คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การพบกันและการแยกจาก 2
"ขบวนเสด็จของเจ้าหญิงแห่งฆาซนีใกล้จะมาถึงแล้ว ข้าว่าท่านรีบไปเตรียมตัวจะดีกว่า"
ชายหนุ่มร่างสูงเช็ดเลือดออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเผลอแตะโดนบาดแผลกว้างที่ขมับอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้เลือดไหลออกมากกว่าเก่า "ข้าว่าที่ที่ข้าควรไปไม่ใช่ห้องแต่งตัวหรอกนะดาส แต่เป็นกระโจมพยาบาลมากกว่า!"
"เราต่างรู้กันดีว่าแผลแค่นี้ฆ่าคนหัวดื้ออย่างท่านไม่ได้หรอก" ชายร่างกำยำที่มีผิวคล้ำกว่าคนแรกเอ่ยขึ้น ก่อนจะพันผ้าสะอาดรอบศีรษะของผู้เป็นสหายอย่างรวดเร็ว "ข้าทำลวกๆให้ก่อนก็แล้วกัน พอเจ้าหญิงไปแล้วไว้จะกลับมาเย็บให้ ตอนนี้สิ่งที่ท่านควรทำคือทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เลือดเลอะเทอะเสื้อผ้าไปมากกว่านี้น่ะ"
"ถ้าข้าห้ามได้บรรดาภรรยาของทหารในกองทัพคงบูชาข้ายกใหญ่ ในฐานะที่ทำให้พวกนางไม่ต้องคอยขจัดคราบเลือดจากเสื้อผ้าสามีหลังกลับจากสมรภูมิไปแล้ว!"
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าดาสมองใบหน้าหล่อเหลาที่ออกจะมอมแมมไปเสียหน่อยของผู้เป็นทั้งสหายและเจ้านาย ก่อนจะส่ายหน้าอย่างจนใจ ตลอดระยะเวลายี่สิบปีที่ตั้งแต่ทั้งคู่ได้พบกัน ชายหนุ่มตรงหน้ามีแต่จะทำให้เขาประสาทเสียทุกวันทุกเวลาอย่างห้ามไม่ได้ ก็ดูเอาแล้วกัน แท้จริงแล้วตัวเขามีชื่อที่มารดาตั้งให้อย่างไพเราะเพราะพริ้งว่าเดวดาส (ข้ารับใช้ของเทพยดา) แต่เจ้านายผู้กวนประสาทผู้นี้กลับเลือกที่จะเรียกเขาสั้นๆแค่ดาสที่แปลว่าทาส! ทาสเลยนะเฮ้ย! ก็จริงอยู่ที่ฐานะทางการเงินของบ้านเขาที่ประกอบอาชีพนักแสดงจากรุ่นสู่รุ่นไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าเหมือนสหายที่เกิดมาเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แต่ตำแหน่งของเขาคือองครักษ์ส่วนตัว ไม่ใช่ทาสสักหน่อย ทว่าดูจากสิ่งที่เขาต้องทำอยู่ทุกวี่ทุกวันในการดูแลเพื่อนบ้าๆของเขาให้อยู่กับร่องกับรอยแล้วนั้น บางทีคำว่าทาสก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก อาจจะดีกว่าสถานะที่เป็นอยู่ด้วยซ้ำไป
"ข้าก็แค่ไม่อยากให้เจ้าหญิงต้องตกใจเท่านั้นเอง ถึงจะอายุยี่สิบแล้วแต่นางก็เป็นผู้หญิงนะ" ดาสอธิบายอย่างใจเย็นพลางขยับผ้าโพกศีรษะของเพื่อนรักให้อยู่ในที่ที่มันควรอยู่
"นางน่าจะเข้าใจเรื่องนั้นได้ก่อนตัดสินใจมาเป็นชายาของกษัตริย์นักรบคนหนึ่ง แล้วอีกอย่าง... โอ้ย!" ผู้พูดร้องเสียงหลงทันทีที่ดาสกระชากเสื้อขาดลุ่ยที่ติดหนึบกับบาดแผลบนแผ่นหลัง "ข้าไม่ใช่คนที่อยากแต่งงานสักหน่อย เจ้าเองก็รู้นี่"
นี่แหละคือความยุ่งยากในการเป็นองครักษ์... หรืออีกนัยหนึ่งคือทาสของหมอนี่ ดาสส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่ายขณะที่ซับเลือดออกจากบาดแผลของเพื่อนแล้วพันผ้าทับอย่างลวกๆ การทำแผลหรือช่วยแต่งตัวให้ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนักหนาหรอก ถึงแม้จะมีหลายครั้งที่ดาสนึกอยากจะกระชากสหายสนิทออกจากเรื่องวุ่นวายทั้งหลายที่หมอนี่หามาใส่ตัวให้รู้แล้วรู้รอดเพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนคนอื่นๆเสียที แต่เขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากกว่ามานั่งทำแผลให้หมอนี่หลังจากจบเรื่องแล้วทุกครั้ง เหมือนตอนที่หมอนี่ตกลงเป็นพันธมิตรกับหรรษะวรรธนะในการรบกับคุปตะเมื่อสี่ปีก่อนนั่นละ ไม่รู้ว่าเจ้าบ้านั่นกำลังคิดอะไรอยู่ตอนที่ยอมตกลงช่วยรบกับจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชมพูทวีปคราวนั้น เพียงเพราะราชาหรรษะในวัยสิบห้าชันษาต้องการทวงความยุติธรรมคืนให้กับพี่เขยและพี่ชายที่ถูกเทวคุปต์ กษัตริย์แห่งคุปตะสังหารก่อนหน้านั้นไม่นานเท่านั้น เจ้าเพื่อนบ้าของเขาก็รีบส่งสารไปกานยกุพชะเพื่ออาสาเป็นพันธมิตรด้วยทันที
ดาสปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็ยกย่องในการกระทำของสหายอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนั้นรวีปุระยังเป็นแค่เมืองเล็กๆที่เผชิญศึกกับพวกหูณะไม่เว้นวัน อาณาจักรถาเนศวรของหรรษะที่ผลัดแผ่นดินติดๆกันถึงสองครั้งเองก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรมากมายขนาดไปต่อกรกับคุปตะด้วย โชคยังดีที่จักรวรรดิคุปตะในตอนนั้นอ่อนแอลงมากจากการรุกรานหลายต่อหลานครั้งของพวกฮั่นขาว ทำให้กองทัพถาเนศวรและทัพพันธมิตรสามารถเอาชนะได้ในที่สุด ทว่าการศึกครั้งนั้นก็เล่นเอาสหายสนิทของเขาบาดเจ็บสาหัสจนต้องพักรักษาตัวอยู่หลายเดือนทีเดียว
งานวิวาห์ครั้งนี้เองก็ไม่ได้ต่างกับการศึกในครั้งนั้นนักหรอก หมอนี่กำลังเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยากอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย ดาสคิดขณะเตรียมน้ำสะอาดให้ผู้เป็นนายชำระคราบสกปรกทั้งหลายเท่าที่ทำได้ ขอให้การแสดงตบตาในครั้งนี้ไม่ทำให้หมอนี่ต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยากอีกครั้งด้วยเถิด องค์วาสุเทพ[1]! แค่นี้ชีวิตหมอนี่ก็ลำบากมากพออยู่แล้ว อ้อ! และนั่นก็รวมถึงชีวิตข้าด้วยนะ!
ทว่าคำภาวนาของดาสไปไม่ถึงพระกรรณของพระผู้เป็นเจ้าหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เมื่อจู่ๆทหารที่อยู่ด้านนอกของค่ายก็เริ่มเป่าแตรเป็นเพลงต้อนรับอาคันตุกะจากต่างเมืองก้องกังวานไปทั่ว ทำให้เขาต้องช่วยสหายรัก (ที่ไม่มีทีท่าว่าจะรีบร้อนแม้แต่น้อย!) แต่งตัวให้เสร็จด้วยความเร็วยิ่งกว่าอรชุนแผลงศร ซึ่งเมื่อทำเสร็จแล้ว เขาก็กอดอกพิจารณาผลงานอย่างพอใจ
เขาเลือกเสื้อเผรันสีกรมท่าปักลวดลายด้วยด้ายสีเงิน (ด้วยเหตุว่าหากเลือดจากแผลที่หลังซึมออกมาจะได้เห็นไม่ชัดนัก) กับผ้าโพกหัวสีกรมท่า (ด้วยเหตุผลเดียวกันกับแผลที่ขมับ!) และกางเกงซัลวาร์[2]สีเข้ากัน (ก็ด้วยเหตุผลเดิมกับแผลที่สะโพกและหัวเข่านั่นแหละ!) เจ้านายของเขาดูดีไม่น้อยเลยในเสื้อผ้าสีเข้มทั้งตัวแบบนี้ ด้วยส่วนสูงกว่าสามศอกเศษและรูปร่างเพรียวของหมอนี่ ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูดีไปหมดนั่นละ จะติดอยู่ก็ตรงผิวซีดๆราวกับเปลือกส้มโอตอนนี้นี่แหละที่ดาสไม่สามารถแก้ไขอะไรได้จริงๆ ปกติสหายรักของเขาก็มีผิวสีแทนสมกับการออกศึกมาแรมปีอยู่หรอก แต่อาการบาดเจ็บจากการรบในวันนี้ดูท่าว่าจะหนักหนาเอาการอยู่ทีเดียว ต่อให้หมอนี่ยังพูดเล่นกวนประสาทได้อยู่ก็เถอะ แต่คนที่รู้จักกันมานานอย่างดาสย่อมมองออกอยู่แล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้าใกล้จะล้มฟุบลงกับพื้นเข้าไปทุกที เพราะงั้นเขาจึงสวดภาวนาต่อเทพนับสิบองค์เพื่อขอให้การพบปะกับว่าที่พระชายาวันนี้ไม่มีอะไรให้หมอนี่ต้องเหนื่อยมากเกินไปนัก มิเช่นนั้นกองทัพรวีปุระคงต้องไม่มีผู้บัญชาการการรบที่มีความสามารถไปอีกนานเป็นแน่
"ข้าไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไรกับผู้หญิง" ดาสเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันเหน็ดเหนื่อยของสหาย คราบเลือดและสิ่งสกปรกส่วนใหญ่ถูกชะล้างออกแล้ว แต่ที่เอาไม่ออกกลับเป็นความเคร่งเครียดที่แฝงอยู่ทุกอณูบนใบหน้าหล่อเหลานั้นมากกว่า "ตอนนี้ข้าอยากฟันอะไรสักอย่างให้ขาดเป็นสองท่อนแทนที่จะต้องมาแสดงละครตบตาผู้คนมากกว่า ไม่ก็ขอล้มลงแล้วนอนพักแบบไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลยน่ะ"
ความเหนื่อยล้าที่ฉายชัดอยู่บนนัยน์ตาสีฟ้าเหลือบเงินคู่นั้นทำให้ดาสรู้สึกเห็นใจสหายอยู่ไม่น้อย "แค่แปบเดียวน่า ริซวาน ท่านก็รู้ว่าถ้าท่านไม่ออกมาจัดการเองในตอนนี้ละก็ เจ้านั่นจะทำเรื่องเสียขนาดไหน ก็เราไม่มีเวลาเตรียมตัวเรื่องงานวิวาห์ครั้งนี้เลยนี่นา ใช่ไหมละ"
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะตอบอะไรกลับมา ทหารองครักษ์หน้ากระโจมก็ตะโกนขึ้นเสียก่อน "ท่านรัณวีร์ขอรับ องค์หญิงแห่งฆาซนีกำลังประทับอยู่ที่เรือนพลับพลาขอรับ หากท่านพร้อมแล้วก็ขอเชิญเสด็จ..."
"ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!" ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงกังวานน่าเกรงขาม ไม่แฝงความทะเล้นหรือความเหนื่อยล้าแม้แต่นิดเดียว ทำให้ดาสอดรู้สึกประทับใจไม่ได้ แต่ก่อนจะออกจากกระโจม สหายสนิทขององครักษ์หนุ่มก็หันกลับมากำชับเสียงเครียด
"ข้าบอกแล้วใช่ไหม ว่าหากอยู่ในสนามรบหรือในที่สาธารณะ ให้เรียกข้าว่ารัณวีร์ ต่อให้อยู่ด้วยกันสองคนก็เถอะ"
ดาสทำท่าถวายบังคมด้วยท่าทางที่เกินจริงจนผู้ที่ถูกเรียกว่ารัณวีร์อดหัวเราะไม่ได้ "ท่านก็รู้ว่าข้าทำเช่นนั้นเป็นปกติอยู่แล้ว แต่วันนี้มันต่างกัน การรบในวันนี้ทำให้ข้าเชื่อว่าอาณาจักรของเราคงปราศจากภัยคุกคามจากพวกหูณะไปอีกนาน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะราชาที่แท้จริงของเรายอมเสียสละตนเองอย่างมากเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะของกองทัพ เพราะงั้นข้าจึงอยากเอ่ยพระนามจริงของพระองค์เพื่อเป็นเกียรติแก่ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ได้ทำไป ไม่ใช่นามของบุรุษผู้เอาแต่หลบอยู่ในพระราชวังผู้นั้น"
"เจ้าก็พูดเกินไป รัณวีร์ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น "ข้าได้ตัดสินใจเลือกหนทางนี้เอง เพราะฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหรอก อีกอย่างข้าก็ไม่ใช่กษัตริย์ด้วยซ้ำ"
"เรื่องนั้นข้าทราบดี แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็อยากเอ่ยคำนี้" องครักษ์ผิวเข้มก้มศีรษะลงทำความเคารพอีกครั้งด้วยท่าทีจริงจัง ไม่ใช่การล้อเลียนเหมือนเมื่อครู่ "ขอจงทรงพระเจริญ มหาราชริซวานแห่งรวีปุระ"
"ข้าไม่ใช่ราชา" ริซวาน... ชายหนุ่มร่างสูงย้ำเสียงเข้ม "และจะไม่มีวันได้เป็น"
ความคิดเห็น