ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mera deewana pati... ความลับแห่งหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #4 : การพบกันและการแยกจาก 4

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 58


    สัมผัสเบาๆจากปลายเท้าเล็กๆนั้นทำเอาเขาเจ็บจนร้องไม่เป็นภาษา...

                    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ริซวานก็ต้องขอบคุณที่มันทำให้เขารอดพ้นจากการตำหนิยาวเหยียดของดาสที่คงจะมีมาหลังจากที่ได้รู้ว่าเขาแอบมางีบเอาแรงริมกระโจมว่างเปล่าแถวนี้ได้ชะงักทีเดียว แรกเริ่มเดิมทีเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะมานอนนานขนาดนี้หรอก ทว่าเมื่อเดินออกจากที่พักได้ไม่ถึงห้าหลาชายหนุ่มก็สำนึกได้ว่า บาดแผลในการรบวันนี้ดูท่าจะสาหัสเอาการทีเดียว แม้จะไม่เท่ากับในการรบเมื่อสี่ปีก่อนหรือก่อนหน้านั้นก็ตาม แต่คงไม่ทำให้เขามีอารมณ์อยากป้อนคำหวานหยอกหญิงสาวสักคนเป็นแน่

                    ริซวานใช้มือทั้งสองข้างยันกายขึ้นมาอย่างยากลำบากทั้งที่ยังลืมตาไม่ขึ้น เขาคิดว่าหากผู้ที่เตะและเหยียบเขาด้วยปลายเท้านั้นเป็นทหารเวรสักนายหนึ่ง เขาคงจะยืนขึ้นถลึงตามองจนหมอนั่นกลัวหงอให้สะใจเล่น บางครั้งการเจ็บหนักมากๆเข้าก็ทำให้คนเรานึกอยากทำเรื่องเลวร้ายบ้างไม่ใช่หรือ เขาเองก็คิดไม่ต่างจากผู้อื่นนักหรอก

                    แต่ทันทีที่เขาฝืนลืมตามองอนาคตผู้เคราะห์ร้ายอย่างถนัดถนี่ ลมหายใจของเขาก็ขาดห้วงทันที

                    อุรวศี... นั่นคือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองเขา เห็นได้ชัดว่าลมหายใจที่ขาดห้วงนั้นกำลังทำให้สมองเขาขาดอากาศที่จำเป็นในการใช้ประมวลผล เพราะแน่นอนว่านางอัปสรสวรรค์ไม่มีอยู่จริง ปกติแล้วเขาใช้วรรณคดีและบทกวีแค่เฉพาะเมื่อคราวที่เขาต้องแสดงเป็นตัวเองเท่านั้น แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เขาไม่อาจหาคำใดได้ดีกว่านี้ในการบรรยายหญิงสาวในชุดสีงาช้างตรงหน้าอีกแล้ว เธอมีเส้นผมยาวสลวยสีเหมือนขนนกกาน้ำ และมีผิวขาวผุดผ่องยิ่งกว่าหิมะจากเทือกเขาฮินดูกูซ แต่สิ่งที่จับสายตาเขาจนไม่อาจมองไปทางอื่นได้นั้นคือนัยน์ตาของเธอ นัยน์ตาสีเหมือนกับหยาดน้ำผึ้งหวานใสที่เขาต้องการลิ้มลองดูสักครั้ง ซึ่งเมื่อเธอมองดูเขาโดยตรงด้วยนัยน์ตาสำนึกผิดคู่นั้น ก็ยิ่งทำให้เขาจ่อมจมอยู่ในความอ่อนหวานของนัยน์ตาคู่นั้นยิ่งขึ้น

                    "ข... ขอโทษค่ะ" น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาแบบติดขัดของเธอไพเราะยิ่งกว่าลำนำใดๆที่เหล่ากวีขับขาน ซึ่งทำให้จินตนาการของเขาเตลิดไปไกลถึงขนาดคิดว่า จะดีสักเพียงใดหากได้ยินเสียงหวานใสนี้ข้างหูเป็นเสียงแรกในยามเช้าทุกวัน "ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนท่าน ข้าแค่... บางทีข้าควรไป..."

                    หากเมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้วมีคนบอกว่าเขาที่บาดเจ็บสาหัสแทบตายจะกระโดดผุดลุกขึ้นมาฉุดข้อมือผู้หญิงคนหนึ่งเพื่ออ้อนวอนไม่ให้เธอไปไหนนั้น เขาคงหัวเราะดังๆใส่หน้าคนผู้นั้นไปแล้ว แต่ตอนนี้ริซวานกลับทำเช่นนั้นจริงๆ เขาแทบไม่ใส่ใจเสียงร้องครางอย่างไม่เป็นสุขนักของร่างกายตัวเองด้วยซ้ำ เพียงแค่คิดว่าเธอจะไปจากเขา ก็ทำให้จิตใจของเขาแห้งเหี่ยว เช่นเดียวกับปูรูรวัส[1]ยามอุรวศีจากไปนั้นเทียว

                    "ได้โปรดอย่าไป" ก็ได้ คำพูดนั้นทำให้เขาดูเหมือนคนโรคจิตประสาทเสียแบบเดียวกับที่เขาแสดงออกมาทุกเมื่อเชื่อวัน เสมือนเป็นข้อพิสูจน์ว่าการเล่นละครแกล้งบ้ามากๆอาจทำให้คนๆนั้นเป็นบ้าจริงก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้นเขาจึงรีบอธิบายให้หญิงสาวแปลกหน้าฟังก่อนที่เธอจะตกใจยิ่งขึ้น "ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า และเจ้าก็ไม่ได้รบกวนข้าเลยแม้แต่น้อย ข้าเสียอีกที่ต้องขอบใจเจ้าที่ช่วยเติมเต็มนิทรารมย์ของข้าให้งดงามยิ่งขึ้นไปอีกยามข้าได้เห็นเจ้าเป็นสิ่งแรกเมื่อตื่นขึ้นมา"

                    คำพูดนั้นไม่สมกับเป็นเขาเลยแม้แต่น้อย ริซวานไม่เคยสนทนากับผู้หญิงจริงๆจังๆมาก่อน รัณวีร์เองก็เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นข้าราชสำนักพลอดรักกับภรรยาของพวกเขามาก่อน ทว่าคำพูดนั้นดูเหมือนจะถูกต้องเมื่อหลุดมาจากปากของคนพวกนั้นมากกว่าของเขา

                    อย่างไรก็ตาม หญิงสาวผู้นั้นก็คลี่ยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มอย่างไม่แน่ใจก็ตาม "เกรงว่าข้าคงไม่อาจพูดเช่นนั้นกับผู้ที่มาปลุกข้าให้ตื่นจากนิทรารมย์โดยที่ข้าไม่เต็มใจได้ ดังนั้นข้าคงต้องชื่นชมว่าท่านเป็นผู้ใจกว้างดุจดังมหาสมุทร"

                    โอ เยี่ยม หญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่คนโง่ นั่นยิ่งทำให้เขาประทับใจมากขึ้นไปอีก "ข้าคงไม่อาจรับคำสรรเสริญนั้นได้เช่นกัน เพราะหากผู้ที่มาปลุกข้าไม่ใช่เจ้าละก็ ข้าอาจใช้ดาบบั่นคอคนผู้นั้นก่อนที่ข้าจะตื่นเต็มตาเสียอีก!"

                    ประโยคหลังนั่นหลุดออกมาจากปากเขาก่อนที่จะห้ามตัวเองได้ ริซวานแทบใช้ดาบที่ว่านั่นบั่นคอตัวเองเมื่อคิดว่าอาจทำให้หญิงสาวตกใจกลัวจนหนีไป แต่ดูเหมือนว่าเธอจะกล้าหาญกว่าที่คิด เมื่อเธอหัวเราะขึ้นมาแทบจะทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ให้ตายสิ เขารักผู้หญิงที่เข้าใจอารมณ์ขันของเขา

                    ข้าคิดว่าข้ารักผู้หญิงคนนี้งั้นหรือ!

                    "เช่นนั้นข้าควรภูมิใจที่เป็นคนปลุกท่านก่อนที่จะมีทหารเคราะห์ร้ายสักนายมาเผลอเหยียบท่านเข้า และข้าขอเตือนท่านด้วยความหวังดีว่า คราวหน้าหากท่านง่วงนอนเมื่อใดละก็ ท่านควรจะนอนบนที่นอนที่ปลอดภัยจากการถูกรบกวนเช่นนี้ ทั้งนี้เพื่อสวัสดิภาพของเพื่อนทหารทุกนายในกองทัพค่ะ"

                    อา... นอกจากจะเข้าใจอารมณ์ขันของเขาแล้ว หญิงสาวผู้นี้ยังมีอารมณ์ขันเป็นของตนเองอีกด้วย เขาไม่เคยเข้าใจผู้ชายที่ชื่นชอบภรรยาที่สงบเสงี่ยมเงียบขรึมเป็นท่อนไม้เลย ริซวานคิดเสมอว่าหากเขาจะมีภรรยาสักวันหนึ่ง จะต้องเป็นผู้หญิงที่สามารถสนทนากับเขาได้อย่างสนุกสนาน อาจมีการโต้แย้งกันพอเหมาะพอควร

                    และข้าพบคุณสมบัติที่ว่านั้นในตัวผู้หญิงคนนี้!

                    "ข้าจะเก็บคำเตือนของเจ้าไว้พิจารณา" เขาตอบพลางส่งยิ้มให้ หวังว่ารอยยิ้มที่ไม่ได้ใช้การมานานของเขาจะไม่ดูงี่เง่าบนใบหน้าอย่างที่เดวดาสบอกอยู่เป็นนิจ

                    "ขอบคุณค่ะที่รับฟังข้า" หญิงสาวยิ้มตอบเขาด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อน่ารักราวกับกุหลาบแรกแย้ม "เสด็จแม่บอกข้าเสมอว่าข้าควรสงบปากสงบคำไว้บ้าง โดยเฉพาะเมื่อข้ากำลังจะแต่งงานออกเรือนเช่นนี้ นางไม่ต้องการให้ว่าที่สวามีของข้าปฏิเสธข้าทันทีหลังจากที่ได้สนทนากับข้า ซึ่งนางก็คาดการณ์ไว้ถูกต้องเกือบทั้งหมดแม้ว่าจะไม่ได้อยู่กับข้าแล้วในวันนี้ก็ตาม"

                    "เสด็จแม่หรือ"

                    คำพูดยาวเหยียดทั้งหมดของเธอไม่เข้าไปในสมองของเขาเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของริซวานเย็นเฉียบและด้านชาทันทีที่เขาได้ยินคำๆนั้นจากปากเธอ เสด็จแม่ เท่ากับว่าเธอคนนี้ต้องเป็นเชื้อพระวงศ์มาจากที่ไหนสักแห่ง แน่ละว่าเขาไม่คิดว่าผู้หญิงแต่งตัวดีธรรมดาจะมาอยู่ในสนามรบเช่นนี้ เพราะเชื้อพระวงศ์หญิงคนเดียวที่เขารู้ว่าจะมาที่นี่ในเวลานี้คือเจ้าหญิงแห่งฆาซนี ว่าที่ชายาของพี่ชายฝาแฝดของเขา แต่อย่างน้อยเขาก็ยังหวัง... แม้จะเป็นความหวังลมๆแล้งๆก็ตามว่า ผู้หญิงคนแรกในชีวิตที่เขาตกหลุมรักจะไม่ใช่ว่าที่ชายาของรัณวีร์ บางทีเธออาจจะเป็นแค่นางกำนัลชั้นสูง เป็นแค่ญาติห่างๆของเจ้าหญิง...

                    "ข้าต้องขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัวก่อนหน้านี้ค่ะ ข้าซาห์ริช ฟาราห์ อิชา องค์หญิงแห่งฆาซนี กำลังรอพบท่านรัณวีร์มหาราช ว่าที่สวามีของข้าค่ะ" ซาห์ริช... ชื่อของเธอที่เอ่ยออกมาดูรื่นหูน่าฟังเช่นเดียวกับรูปลักษณ์ของเธอ แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ริซวานกลับนึกอยากฆ่าใครสักคนเบื้องบนที่ลงโทษเขาด้วยวิธีเจ็บแสบเช่นนี้ทันทีที่ได้ทราบว่าเธอเป็นใคร

                    "แล้วท่านคือ..." ซาห์ริชเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ อาจเพราะเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนจากปกติของเขากลายเป็นสีหน้ายามฆ่าฟันศัตรูในสนามรบก็เป็นได้ ดังนั้นเขาจึงรีบปรับสีหน้าเป็นอย่างเดิมในทันที ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอะไรเมื่อคิดว่าเขาต้องแสดงเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองมาตลอดหลายปี และก็ทำได้ดีเสียด้วย เขาคิดอย่างปวดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพแบบเดียวกับที่เขาใช้กับเธอก่อนหน้านี้

                    "ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็โชคดีที่ไม่ต้องรอคอยอีกต่อไป ข้ารัณวีร์ ว่าที่สวามีไม่ได้เรื่องของเจ้าที่ปล่อยให้คู่หมั้นเบื่อหน่ายจนออกมาเดินเล่นคนเดียว ยินดีรับใช้องค์หญิงซาห์ริช ฟาราห์ อิชา"



    [1] คู่รักชาวมนุษย์ของนางอัปสรอุรวศีที่หลงใหลนางมาก ทว่าเขากลับทำผิดกฎที่ตกลงกันไว้ก่อนแต่งงาน โดยเผยร่างเปลือยของตนให้อุรวศีเห็นโดยบังเอิญ ดังนั้นนางจึงไปจากเขา ก่อนจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งเมื่อปูรูรวัสกลายสภาพเป็นคนธรรพ์แล้ว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×