ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Boys & A Doll ภาคพิเศษ (Hidden Story)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 "Survivor" รอดตาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      11
      3 ต.ค. 56

      Hidden Story File No.4

    Survivor

    (รอดตาย)

     




    ***เนื้อหาต่อไปนี้คือเนื้อหาที่เคยอยู่ระหว่างบรรทัดที่ 3 และ 4 ในหนังสือหน้าที่ 25
    เป็นเหตุการณ์หลังจากที่ภาคย์แสดงพลังในห้องสอบและลงมาทานอาหารกลางวันครับ






               “ไปเรียนกันต่อเถอะ” ธนัชชวนเมื่อได้ยินเสียงอ่อดเลิกเรียน ในขณะที่ลุกขึ้นสายตาของภาคย์ก็พลันสะดุดกับบางอย่างในกระเป๋ามิวสิค

    “แอ๊ะๆๆ เดี๋ยวนี้มีของดีไม่แบ่งเพื่อน” ภาคย์แซว

    “อะไรวะ” มิวสิคถามขณะวางจานกับแก้วลงในถัง

    “แผ่นจันดาราภาคใหม่นั่นไง” ภาคย์หัวเราะ “อีกอาทิตย์กว่าหนังจะเข้าฉาย ไปเอาแผ่นมายังไง”

    “เออ เพิ่งได้ๆ มาสเตอร์ด้วย เดี๋ยวดูเสร็จแล้วแบ่งกัน” มิวสิคหัวเราะเขินๆ แล้วเดินนำหน้าไป

    ทว่าจู่ๆ เขาก็หยุดชะงักแล้วหันควับมามองภาคย์

    “แกรู้ได้ไงว่าฉันมีแผ่น?” มิวสิคตาโตตื่นตกใจ

    “อะ อะ อ้าว ก็” ภาคยิ้มร่าทำท่าจะตอบแต่ก็ต้องรีบกลืนคำนั้นลงคอ

    มันเกิดขึ้นอีกแล้ว เขาเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าของมิวสิคซะอย่างนั้น

    “ฉันยังไม่ได้บอกใครเลยนะเว้ย” มิวสิคเดินเข้ามาประชิดภาคย์อย่างขวัญเสีย

    “เอ่อ” ภาคย์อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก

    “นี่มันแผ่นจากวงใน ฉันต้องเอาไปปั้มขาย แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” 

    มิวสิคแผดเสียงแล้วกระแทกภาคย์ติดผนัง แววตาของเขาขึงขังน่ากลัว ภาคย์จนมุมทำอะไรไม่ถูก

    “เฮ้ย มีอะไรกันวะ” ธนัชเดินเข้ามาห้ามทัพ มิวสิคถลึงตามองภาคย์อย่างเค้นคำตอบ

    “บอกมา” มิวสิคขึ้นเสียง  ภาคย์ยังตั้งตัวไม่ติด

    “เฮ้ย ปล่อยมัน” ธนัชตัดสินใจคว้าไหล่มิวสิคเหวี่ยงไปอีกทาง ภาคย์เซจนเกือบล้มจึงรีบตั้งหลัก บัดนี้สองเพื่อนรักอยู่ห่างกันคนละฟากโดยมีธนัชกั้นกลาง ภาคย์ตัวสั่นสะท้าน มิวสิคหายใจเข้าออกฟึดฟัดและมองเขาตาขวางราวจะฆ่าจะแกง

    “เรื่องอะไรกันวะ” ธนัชถาม ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าตอบเพราะกลัวความลับจะรั่วไหล ธนัชมองทั้งคู่ด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวราวกับกลับไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป “เป็นเพื่อนกันมีความลับต่อกันได้ไงวะ”

    คำพูดของธนัชทำเอาทั้งคู่เบือนหน้าไปคนละทางอย่างรับไม่ได้ อึดใจต่อมาแววตาของภาคย์และมิวสิคก็ฉายชัดซึ่งความละอายใจ ภาคย์รู้ดีว่าการปิดบังความลับต่อเพื่อนนั้นเป็นเรื่องใหญ่

    แต่อย่างน้อยความลับของเขาก็ไม่ใช่สิ่งผิดกฏหมาย

    “โถ่เว้ย!!” มิวสิคเตะถังขยะอย่างเกรี้ยวกราดแล้วแยกตัวไปอีกทาง ธนัชร้องเรียกแต่เขาไม่หัน ภาคย์มองตามเพื่อนเดินห่างออกไปๆ อย่างรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ธนัชหันมามองเขาราวกับหวังว่าจะได้คำตอบบ้าง แต่ภาคย์กลับหลบตาด้วยความละอาย เพื่อนรักส่ายหน้าอย่างผิดหวังในเขา ในที่สุดธนัชก็วิ่งตามมิวสิคไป มันจบที่ทุกคนทิ้งให้ภาคย์จมกับความผิดอย่างเดียวดายพร้อมกับหนึ่งคำถามที่วนเวียนอยู่ในใจ

    เขาผิดไหมที่ไม่บอกเรื่องพลังของตัวเองให้เพื่อนรู้

     

    ปกติแล้วอัฒจรรย์โรงเรียนตอนพักมักเต็มไปด้วยนักเรียนมากมาย แต่พอได้ยินเสียงอ่อดเข้าเรียนคาบบ่าย ทุกคนก็หายไป

    มีเพียงมิวสิคที่นั่งอยู่ชั้นบนสุดของอัฒจรรย์ในตอนนี้ สายตาที่มองไปข้างหน้าเปี่ยมไปด้วยความโกรธ ความกลัว และระแวงสับสน เขาเหมือนคนหลงทางที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ความลับที่ปกปิดมานานวันนี้กลับถูกเพื่อนรักจับได้ เขาควรทำยังไงดีละที่นี้? ตอนนั้นที่ธนัชวิ่งตามเพื่อนมาถึงอัฒจรรย์ มิวสิคเห็นเขาจากด้านล่างแต่ก็รู้สึกผิดจนไม่อาจสบตาเพื่อนได้ เขาเบนหน้าหนีไปอีกทางอย่างกระดากอาย ธนัชถอนหายใจแล้วก้าวขึ้นอัฒจรรย์ไป

    “แกเป็นไรวะ?” ธนัชถาม เขายืนเอาขาข้างหนึ่งวางอยู่บนขั้นบันไดเดียวกับเพื่อน ส่วนอีกข้างอยู่ขั้นถัดไปด้านล่าง เมื่อมิวสิคยังดื้อด้านทำตัวเป็นใบ้ ธนัชจึงนั่งลงข้างๆ เขาโดยรักษาระยะห่างพอประมาณ บัดนี้สองเพื่อนซี้ต่างมองไปคนละทาง สายลมเอื่อยพัดผ่านไปอย่างอ่อนโยน บังเกิดความเงียบที่ชวนกระอักกระอ่วนเหลือเกิน

    “แกจำที่เฮียเคยสอนได้เปล่าวะ” ธนัชมองไปข้างหน้าราวกับว่ากำลังคิดถึงคนในบทสนทนา “ถ้าเรารักใคร จงอย่าให้ความลับสร้างช่องว่างระหว่างเรากับเขา หากมีความลับ จงใช้ความเชื่อใจและความไว้ใจถมลงในช่องว่างนั้น เพื่อฟื้นฟูเส้นทางแห่งมิตรภาพให้ดำเนินต่อไป”

                ได้ยินอย่างนั้นมิวสิคก็ปาดน้ำตาที่คลอออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อหวนคิดว่า ทำไมเขาถึงกล้าทำร้ายความรู้สึกเพื่อนขนาดนี้

                “คำตอบตอนนี้คือแกยังไว้ใจยังเชื่อใจฉันอยู่ไหม” ธนัชถาม ทั้งที่เก็บกดความรู้สึกมานาน แต่ดูเหมือนมันยากที่จะเก็บไว้ตอนไป ดวงตาของเขาเริ่มสั่นไหว ธนัชอดกลัวไม่ได้ว่าเพื่อจะไม่เชื่อใจเขา “แกพร้อมที่ถมที่ว่างระหว่างเราเพื่อให้มิตรภาพมันดำเนินต่อไปไหมวะ”

                “ฉันขอโทษ” ในที่สุดมิวสิคก็หันมาตอบทั้งน้ำตา ธนัชมองเพื่อนด้วยแววตาที่บอกว่า เล่ามาเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว “ฉันมีตังใช้จาการรับปั้มแผ่นหนังขายแต่ฉันไม่กล้าบอกพวกแก ฉันขอโทษจริงๆ”

                พูดจบมิวสิคก็ยกมือไหว้เพื่อนเป็นการใหญ่

                “ไม่เป็นไรเว้ยเพื่อน ไม่เป็นไร” ธนัชรีบเขยิบเข้าไปโอบไหล่เพื่อนไว้ มิวสิคนั่งก้มหน้าน้ำตาไหลพรากออกมาอย่างสุดจะกลั้นอีกต่อไป ยิ่งธนัชตบไหล่เขาเบาๆ เท่าไหร่ความอับอายก็ยิ่งพรั่งพรูรินไหล ธนัชก้มลงมองหูฟังสุดหรูของเพื่อนอย่างเข้าใจ นาทีนี้เขาพอจะเดาได้แล้วว่ามิวสิคได้มันมายังไง

    “ขอบใจนะเว้ยเพื่อนรัก” ธนัชยิ้มอย่างตื้นตันใจ บัดนี้ช่องว่างระหว่างพวกเขาไม่มีอีกต่อไปแล้ว คำสารภาพได้เติมเต็มความห่างไกลและพาพวกเขากลับมาใกล้ชิดกันดังวันเก่า มิวสิคส่งเสียงสะอื้นแล้วปาดน้ำตาเหมือนเด็กขี้แย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

                เขาเห็นภาคย์ยืนอยู่ข้างล่างนั่น

    ภาคย์ที่กำลังมองเขาด้วยแววตาแสนเศร้าเหลือเกิน

               

    เมื่อความลับถูกไขจนกระจ่าง มิตรภาพของเพื่อนทั้งสามก็กลับเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง บัดนี้ทั้งสามนั่งอยู่บนอัฒจรรย์ มิวสิคนั่งอยู่ตรงกลาง ธนัชกับภาคย์นั่งประกบซ้ายขวา เพื่อนทั้งสองกอดคอคนตรงกลางอย่างให้กำลังใจ เมื่อเวลาผ่านไปสภาพจิตใจของมิวสิคก็ดีขึ้นตามลำดับ

                “ตอนแรกฉันก็ไม่ได้อยากทำ แต่พอมีรุ่นพี่ที่จบไปเสนองานให้ บอกว่ารายได้ดี ลงทุนไม่มาก กำไรตอบแทนเร็ว ฉันก็เลยลองดู พอพบว่าผลตอบแทนมันง่ายกว่าที่คิด ฉันก็เลยเสพติดจนถอนตัวไม่ขึ้น รู้ตัวอีกทีก็ทำมาสองเดือนแล้ว” มิวสิคสารภาพเรื่องราวทั้งหมดอย่างหมดเปลือก

                “แล้วใครเป็นคนแผ่นต้นฉบับมาให้แกวะ” ธนัชถาม

                “เขาส่งต่อๆ กันมา ฉันก็ไม่รู้ว่ามาจากใคร แต่เขาก็ส่งให้หลายเจ้าทั่วประเทศอยู่นะ” มิวสิคเล่า

                “มันคงเยอะมากขนาดแกซื้อหูฟังนี่ได้เลย” ธนัชแซว

                “ใช่ ฉันก็เลยถอนตัวไม่ขึ้นไง” มิวสิคหัวเราะเวทนาตัวเอง

                “แล้วไม่กลัวใครจะจับได้หรือวะ?” ธนัชถามต่อ “เรื่องแบบนี้มันผิดกฎหมายนะเว้ย ยิ่งกว่าพกซีดีเถื่อนหรืออะไรพวกนี้เลยนะ”

                “กลัวก็กลัว แต่จะทำไงได้วะ เวลาเราอยากได้อะไรสักอย่าง ตัณหามันก็บังตาจนทำต่อมผิดชอบชั่วดีมันรวนไปหมดนั่นแหละ” มิวสิคขำ

                “ดีนะที่ไอ้ภาคย์เป็นคนเห็น ถ้าเป็นคนอื่น แกซวยแน่” ธนัชทำเสียงขู่

                “นั่นดิ” มิวสิคยิ้มด้วยอารมณ์ประมาณว่าเกือบไปแล้ว “ว่าแต่ภาคย์ แกรู้ได้ไงว่าวะฉันมีแผ่นในกระเป๋า”

                “ฮะ??” ภาคย์เงยหน้าด๋อด๋า และพบว่าธนัชกับมิวสิคกำลัมองเขาอย่างสนอกสนใจ เวรละ

                “แกรู้ได้ไงว่าฉันมีแผ่นในกระเป๋า” มิวสิคทวนคำถามอีกครั้ง

                “เอ่อ….” ภาคย์ใบ้ประทับทาน สมองเขาประมวลผลอย่างเร็วที่สุดเพื่อจะหาข้ออ้างที่จะไม่เชื่อมโยงไปถึงการมีพลังของเขา แต่ขณะเดียวกัน ภาคย์ก็รู้สึกผิดที่ต้องปิดบังเพื่อน เอาไงดี มิวสิคเพิ่งมีประเด็นกับพวกเขาก็เพราะความลับบ้าอะไรพวกนี้ และถ้าทั้งสองจับได้ว่าเขามีความลับขึ้นมาเขาจะทำยังไง

    คิดซิภาคย์ คิดๆๆๆๆ

                “เฮ้ย ไอ้เกรียนสามตัวนั่นน่ะ”

                จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เด็กทั้งสามนั่งตัวตรงและมองไปข้างหน้าพร้อมกัน อาจารย์ปาล์มฝ่ายปกครองตัวท้วมใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น มือของอาจารย์หยิบไม้เรียวชี้มาหน้าพวกเขา

                “ทำไมเอ็งไม่ไปเข้าเรียน!” เสียงของอาจารย์ดังจนพวกเขาสะดุ้ง “ไปเรียน!!”         เมื่ออาจารย์แหกปาก แก๊งเด็กเกรียนทั้งสามก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งลงจากอัฒจรรย์อย่างกลัวตาย พวกเขาวิ่งไปหัวเราะไปดูสนุกสนานกันใหญ่ ตอนนี้สามหน่อขึ้นมาบนชั้นสองของอาคารเรียนแล้ว อีกไม่กี่นาทีก็คงถึงห้องเรียน

    แต่จู่ๆ ภาคย์ก็หยุดวิ่งเมื่อคิดถึงอะไรบางอย่าง

    “เฮ้ย ไอ้ภาคย์หยุดไมวะ” ธนัชโผล่หัวมาจากบันไดด้านบน

    “เดี๋ยวพ่อแกก็ตามมาตีก้นระเบิดหรอก” มิวสิคส่งเสียงเร่งเขา

    ภาคย์ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดตอนนี้จะถูกต้องแค่ไหน แต่เขามีลางสังหรณ์ว่าควรจะพูดไป

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามคงต้องพูด

    “เฮ้ย มิวสิค” ภาคย์เรียกเพื่อน

    “อะไรวะ?” มิวสิคเฝ้ามองภาคย์ที่เดินเข้ามาใกล้ ธนัชสังเกตเห็นว่าภาคย์ดูลำบากใจเหมือนต้องพูดเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างที่ไม่อยากพูด

    “ฉันว่านายทิ้งไอ้แผ่นนั่นเหอะ” ภาคย์บอกด้วยเสียงอันแผ่วเบา เมื่อสบตามิวสิคอีกครั้งภาคย์บอกได้เลยว่าเพื่อนดูอึดอัดตัดใจไม่ได้ แหงล่ะ มันทำให้มิวสิคมีตังใช้ ใครจะอยากเลิก

    “ฉันเห็นด้วยว่ะ” ธนัชสนับสนุน มิวสิคก้มหน้าเศร้าๆ “เฮ้ เพื่อนรัก” ธนัชเดินไปวางมือบนไหล่เพื่อน “เพราะฉันรักแก ฉันจึงไม่อาจทนเห็นแกทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องได้”

    “จริงเว้ย” ภาคย์เดินเข้ามาวางมือบนมิวสิคอีกด้าน “ถ้าแกถูกจับได้หรือเป็นอะไรไป พวกฉันจะไม่มีทางให้อภัยตัวเองเลย”

    “และเฮียคงเสียใจมากหากเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับแก” ธนัชเอ่ยจากใจ มิวสิคหลับตาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาปลดเป้สะพายลงจากหลังอย่างช้าๆ แล้วรูดซิบกระเป๋า ก่อนจะหยิบแผ่นหนังต้องห้ามออกมา มิวสิคจ้องมองมันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่จะได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย ภาคย์กับธนัชหันมามองกันเหมือนกังวลว่าเพื่อนรักของเขาจะตัดใจได้หรือไม่  เสียงแกะพลาสติกดังขึ้นอย่างแผ่วเบาเมื่อมิวสิคเปิดซองดีวีออก และในที่สุดเขาก็ล้วงมือเข้าไปหยิบแผ่นมาสเตอร์ขึ้นมา แสงสีเสปรคตั่มส่องวูบวาบที่ด้านหลังแผ่น ขณะที่มิวสิคจ้องมองด้านหน้าแผ่นซึ่งมีตัวหนังสือเขียนด้วยลายมือว่า “แผ่นมาสเตอร์ก่อนฉายจริงหนึ่งอาทิตย์” ใจหนึ่งเขาคิดว่านี่คือแหล่งขุมทรัพย์ที่จะฟาดรายได้ให้เขาอย่างงาม เขาอาจจะมีโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ มีมือถืออันใหม่ มีเสื้อผ้าใหม่ๆ จากรายได้ที่หากินบนการผิดกฎหมาย แต่อีกใจเขาก็คิดว่าหากเขายังถลำลึกต่อไป เรื่องเลวร้ายอาจเกิดขึ้นภายภาคหน้า และคนที่ต้องมานั่งเสียงใจอาจไม่ได้มีแค่เขา มันรวมถึงครอบครัวเขา เพื่อนรักของเขา รวมถึงเฮียของเขา

    หากเขาต้องเลิกทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้คนที่เขารักมีความสุข เขายอม

    เสียงแตกหักดังชัดในความรู้สึกเมื่อมิวสิคหักดีวีนั่นออกเป็นสองท่อน ภาคย์กับธนัชมองหน้ากันอย่างยินดี มิวสิคหักมันอีกท่อนและอีกท่อน จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นเขาก็โปรยเศษซากของอดีตอันชั่วร้ายลงในถังขยะใกล้ๆ แล้วฉีกปกหนังเป็นชิ้นเล็กๆ ทิ้งตามไป มิวสิคปัดมือปัดมือด้วยรอยยิ้มแสนสดใส

    ไม่มีอะไรรบกวนจิตใจเขาอีกต่อไปแล้ว

    “เจ๋งมาก” ธนัชยกนิ้วโป้งให้

    “หล่อสุดๆ” ภาคย์ชกอกเพื่อนเบาๆ

    “จะไม่เจ๋งไม่หล่อได้ไง” มิวสิคยักไหล่ “ก็มีเพื่อนที่ทั้งเจ๋งทั้งหล่อขนาดนี้”

    เด็กหนุ่มเดินเข้าไปโอบกอดเพื่อนทั้งสองอย่างซึ้งใจ แล้วพวกเขาก็เดินต่อจนถึงห้องเรียนที่อยู่ไม่ไกล

    เฮ้ย!!” ทั้งสามสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นตำรวจสองนายยืนอยู่หน้าห้อง! เสียงร้องของพวกเขาทำเอาทุกคนหันมามอง อาจารย์หญิงตัวอ้วนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตำรวจถลึงตาส่งสัญญาณให้พวกเขาไสหัวเข้ามาในห้องโดยไว ทั้งสามรีบเดินโค้งตัวผ่านตำรวจไป

    เมื่อพวกเขาหาที่นั่งหย่อนก้นลงได้ ตำรวจหน้าห้องก็เริ่มพูด

    “ทุกคนรู้ดีว่ากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญามีไว้เพื่อสอนให้เราให้เกียรติความสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ซึ่งการคัดลอกดัดแปลงหรือเผยแพร่ผลงานของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย” ตำรวจหนุ่มมองไปรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยเด็กผู้ชายหัวเกรียนกางเกงน้ำเงินซึ่งมองเขาอย่างไม่เข้าใจ “เราได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบคัดลอกภาพยนตร์อย่างผิดกฏหมายเกิดขึ้นในละแวกนี้ ดังนั้นวันนี้ เราจึงจำเป็นต้องขอตรวจค้นกระเป๋านักเรียนทุกใบเพื่อความสบายใจของทางการ”

    ขณะที่เสียงงึมงำดังขึ้นทั่วห้อง มิวสิค ภาคย์ และธนัชก็พลันกลั้นหายใจแล้วแอบชำเลืองมองกันด้วยแววตาสุดช๊อค พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไงหากมิวสิคไม่ตัดสินใจทำลายแผ่นนั่นไปซะ หัวใจทั้งสามเต้นแรงแทบทะลุอก ความรู้สึกราวกับเพิ่งรอดตายจากเหตุขับรถปาดหน้ารถไฟมาฉิวเฉียด

    เกือบไปแล้วเกือบไปแล้วจริงๆ 


     

    ***อ่านต่อได้ในหน้าที่ 25 ของหนังสือ ตั้งแต่บรรทัดที่ 4 เป็นต้นไปครับ**


     

    ===== Dr.Pop View =====





    ตอนแรกผมเขียนฉากนี้ขึ้นเพื่อย้ำคนอ่านว่า "ภาคมีพลังในส่องทะลุวัตถุจริงๆ" แต่ก็ตัดสินใจตัดไปเพราะมีเหตุการณ์ในห้องสอบกับเหตุการณ์ที่รถไฟฟ้าอยู่แล้ว ไม่อยากจะยัดเยียดอะไรหลายฉากมากนัก อันที่จริงฉากนี้ กับฉากใน Hidden Story File no.1 ถูกตัดไปในเวลาใกล้ๆ กัน เพราะเราไม่ต้องการให้มันยืดเยื้อเกินเหตุ และถึงไม่มีฉากนี้ใจความของเรื่องก็ยังสมบูรณ์อยู่ดี หากเป็นเนื้อเรื่องเดิม ภาคจะเห็นกางเกงในจีสตริง > แอบดูยาย > สอบ > มีเรื่องกับมิวสิค > รถไฟฟ้า ถือว่าเราตัดไป 3 เหตุการณ์ของภาคย์จนหายไปเกือบๆ 20 หน้าในหนังสือเลยทีเดียว :) 

     

    ปล ตอนนี้มี "แฟนฟิค ป้อกับภานุ" โผล่มาด้วย มันจะเป็นอย่างไรไปอ่านกัน  
    ฟิคที่ 1 โดย P.Racha คลิก
    ฟิคที่ 2 โดย nnionla คลิก 
    ฟิคที่ 3 โดย Daisuki คลิก
    ใครเขียนแฟนฟิคไว้ที่ไหน ทิ้งลิงค์ไว้นะครับ จะได้เผยแพร่ ^^



    =======================================================





     

    ตอนต่อไปของ

    Boys & A Doll (Hidden Story)

     

    จงระวังแรงจินตนาการของพ่อแม่

     

    “มิวสิคกับธนัชอยู่ไหน พ่อแม่เขาตามหากันให้ว่อน” นอร์ทถาม

    “พวกนั้นก็นอนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ” ภาคย์เหลือบมองเพื่อนๆ ที่นอนอยู่

    “หมายความว่ายังไง สองคนนั้นนอนอยู่ตรงนี้??” นอร์ทดูตื่นตูม “ลูกๆ กับเพื่อนๆ นอนด้วยกัน???? ลูกหลับนอนด้วยกันในบ้านเรางั้นหรือ?” ภาคย์แทบจะมองเห็นว่าต่อมจินตนาการของพ่อมันเจริญเติบโตงอกงามไปทางไหน “นี่คงทำอะไรกันหนักมากจนหลับไม่ได้สติกันเลยซินะ!!
                "ไม่ใช่ละพ่อ!!"

     

    และระวังกระจกห้องน้ำคุณให้ดี

     

    ภาคย์หัวใจแทบวายเมื่อเห็นปีศาจยักษ์สีดำไหม้เกรียมยืนอยู่ข้างหลัง!!!

    มันดูเหมือนมนุษย์เพศชายเปลือยเปล่าตัวใหญ่มโหฬาร ตามเรือนร่างสีดำเต็มไปด้วยรอยสักแปลกประหลาดสีฟ้าเรืองแสง ดวงตาของมันสี่เหลี่ยมสีขาวสุกสว่าง กลิ่นไหม้ที่ติดตัวมันฟุ้งเต็มติดจมูกเขา ภาคย์อ้าปากหวอ ตาค้าง ตื่นตะลึงจนหยุดเคลื่อนไหว  ทุกสิ่งพลันเงียบสนิททันใด มีเพียงเสียงลมหายใจเขาที่กระชั้นกระตุกถี่รัวราวกับจะเป็นจะตาย


     

     

     

     

    …To Be Continued…

    (ทุกคอมเมนต์ของคุณมีค่า เราจะเอาไว้แจกรางวัล 
    หากชอบฝาก Share ด้วยครับ)

    **ใครว่างรบกวน "เขียนคำนิยม" ในหน้าหลักนิยายให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ**

     



    Dr.Pop Facebook : www.facebook.com/drpopworld
    Dr.Pop Twitter : http://twitter.com/drpoppop
    Boys & A Doll Facebook : 
    https://www.facebook.com/boysandadoll

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×