปรารถนาของดาสกลับเป็นจริงโดยที่เขาไม่ได้กระดิกนิ้วทำอะไรด้วยซ้ำ แต่คงมีเพียงเขาผู้เดียวในรวีปุระที่ดีใจกับการที่ริซวานจะได้ขึ้นครองราชย์เต็มตัวหากข่าวแพร่ไปจากสนามรบนี้ ก็แน่ละ ไม่มีใครรู้ความจริงเรื่ององค์ชายฝาแฝดในอาณาจักรนอกจากริซวานกับเขา ดังนั้นทุกคนในรวีปุระคงคิดตรงกันว่า พวกเขากำลังจะได้กษัตริย์สติเฟื่องมาปกครองเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในดินแดนของพวกอนารยชนตะวันตก[2] และส่ายหน้าด้วยความผิดหวังไปตามๆกันเป็นแน่แท้
"ทหารคนนั้นบอกข้าว่าพอเขามาถึงก็พบศพของรัณวีร์อยู่ข้างแม่น้ำแล้ว" ดาสเสริม "ซึ่งข้าไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม วีร์ว่ายน้ำไม่เป็น และแม่น้ำรวีตอนนี้ก็ออกจะแดงฉานและเหม็นเน่าไปหน่อยหากหมอนั่นคิดจะออกมาชมทิวทัศน์"
"เพราะงั้นข้าเลยคิดว่า วีร์น่าจะถูกลอบสังหารด้วยแผนการที่วางไว้อย่างดี" ริซวานเอ่ยเสียงเครียด เมื่อได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นแล้ว ดาสจึงรีบกัดกระพุ้งแก้มอย่างแรงเพื่อไม่ให้หลุดขำมาดังๆ
"ท่านจะบ้าไปใหญ่แล้ว! ใครกันจะลอบสังหารหมอนั่น ไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำว่ามีรัณวีร์ 2 คนอยู่ในสนามรบ หลังจากที่ข้าเรียกตัวท่านตอนที่ท่าน... เอ่อ... อยู่กับองค์หญิงซาห์ริชอะไรนั่นแล้ว ท่านก็รีบตรงไปยังสนามรบเลยไม่ใช่หรือไง" ดาสแย้งขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เห็นได้ชัดว่า เขาไม่เชื่อข้อสันนิษฐานของริซวานแม้แต่น้อย แต่ริซวานกลับส่ายหน้าช้าๆ
"ไม่ใช่เสียทีเดียว" กษัตริย์หนุ่มที่เพิ่งได้รับตำแหน่งหมาดๆเอ่ยช้าๆ "ข้าวิ่งไปสั่งการที่แนวหน้าก็จริง แต่หลังจากนั้นข้าก็รีบผละออกมาจากที่นั่นเมื่อเห็นว่าทหารของเราคุมสถานการณ์อยู่ ข้า... อยากจะแน่ใจว่าคู่หมั้นของพี่ชายข้าปลอดภัยจริงๆ องค์หญิงผู้นั้นไม่ใช่คนที่จะคอยนั่งอยู่เฉยๆแน่ หากเจ้าละสายตาจากนางแม้แต่ครั้งเดียว นางคงวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอกด้วย" ดาสสังเกตเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของริซวานที่เพื่อนสนิทรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว แต่ไม่เร็วพอ "ดังนั้นข้าจึงฉวยเสื้อคลุมตัวหนึ่งที่แขวนอยู่ใกล้กระโจมแถวนั้นแล้วแอบกลับเข้ามาในส่วนที่พักเพื่อกำชับให้เจ้าอยู่กับนางตลอดเวลา แต่ก่อนที่ข้าจะไปถึง ข้าก็เห็นทหารที่พบศพวีร์วิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปตามเจ้าในกระโจมพลับพลาเสียก่อน ข้าเลยแอบตามเจ้าและทหารนายนั้นไป แล้วได้พบศพวีร์ที่นั่นพร้อมเจ้านั่นแหละ"
"ท่านกำลังจะบอกว่าระหว่างที่ท่านแอบกลับไปเพื่อหาซาห์... เอ่อ หาข้านั้น ไม่ควรมีรัณวีร์อีกคนอยู่ในสนามรบอย่างนั้นใช่ไหม" ดาสเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่ริซวานเอ่ยมา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงปริศนาเรื่องนี้ก็ยุ่งยิ่งกว่าเดิมแล้วละ! เขาคิดอย่างหงุดหงิด ซึ่งเขาไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องลอบสังหารวีร์อย่างเดียวด้วย
"ใช่ แล้วจากที่ข้าปลอมตัวไปถามทหารคนอื่นในแนวหน้ามา ก็ไม่มีใครบอกว่าได้พบรัณวีร์สักคนหลังจากที่ข้าสั่งการพวกเขาเสร็จแล้ว ส่วนทหารนายเดียวที่พบศพวีร์ก็รับสารภาพหลังจากที่ข้าข่มขู่เขาอยู่นานว่า เขากลับไปที่ริมแม่น้ำรวีเพื่อค้นหาของมีค่าจากศพของพวกหูณะ อาจรวมถึงของจากศพของทหารฝ่ายเราด้วย เขาเลยได้ของแถมโดยพบศพพระราชาของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ" ริซวานอธิบาย
"น่าสะอิดสะเอียนเป็นบ้า..." ดาสสบถขึ้นมาหลังจากฟังเรื่องที่ริซวานเล่า เขาเกลียดการขโมยไม่ว่าจะในรูปแบบใดๆก็ตาม ในอดีตเขาเคยทำเช่นนั้นหลายครั้งกับพวกผู้ชมกระเป๋าหนักที่มาดูการแสดงของคณะละครของครอบครัวเขา ซึ่งถึงแม้ว่าจะพวกเขาจะมีความจำเป็นในตอนนั้น แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาก็หนักหนาเกินกว่าที่เขาจะลืมเลือนได้ และคนที่ช่วยเหลือเขาออกมาจากตะแลงแกงก็คือองค์ชายริซวานผู้นี้ ดังนั้นเขาจึงสาบานว่าจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ในการตอบแทนบุญคุณของริซวาน และจะไม่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สองด้วย
"ข้าเห็นด้วย โชคดีที่เขาตกใจเกินกว่าจะค้นตัวรัณวีร์เพื่อหาทรัพย์สินมีค่า ไม่เช่นนั้นเขาคงได้ไปแล้วหลายดินารี[3]" ดาสคิดว่าการที่ริซวานพยายามพูดติดตลกนั้นก็เพื่อช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อเผลอนึกไปถึงเรื่องในอดีตของตนเอง หมอนั่นเป็นคนแบบนี้แหละ คิดถึงเรื่องของคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ ทั้งที่เวลานี้คนที่ควรได้รับการปลอบใจควรจะเป็นตัวริซวานเองที่เพิ่งเสียพี่ชายร่วมสายเลือดคนเดียวไปหมาดๆแท้ๆ ไม่ใช่เขาที่สูญเสียคนในครอบครัวไปทั้งหมดตั้งแต่เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว
"ถ้าเช่นนั้นเรื่องลอบสังหารที่ท่านคิดก็ดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่ข้าขอถามอะไรนอกเรื่องอย่างได้ไหม"
"ว่ามาสิ" ริซวานเอ่ยอย่างไม่ลังเล ดาสจึงพูดสิ่งที่ตนเองคิดในใจมาตั้งแต่รู้เรื่องนี้ออกมา
"หากรัณวีร์ถูกลอบสังหารจริง ท่านคิดว่ามือสังหารผู้นั้นจะรู้เรื่องที่ว่าท่านคือรัณวีร์ที่ผู้คนภายนอกเห็นมาตลอดไหม" เขาเกริ่นด้วยคำถามเรื่องเดิมก่อน
"ข้าคิดว่าไม่ เราทำให้เรื่องนี้เป็นความลับมาตลอด แล้วเจ้าก็รู้จักเสด็จพ่อของข้าดี" ริซวานยิ้มขื่นออกมา "เขาจัดการฆ่าทุกคนที่เขาสงสัยว่าระแคะระคายเรื่องนี้ ข้าไม่รู้จำนวนที่แน่ชัดหรอก แต่คิดว่าน่าจะมากพอดู ดังนั้นข้าจึงวางใจมาตลอดว่าความลับนี้ปลอดภัยจากสายตาสอดรู้สอดเห็นทั้งปวง และหากมือสังหารที่ว่ารู้ความจริง ข้าคิดว่าเขาน่าจะมาเล่นงานข้าแทนที่จะเล่นงานวีร์ที่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่า พระผู้เป็นเจ้าทราบดีว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ต้องคิดที่จะเข้ามายึดบัลลังก์รวีปุระไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วเจ้าคิดว่าการฆ่าวีร์หรือข้าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากันละ"
"ท่านกำลังจะบอกว่าผู้บงการคนนั้นไม่รู้ความลับเรื่องนี้ ดังนั้นจึงคิดว่าเมื่อสังหารรัณวีร์แล้ว เขาจะเข้ามายึดครองอาณาจักรที่กำลังอ่อนแอเพราะเพิ่งจะผลัดแผ่นดิน แล้วยังมีกษัตริย์บ้าๆบอๆปกครองอีกใช่ไหม" ดาสคะเน
"อะไรทำนองนั้นแหละ บางทีการเป็นบ้าปลอมๆอาจทำให้ชีวิตข้าปลอดภัยขึ้นมาจริงๆก็ได้" ริซวานหัวเราะอย่างไม่เห็นขัน "แต่ไม่รู้ทำไมข้าจึงรู้สึกว่านั่นไม่ใช่คำถามจริงๆที่เจ้าอยากถามข้าก็ไม่รู้สิ"
"ท่านคิดถูกแล้วริซวาน" ดาสยอมรับแต่โดยดี อย่างไรเสียเขาก็ไม่อาจซ่อนความจริงจากเพื่อนรักคนนี้ได้อยู่แล้ว เขาจึงตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ "ในเมื่อรัณวีร์ที่ท่านปกป้องมาตลอด 15 ปีมานี้เสียชีวิตไปแล้ว ท่านคิดจะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองต่อไป ข้าหมายถึง... แน่ละว่าท่านจะเป็นกษัตริย์ แต่ว่าท่านจะ... ยังคงเป็นริซวานคนที่ประชาชนรู้จักอยู่ไหม"
"เจ้าหมายถึงว่าข้ายังจะเป็นบ้าต่อไปหรือไม่ อย่างนั้นใช่ไหม" คำพูดตรงไปตรงมาของสหายทำให้ดาสอดหัวเราะออกมาไม่ได้
"ให้ตายสิริซวาน! ท่านนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ" ดาสเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาสีฟ้าเหลือบเงินของริซวานที่ดูเหมือนกับตอนที่ทั้งคู่พบกันกว่า 15 ปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลง ยกเว้นร่องรอยเหนื่อยล้า โศกเศร้า และโกรธเคืองที่ทำให้สหายรักของเขาดูแก่กว่าอายุที่ควรเป็นอยู่หลายปี "ใช่ ข้าตั้งใจจะถามเช่นนั้นจริงๆ แล้วท่านจะตอบว่าไง"
ริซวานเงียบไปนานจนดาสคิดว่าเขาจะไม่ได้คำตอบใดๆเร็วๆนี้ แต่เมื่อเขากำลังจะยอมแพ้ ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ตราบใดที่ข้ายังหาตัวผู้บงการการลอบสังหารครั้งนี้ไม่ได้ ข้าก็ยังไม่สามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ใครในรวีปุระเห็นได้เช่นเดียวกัน"
"ท่านเป็นบ้าไปแล้ว ริซวาน! รัณวีร์ตายไปแล้ว ไม่มีใครที่ท่านจำเป็นต้องแสดงตัวตนจอมปลอมเพื่อปกป้องอีกต่อไป! ประชาชนต้องการราชาที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ราชาที่สามารถปกป้องพวกเขาจากพวกหูณะกระหายเลือดด้วยตัวตนจริงๆของพระองค์ได้ แล้วคนผู้นั้นก็คือท่าน ริซวาน!" ดาสเผลอตะโกนออกมาอย่างเหลืออด เขาทนไม่ได้ที่ริซวาน ผู้ชายที่เก่งกาจมีความสามารถที่สุดที่เขาเคยพบมาจะต้องแสดงตนเป็นกษัตริย์ปัญญาอ่อนไร้ความสามารถต่อไป จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้ริซวานจะเคยเล่นบทบาทนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ตอนนั้นเขาเป็นเพียงเจ้าชายองค์หนึ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของรัณวีร์เท่านั้น ไม่ใช่กษัตริย์เต็มตัว ดังนั้นเขาจึงรับไม่ได้ที่สหายสนิทของตนจะต้องกลายเป็นหัวข้อนินทาในราชสำนักและบ้านทุกครัวเรือนในราชอาณาจักรรวีปุระแห่งนี้ หรืออาจจะไปไกลถึงนอกอาณาจักรเสียด้วยซ้ำไป
"ฟังข้านะ เดวดาส ข้ายอมรับว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับที่ข้าต้องการล้างแค้นให้วีร์ก็จริง แต่ไม่ใช่แค่นั้น" ดาสนิ่งเงียบแล้วรอฟังให้ริซวานพูดจนจบ การเรียกชื่อเขาเต็มๆอย่างถูกต้องแสดงให้เห็นว่าเรื่องที่ริซวานต้องการจะเอ่ยนั้นสำคัญเพียงใด "หากผู้บงการคนนั้นเห็นว่าแผนการเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ หากเขาเห็นราชาปัญญาอ่อนขึ้นครองราชย์จริง เขาคงจะรีบดำเนินการตามแผนการใดๆก็ตามที่เขาคิดไว้โดยไม่รอช้า และอาจจะคลายความระมัดระวังลงเพราะเขาไม่คิดว่าราชาริซวานที่เขารู้จักจะระแคะระคายในเรื่องใดๆด้วย เราจะมีอิสระในการสืบหาตัวไอ้ระยำนี่ หรือใครก็ตามที่ให้ความร่วมมือกับมันอย่างเต็มที่แล้วจับมาลงโทษทุกคน แล้วรวีปุระก็จะปราศจากการกบฏไปพักใหญ่ ข้าหวังเช่นนั้นนะ"
"ข้าอยากจะประณามหรือด่าอะไรให้ท่านเจ็บแสบสักหน่อยนะ แต่ข้าก็ต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจว่าแผนการของท่านนั้นรอบคอบและรัดกุมดีมาก หากข้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงจะทำอย่างท่านเช่นเดียวกัน" แต่เขาคงห้ามใจไม่ให้นำตัวคนทั้งหมดที่ล้อเลียนเขามาประหารเหมือนริซวานไม่ได้ ดาสมั่นใจในข้อนี้ "แล้วท่านคิดว่าจะจับตัวไอ้ลูกหมานี่ได้เมื่อไหร่ละ"
"คงอีกไม่นานหรอก ข้าจะรีบดำเนินการทันทีหลังส่งตัวองค์หญิงแห่งฆาซนีกลับประเทศอย่างปลอดภัยแล้วขึ้นครองราชย์ หลังจากนั้นข้าจะได้คุมกำลังป้องกันชายแดนของเราอย่างแน่นหนา แล้วนำทัพไปช่วยปราบจลาจลในฆาซนีทันที" ริซวานกอดอกด้วยท่าทีครุ่นคิด แต่สิ่งที่ติดใจดาสกลับเป็นคำพูดทั้งหมดที่ริซวานเอ่ยมาต่างหาก
"ข้าน่ะไม่ว่าอะไรที่ท่านจะยกทัพไปช่วยเหลือฆาซนีหรอก ท่านน่ะมันพวกชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนอยู่แล้ว แต่เรื่องที่ข้าอยากจะพูดน่ะ... อย่าหาว่าข้าเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวของท่านเลยนะ ริซวาน แต่ข้าห้ามสายตาไม่ให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้จริงๆ" ดาสสูดหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความกล้าในกรณีที่เขาอาจถูกริซวานใช้ดาบฟันหัวแบะเมื่อพูดจบ "ข้ามองออกว่าท่านตกหลุมรักองค์หญิงแห่งฆาซนีที่ว่าไปกว่าครึ่งตัวแล้ว และคงจะยังหลุดออกมาไม่ได้ในเร็วๆนี้ด้วย ทีแรกข้าก็เป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นหากท่านหลงรักคนที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ของตัวเองจริงๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาแล้วนี่นา อย่าโกรธนะ แต่ว่าวีร์ก็ตายไปแล้ว องค์หญิงซาห์ริชก็ถือว่าเป็นอิสระจากการหมั้นหมาย ดังนั้นจะเป็นอะไรไปเล่าหากท่านจะขอนางแต่งงาน ข้าว่ากษัตริย์ซาอิฟคงไม่ขัดข้องอะไรในเรื่องนี้หรอก ผู้ชายนั้นยอมส่งน้องสาวตัวเองให้สิงโตเปอร์เซียขย้ำด้วยซ้ำหากทำให้เขาได้เป็นจักรพรรดิปกครองโลก"
ริซวานเงียบไปพักใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นโดยไม่สบตากับดาส "แล้วเจ้าคิดว่านางจะอยากแต่งงานกับผู้ชายสติไม่สมประกอบ แทนที่จะเป็นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ที่นางฝันถึงหรอกหรือ"
"โธ่เอ๋ย ริซวาน! ท่านก็แค่บอกความจริงกับนาง..." องครักษ์หนุ่มเอ่ยขึ้นได้เท่านั้นก่อนจะรู้ตัวว่าตนพูดอะไรออกไป
"ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้" ริซวานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขมขื่น "ข้าทำไม่ได้จนกว่าเราจะจัดการหาตัวผู้บงการที่ไม่ประสงค์ดีกับรวีปุระได้เสียก่อน และข้าก็ไม่อยากฉวยโอกาสกับนางเพราะพี่ชายของนางเป็นไอ้ใจเสาะงี่เง่าที่ปกป้องบัลลังก์ของตัวเองไม่ได้อีกด้วย ข้าจะนำทัพไปช่วยฆาซนีจริง แต่จะไม่ทำโดยมีนางเป็นข้อแลกเปลี่ยน"
"แล้วท่านจะรู้ว่าความเป็นสุภาพบุรุษของท่านจะฆ่าตัวท่านเองเข้าสักวัน แม้จะไม่ใช่โดยตรงก็เถอะ" ดาสยกมือขึ้นขยี้เส้นผมหยักศกสีดำเงางามของตนจนไม่เป็นทรงด้วยความหงุดหงิด
"ข้าฆ่าตัวตายไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อน เจ้าเองก็รู้ดี" ริซวานเอ่ยขึ้นเรียบๆ แต่ดาสไม่ได้คิดไปเองว่าเขาจับความหดหู่ในน้ำเสียงนั้นได้
"ไม่เอาน่า ริซวาน ถ้าเช่นนั้นเราจะทำมันด้วยกัน ข้ากับท่าน เราจะรีบหาตัวเจ้าคนบงการและคณะผู้สมรู้ร่วมคิดให้เจอแล้วจับมาลงโทษให้เร็วที่สุด แล้วท่านจะได้แต่งเรื่องประมาณว่าการประสบอุบัติเหตุที่ศีรษะครั้งต่อไปทำให้สมองท่านเข้าที่เข้าทางแล้วกลับมาฉลาดปราดเปรื่องเช่นเดิม จากนั้นข้าจะจัดการให้มีขบวนสู่ขอที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรวีปุระแล้วส่งไปยังฆาซนีเพื่อสู่ขอองค์หญิงซาห์ริชอย่างถูกต้อง แล้วท่านจะได้ใช้ชีวิตจริงๆของตัวเองอย่างมีความสุขเสียที ฟังดูเป็นไง"
แน่นอนว่าแผนการทั้งหมดนั่นไม่อาจสำเร็จได้ในเร็ววัน บางทีอาจต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ริซวานก็ยังยิ้มให้กับแผนการแสนจะง่ายในจินตนาการที่เขาเอ่ยถึงอยู่ดี "ฟังดูเข้าที หากไม่ติดตรงที่ว่านางไปมีคู่ครองก่อนระหว่างนั้นน่ะนะ"
"ข้าเชื่อว่าหน่วยลับลอบสังหารของเรายังมีประสิทธิภาพดีอยู่ อาจจะด้อยกว่าสมัยของเสด็จพ่อท่านเล็กน้อย แต่ก็แน่ใจได้ว่าคนพวกนั้นจะไปจัดการให้คู่หมายคนต่อไปขององค์หญิงซาห์ริชหายสาบสูญได้โดยไม่มีใครรู้หากเราจ่ายเขางามพอ" ดาสเอ่ยเย้าด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ซึ่งก็โชคดีที่ริซวานเห็นขันไปด้วย
"งั้นก็ตกลงตามนี้ พอจัดพิธีศพให้รัณวีร์เสร็จ เราจะ..." เสียงสวบสาบจากพุ่มไม่ใกล้ๆทำให้ริซวานเงียบเสียงทันที ดาสเองก็เหมือนกัน ทั้งคู่เอามือแตะปุ่มด้ามดาบในท่าทางเตรียมพร้อม เผื่อว่าใครที่อยู่หลังพุ่มไม้นั้นจะอยากออกมาเผชิญหน้ากับมัจจุราชก่อนวัยอันควร พุ่มไม้ดังกล่าวขยับแรงยิ่งขึ้น ก่อนจะแหวกออกมาเป็นร่างสูงของชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มผู้หนึ่งที่สวมเสื้อผ้าแตกต่างจากทหารทั่วไป ริซวานเอามือออกจากด้ามดาบตามดาสที่ทำเช่นนั้นทันทีที่เห็นชายผู้นี้ แต่เขาก็ยังคงจ้องตรงไปยังชายที่ดูคุ้นตาผู้นั้นอย่างสนเท่ห์ ทำให้ดาสรู้ทันทีว่าริซวานจำหมอนี่ไม่ได้ เขาจึงรีบเอ่ยขึ้นก่อน
"องค์ชายอิมานแห่งฆาซนี มีธุระอะไรกับข้าอย่างนั้นหรือขอรับ" ดาสเอ่ยขึ้นพลางโค้งคำนับอย่างนอบน้อมด้วยท่าทีที่ริซวานคงจะเบ้ปากเมื่อได้รับ ทักษะการเป็นนักแสดงมาหลายปีของเขาส่งผลให้ทำท่านั้นได้อย่างกรีดกรายไม่มีที่ติ และแน่นอนว่าองค์ชายผู้นี้คงต้องมีธุระกับเขาผู้เดียว เนื่องจากริซวานยังปลอมตัวอยู่ ในสายตาของอิมานคงจะดูเหมือนองครักษ์อย่างเขากำลังสนทนากับทหารชั้นผู้น้อยนายหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
"ข้าขอโทษที่ต้องมาพบท่านในเวลาเช่นนี้ ท่านเดวดาส แต่แม่ทัพที่นั่นบอกให้ข้ามาคุยกับท่านโดยตรง" เขาทำท่าบุ้ยใบ้ไปทางพุ่มไม้ที่เขาแหวกออกมาเมื่อสักครู่ "ข้ารู้ว่าเรื่องที่ข้าจะเอ่ยคงต้องอาศัยขุนนางในราชสำนักหลายคนในการพิจารณา แต่ข้าได้ยินมาว่าไม่มีใครสนิทสนมกับท่านรัณวีร์และริชู... ริซวานมากเท่าท่าน ดังนั้นข้าจึงต้องการแจ้งให้ท่านทราบเสียก่อน"
ดาสสังเกตว่าริซวานถ่ายน้ำหนักจากขาซ้ายที่ถนัดไปยังขาขวา เป็นท่าที่ที่บ่งบอกว่าเขากำลังมีเรื่องวุ่นวายใจ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้ต้องมาจากท่าทีนอบน้อมผิดปกติของอิมานที่คุยกับเขาอย่างสุภาพเกินไปสำหรับผู้ที่อยู่ในฐานะเจ้าชายที่กำลังสนทนากับองครักษ์ธรรมดา "แล้วเรื่องที่ว่ามันคืออะไรละขอรับ"
ต้องชื่นชมอิมานที่แม้จะมีใบหน้าตื่นตระหนกซีดเผือด แต่ก็ยังยืนเผชิญหน้ากับเขาที่สูงกว่าหกนิ้วและมีกล้ามเนื้อมากกว่าไม่ต่ำกว่า 3 เท่าของชายผู้นี้ได้อย่างไม่ยี่หระ ดูเหมือนว่าเรื่องที่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามของอิมานนั้นจะต้องเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ดังนั้นเขาจึงสูดหายใจเข้าออกอยู่หลายเฮือกก่อนจะตัดสินใจเอ่ยมันกับดาส
"ท่านช่วยพูดกับองค์ชาย... มหาราชริซวานให้ทีได้ไหมว่า ได้โปรดรับซาห์ริช ฟาราห์ อิชา องค์หญิงที่ 1 แห่งฆาซนีเป็นชายาของพระองค์ที ขอร้องละท่านเดวดาส! พวกเราไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ..."
[1] เทวยานีเป็นบุตรสาวคนเดียวของศุกราจารย์ อาจารย์ของเหล่าอสูรทั้งปวง เธอตกหลุมรักชายหนุ่มที่มีชื่อว่ากจะตอนที่กจะถูกเหล่าเทวดาสั่งให้แฝงตัวมาเพื่อขโมยมนต์ชุบชีวิตของพระศุกร์ โดยกจะที่ปลอมตัวมาเป็นศิษย์ของพระศุกร์นั้นได้สนิทสนมกับเทวยานีมากจนเธอคิดว่าเขาจะแต่งงานกับเธอสักวัน โชคร้ายที่กจะสำนึกบุญคุณของพระศุกร์ที่รักใคร่เอ็นดูตนคิดว่าไม่อาจทรยศพระศุกร์ด้วยการมีสัมพันธ์กับเทวยานีได้ เธอและเขาจึงแยกทางกัน โดยเทวยานีได้แต่งงานใหม่กับพระราชายยาติ แต่ชีวิตสมรสของเธอกลับไม่มีความสุขเจือปนเหมือนเมื่อครั้งที่เธอและกจะอยู่ด้วยกันในวัยหนุ่มสาวอีกเลย
[2] ในที่นี้หมายถึงอาณาจักรโรมัน
[3] หน่วยเงินในสมัยนั้น ใช้กันทั้งทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย อิหร่าน โรม กรีก และดินแดนอื่นๆอีกมากมาย
ความคิดเห็น