ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นักเลงบ้านนอก

    ลำดับตอนที่ #2 : ชีวิตในวัยเยาว์

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 53


    ณ วัดบ้านโพธิ์ไทร

                "ว่า ไงท่านสุธี ไอ้เปี๊ยกนี่ใครกันเด็กใหม่หรือท่าน" ชายหัวโล้นห่มผ้าเหลืองตัวอ้วนพุงโลยืนถามชายอีกคนที่มีหัวเหมือนกันแต่ผอม กว่ามากอย่างเป็นกันเอง
               "ขอ รับท่านผมสงสารมัน ตอนที่ผมไปบิณบาตรผมเห็นมันอยู่ที่ถังขยะสงสัยจะหาของกินผมเลยเอามันมาอยู่ ด้วยกำลังขาดเด็กช่วยถือของพอดี" ชายผอมตอบจากนั้นทั้งสองก็ล่ำลากัน     ชายร่างผอมจูงมืออันดำๆน้อยๆของผมเข้าเพลิงเล็กๆ

      เพลิงเล็กๆ
                ชาย ผอมหัวโล้นวางสำภาระแล้วนั่งกับแคร่พร้อมกับกวักมือเรียกให้ผมมานั่ง ข้างๆ ผมก็เดินตามมาอย่างไร้เดียงสา หลังจากนั้นแกก็โยนขนมกับกับข้าวให้ผมกิน แค่ได้กลิ่นที่โชยออกมาผมรีบกินอย่างไม่เกรงใจแก ช้อนไม่มีใช้มือเปิบซะเลยผมกินอย่างกับพวกเปรดกินข้าว
                "เออ ข้ารู้ว่าเอ็งหิวกินช้าๆซิวะเดี๋ยวติดคอตายกันพอดี"เมื่อเสียงชายหัวโล้นพูด ขึ้นเลยทำให้ผมลดระดับการกินให้ช้าลง เมื่อผมรู้สึกว่าอิ่มแล้วจึงหยุดกินแล้วเริ่มเงยหน้ามองชายนั่น แกจึงโยนขวดน้ำมาให้ผม ผมรีบรับจากนั้นก็เปิดผากระดกเข้าปากแล้วชายนั่นก็หัวเราะขึ้นผมจึงแหงนมอง หน้าแก
                 "เอาล่ะข้าชื่อ หลวงพี่สุธี ต่อไปนี้ข้าจะเลี้ยงเจ้าเองนะ เอ็งจะได้มีอาหารกิน แล้วก็เพื่อนๆมากมี เอาล่ะอิ่มยังข้าจะดูลายมือให้" ผมพยักหน้าอย่างสงสัยว่าลายมือ       เป็น อย่าไงแต่ได้ไม่ได้คิดอะไรมาก ผมเช็ดมือที่เปื้อนเศษกับข้าวกับเสื้อของตนเองแล้วยื่นมือไปให้หลวงพี่ จากนั้นผมก็เริ่มถามท่านเป็นประโยคแรก
                  "หลวงพี่ๆ ดูลายมือคืออะไร" และแล้วแกก็มองหน้าผมแล้วตอบกลับมา
                  " ดูลายมือคืออะไรเอ็งไม่ต้องรู้หรอกเดี๋ยวเอ็งก็รู้เอง เอาล่ะ..เอ็งชื่ออะไรวะ"
                  " ผม ไม่รู้ใครๆก็เรียกผมว่าหมา"ตลอดช่วงชีวิต 5 ปีมานี้ใครๆก็เรียกผมว่าไอ้หมา
                  "โอ้........เอ็งนิเสียชาติเกิดจริงๆว่ะ ไม่เป็นไรพรุ่งนี้เดี๋ยวข้าไปถามคนแถวนั้นเอาแล้วกัน" ว่าแล้วหลวงพี่แกก็ไม่ถามต่อ  ผม เห็นแกมองมือผมอย่างจดๆจ่อๆสีหน้าแกออกจะเครียดดูจากการที่ขิ้วชนกันแล้ว หนังอยู่หน้าผากก็เป็นชั้นๆ จากนั้นแกจึงวางมือผมลงแล้วเอ่ยกับผม
                  "เออ ว่ะ...........ตัวเล็กแค่นี้ร้ายกาจมากเลยนะเอ็งนิ คาดว่าโตขึ้นแกจะได้เป็นใหญ่นะนิในด้านไม่ดีเท่าไหร่.." พูดจบแกก็เดินไปที่ชั้นหนังสือแล้วก็ดึงหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งมาให้ผม มันเก่าซะจนหน้าปกขาดครึ่งหนึ่งแล้วแกก็พูดขึ้นว่า
                  "เอาไปอ่านซะนะ....หนังสือเรียนมีคนเขาเอามาให้ข้า  ข้าก็เอามาให้เอ็งนี่ล่ะ"                
             จาก นั้นผมก็เริ่มเรียนหนังสือเป็นครั้งแรกในชีวิต เริ่มจากการเขียนตัวกอ.ไก่ ผมก็เขียนอย่างงูๆปลาๆแต่ก็พอดูได้ ผมรู้สึกเหมือนว่ามีชีวิตใหม่ ซึ่งเป็นชีวิตที่ดีเสียจริงตั้งแต่นั้นในชีวิตผมคนที่ผมรู้จักก็คือ "หลวงพี่สุธี" แก พ่ำสอนผมอย่างตั้งใจ ฝึกให้ผม  อ่าน เรียน เขียนตัวหนังสือ ตัวเลข และวาดรุปต่างๆ แล้วฝึกให้ผมมีมารยาทที่ดีในการพูด ซึ่งแต่ละเรื่องที่หลวงพี่สุธี สอนผม แต่ผมทำได้ไม่ค้อยดีเท่าไหร่มีบ้างที่ผมโดนตีแต่ก็ชินแล้ว
             ทุกๆเช้าผมต้องตื่นตั้งแต่ตี4เพื่อมาสวดมนต์ทำวัตรเช้ากับแก ผมสวดมนต์อย่างตะกุกตะกักมาก สะกดทำผิดๆถูกๆ แต่ก็ผ่านมาได้พอเวลาตี 5 ผม ต้องตามหลวงพี่หลวงพี่สุธี ออกไปนอกวัดแกได้มองถังใบหนึ่งให้แก่ผมแล้วให้ผนเดินตามแกไปตลอกทางห้าม เถลไถลไปทางอื่น ผมไม่รู้ว่าทำไมแกถึงให้ผมทำแบบนี้ทุกๆเช้าทำไม

    ณ ชุมชนตอน6โมงเช้า
                "จัตตา โร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง
    "
                "สาธุ ขอบคุณเจ้าค่ะ" เสียงยายแก่ขอบคุณด้วยความปิติยินดีที่แกได้เทน้ำจนหมดขวดเล็กๆที่แกถือ
                   " เออ...โยมแช่ม อัตมาอยากรู้ว่าไอ่เด็กนี่มันมีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนกันหรือ"
    หลวงพี่ สุธีถามยายแก่ที่ชื่อแช่มพร้อมกับหลีกทาง แล้วดันตัวผมไปที่หน้าแก แกจ้องหน้าผมแล้วอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ
                 "โอ้!! ตาเถนช่วย ไอ้หมายยังไม่ตายหรอวะ--โอ้...ขอโทษเจ้าค่ะหลวงพี่คือไอ้เด็กนี่ชื่อหมายที่ ข้าตกใจก็เพราะว่าข้านึกว่ามันตายแล้ว ข้าเป็นคนทำคลอดให้แม่มันเอง แม่มันเป็นผู้หญิงหากินไปได้กับใครก็ไม่รู้ ไม่นานมท้องมันก็ป่องออกมา แล้วก็ได้มาให้ฉันทำคลอดให้เจ้าค่ะ ไอ้เด็กนี่ออกยากมากเล่นเอาแม่มันเกือบตาย พอคลอดเสร็จก็ได้ตัดสายสะดือทำความสะตัวมัน จากนั้นแม่มันก็ถอดแหวนจากมือแล้วร้อยใส่เชือกหนังเก่าๆทำเป็นสร้อย เอามาให้ดิฉันย้ำนักย้ำหนาว่าต้องให้มันสวมตลอดเวลา ดิฉันก็เลยทำการสวมใส่คือให้แม่มันเห็น ไม่นานแม่มันก็นิ่งไปมารู้อีกทีแม่มันก็ตายเสียแล้ว เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหลาเจ้าค่ะ...."
                พอ ได้ฟังที่ยายแก่พูดผมแทบจะร้องไห้ผมกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เกิด ว่าแล้วหลวงพี่สุธีก็ยื่นมือมาที่ผมแล้วล้วงเอาสายหนังที่อยู่ที่คือผมออกมา ดู
               " โอ่~ เป็นอย่างนี้นี่เอง ไอ้หมาย ข้าล่ะสงสารเอ็งจริงๆเกิดมาอาพับ คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่.....เลือ ที่จะเป็นอะไรก็ได้จะดีจะชั่วแกเป็นคนเลือกเองนะไอ่หมาย"
               "ขอบคุณมากนะโยมแช่ม อ่อแล้วพอรู้ไหมว่าศพแม่มันฝังอยู่ไหน"
               "โอ้ อยู่หลังวัดใกล้กับป่าช้าเจ้าค่ะไม่รู้ว่าตอนนี้มันพังรึยัง ตั้ง 5 ปีมาแล้ว"
               "เออใช่ๆ โยมแช่มพอจำวันเกิดไอ้หมายได้มั้ย"
               "ถ้าดิฉันจำไม่ผิดก็น่าจะวันที่ 6 เดือน 9 ปีขาล เจ้าค่ะ"
              หลวงพี่สุธีไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มแล้วเดินต่อไป หลังจากที่ทำธุระยามเช้าแบบนี้เสร็จหลวงพี่กับผมก็พากันเข้าวัด
              "หลวงพี่ขอรับตอนที่หลวงพี่สวดมนต์ทำไมยายแก่นั่นถึงได้เทน้ำทิ้งอย่างช้าๆ หรอครับ "
              ผมเริ่มถามแกขณะที่เราทั้ง2กำลังเดินเป็นคันแทนาเพื่อที่จะเข้าวัด
              "เขาไม่ได้เรียกว่าเทน้ำ เขาเรียกว่ากรวดน้ำ--ข้าไม่ได้สวดมนต์แต่ข้าให้พรต่างหาก"
              แล้วการสนทนาก็จบลงจนเมื่อเราทั้ง2มาถึงหน้าวัด ผมเดินตามหลวงพี่สุธีขึ้นไปที่ศาลาวัดผมได้แบกไอ้ถังนี้จนหลวงพี่ให้ผมเอา ของไปไว้ที่โรงครัว
            
    และแล้วการมาที่โรงครัว นี้ก็ได้เกิดจุดเริ่มต้นของคำว่า "กูลูกพี่ใหญ่โว่ย!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×