NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นมารดาของทรราชมิใช่เรื่องง่าย

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่สี่ : คำขอโทษ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 66


    เป็นมารดาของทรราชมิใช่เรื่องง่าย

    แต่งโดย เดือนสีนวล

    *

    ตอนที่สี่ : คำขอโทษ

    *

    ยังไม่ตรวจคำผิด

    ยังไม่ตรวจคำผิด

    ยังไม่ตรวจคำผิด

     


     

    นางกำนัลร่างอวบค่อยๆ เดินเข้าไปด้านในที่ลึกสุดของพระตำหนักหมิงอัน ก่อนจะหยุดอยู่หน้ารูปปั้นมังกร สตรีวัยกลางคนรีบควักของที่อยู่ในถุงผ้าออกมา เสวี่ยหนิงเซียนมองแล้วจึงรู้ว่ามันคือหยกขาวที่ถูกตัดและเหลาจนเป็นทรงกลม นางกำนัลอาวุโสจัดการนำหยกทั้งสองใส่ดวงตารูปปั้นมังกร หยกมันแพะค่อยๆ ไหลเข้าไปในรู รูปปั้นมังกรถูกเคลื่อนเข้าไปด้านใน เผยให้เห็นประตูลับ

    หยกมันแพะทั้งสองลูกถูกสลักคำว่าเว่ยไว้ เช่นนี้แล้วประตูกลและทางลับคงถูกสร้างด้วยเว่ยไทเฮา ไม่ก็เดิมทีถูกสร้างมานาน แต่เว่ยไทเฮาชิงจัดการนำมันมาเป็นของตนเอง

    หนิงเซียนก้าวตามสตรีวัยกลางคน บันไดนี้เป็นทรงเกลียว ยิ่งเดินเท่าไหร่ก็ยิ่นมืดมิดและวังเวง หากนับเวลาตั้งแต่ที่นางเริ่มลงมา ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งเค่อ บันไดหนึ่งร้อยยี่สิบขั้นใช้เวลาถึงครึ่งก้านธูป ผนังแต่ละชั้นล้วนสูงไม่เกินหนึ่งจั้ง เมื่อคำนวณออกมาหนิงเซียนจึงรู้ว่าความลึกนับตั้งแต่ก้าวเท้าลงมาคือสิบจั้ง

    นางคิดคำนวณตามหลักคำสอนของยายเฒ่าเฉิง จึงรู้ตัวว่าตนและนางกำนัลอาวุโสใช้ลงมาชั้นล่างด้วยระยะทางเท่าใด

    โอ้ ลึกถึงเพียงนี้เชียวรึ ยิ่งลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งหมายความว่าความลับของเว่ยไทเฮานั้นต้องยิ่งใหญ่เพียงใด ยามลงมาถึงขั้นสุดท้าย เสวี่ยหนิงเซียนเห็นโพรงขนาดกลางนับร้อยโพรง ใช่ มันมีถึงร้อยโพรงจริงๆ ด้านล่างน่าจะมีอากาศให้หายใจน้อย แต่ร่างของนางกำนัลกลับไม่แสดงออกถึงความลำบาก หากไม่ใช่ว่าถูกฝึกมาเป็นอย่างดี นั่นก็หมายความว่าภายในมีช่องทางที่เป็นระบบไว้สำหรับแลกเปลี่ยนอากาศด้านนอกเข้าสู่ด้านใน

    นางกำนัลร่างอวบมุดเข้าไปในโพรงที่อยู่ด้านซ้ายมือ เสวี่ยหนิงเซียนเห็นเช่นนั้นจึงมุดเข้าโพรงตาม ผ่านไปเพียงสองก้านธูป ท้ายที่สุดนางกำนัลคนสนิทของเว่ยไทเฮาก็สามารถมาถึงจุดหมายได้ ด้านในเป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีแสงไฟจากตะเกียงนับร้อย ทว่าที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือหนิงเซียนเห็นบุรุษและสตรีหลายคนถูกล่ามโซ่ไว้ คนพวกนั้นกำลังเตรียมสมุนไพรมากมายที่อยู่ในหีบนับร้อย บางคนคอยเด็ดใบสมุนไพร บางคนก็ทำหน้าที่คั้นน้ำยา

    เสวี่ยหนิงเซียนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางกำนัลผู้นี้จึงหายใจไม่ลำบาก

    ภายในถ้ำแห่งนี้ยังมีน้ำตก นั่นย่อมหมายความว่าถ้ำแห่งนี้เชื่อมต่อกับโลกภายนอก

    เสวี่ยหนิงเซียนฉุกคิดขึ้นมา หากปลายทางนี้คือน้ำตก เช่นนั้นแล้วทางเชื่อมต่อย่อมเป็นแม่น้ำสักสายที่อยู่ในเมืองหลวง ขณะที่ตนกำลังขบคิด นางกำนัลอาวุโสของเว่ยไทเฮาก็พลันตะคอกใส่ทาสหญิงผู้หนึ่งเข้า “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่รึ ว่าให้ระวัง สมุนไพรพวกนี้มีราคามากกว่าชีวิตเจ้านับร้อยคนด้วยซ้ำ!”

    “ขะ..ข้าขออภัยเจ้าค่ะ ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่มีแรงเพราะหิวข้าว เลยไม่ระวัง”

    “เจ้าจะกล่าวโทษ หาว่าข้าไม่ให้ข้าวเจ้ากินอย่างนั้นรึ”

    “มะ…ไม่ใช่เจ้าค่ะ”

    “พวกเจ้า กดหัวของนังทาสชั้นลงน้ำจนกว่าข้าจะพอใจ” นางกำนัลเอ่ยบอกผู้คุมที่เป็นบุรุษ สองคนนี้เฝ้าทางเข้าออก ข้างกายมีหอกเปื้อนเลือด คาดว่าก่อนหน้านี้คงมีคนที่เพิ่งถูกอาวุธนี้เล่นงานเข้าจนถึงแก่ชีวิต

    “มะ…ไม่นะเจ้าคะ นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว โปรดเมตตาข้าน้อย โปรดเมตตาข้าน้อย” ทาสหญิงโขกหัวจนศีรษะปริแตก เสวี่ยหนิงเซียนพยายามมองข้ามความโหดร้ายนี้ อย่างไรนางก็มิอาจช่วยเหลือคนเหล่านี้ได้อยู่แล้ว

    ทาสที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันทำหน้าที่ของตนต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาต้องเห็นภาพอันใดมา จึงได้มีสีหน้าชินชากับความทารุณเช่นนี้ได้

    นางกำนัลร่างอวบลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ มีเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้นที่ทำให้นางมีอำนาจบารมีเฉกเช่นนายของตน

    เมื่อทาสหญิงน่าเวทนาสลบไสล นางจึงเอ่ยบอกผู้คุมให้หยุดมือ ก่อนจะหันไปทำหน้าที่ของตนทันที เสวี่ยหนิงเซียนไม่รอให้โอกาสนี้หายไป นางตามติดนางกำนัลอาวุโสของเว่ยไทเฮา สตรีผู้นี้มีนามว่าอันเหลียน หญิงวัยกลางคนหยิบสมุนไพรนับร้อยที่ถูกเตรียมไว้โดยทาสชายหญิง ก่อนจะนำมาบด บางอย่างก็นำมาสับแทนการบด บ้างก็นำไปลนไฟให้เกิดความร้อน เสวี่ยหนิงเซียนมองอย่างใจจดใจจ่อ ท้ายที่สุดก็สามารถจดจำสูตรยาพิษนี้ได้

    ใช้สมุนไพรนับหลายร้อยชนิด แต่กลับได้ผงยาเพียงไม่กี่หยิบมือ สิ่งนี้คงเป็นยาล้ำค่าสำหรับเว่ยไทเฮาไม่น้อย ดูจากหีบเก็บสมุนไพรมากมายที่อยู่ในถ้ำแล้ว สตรีคู้แค้นผู้นั้นคงเสียเงินทองมหาศาลเพื่อสร้างยาพิษควบคุมโอรสของนาง

    เวลาผ่านไปนับสี่ชั่วยาม นางกำนัลอันเหลียนนำห่อยาเก็บใส่ถุงผ้า ก่อนจะรีบเดินออกจากถ้ำด้วยทางที่เข้ามาทันที เสวี่ยหนิงเซียนมองความเป็นอยู่ของทาสชายหญิงแต่ละคนด้วยแววตาเวทนา พลางหลุบตาต่ำมองฝ่ามือของตน แม้แต่เรื่องของตนเองนางยังเอาไม่รอด นับประสาอะไรจะช่วยเหลือผู้อื่น เสวี่ยหนิงเซียนตัดใจพลางหันหลังกลับทันที

    ทางออกนั้นมีรูปปั้นมังกรที่มีดวงตาเป็นหยกมันแพะ นางกำนัลอันเหลียงหยิบดวงตาหนึ่งคู่นั้นออกจากเบ้า ทางออกจึงค่อยๆ เปิดออก เมื่อนางกำนัลของเว่ยไทเฮาเดินออกจากทางลับ รูปปั้นมังกรจึงกลับมาอยู่ในรูปแบบปกติ

    เสวี่ยหนิงเซียนทอดถอนหายใจ นางรู้แล้วอย่างไรต่อ ต่อให้ทราบความลับของเว่ยไทเฮาตนก็ลงมืออันใดไม่ได้สักอย่าง นางก้าวออกจากพระตำหนักหมิงอัน เดินเล่นอยู่ในอุทยานหลวง มองเหล่าแมกไม้นานาพรรณมีค่าด้วยดวงตาสั่นไหว นับตั้งแต่เข้าไปทางลับ เวลาก็ผ่านมาแล้วถึงสี่ชั่วยาม พระจันทร์ด้านนอกลอยกระจ่างคล้ายอวดรูปโฉม หนิงเซียนนั่งมองบ่อน้ำที่เต็มไปด้วยดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ พวกมันหุบยามกลางคืน และอ้าออกยามกลางวัน สมัยที่นางยังมีชีวิตอยู่ อุทยานหลวงแห่งนี้มิเคยมิเคยมีดอกบัวสีขาวมาก่อน หากไม่ใช่เพราะดอกบัวขาวเป็นดอกไม้ที่เว่ยไทเฮาโปรดปราณ ก็ย่อมเป็นตัวฮองเฮาที่โปรดปราณเสียเอง

    เสวี่ยหนิงเซียนส่ายหน้าให้กับความหลอกลวงของคนในวังหลัง นางหมายมาดจะเดินออกจากสถานที่แห่งนี้ ทว่าสายตากลับมองเห็นคนผู้หนึ่ง ไม่ใช่สิ วิญญาณตนหนึ่งนั่งหันหน้าเข้ากับต้นท้อ

    จริงสิ เขตพระตำหนักเฟิ่งเซียนของนางถูกทุบทิ้ง และขยายให้กลายเป็นหนึ่งในอาณาเขตของอุทยานหลวง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกโละ เว้นเพียงแต่ต้นท้อต้นนั้น

    มันคือต้นท้อที่ในอดีตเจียวเจียวนำร่างของนางมาฝัง คงเพราะต้นท้อนี้มีอายุหลายปี มันแตกกิ่งก้านสาขา แผ่ขจายราวกับต้นท้อพันปีได้ บางทีแล้วที่มันสวยงามเช่นนี้ก็อาจเป็นเพราะปุ๋ยมนุษย์เช่นนางก็เป็นได้

    เสวี่ยหนิงเซียนก้าวเข้าใกล้ร่างวิญญาณปริศนา เพราะนางเป็นผี ยามก้าวเดินย่อมไม่มีเสียง จากแผ่นหลังจุดเล็กๆ ก็กลายเป็นแผ่นหลังแกร่งกล้า นางไม่เคยเห็นดวงวิญญาณในวังหลวงมาก่อน เพราะโดยส่วนมากคนที่ตายในวังหลังล้วนถูกฆ่าปิดปาก ฆ่าด้วยพิษ ไม่ก็มีความหลังอันมืดหม่น ยามได้สติว่าตนเป็นวิญญาณก็บังเกิดความอาฆาต กลายเป็นวิญญาณร้าย ด้วยม่านพลังนักพรตนับหมื่นตนที่ช่วยกันบำเพ็ญเพียร วิญญานร้ายจึงถูกขจัดในบัดดล

    วิญญาณตนนี้ไม่มีความแค้น ไม่มีความฝังใจเฉกเช่นนางเลยสินะ

    ยามก้าวมาใกล้ผีตรงหน้า นางก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเกือบครึ่งของวิญญาณตนนี้ค่อยๆ สลาย หรือว่าวิญญาณตนนี้อยู่จนครบสามปีแล้วอย่างนั้นหรือ

    “เจ้า” นางพยายามสะกิดผีด้วยกัน ยามวิญญาณบุรุษตรงหน้าหันมาทันทีตนจึงผงะด้วยความตกใจ ดวงหน้าของชายผู้นี้กำลังสลายหายไปเกินครึ่ง เสวี่ยหนิงเซียนจึงมองเห็นแค่เพียงริมฝีปากซีดเซียว แม้จะอยู่ในสภาพอิดโรยกว่านาง แต่หนิงเซียนสามารถรับรู้ได้ถึงอำนาจบางอย่างจากอีกฝ่าย

    ดูจากร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแล้ว น่าจะเป็นองครักษ์ ไม่สิ นางไม่ควรปักใจคิดเช่นนั้น ยายเฒ่าเฉิงเคยสอนว่าหากสงสัยสิ่งใดให้สร้างสมมติฐานเท่าที่จะคิดได้เพื่อประมวลผล บุรุษที่มีมัดกล้ามมิได้มีแค่เพียงองครักษ์ แม่ทัพ หรือขันทีที่ใช้แรงงานก็สามารถมีได้เช่นเดียวกัน แต่ดูจากเนื้อผ้าที่บุรุษตรงหน้าใส่แล้ว น่าจะเป็นคนมียศฐา ควรตัดตัวเลือกขันทีออกไป

    เพราะผีตรงหน้าสวมชุดนอน แต่ด้วยสายตาอันเฉียบคมของเสวี่ยหนิงเซียน นางมองออกว่าชุดนอนนี้เป็นผ้าหลวง คนที่จะใส่ได้ย่อมเป็นเชื้อพระวงศ์เท่านั้น อ๋องสักคนอย่างนั้นหรือ?

    “เจ้า…” ผีชุดนอนกล่าวเสียงติดทุ้ม เสวี่ยหนิงเซียนได้ยินก็พลันเบิกตากว้างอีกครั้ง

    เสียงนี้

    นางจำได้

    จะเป็นไปได้อย่างไรกัน บุรุษผู้นั้นตายตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้ว ดวงวิญญาณปกติทั่วไปย่อมมีอายุขัยเพียงสามปีเท่านั้น

    “ทะ..ท่าน” นางกล่าวอ้ำอึ้งด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

    “…”

    “…”

    ผีสองตนประจันหน้ากัน ท้ายที่สุดผีชุดนอนจึงกล่าวขึ้นมา “เสวี่ยหนิงเซียนใช่หรือไม่”

    “…” นางนิ่งเงียบเพราะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ‘ซ่งจินเหยียน’ ฮ่องเต้องค์ก่อนยังไม่ไปปรโลกอีกหรือ

    “ข้าตามหาเจ้ามาตลอด” บุรุษผู้นั้นกล่าวเสียงติดสั่น “ข้าผิดต่อเจ้ายิ่งนัก…”

    เสวี่ยหนิงเซียนไม่รอให้ผีพระสวามีกล่าวจบ ตนก็จัดการตบใบหน้าที่เหลือไม่ถึงสี่ในสิบส่วนจากการสลายของดวงวิญญาณทันที นางรู้ดีว่าผีไม่สามารถสร้างความเจ็บปวดด้วยกันได้ แต่ตนก็อดไม่ไหวที่จะประทุษร้ายอดีตโอรสสวรรค์เช่นเขา

    “ซ่งจินเหยียน เจ้ายังจะมีหน้ามาขอโทษข้าอีกหรือ!”

    “…”

    “หากไม่ใช่เพราะเจ้า โอรสของข้าคงไม่ถูกยาพิษและนังสตรีบ้าอำนาจควบคุมแล้ว หากไม่ใช่ว่าเจ้าตรัสบอกให้ข้ายกซ่งเสวี่ยหรงให้ ข้าคงไม่ตายเพราะบุตรชายของตนสั่งประหารแล้ว!” นางเอ่ยอยากอดกลั้น คนที่นางโกรธแค้นมากที่สุดรองจากเว่ยไทเฮา ย่อมเป็นพระสวามีต้นเรื่องผู้นี้ เป็นเพราะเขาตรัสบังคับให้นางมอบเสวี่ยหรงให้เว่ยอวี้หลัน ทั้งยังเลื่อนขั้นให้นางเป็นเสียนเฟย งูพิษในวังหลังนับร้อยจึงเพ่งเล็งมาที่นาง!

    จากสนมขั้นจิ่วผิน กลายเป็นเสียนเฟย นั่นย่อมสร้างคลื่นลมภายในวังหลังเป็นอย่างมาก ชีวิตที่เคยสงบสุขของนางได้หายไปเพราะพระสวามีผู้นี้!

    ยามยังมีชีวิตอยู่ นางย่อมมิกล้ากล่าวเช่นนี้ ยิ่งตบหน้าพระสวามีก็คงจะเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน แต่เมื่อตายไปแล้วเหตุใดนางยังต้องเกรงกลัว ท้ายที่สุดยามเป็นผีก็มิอาจทำอะไรได้ เร่ร่อนไปสามปีรอวิญญาณสลายเพื่อไปเกิดใหม่ไม่ก็ชดใช้กรรม

    ซ่งจินเหยียนคล้ายมึนงง เขาอ้าปากเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมา แต่ด้วยเศษเสี้ยววิญญาณเริ่มสลายไปจนถึงคางอย่างรวดเร็ว นางจึงไม่ได้ยินคำกล่าวนั้น

    ถึงแม้หนิงเซียนจะไม่เห็นสีหน้าอีกคน ทว่านางรับรู้ได้ถึงห้วงอารมณ์ที่ขาดช่วงนั้น

    หมายความว่าอย่างไรกัน บุรุษผู้นี้จะเอ่ยอะไร

    ท่อนล่างนับตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงเข่าและท่อนบนของอดีตองค์จักรพรรดิค่อยๆ สลาย ซ่งเสวี่ยหรงคุกเข่าพลางคำนับนาง เสวี่ยหนิงเซียนอ้าปากค้าง นางไม่คิดว่าอดีตพระสวามีจะกระทำเช่นนี้

    คล้ายได้ยินคำกล่าวไร้เสียงประโยคหนึ่งก่อนที่ซ่งจินเหยียนจะสลายไป

    ข้าขอโทษ…

    ขณะเดียวกันร่างของเสวี่ยหนิงเซียนเองก็เริ่มมีเศษเสี้ยววิญญาณที่หลุดลอย ถึงเวลาของนางที่ต้องไปโลกหน้าแล้วอย่างนั้นหรือ

    น่าเจ็บใจนัก เหตุใดนางต้องไปพร้อมกับพระสวามีของตนเช่นนี้กัน แม้แต่ยามเป็นผี ช่วงวิญญาณสลายเพื่อไปเกิดใหม่เวียนว่ายชดใช้กรรมยังต้องไปพร้อมกันอีกหรือ

     

    ทว่าเหมือนสวรรค์จะมอบบทลงโทษ ไม่ใช่สิ โอกาสให้นาง เสวี่ยหนิงเซียนฟื้นคืนจากความตาย ยามนี้นางย้อนเวลากลับมาเมื่อสามสิบปีก่อน ช่วงที่นางเพิ่งจะตั้งครรภ์มังกรได้สามเดือน! หากจะให้โอกาสนางจริงๆ เหตุใดถึงไม่ให้ข้ากลับมามีชีวิตก่อนถวายตัวเป็นนางสนมเล่า นางจะได้หนีออกจากสกุลเดิมของตน ไปเป็นแม่ค้าไม่ก็เป็นหมอตามชุมชนสักแห่ง ช่างหัวพระสวามี ช่างหัวคนในวังหลังไปเสียเลย!

    ตัดพ้อไปก็เท่านั้น ในเมื่อเลือกไม่ได้ก็มีแต่ต้องใช้ชีวิตต่อไป

    เสวี่ยหนิงเซียนลูบท้องของตน ในนี้มีเจ้าลูกเต่าและเซียงเอ๋อร์ อวิ๋นเซียงยังไม่เป็นอะไร ส่วนเสวี่ยหรงก็ยังไม่ถูกเว่ยอวี้หลันควบคุม เช่นนั้นต่อจากนี้ไปนางต้องวางแผนการมิให้ซ่งเสวี่ยหรงถูกพรากไปจากอกนาง และคอยเลี้ยงดูให้เขาให้เติบโตมาอย่างมีคุณธรรม มิใช่ทรราชดังกาลก่อน!

     

    ติดตามตอนต่อไป

     


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×