ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นักเลงบ้านนอก

    ลำดับตอนที่ #3 : ความแบ่งแยกทางสังคม(กูเกลียดที่สุด)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 53


    ณ โรงครัว

                    ผมได้ทำของที่ผู้คนใส่บาตรเหมือมาไว้ที่โรงครัวระหว่างที่ผมกำลังยื่นเจ้าถังสีเหลืองนี้ให้ยายแก่ประจำโรงครัวอยู่นั้น ผมก็รู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาทางผมอยู่ ด้วยความเคืองใจผมจึงหันหน้าไป ปรากฏว่ามีเด็กวัดจำนวนหนึ่งมองมาทางผมอย่างมีเล่ห์นัยชั่วๆอยู่ เมื่อรู้ตัวว่าท่าไม่ดีผมรีบรับถึงเหลืองจากยายแก่นั่นแล้วรีบเดินออกจากโรงครัวไป แต่ทว่าโชคไม่ช่วยอยู่ดีๆก็มีเจ้าเด็กผมจุกกับเจ้าผมแกะมันทั้ง2ได้จับไหล่ผมไม่สิตบเลยก็ว่าได้ผมจึงหยุดนิ่งแล้วชำเรืองไปทางซ้ายซึ่งเป็นด้านที่เจ้าผมแกะนั้นตบบ่าผม

                    เฮ้อมึงลุกพี่กูเรียก...ไอ้เด็กผมแกะนั่นบอกกับผมแล้วหันคอไปทางที่ลูกพี่มันอยู่

                    กูไม่ไปโว่ยผมพูดเสียงแข็งใส่หน้ามันแล้วรีบสะบัดไหล่นั้ง2อย่างแรง แต่ก็ยังหนีไม่พ้นไอ้จุกกับไอ้แกะก็กระชากแขนผมไปด้านหลังทำให้ผมเกือบหงายหลังล้ม แล้วมันทั้ง2ก็ลากผมที่ยังที่ ที่ลุกพี่มันอยู่

                    แล้วมันก็กดไหล่ผมให้ผมนั่งคุกเข่า ผมได้เงยหน้ามองหน้าไอ้ลุกพี่ที่พวกมันทั้ง2พูดถึง  ร่างที่อยู่ตรงหน้าคือเด็กชายร่างสูงตัวโตผู้ซึ่งมีพุงใหญ่มากๆใส่เสื้อกล้ามเก่าๆ หน้าตาไม่มีเหลี่ยมมุมเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วทันใดนั้นมันก็ได้จับคางผมแล้วเชยหน้าผมขึ้นมาอย่างแรง

                    มึงเด็กใหม่หรอวะไอ้อ้วนนั่นถามด้วยเสียงที่ผมไม่อยากตอบเลย แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบมันไป

                    เออ....เพียงแค่ผมตอบคำเดียวสั้นๆห้วนๆผมก็รู้สึกถึงฝ่ามืออันควายๆ ฟาดลงหน้าผมอย่างแรง ผมให้เซล้มลงเล็กน้อย

                    ใครบอกให้มึงพูดกับกูแบบนี้วะไอ้สัตว์มันได้ตะคอกใส่หน้าผมทั้งๆที่ผมล้มลงอย่างนั้น ผมเริ่มโกรธแค้นขึ้นมาอย่างหุนหันกับ2พยางค์สุดท้ายที่มันว่าผม ผมรีบลุกขึ้นมาเท่าที่แรงผมจะมี แล้วผมก็ได้สวนกับไปอีก

                    มึงว่ากูได้กูก็ว่ามึงได้สิวะชาติชั่ว!!” ผมตะคอกกับคืนอย่างที่มันทำกับผม ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้เกิดศึกตะลุมบอลกันยกใหญ่ขึ้นมาระหว่างผมก็ได้อ้วนนั้นทันใดนั้นก็มีเด็กวัดบางคนได้ตะโกนเสียงดังว่าหลวงพ่อมาแล้วโว่ยผมกับไอ้อ้วนนั่นก็ได้แยกออกจากกันโดยมีเด็กวัดช่วยแยก

                    อะไรกันวะมันเกิดเรื่องอะไรกัน พวกเอ็งรู้มั้ยญาติโยมเค้าอยู่ข้างบนกัน ขืนรู้ว่าพวกเอ็งเป็นแบบนี้ เขาก็หาว่าวัดไม่ดูแลอีก ไหน!!ใครเป็นคนเริ่มเรื่องหลวงพ่อได้พูดขึ้นมาโดยที่ไม่สนใจแม่ชีและคนอยู่ในครัว 

                    เมื่อหลวงพ่อถามว่าใครเป็นคนเริ่มเรืองทุกคนก็ชี้มาที่ผมหมด ไม่มีใครชี้ไปทางไอ้อ้วนนรกนั่นทำให้หลวงพ่อหันมามองทางผม แล้วท่านก็ดูเหมือนว่าจะงงกับผมท่านจึงถามผมมาว่า

                เอ็งเป็นใครวะเด็กวัดใหม่รึ

                .....ขอรับผม

                ชื่อเอ็งละวะชื่ออะไร

                ผมชื่อ หมายครับผมตอบกลับไปอย่างเรียบๆสายตาแต่ละคนมองหน้าผมอย่างเกลียดชังมาเว้นแต่หลวงพ่อที่หน้านิ่งตลอด ซักผมผมก็ได้ชนคนเรียกชื่อผมไอ้หมายผมเรียบหันไปมองทางเสียงนั้นปรากฏว่าคนที่เรียกผมนั้นคือหลวงพี่สุธี ท่านรีบเดินตรงมาหาผมจากนั้นก็พูดคุยกับหลวงพ่อที่ยื่ยอยู่ตรงหน้าผม ดูท่าว่าจะครี่คลายด้วยดี จากนั้นทางหลวงพ่อก็ไล่พวกเด็กวัดพวกนั้นให้ไปทำหน้าที่ของตนเอง

    ทางผมหลวงพี่สุธีก็มองหน้าด้วยสายตาเขม่งใส่ผม ผมไม่พูดอะไรได้แต่เดินตามหลวงพี่สุธีไปอย่างเงียบๆ ผมเดินตามท่านมาจนถึงกุฏิที่ผมกับท่านอาศัยอยู่ ผมได้แต่ยืนนึ่งไม่พูดไม่จาอะไรหลวงพี่สุธี ได้เดินไปนั่งตรงบันได้ทางเขากุฏิด้วยอาการเบื่อหน่าย ท่านได้ส่งสายตามาทาง ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่วิ่งเข้าไปหาหลวงพี่แล้วบอกกับหลวงพี่ต่างๆนาๆว่าผมจะไม่ทำอีก ระหว่างที่ผมพุดอยู่นั้นผมก็รู้สึกว่ามีมือมาจับที่หัวผมอย่างนุ่มนวล ผมหันขึ้นไปมองปรากฏว่าหลวงพี่กำลังลูบหัวผมอยู่แล้วท่านกก็พูดขึ้นมาว่า

    เฮ้อ....ไอ่หมายเอ้ยนี่แค่12ปีแกก็ร้ายขนาดนี้เลยหรอวะ ข้าชักใจคอไม่ดีแล้วซิท่านพุดจบแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่อีก เมื่อผมได้ยินดังนั้นผมมองหน้าหลวงพี่สุธีแล้วได้พูดตอบกลับท่านไป

    ผมสัญญาขอรับว่าจะไม่มีเรื่องอีกผมพูดอย่างตั้งมั่นในตอนนั้น

    ท่านหลวงพี่สุธีก็ได้ลุกขั้นแล้วผมก็ได้เห็นสีหน้าที่ดูมีความสุขขึ้นมา ท่านไม่พูดอะไร จากนั้นผมก็เดินตามหลวงพี่เข้าไปยังกุฏิ  แล้วท่านก็ได้ยกบาตรของท่านมาแล้วเทของที่ผู้คนใส่บาตรลงกับพื้น เหมือนท่านรู้ว่าผมหิวเข้า เมื่อเห็นอย่างนั้นผมรีบเดินเข้าไปอย่างหิวโหย และท่านก็ได้พูดประโยคเดิมอีกว่า ค้อยๆกินเดี๋ยวข้าวก็ติดคอตายพอดี.....

    หลังจากที่ผมได้มีเรื่องที่โรงครัว ผมก็ไม่เคยย่างกายไปที่นั่นอีก ทุกๆวันพระพวกเด็กวัดต่างพากันไปที่โรงครัวเพื่อกินอาหารก้นบาตรของพระลุกวัดที่ตนคอยติดยาม ยกเว้นแต่ผมที่หมกอยู่ในกุฏิคอยรอหลวงพี่สุธีนำอาหารเล็กๆน้อยๆมาให้ ถ้าเบื่อผมก็ฝึกเขียนตัวหนังสือไทยบ้าง เลขไทยบ้าง  ไม่ก็คอยทำความสะอาดให้กุฏิน่าอยู่ นานๆครั้งผมถึงจะออกมานอกกุฏิ แต่ก็ไม่ไปไกลคอยเล่นรอบๆกุฏิ

    ถ้าเป็นวันธรรมดา ผมก็มักจะไปเล่นคนเดียวอยู่หลังวัดคอยก้อนหินก้อนกรวดโยนเล่นตามประสาเด็กตัวคนเดียว ที่หลัววัดไม่ค้อยมีคนกล้ามาเท่าไหร่เพราะมันติดอยู่กับป่าช้าและทุ่งนา

    พอเย็นๆผมก็จะกลับไปทีกุฏิก่อนที่หลวงพี่สุธีจะมาก่อน มันเป็นชีวิตที่ผมแบบนี้มานานโขแต่ผมก็ไม่เบื่ออะไร มีบ้างที่ผมโดนเด็กวัดที่อยู่ก่อนผมมาแกล้งบ้างแต่ผมก็สู้ตลอดและชนะพวกมันตลอดเพราะเป็นแบบนี้ผมเลยไม่มีเพื่อนเด็กวัดเลย มันเป็นสังคมการแบ่งแยกที่ผมเกลียดที่สุด

                    จนอยู่มาวันหนึ่ง....

     

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×