คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 + Teaser "Unfortunate Boy" (เด็กชายผู้โชคร้าย)
= Teaser =
“คุณพอจะบอกได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น”
แอนดี้ถาม แล้วหยิบปากกาขึ้นมาเตรียมจด ป๊อบเงยหน้ามองเพดานราวกับจะกำลังหวนนึกถึงความหลัง
“มีบางสิ่งสูญหายไป” นักเขียนหนุ่มบอก
...ทุกเรื่องเล่าล้วนมีเรื่องราวที่ซ่อนอยู่...
เคธี่หันไปมองซินธ์เพราะอยากรู้ว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไรกับฉากหวานๆ ในภาพยนตร์
แต่เธอกลับพบว่าเด็กหนุ่มนั่งหลับทั้งยังกอดถังป๊อบคอร์น
อาจเป็นเรื่องราวที่ทำให้คุณหันกลับมามองตัวเองอีกครั้ง
“หนูไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไงดี”
“ทำหน้าที่ของคนที่รักกัน”
ยายเอื้อมมามือมาคว้ามือฉัน สายตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็ง
“ถ้ารักกันต้องพร้อมยิ้มไปด้วยกันเวลาสุขใจ และต้องพร้อมจับมือกันผ่านพ้นความทุกข์ที่เข้ามาย่ำกราย ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหนอย่าปล่อยกัน จับมือกันให้มั่นเผื่อเผชิญทุกความโหดร้าย นั่นแหละ หน้าที่ของคนที่รักกัน”
อาจเป็นเรื่องราวที่ทำให้คุณหันกลับไปมองคนที่คุณรัก
“คิดได้เมื่อไหร่แล้วค่อยกลับมาเจอกัน...” ป๊อบยิ้มให้เขาราวดั่งเป็นรอยยิ้มแห่งการบอกลาครั้งสุดท้าย ภาคย์ถูกความเศร้าอันท่วมท้นตรึงติดจนไม่อาจเคลื่อนไหว เขารู้สึกได้ว่าป๊อบเดินผ่านไป แต่เขาไม่อาจจะบังคับตัวเองให้ขยับตัวเพื่อหันมองตามพี่ชายได้
อาจเป็นเรื่องราวที่เปลี่ยนชีวิตใครบางคน
“หลับให้สบายนะไอ้หนู”
แชมป์กระซิบกับซันเดที่หลับปุ๋ยด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยไปยัดไว้ในเบาะหลังรถส่วนตัวที่จอดอยู่ใกล้ ๆ
อาจเป็นเรื่องราวที่ใครก็คาดไม่ถึง…
“ฝันดีนะเว้ย” ภานุอ้าปากหาวแล้วทิ้งตัวนอนบนเตียงข้างๆ ป้อ
“เออ ฝันดี” ป้อบอก
แล้วเขาทั้งสองก็นอนหลับในท่าที่หันหน้าเข้าหากัน
.
.
.
.
.
ตุลาคม 2013!!
โครม! ถนนพังระเนระนาดเมื่อร่างมโหฬารไถลไปตามพื้นตรงจุดที่เขาเคยอยู่ – มูนไลท์ปรากฏตัวบนอีกฟากถนน – ฉลามปีศาจกระโจนเข้างาบเขา –มูนไลท์อันตธานไปโผล่ข้างๆ ตึกทางซ้าย –อสูรกายบ้าเลือดพุ่งใส่เขาทันใด - มูนไลท์หายไปอีกครั้ง
หลายเรื่องราวที่ซ่อนอยู่จะถูกเปิดเผย!!
“แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง!!!” มิวสิคแผดเสียงและดันภาคย์กระแทกผนัง
“ขอพินพี่หน่อย” ภานุพูดทั้งก้มมองโทรศัพท์
“เอาไปทำไมครับ?” แอนดี้ถาม
หลายเรื่องราวที่ไม่ถูกตีพิมพ์จะปรากฏต่อทุกสายตา!!
ป๊อบสะดุ้งถอยหลังเมื่อพบว่ามือขาวซีดคู่หนึ่งกำลังแหวกถุงศพออกมาอย่างบ้าคลั่ง! – ควันสีขาวที่ฝ่ามือป้อพุ่ง
เข้าใส่อุไรวรรณเต็มแผ่นหลัง! ดวงตาของเธอเบิกถลึง และล้มไปกองกับพื้น! - เสียง โครม ดังสนั่นหวั่นไหว อะไรบางอย่างพุ่งทะลุกระจกอาคารเข้ามาและกระแทกตรงจุดกึ่งกลางระหว่างป๊อบกับภาคย์จนพื้นห้างแตกกระจาย! – ภาคย์กระเด็นไปทาง ป๊อบกับกับพรรคพวกกระเด็นไปอีกทาง ผู้คนกรีดร้องแตกตื่นโกลาหล - โอเชี่ยนดีดดิ้นเมื่อบุรุษในหน้ากากเซลเลอร์มูนทั้งหกเดินตรงเข้ามาหาเขา - บริกรหนุ่มถือมีดเดินแหวกกองทัพนักข่าวเข้าหาป๊อบกับแชมเปญที่กอดกันอยู่บนฟลอเต้นรำ
สองมือสีดำมหึมาโผล่พรวดจากกระจกแล้วคว้าหัวภาคย์ทันใด!
(Hidden Story)
เหมยเอาหูแนบกับประตูห้องนอนป้อเพื่อลอบฟังการสนทาระหว่างสองหนุ่ม
“ลองดูหน่อยน่านะ” นั่นเสียงของป้อ
“ไม่ทำได้ไหม ข้าไม่เคย” ภานุอิดอ่อด เหมยหน้านิ่ว
“ทุกคนต้องมีครั้งแรกทั้งนั้น ให้ข้าเป็นคนแรกของเอ็งแล้วกัน”
“ขอร้องล่ะ มันคงจะเจ็บมาก” ภานุอ้อนวอน
“อย่าใจเสาะน่านอนคว่ำลงไป” ป้อเสียงแข็ง
“ไม่เอาๆๆๆ” ภานุร้องขอ
“นอนคว่ำลงไปเดี๋ยวนี้!!” ป้อดุ
เหมยตัดสินคว้าลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไป
ภาพที่เห็นทำเอาเธอช๊อคจนลืมหายใจ!
เริ่ม 1 ตุลาคม 2013
=====================================================
Hidden Story File No.1
Unfortunate Boy
(เด็กชายผู้โชคร้าย)
***เนื้อหาต่อไปนี้เคยอยู่ในหน้าที่ 22 ช่วงระหว่างบรรทัดที่ 8 ถึง บรรทัดที่ 11**
เป็นเหตุการณ์ที่ภาคตื่นไปเรียนก่อนจะสอบวิชาชีวะและเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน
เสียงนาฬิกาปลุกจากไอโฟนดังสนั่นตอนเวลาหกโมงห้าสิบ ภาคย์เอื้อมมือไปเลื่อนเวลาปลุก แล้วหลับต่อ
เสียงปลุกดังอีกครั้งตอนเจ็ดโมง ภาคย์หยิบมือถือมาเลื่อนเวลา แล้วคว้าผ้านวมมาคลุมโปง เขาหลับสนิทต่ออีกหลายนาทีราวกับว่าไม่เคยสะดุ้งตื่นเลยก่อนหน้านี้
โดยไม่รู้เลยว่าวันนี้ชีวิตเขาจะไม่ปกติเหมือนที่ผ่านมา
วิ้ง!
เสียงประหลาดดังขึ้นจากที่ใกล้ๆ…ทั้งที่มันแสนเบาแต่กลับปลุกให้ภาคย์ตื่นได้อย่างอัศจรรย์ใจ ภาคย์โงหัวขึ้นจากหมอนและหยีตางัวเงียงงงวยไปทั่วห้องเพื่อหาต้นเสียง แสงอาทิตย์ส่องกระทบมูลี่สีส้มตรงหน้าต่างเกิดเป็นเส้นแสงซี่ๆ บนพื้นห้อง ทุกอย่างดูปกติเหมือนที่มันเคยเป็น และเขายังไม่เห็นว่าต้นเสียงมาจากไหน แว่บแรกเขาคิดว่าอาจหูแว่วไปจึงทิ้งตัวลงหลับต่อ
แต่จู่ๆ เสียงนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง!
ภาคย์สะดุ้งเพื่อจะพบแสงประหลาดที่สว่างขึ้นมาแว่บหนึ่งบนโต๊ะหนังสือ เขาใช้สองมือลูบหน้าและเพ่งไปยังจุดนั้น ดูเหมือนแสงจากรอยแยกบนมูลี่จะส่องกระทบบางอย่างบนโต๊ะจนเกิดเป็นแสงวิบวับชวนฉงน เสียงเสียดสีระหว่างร่างกายกับผ้าห่มดังชัดในความเงียบเมื่อภาคย์ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง ไม่ช้าเขาก็มาหยุดยืนตรงหน้าวัตถุต้องสงสัย
มันคือสร้อยคล้องแหวนสีดำที่เขาใส่ประจำ…
ภาคย์ร้อยสร้อยเข้ามาในมือแล้วชูมันหยีตาพิจารณามันอย่างประหลาดใจ
ปีศาจสีดำตัวใหญ่ยืนกำสร้อยอยู่ตรงหน้าเขา แต่ภาคย์ไม่เห็นมัน…
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จภาคย์ก็ลงมาถึงโต๊ะอาหารในชุดนักเรียนสีขาวกับกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินของโรงเรียนเอกชนชื่อดัง
“เสร็จพอดีเลย”
เอื้อยวางจานไข่ดาวให้ลูกชาย ภาคย์นั่งลงหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดแอพลิเคชั่นไลน์ แล้วพิมพ์ข้อความลงไปว่า
“อรุณสวัสดิ์ครับเฮีย”
จากนั้นก็กดส่งแล้วหยิบซอสมาเหยาะบนไข่ดาว ข้างๆ เขาคือพ่อที่ติดพันกับรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ของสรยุทธแบบแคร์โลก พ่อรักสไตล์การขุดคุ้ยที่ถึงพริกถึงขิงของพิธีกรคนนี้ พ่อตามดูตั้งแต่สรยุทธเข้าวงการยันปัจจุบัน พ่อจำวันเกิดสรยุทธได้ สามารถบอกได้ว่าสรยุทธทำงานที่ไหน กี่ปี เวลาใด พ่อบอกได้ด้วยซ้ำว่าปีไหนสรยุทธน้ำหนักเท่าไหร่
หากพ่อจะบังเอิญมีรูปโป๊ของสรยุทธเก็บไว้ ภาคย์ก็ไม่แปลกใจ
ขณะที่ภาคย์นั่งกินไข่ดาวอยู่นั่น เอื้อยก็วางบางอย่างลงบนโต๊ะ
“ให้ใครอ่ะแม่!?”
ภาคย์ถลึงตาจ้องจีสตริงลายหมีพูเหลืองอ๋อยที่แม่กำลังตกแต่ง
“อาจารย์แม่ที่ภูเก็ตน่ะลูก พรุ่งนี้วันเกิดท่าน เพื่อนแม่จะลงไปภูเก็ตพอดีเลยว่าจะฝากไปสักหน่อย” แม่บอก “ท่านเป็นผู้ใหญ่วัยหกสิบที่เปรี้ยวเข็ดฟันมาก ท่านชอบอะไรๆ เกี่ยวกับการ์ตูนของวอล ดีสนีย์ แม่คิดว่าสิ่งนี้คงตอบแทนความรักความห่วงใยจากแม่สู่ท่านได้”
ภาคย์เคี้ยวอาหารตุ้ยๆ งงตาแตก – จีสตริงหมีพูกับสาวแก่วัยหกสิบ!!
“ไซส์พอดีเป๊ะ” แม่ยิ้มกรุ่มกริ่มภูมิใจเหมือนลูกสาวที่กำลังจะให้ของขวัญหม่ามี๊ในวันแม่
สำหรับภาคย์แล้ว นั่นเป็นจีสตริงที่ใหญ่อลังการ
“เอ่อ มันก็ดูน่ารักดีนะแม่” ภาคย์หัวเราะอย่างสยองใจ “แต่แม่น่าจะมีตัวเลือกแทนความรักความห่วงใยที่ดีกว่าจีสตริงหมีพูห์”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูก ท่านสะสมจีสตริงเป็นชีวิตจิตใจ” เอื้อยคิกคัก “ท่านบอกว่าอยากเอามันไปแขวนโชว์ไว้กับจีสตริงซิมบ้าตัวโปรดและก็….”
เอื้อยพลันเงยหน้ามองลูกชายทันใด
“ลูกรู้ได้ไงว่าของขวัญนี้คือจีสตริงหมีพูห์?” เอื้อยถาม ภาคย์ขำประมาณว่าแม่ท่าจะประสาท เขาชี้นิ้วไปที่สตรีใหญ่เบิ้มตรงหน้าแล้วตอบว่า
“อ้าวแม่ จะไม่รู้ได้ไงในเมื่อ…”
ภาคย์จำต้องกลืนคำว่า “ในเมื่อแม่ยังไม่ห่อของขวัญ” เข้าปาก เมื่อจู่ๆ จีสตริงหมีพูห์ที่เขาเห็นก็กลายสภาพเป็นกล่องของขวัญสีน้ำเงินที่ผูกโบว์สีน้ำตาลเรียบร้อย – ภาคย์อ้าปากหวอ นิ้วชี้ยังค้างอยู่กลางอากาศ
เป็นไปได้ยังไงกัน ก็เมื่อกี้เขายังเห็นพี่หมีอยู่เลย!!??
“ลูกไม่ได้แอบเปิดมันดูใช่ไหม?” เอื้อยหรี่ตาจับผิด
“ปะ ปะ เปล่าเลยแม่” ภาคย์อ้ำๆ อึ้งๆ หาคำอธิบายไม่ได้
“ให้ตายซิ แม่ว่าแล้วเชียวทำไมสก็อตเทปมันหลุดๆ “
“เปล่านะแม่ ผมจะไปอยากแอบดูของขวัญของแม่ทำไม” ภาคย์เถียง เอื้อยยกมือปราม
“ภาคย์ โอเค มันอาจจะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่ลูกต้องเข้าใจนะว่าการกระทำแบบนี้มันเสียมารยาท” เอื้อยสยายมือทั้งสองออกข้างลำตัวอย่างเหนื่อยใจ “จีสตริงหมีพูห์นี้จะมีค่าต่อเมื่ออาจารย์แม่เป็นคนแรกที่เห็น แม่ต้องการให้ท่านสัมผัสและดื่มดำกับมันเป็นคนแรก ให้ท่านรู้สึกว่า โอ้ ว้าว ดูนี่ซิฉันเป็นคนแตะไอ้เส้นเล็กจิ๋วหลิวน่ารักตรงนี้เป็นคนแรก แม่อยากให้ท่านซึมซาบกลิ่นความใหม่ ความสด และความเป็นจีสตริงของมันคนแรก อยากให้ท่านรู้สึกซาบซึ้งยามเมื่อสบตาเจ้าหมีพูห์ตัวน้อยที่ตรงเป้านั่น แต่ลูกกลับทำมันพังทลาย”
“แม่ ผมไม่ได้…”
“โอ้ ให้สรยุทธเป็นพยานเถอะ” แม่ส่ายหน้าราวกับโลกนี้ได้ถึงกาลอวสาน
และคำว่า สรยุทธ์ก็ไปสะดุดติ่งต่อมรับรู้ของพ่อจนเด้งผึง
“เกิดอะไรขึ้น?” นอร์ทหันควับมามองพวกเขา แม่มักจะเอ่ยนามสุรยุทธพร่ำเพรื่อเสมอเวลาที่ต้องการกำลังเสริม
“ลูกเราแอบแกะของขวัญที่ฉันจะเอาไปให้อาจารย์” เอื้อยฟ้องพลางเสยผมว้าวุ่นใจ
“โถที่รักลูกคงแค่อยากรู้อยากเห็นไม่เห็นต้องซีเรียส” พ่อเดินเข้าไปโอ๋แม่
“เฮ้ ทุกคนครับ ผมยังไม่ได้แอบดูมันเลย” ภาคย์ชี้แจงเสียงดัง
“เป็นธรรมดาของเด็กวัยนี้ที่ต้องอยากรู้โน่นรู้นี่ จริงไหมภาคย์” พ่อขยิบตาให้เขาอย่างเข้าใจ
ภาคย์กลอกตาเซ็งสุดจิต
“ลูกแอบดูจีสตริงของฉัน” แม่บอก
“ฮะ!!?? ลูกแอบดูจีสตริงของแม่!!??” พ่อร้องและหันควับมามองภาคย์
“เปล่านะพ่อ!” ภาคย์เหวอ
“ทำไมลูกวิตถารแบบนี้?” นอร์ทดุกึ่งๆ จะร้องไห้
“เปล่าๆ ไม่ใช่พ่อ มันเป็นจีสตริงของอาจารย์จุ๊บแจง” เอื้อยรีบแก้
“ฮะ!!?? ลูกแอบดูจีสตริงของคนรุ่นยายมาหรือลูก?” นอร์ทเสียงหลง
“พ่อ มันไม่…”
“โถ่ ลูก ทำไมรสนิยมลูกถึงเป็นเช่นนี้” นอร์ทมองลูกชายแล้วส่ายหน้าอย่างโมโหระคนเวทนา เอื้อยยกสองมือปิดปากมองกล่องของขวัญตาละห้อย ทั้งคู่ดูเหมือนผู้ปกครองที่ค้นพบว่าลูกชายขายตัวเป็นงานอดิเรก “พ่อเข้าใจเสมอเวลาลูกบอกว่าชอบผู้หญิงที่อายุเยอะกว่า แต่พอไม่คิดว่าลูกจะพิศวาสคนที่อายุมากกว่าลูกเกือบห้ารอบ”
“เยี่ยม” ภาคย์ยกสองมือยอมแพ้
“ผมผิดเองที่ดูแลลูกไม่ดีที่รัก” นอร์ทคว้าเอื้อยมากอดปานจะร้องไห้
“เมื่อคืนฉันฝันว่าลูกเราปู้ยี่ปู้ยำกับหมีพูห์ ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องนี้” แม่คร่ำครวญ
“บาย” ภาคย์โบกมือลาแล้วรีบชิ่งออกจากบ้าน
แม้จะรู้สึกรำคาญใจแต่ภาคย์ก็รู้ดีว่าป่วยการเปล่าที่จะอธิบายให้พ่อกับแม่เข้าใจ บางครั้งเขารู้สึกเหมือนว่าพ่อกับแม่อยู่คนละโลกกับเขา เป็นโลกแห่งจิตนาการอันบรรเจิดที่เขาเข้าไม่ถึง ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียง แค่สวมหูฟัง เปิดเพลงดังๆ ทุกอย่างก็จบ
ทว่าเรื่องราวความประหลาดที่เกิดขึ้นกับชีวิตไม่ได้จบลงไปด้วย
เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ภาคย์พยายามอย่างยิ่งที่จะประติดประต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน เขาสาบานได้ว่าตอนแรกมองเห็นจีสตริงหมีพูห์เต็มสองตา บอกได้ด้วยว่าตำแหน่งปากของพี่หมีอยู่ตรงกลางเป้าพอดีเป๊ะๆ แล้วไหงจู่ๆ มันกลายเป็นของขวัญที่ห่อซะเรียบกริ๊บไปได้? กล่องนั่นดูเหมือนไม่เคยถูกเกาะเลยด้วยซ้ำ และเขาก็ไม่เคยรู้ว่าแม่ซื้อของบ้าๆ นั่นมาก่อนจริงๆ จะว่าเขาตาฝาดก็ไม่ใช่ ในเมื่อเขาสามารถบอกสิ่งที่ซ่อนอยู่ได้อย่างแม่นยำ
….
….
อย่าบอกนะว่าจู่ๆ เขาก็มีพลังวิเศษขึ้นมา?
ภาคย์ตาถลึงเมื่อคิดถึงประเด็นนั้น!! ขนแขนลุกชูชันในทันใด!!
โอ้ พระเจ้า ไม่แน่เขาอาจเป็นเอ็กซ์เมน?? อาจเป็นหนึ่งในยอดมนุษย์ หรือไม่ก็เป็นเชื้อสายของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ใช่ๆ ที่พ่อแม่เพี้ยนขนาดนี้อาจเพราะใครบางคนเป็นพ่อมดหรือไม่ก็แม่มด ว้าว เย็นนี้อาจจะมีจดหมายจากฮอกวอร์ต เขาจะเลือกบ้านไหนดี? กริฟฟินดอร์แล้วกัน!
ภาคย์ยิ้มร่ากับความเพ้อเจ้ออยู่ครู่สั้นๆ ก่อนจะตระหนักว่ามันช่างเป็นความคิดที่ไร้สาระ เป็นไปไม่ได้หรอก เรื่องพวกนี้อาจมีจริงในโลกจินตนาการของพ่อกับแม่ แต่ไม่ใช่โลกของเขาแน่ๆ
ตอนนั้นยายแก่คนหนึ่งเข็นรถขายผักผ่านมา
ภาคย์เหลือบมองเธอแบบไม่ใส่ใจ ยายตะโกนปาวๆ ตลอดทางว่า “คะน้าสดๆ สามกำสิบบาทจ้า คะน้าสดๆ สามกำสิบบาท”
แว่บหนึ่งภาคย์บอกได้ว่ายายชำเลืองมองเขาอย่างคาดหวัง ให้ตายเหอะยาย เด็กมัธยมจะซื้อผักคะน้าไปทำอะไรไม่ทราบ ภาคย์ส่งยิ้มให้หล่อนพอเป็นมารยาท และตอนนั้นเองที่เขาบังเอิญเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่ง
มันคือกระเป๋าสะพายข้างเอวของยาย…
ช่วงที่ทั้งสองต่างเดินสวนกันไปภาคย์ก็ไม่คิดอะไร แต่เมื่อความคิด “ผู้มีพลังวิเศษ" เด้งขึ้นมาในสำนึกอีกครั้ง ภาคย์ก็อดที่จะมองตามกระเป๋านั้นไม่ได้
ถ้าสมมุติเขาเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้นได้จริงล่ะ?
สมมติว่าเขามีพลังจริงๆ จะเป็นยังไง?
ความคิดประหลาดฉุดภาคย์ให้หยุดเดินแล้วหันกลับไปจ้องมองกระเป๋าที่เอวยายอย่างมุ่งมั่น เขาไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังจะทำบ้าอะไร แต่คิดว่าแค่ทดสอบคงไม่เสียหาย ภาคย์ตัดสินใจเดินตามคุณยายอย่างเงียบเฉียบ สายตาเพ่งพิจแน่วแน่ไปที่กระเป๋าข้างเอวของคุณยาย มันแลดูเป็นกระเป๋าที่ผ่านสมรภูมิประสบการณ์มาอยากโชกโชน อาจเป็นกระเป๋าที่ขุดค้นพบในสุสานสงครามโลกก็เป็นได้ เข็มกลัดลายคาราบาวที่ยายติดอยู่ข้างกระเป๋าบ่งบอกว่ายายก๋ากั่นไม่เบา ยายมัวแต่แหกปากขายของจนไม่รู้เลยว่ามีเด็กหนุ่มหน้ามนคนหนึ่งแอบซุ่มตามจากด้านหลัง ทุกก้าวของภาคย์มั่นคงแต่แผ่วเบา บัดนี้โลกทั้งใบของเขาแต่มีกระเป๋าตรงสะโพกของยานเท่านั้น สายตาของเด็กหนุ่มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น หากใครจะอุตริคิดว่าภาคย์วางแผนลากยายไปข่มขืนในดงกล้วยก็คงไม่ผิด
“ภาคย์….”
!!??
โอ้พระเจ้า มันมาแล้ว! เขาได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเขาเต็มสองหูเลย! มันคงต้องมาจากเหล่าข้าวของในกระเป๋านั้นแน่ๆ! มันกำลังเชื้อเชิญเขา มันรอคอยให้เขามองเห็นตัวตนที่ซ่อนอยู่ของมัน หากเพียงเขาเพ่งกระแสจิตมากกว่านี้เขาคงเข้าถึงมันได้ ภาคย์เบิกตาถลน กำแม่นแน่น เม้มปาก หน้าเครียดดุจจะกลืนกินกระเป๋าทั้งใบ สิ่งที่กำลังร้องเรียกเขาอยู่ตอนนี้อาจเป็นบางอย่างในกระเป๋ายาย แต่มันคืออะไรนะกัน เงิน? แป้งเย็น? หรือเทปคาราบาว!
“ภาคย์?” เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ภาคย์เงยหน้า
พ่อกับแม่ยืนจ้องเขาด้วยสีหน้าเหวอสนิท…
ใช้สติอยู่สักวิภาคย์ก็ค้นพบว่าเขาเดินตามยากลับมาบ้านตัวเองอีกครั้ง..
สามพ่อแม่ลูกต่างมองกันอย่างงงๆ จนบังเกิดวินาทีอันเงียบสงัด
มีเพียงเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ จากรถเข็นของยายที่เพิ่งผ่านไป…
“ลูกทำอะไร?” สีหน้าแม่ดูเจ็บปวดใจ
“เอ่อ ผม….”
“ลูกเดินตามยายคนนั้น?” เอื้อยชี้นิ้วไปที่ยายซึ่งแหกปากขึ้นมาพอดีว่า “คะน้าสดๆ สามกำสิบบาทจ้า คะน้าสดๆ สามกำสิบบาท”
“พ่อเห็นลูกมองตามก้นยายอยู่นานสองนาน” พ่อริมฝีปากสั่นระริกอย่างไม่อยากเชื่อ “สายตาลูกช่างดู”
นอร์ทวาดไม้วาดมือในอากาศดูพยายามจะหาคำบรรยายความหดหู่อันมหันต์ที่เกิดขึ้น
“เปี่ยมไปด้วยความใคร่!!!” พ่อปากสั่น
“โอ๊ย พ่อไปกันใหญ่แล้ว” ภาคย์ส่งเสียงหงุดหงิดใจ “ผมก็แค่…”
“มีอารมณ์กับคนแก่” เอื้อยสรุปประเด็น แล้วสวดภาวนา ท่าทางใกล้จะร้องไห้ “คุณรับรสนิยมของลูกได้ไหมค่ะ” เอื้อยหันไปสบตานอร์ทอย่างขอร้อง
“ไม่ว่าแฟนลูกจะเป็นใครผมก็จะยินดีรักหมดใจ” นอร์ทดึงเอื้อยมากอดปลอบประโยม “ต่อให้เขาจะอายุมากกว่าแม่ผมก็ตาม”
ภาคย์หน้ามุ่ย หรี่ตาเซ็งๆ หยิบหูฟังขึ้นมายัดใส่รูหู แล้วหันไปอีกทาง ภาคย์คิดขอบคุณโลกนี้เนรมิตโทรศัพท์ให้เล่นเพลงได้
มันคืออาวุธที่กระชากเขาให้ออกจากโลกเพี้ยนๆ ของพ่อกับแม่ได้ดีจริงๆ
**อ่านต่อได้ในหนังสือหน้าที่ 22 บรรทัดที่ 12 เป็นต้นไป**
===== Dr.Pop View =====
ผมตัดสินใจตัดเนื้อหาส่วนนี้ออกไป เพราะอยากให้กระชับขึ้น เนื่องจากภาคย์จะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่บ่งบอกถึงพลังของเขาอีกมากมายนับจากนี้ การมีฉากนี้เข้ามาจะทำให้ดูว่า "เยอะเกินไป" แม้จะเสียดายบรรยากาศครอบครัวของภาคย์อยู่บ้าง แต่เพื่อให้เนื้อเรื่องในหนังสือเร็วขึ้น ผมจึงตัดส่วนนี้ไป 10 หน้า เพื่อให้ภาคย์ตื่นนอนแล้วเข้าสอบวิชาชีวะที่โรงเรียนเลย :)
=======================================================
ตอนต่อไปของ
Boys & A Doll (Hidden Story)
ใครบางคนจะได้เจอกับเรื่องชวนขวัญผวา
“รีบพาผมไปหาป้อเถอะครับ” ภานุบอกเหมยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
และใครบางคนอาจเคยร้ายกว่าที่คุณคิด
แสงสีขาวสว่างอาบฝ่ามือป้อ สายควันสีข่าวขุ่นโชยขึ้นมาอย่างอ่อนโยนโดยปราศจากการมองเห็น
บัดนี้นางพยาบาลยืนอยู่ข้างเตียงเขาแล้ว
ป้อบอกตัวเองในใจว่า “เหยื่อกินเบ็ดแล้ว…”
…To Be Continued…
(ทุกคอมเมนต์ของคุณมีค่า เราจะเอาไว้แจกรางวัล หากชอบฝาก Share ด้วยครับ)
ปล. ถามหน่อยๆ อยากให้เพิ่มเหตุผลที่ตัดแต่ละฉากออกไปไหม? ขอบคุณครับ ^^
Dr.Pop Facebook : www.facebook.com/drpopworld
Dr.Pop Twitter : http://twitter.com/drpoppop
Boys & A Doll Facebook : https://www.facebook.com/boysandadoll
ความคิดเห็น