NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นมารดาของทรราชมิใช่เรื่องง่าย

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่สาม : ความจริงอีกประการ

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 66


    เป็นมารดาของทรราชมิใช่เรื่องง่าย

    แต่งโดย เดือนสีนวล

    *

    ตอนที่สาม : ความจริงอีกประการ

    *

    ยังไม่ตรวจคำผิด

    ยังไม่ตรวจคำผิด

    ยังไม่ตรวจคำผิด

     


     

    “พวกเจ้ารีบต้มน้ำ ครรภ์มังกรของหยวนฮองเฮาใกล้ประสูติแล้ว” จ้านกงกงเอ่ยเสียงจริงจัง ก่อนจะรีบเดินเข้าตำพระตำหนักหมิงอัน โดยรอบมีองครักษ์นับร้อยคอยดูแลความสงบ หัวหน้าองครักษ์เห็นจ้านกงกงจึงพยักหน้าให้คนของตนเปิดทาง พระตำหนักนี้ใหญ่โตเป็นอย่างมาก กินพื้นที่วังหลวงเกินสี่ในสิบ พื้นถูกปูด้วยหยกเนื้อดี เสาทุกต้นถูกสลักด้วยทองคำลวดลายมังกร ภายในมีเครื่องประดับ รวมๆ แล้วอาจมีมูลค่าถึงสองล้านตำลึงทองก็ว่าได้

    พระตำหนักหมิงอันคือตำหนักขององค์จักรพรรดิซ่งเสวี่ยหรง ทว่าจ้านกงกงมิได้ต้องการเรียนเรื่องพระอาการใกล้คลอดของหยวนฮองเฮาให้กับฮ่องเต้ นายเหนือหัวของขันทีเฒ่าที่แท้จริงคือสตรีที่อยู่หลังม่านซ่งเสวี่ยหรงต่างหาก

    “เรียนไทเฮา พระครรภ์ของหยวนฮองเฮาใกล้คลอดแล้วพะยะค่ะ”

    หญิงชราแย้มรอยยิ้มบนพระพักตร์ ก่อนจะค่อยๆ เคาะจอกชาข้างกายเป็นจังหวะ “หรงเอ๋อร์ ฮองเฮาของเจ้าใกล้คลอดแล้ว เจ้าควรไปหาหยวนเฟิ่งอิงเพื่อแสดงออกถึงความห่วงใย”

    “ขอรับ” ซ่งเสวี่ยหรงตอบรับเสียงนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ หยัดกายลุก ทว่าขณะที่ตนกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไป วรกายล้ำค่าขององค์จักรพรรดิกลับซวนเซคล้ายคนจะหมดสติ ซ่งเสวี่ยหรงขมวดคิ้วหนาด้วยความเจ็บปวดศีรษะ พระโลหิตเริ่มไหลออกจากหูและจมูก เว่ยไทเฮาเห็นเช่นนั้นจึงหน้าเผือดสี

    “จ้านกงกง เจ้าใส่ผงชาเกินหนึ่งหยิบมืออย่างนั้นรึ!” สตรีสูงศักดิ์หลังม่านตรัสเสียงดังด้วยความไม่พอพระทัย

    “ขอ….ขอภัยพะยะค่ะ กระหม่อมชรามากแล้ว เริ่มเลอะเลือนจนหลงลืมว่าตนใส่ผงชาไปเท่าไหร่” จ้านกงกงเอ่ยเสียงสั่นก่อนจะคุกเค่าและโขกศีรษะเพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกสำนึกผิดของตน

    “หากนี่มิใช่ฤกษ์ยามที่ครรภ์มังกรจะประสูติ ข้าคงลงโทษเจ้าด้วยการสั่งคุกเข่าหน้าพระตำหนักหมิงอันสักหกชั่วยามไปแล้ว” เว่ยไทเฮาตรัสเสียงค่อนขอด ก่อนจะหยัดกายลุกเพื่อไปพยุงโอรสเลี้ยงของตน ภายในพระตำหนักมีเพียงนางกำนัลอาวุโสหกคน และจ้านกงกงเท่านั้น นางกำนัลเห็นเช่นนั้นจึงปรี่กายเข้าช่วยเหลือองค์จักรพรรดิ

    “พาหรงเอ๋อร์ไปบรรทมเถิด เดี๋ยวข้าจะไปเฝ้าพระอาการของหยวนฮองเฮาเอง” นางเชิดใบหน้าขึ้นอย่างถือดี ก่อนจะก้าวจากพระตำหนักหมิงอัน วรกายของเว่ยไทเฮานั้นประดับด้วยอาภรณ์ล้ำค่า ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเต็มไปด้วยเพชรพลอย หยก และเครื่องประดับมีราคาสูง แม้จะมีพระชนมายุนับหกสิบสาม ทว่าพระพักตร์กลับอ่อนเยาว์กว่าวัย ด้วยสมุนไพรล้ำค่าและน้ำแกงมากมาย เว่ยไทเฮาจึงดูคล้ายคนอายุเพียงสี่สิบหนาวปลายๆ ได้

    เสวี่ยหนิงเซียนมองร่างเว่ยไทเฮาที่เดินจากไป นางอดทนไม่ให้ตนปรี่ตัวเข้าปทุษร้ายสตรีคู่แค้น ต่อให้อยากทำเช่นไรนางก็รู้ดีว่าตนไม่มีความสามารถนั้น นอกเสียจากจะยอมเปลี่ยนให้ตนเป็นวิญญาณร้าย ทว่ามันก็มิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น วังหลวงแห่งนี้มีม่านพลังคอยป้องกันวิญญาณร้าย การที่เสวี่ยหนิงเซียนเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้ นั่นก็เพราะนางมิใช่วิญญาณอันตรายใดใด ม่านพลังจึงไม่อาจส่งผลต่อหนิงเซียน

    หึ คนเช่นเจ้ากลัวบาปกรรมด้วยอย่างนั้นหรือ ถึงได้สั่งนักพรตมากมายบำเพ็ญเพียรเพื่อสร้างม่านกันวิญญาณร้ายเช่นนี้

    เป็นครั้งแรกในสิบปีนับตั้งแต่วันตายที่เสวี่ยหนิงเซียนได้กลับเข้าวังหลวง สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำเลวร้าย นางมองพระตำหนักหมิงอัน อดีตเคยเป็นพระตำหนักของพระสวามี ‘ซ่งจินเหยียน’ ยามเปลี่ยนรัชศก พระตำหนักนี้จึงตกเป็นของโอรสแท้ๆ ของเสวี่ยหนิงเซียน

    เจตนาที่แท้จริงของนางมิใช่ความคิดถึงเจ้าลูกเต่าที่สั่งประหารตน ทว่าหนิงเซียนตั้งใจมาหาซูเจียว เด็กโง่เขลาที่พยายามให้ศพของนางมีที่ฝัง ยามนี้สตรีผู้นั้นมีอายุสามสิบหนาวได้แล้ว กลายเป็นนางกำนัลที่ต้องทำงานยากลำบากกว่าผู้อื่น ทำงานและอาศัยอยู่ในโรงซักล้าง มือเท้าแตกอย่างน่าหวาดกลัว ใบหน้าและร่างกายดูทรุดโทรมมิคล้ายคนอายุสามสิบหนาวเลยสักนิดเดียว เสวี่ยหนิงเซียนจำใจมองภาพโหดร้ายของนางกำนัลที่มีพระคุณต่อตนไม่ได้ เจียวเจียวถูกทำร้ายร่างกายทุกวัน มิหนำซ้ำเด็กโง่ผู้นั้นยังถูกขืนใจ เพราะเห็นว่าไม่ใช่คนโปรดปราณของผู้ใด จึงสามารถเหยียบย่ำได้ง่าย หนิงเซียนจึงต้องออกจากโรงซักล้าง เดินไปทั่ววังหลวงคล้ายวิญญาณเร่ร่อนตนอื่น

    ในหัวขบคิดเรื่องมากมาย ท้ายที่สุดตนก็เดินมาถึงพระตำหนักหมิงอัน นางเห็นเว่ยไทเฮาเดินออกมาพอดี เหมือนจะได้ยินนางกำนัลและขันทีกล่าวว่าครรภ์มังกรของหยวนฮองเฮาใกล้ประสูติแล้ว

    สกุลหยวนคงมีหน้ามีตาในเมืองหลวงไม่น้อย บุตรสาวเป็นถึงฮองเฮา มิหนำซ้ำอาจให้กำเนิดโอรสมังกร ภายภาคหน้าคงมีสกุลน้อยใหญ่มากมายพยายามประจบเอาใจ เสวี่ยหนิงเซียนสลัดความคิดอื่นออกไป ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในพระตำหนักโออ่านี้

    โอ้ เสาต้นนี้คงมีราคาหลายแสนตำลึงได้ รัชศกที่พระสวามีของนางยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่เห็นว่าพระองค์จะฟุ่มเฟือยเท่าบุตรชายนางเลยจริงๆ

    แม้พระตำหนักจะกินอาณาเขตกว้างขวาง ทว่าภายในกลับมีนางกำนัลอาวุโสเพียงหกคน และจ้านกงกงที่นางคุ้นหน้าเพียงผู้เดียว เสวี่ยหนิงเซียนมุ่นคิ้วให้กับความผิดกฎมณเฑียรบาลของวังหลวง เป็นไปได้อย่างไรที่พระตำหนักของฮ่องเต้จะมีขันทีและนางกำนัลน้อยนิดถึงเพียงนี้

    “เซียนเอ๋อร์ เรื่องเล็กน้อยมิอาจมองข้ามได้ จงจำไว้ว่าคลื่นทะเลมหาศาลล้วนกำเนิดจากน้ำเพียงหยดเดียว”

    คำสั่งสอนของยายเฒ่าเฉิงพลันดังกึกก้องเข้ามาในศีรษะ หากเป็นกาลก่อนเสวี่ยหนิงเซียนคงไม่สนใจ เพราะไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องอันใดกับตน ทว่ายามได้เรียนรู้เรื่องมากมายจากหญิงชราผู้นั้น ตนจึงรู้ว่าอะไรควรทำ และอะไรที่ไม่ควรทำ

    นางก้าวเข้าไปด้านในมากกว่าเดิม ท้ายที่สุดก็เดินมาถึงห้องบรรทมขององค์จักรพรรดิ เสวี่ยหนิงเซียนมองร่างโอรสแท้ๆ ของตนที่กำลังหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง มีเหงื่อไคลมากมายผุดจนอาภรณ์เปียกโชก ทว่าที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือใบหูและรูจมูกของซ่งเสวี่ยหรงมีพระโลหิตไหลออกตลอดเวลา

    นางกำนัลอาวุโสทั้งสองคนคอยเช็ดวรกายของฮ่องเต้ซ่งเสวี่ยหรง ส่วนจ้านกงกงก็ได้นำหีบสมุนไพรเข้ามา เขาทำการต้มและบดยาในห้องบรรทมทันที

    งานเช่นนี้มิใช่ว่าควรให้หมอหลวงเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ เสวี่ยหนิงเซียนงุนงง แต่ก็ยังเพ่งมองสมุนไพรเหล่านั้น

    ก้านสมุนไพรเกาฉือ มีสรรพคุณบำรุงเลือดและคุณประโยชน์อีกมาก ทว่าสิ่งที่ทำให้หนิงเซียนตะลึงค้าง คือการที่จ้านกงกงนำก้านเกาฉือบดผสมใบโป้เหอ ทั้งสองล้วนเป็นสมุนไพรสรรพคุณดี และเมื่อนำมาบดรวมกันจะมีสรรพคุณชะลอพิษ

    ซ่งเสวี่ยหรงต้องพิษอย่างนั้นหรือ

    “จ้านกงกง คราวหน้าข้าน้อยคงต้องอยู่กับท่านในช่วงผสมผงชาเสียแล้ว” นางกำนัลอาวุโสเอ่ยเสียงตึงเครียด “หากผิดพลาดซ้ำอีกครั้ง เว่ยไทเฮาอาจไม่เว้นชีวิตพวกข้าด้วย”

    “ข้ารู้แล้ว ข้าก็ไม่ตั้งใจจะใส่เกินหยิบมือหรอก พอแก่ชราแล้วก็เริ่มเลอะเลือนไปเอง ข้าดูเหมือนคนที่อยากทำผิดพลาดอย่างนั้นรึ” จ้านกงกงกล่าวด้วยความไม่พอใจ หลังบดยาเสร็จจึงนำไปต้มต่อ กลายเป็นยาน้ำเขียวเข้ม ตนค่อยๆ ป้อนยาให้องค์จักรพรรดิทีละเล็กทีละน้อย ท้ายที่สุดหม้อยาก็หมดเกลี้ยง

    พระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้ซ่งเสวี่ยหรงค่อยๆ ดีขึ้น วรกายที่เคยร้อนผ่าวกลับมาเป็นปกติ ยามซ่งเสวี่ยหรงลืมตาตื่นขึ้น พระองค์ทรงทอดพระเนตรมองเหล่าข้าหลวงของตน เสวี่ยหนิงเซียนเห็นอารมณ์สับสน ทว่าที่แน่ชัดคือโทสะที่ลุกโชน ขณะที่ซ่งเสวี่ยหรงกำลังจะตรัสประโยคที่ติดค้างอยู่ในคอออกมา จ้านกงกงก็รีบเคาะจอกชาเป็นจังหวะคุ้นเคย

    เมื่อฮ่องเต้ซ่งเสวี่ยหรงได้ยินเสียงจอกชาถูกเคาะเป็นจังหวะเช่นนั้น วรกายที่เคยตึงเครียดก็พลันผ่อนคลายลง พระเนตรที่แฝงไปด้วยโทสะและท่วงท่าเหมือนจะสั่งประหารข้าหลวงก็แปรเปลี่ยนเป็นความนิ่งเฉย คล้ายหุ่นไร้วิญญาณอย่างไรอย่างนั้น

    จ้านกงกงและนางกำนัลที่อยู่ในห้องบรรทมต่างพากันทอดถอนลมหายใจ ขันทีชราปาดเหงื่อเสร็จตนจึงกล่าวเสียงติดสั่น “พระองค์ทรงประชวร ต้องบรรทมสักสองวันก่อนพะยะค่ะ” เมื่อกล่าวจบองค์จักรพรรดิซ่งเสวี่ยหรงจึงพยักหน้า พระองค์ทรุดกายนอนลงบนเตียงพร้อมหลับตาเข้าสู่นิทราทันที

    เสวี่ยหนิงเซียนแข็งค้าง นางเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว

    ยายเฒ่าเฉิงเคยสอนอะไรมากมาย และหนึ่งในความรู้นั้นคือการใช้พิษ รวมถึงการสะกดจิต ซ่งเสวี่ยหรง โอรสของนางถูกเว่ยไทเฮาควบคุมมาตลอด!

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ เสวี่ยหนิงเซียนไม่อยากจะนึกถึง มองจากพระเนตรที่เต็มไปด้วยโทสะนั้น บางทีแล้วซ่งเสวี่ยหรงคงถูกควบคุมด้วยพิษอะไรบางอย่างมาตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว เช่นนั้นทุกการตัดสินใจของบุรุษผู้นี้ แท้จริงแล้วถูกชักใยโดยเว่ยไทเฮา

    บางที…บางทีแล้วการตรัสสั่งประหารในครานั้น อาจไม่ใช่พระทัยจริงของโอรสนางก็เป็นได้

    “พี่หญิง ข้าต้องบดชาเพิ่มแล้ว หากไทเฮากลับพระตำหนักแล้วไม่เห็นข้า ฝากท่านรายงานไทเฮาด้วยนะเจ้าคะ” นางกำนัลอาวุโสผู้หนึ่งกล่าวหน้าห้องบรรทม เสวี่ยหนิงเซียนได้ยินเช่นนั้นตนจึงไม่รอช้า รีบปรี่กายตามติดนางกำนัลร่างอวบทันที

    ชาที่ข้าหลวงพวกนี้กล่าว คงมิใช่ใบชาจริงๆ คงจะเป็นนามแฝงเอาไว้เรียกยาพิษที่ใช้ควบคุมโอรสของนาง

    “รีบๆ ทำให้เสร็จเล่า”

    นางกำนัลที่ถูกเรียกตอบกลับ ก่อนจะช่วยกันปรนนิบัติองค์จักรพรรดิ ภายใต้ดวงอาทิตย์อันเจิดจ้า พระเนตรของซ่งเสวี่ยหรงพลันสั่นไหว แม้จะหลับตาไปแล้ว แม้ทวงท่าที่ผ่อนคลายจะคล้ายคนที่กำลังพักผ่อนก็ตาม ทว่าพระองค์กำลังขบกรามแน่น เหมือนกำลังฝืนอะไรบางอย่างอยู่ ท้ายที่สุดพระองค์ก็ทรงพระกรรแสง หยาดน้ำหยดหนึ่งค่อยๆ ไหลรินลงเบื้องล่าง พระโอษฐ์ของซ่งเสวี่ยหรงขยับเอ่ยอย่างไร้เสียง

    ท่านแม่ ลูกขอโทษ…

     

    ติดตามตอนต่อไป

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×