ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mera deewana pati... ความลับแห่งหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : การพบกันและการแยกจาก 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 58


    นมัสการสุดท้าย ขอมอบแด่ผู้ซึ่งรู้ว่าข้าบกพร่อง แต่ก็รัก...

    กวีนิพนธ์หิ่งห้อย โดยรพินทรนาถ ฐากุร

     

                   ขึ้น 8 ค่ำเดือน 5 คริสตศักราช 610

                    "แม่บอกเสมอว่าข้าจะต้องเป็นภริยาที่บกพร่องไปเสียหมด
    !"

                    ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อได้ยินคำบ่นซ้ำๆของน้องสาวครั้งที่ร้อยแปดสิบเก้าแล้วเห็นจะได้ "อย่าเริ่มอีกเลยน่า ซาราห์ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ"

                    แม่น้องสาวฟาดมือเข้ากับหน้าต่างรถม้าอย่างแรงจนกำไลทองบนแขนและข้อมือกว่าสิบวงกระทบกันเสียงกรุ๋งกริ๋งไม่หยุด "ข้าไม่อยากเชื่อเลย อิมาน! ว่าท่านพี่ซาอิฟจะทำเรื่องนี้ลงไปจริงๆจนได้ ข้าไม่พร้อมจริงๆ เรารอไปอีกสองสามเดือนไม่ได้หรือไง"

                    "ข้าไม่ใช่คนที่สามารถตัดสินใจได้ เจ้าก็รู้" อิมานกัดฟันตอบด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุดเหมือนกับตอนที่เจ้าหญิงซาห์ริช ฟาราห์ อิชา... หรือที่คนในครอบครัวเรียกกันอย่างเอ็นดูว่าซาราห์ถามคำถามเดียวกันกับเมื่อร้อยแปดสิบแปดครั้งที่แล้วตลอดทางที่ผ่านมา "แล้วข้าก็ว่าจะถามเจ้าตั้งนานแล้วนะ ว่าถ้าเจ้าไม่อยากแต่งงานตั้งแต่แรกละก็ ทำไมถึงไม่ปฏิเสธให้เสียงแข็งแบบนี้ตอนอยู่ในที่ประชุมเล่า"

                    "ใครบอกพี่กันว่าข้าไม่อยากแต่ง!" กำไลข้อมือของซาห์ริชกระทบกันเป็นจังหวะอีกครั้ง... ทันทีที่เธอเอามือตบศีรษะพี่ชายดังอั้ก "ถ้าข้าไม่แต่งงานครั้งนี้ เมืองฆาซนีของเราก็จะขาดพันธมิตรที่แข็งแกร่งเพื่อต้านการโจมตีจากพวกหูณะ[1]ทางเหนือน่ะสิ พวกพี่เองก็ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย จะมาแต่งงานการเมืองอย่างข้าก็ไม่ได้ แล้วก็นะ..." นัยน์ตาสีน้ำตาลทองของซาห์ริชเลื่อนลอยฉายแววเคลิ้มฝัน "ข้ามีเหตุผลอีกอย่างที่พวกพี่ไม่เข้าใจหรอก"

                    "ใครว่าไม่เข้าใจ" อิมานกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายทันทีที่เห็นท่าทีอ่อนหวานลงทันตาของน้องสาว "รัณวีร์แห่งรวีปุระ... แค่เจ้าอ้าปากมาข้าก็เห็นไส้ในหมดแล้ว"

                    ซาห์ริชทำหน้าเบ้นิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดประชดของพี่ชาย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงชื่นชม "พี่ลืมเติมคำว่ามหาราชเข้าไปตอนท้ายพระนามว่าที่สวามีข้านะ!"

                    อิมานกลอกตาอีกครั้งโดยระวังไม่ให้น้องสาวเห็น "ขอรับๆๆ ท่านรัณวีร์มหาราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนแม่น้ำทั้งห้า ว่าที่น้องเขยผู้น่าชื่นชมของข้าและวีรบุรุษในอนาคตของชาวฆาซนีทั้งมวล... อ้อ ข้าลืมไป แล้วท่านผู้นั้นก็ยังเป็นผู้ที่น้องสาวข้าไม่อยากแต่งงานด้วยเป็นที่สุดด้วย"

                    "ไม่ใช่ไม่อยากแต่งย่ะ! แต่เพราะไม่พร้อมจะแต่งต่างหาก!" ซาห์ริชเถียงขึ้นทันทีแล้วจึงเอามือปิดหน้าเพื่อคร่ำครวญเรื่องเดิมๆ "พี่ก็รู้นี่นาว่าท่านรัณวีร์เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ท่านเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านพวกหูณะในดินแดนภาคเหนือนี่เลยนะ นอกจากนี้ท่านยังเคยช่วยเหลือพระเจ้าหรรษะวรรธนะ[2]แห่งกานยกุพชะ[3]ในการต่อสู้กับพวกคุปตะ[4]กระหายอำนาจเมื่อสี่ปีที่แล้วอีกต่างหาก ก่อนหน้ารัชกาลของท่านน่ะ รวีปุระยังเป็นแค่ดินแดนเล็กๆริมฝั่งแม่น้ำรวีเองนะ แต่ดูตอนนี้สิ! อาณาจักรของท่านรัณวีร์ครอบคลุมเกือบทั้งตะวันตกเฉียงเหนือของชมพูทวีปแล้ว เทียบกันแล้วฆาซนีของเราน่ะ ยังไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งของเขาด้วยซ้ำไป แล้วจะให้ผู้หญิงป้ำๆเป๋อๆ หน้าตาจืดชืดอย่างข้าไปแต่งงานกับคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้น่ะเหรอ ข้าทำไม่ได้หรอก!"

                    อิมานแอบเอาก้อนสำลีอุดหูอย่างแน่นหนาเพื่อจะได้ไม่ต้องทนฟังเสียงคร่ำครวญไร้สาระของน้องสาวอีก เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าซาห์ริชจะเครียดอะไรนักหนากับเรื่องนี้ เมื่อกวาดตาดูน้องสาวผ่านๆครั้งหนึ่ง เขามองเห็นเจ้าหญิงแสนสวยในชุดเผรัน[5]สีงาช้างปักดิ้นทองที่ไม่ว่าเจ้าครองนครคนใดต่างต้องหมายปอง (ยกเว้นตัวเขาที่เป็นพี่ชายไว้คนหนึ่ง) และเมื่อพินิจดูดีๆอีกครั้ง เขาก็ได้เห็นเทพธิดาลงมาจุติอยู่เบื้องหน้า...

                    เขามั่นใจน้องสาวของเขาเป็นสาวงามอย่างไม่ต้องสงสัย ซาห์ริชได้รับผิวขาวผุดผ่องและเส้นผมเหยียดตรงสีดำสนิทมาจากมารดาของทั้งคู่ที่เป็นเจ้าหญิงจากแคว้นกัษมีร์[6] ทว่าเธอกลับได้รับเรือนร่างสูงสง่าและริมฝีปากอวบอิ่มมาจากบิดาที่เคยเป็นราชาแห่งรัฐอิสระเล็กๆทางตะวันตกเฉียงเหนือของชมพูทวีป แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในตัวซาห์ริชกลับเป็นนัยน์ตาสีแปลกประหลาดที่ไม่มีใครทราบว่าเธอได้มาจากผู้ใด นัยน์ตาสีน้ำตาลทองสุกปลั่งเหมือนยางไม้อำพันบริสุทธิ์คู่นั้นแตกต่างจากนัยน์ตาสีทองเข้มของเขาและพี่ชายคนอื่นๆ ซึ่งนัยน์ตาคู่นี้เองที่ทำให้เสด็จพ่อและนายทหารคนอื่นๆใจอ่อนมานักต่อนัก ยิ่งเมื่อเธอใช้โคห์ล[7]เขียนขอบตาจนคมเข้มรับกับขนตายาวงอนแบบนี้แล้ว อิมานก็ยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าจะไม่มีบุรุษผู้ใดปฏิเสธน้องสาวของตนได้ แม้ว่าจะเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างรัณวีร์ก็เถอะ

                    ทว่าดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ถึงเสน่ห์ของตัวเองเอาเสียเลย ขอบตาสวยๆที่เขียนเอาไว้เริ่มจะละลายไปพร้อมกับน้ำตา (อันแสนจะไร้เหตุผลในสายตาของอิมาน) เมื่อซาห์ริชยิ่งคร่ำครวญหนักขึ้นทุกที ทำให้อิมานตัดสินใจเอาก้อนสำลีช่วยชีวิตออกจากรูหูแล้วเริ่มพูดปลอบใจก่อนที่น้องสาวจะทำให้ดวงตาสวยๆของตนต้องเละเทะไปมากกว่านี้

                    "ฟังให้ดีนะ ซาราห์ งานแต่งงานนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากท่านพี่ซาอิฟคนเดียวหรอกนะ" อิมานเริ่มพูดสิ่งที่เขาเคยบอกซาห์ริชซ้ำๆไม่รู้กี่ครั้งระหว่างที่นั่งจับเจ่าอยู่บนเกี้ยวนี่ "ทางเราได้ส่งสาสน์ไปพร้อมกับรูปเหมือนของเจ้าเพื่อให้รัณวีร์กับขุนนางผู้ใหญ่ของรวีปุระตัดสินใจแล้ว ซึ่งฝ่ายนั้นเองก็..."

                    "พี่ลืมคำว่ามหาราช" เจ้าหญิงน้อยแสนสวยขัดขึ้นทันทีจนอิมานนึกอยากเอาหัวโขกกับหน้าต่างรถม้าให้สลบจนกว่าจะถึงปลายทางให้มันรู้แล้วรู้รอด

                    "ท่านรัณวีร์มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ในไตรภูมิได้ส่งสาสน์ยืนยันมาแล้วว่าต้องการแต่งงานกับเจ้า! เพราะงั้นข้าเลยไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังกังวลเรื่องบ้าอะไรกันแน่ในเมื่อสวามีในอนาคตของเจ้าก็ได้ให้คำตอบมาชัดเจนขนาดนี้ ให้ตายสิซาราห์! เจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือว่าแคว้นฆาซนีของเราน่ะ ยังเทียบไม่ได้กับขี้เล็บของรวีปุระด้วยซ้ำไป ทรัพยากรอะไรเราก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว เพราะงั้นได้โปรดเชื่อเถอะว่ารัณวีร์... เอ้อ... ท่านรัณวีร์มหาราชต้องการเจ้าเพราะตัวเจ้าจริงๆ ไม่ใช่เพราะต้องการแคว้นเล็กๆจนๆอย่างฆาซนีหรอก"

                    ซาห์ริชกระพริบตาคู่สวยปริบๆขณะรอฟังพี่ชายพูดจบ แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า "พี่กำลังจะบอกว่า... ท่านรัณวีร์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นอาจจะ... รักข้าเพียงเพราะได้เห็นรูปเหมือนของข้าน่ะหรือ"

                    อิมานยิ้มกว้างก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงเกินเหตุ "ใช่เลยขอรับ องค์หญิงแสนสวยของกระหม่อม!"

                    ชายหนุ่มผู้เป็นพี่เอนหลังลงกับเบาะอย่างสบายใจก่อนจะใช้สำลีกู้ชีพก้อนเดิมยัดเข้าไปในรูหูอีกครา แน่นอนว่าเขาดีใจที่ซาห์ริชเลิกคร่ำครวญแล้วลงมือแต่งขอบตาใหม่ให้สวยคมเหมือนเดิมจนได้ในที่สุด แต่เขาก็ขอแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแบบนี้ต่อไปจะดีกว่า หากต้องทนฟังน้องสาวผู้ร่าเริงขับลำนำที่ประกอบด้วยศัพท์ไม่กี่คำตลอดทางจนกว่าจะถึงชายแดนรวีปุระละก็ มีหวังเขาคงได้เอาสำลีอุดหูมายัดใส่ปากสวยๆของซาห์ริชก่อนเป็นแน่!

                    "โอ สวามี สวามี ท่านรัณวีร์โปรดจงรอข้า--- ซาห์ริช ฟาราห์ อิชารักท่านนักหนามากกว่าผู้ใด---"

                    นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่อิมานอ่านได้จากริมฝีปากของน้องสาวก่อนจะเข้าสู่นิทรารมย์อันแสนสงบ ปราศจากเสียงแหลมๆของน้องสาวคนสวย และคำเตือนให้เติมคำว่า มหาราช ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อกษัตริย์แห่งรวีปุระด้วย!



    [1] พวกฮั่นขาว ชนเผ่าที่พูดภาษาเปอร์เซีย เข้ามาบุกรุกอินเดียผ่านช่องเขาไคเบอร์ช่วงคริสตศตวรรษที่ 5 - 6

    [2] กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งของชมพูทวีป ครองราชย์ระหว่างค.ศ.606 - 647

    [3] เมืองโบราณในรัฐอุตตรประเทศ เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองในสมัยกษัตริย์หรรษะ และเป็นเมืองสำคัญจนถึงสมัยมุสลิมปกครองอินเดีย

    [4] ราชวงศ์ที่เคยรุ่งเรืองในชมพูทวีปราวคริสตศตวรรษที่ 4 - 6 ก่อนจะพ่ายให้กับหรรษะวรรธนะ

    [5] ชุดประจำถิ่นอินเดียเหนือ เป็นเสื้อแขนยาวคลุมหัวเข่า ตกแต่งด้วยลายปักสวยงาม

    [6] แคชเมียร์

    [7] สีดำที่ใช้เขียนหรือทาตา หรือใช้เป็นมาสคาร่าสำหรับขนตา ทำจากขี้เถ้าผสมกับส่วนประกอบอื่นๆ ใช้แพร่หลายในหมู่สตรี (และมีบ้างในหมู่บุรุษ) ในประเทศตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ แอฟริกาทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา และเอเชียใต้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×