ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dr.Pop's The White Road 1 (Re-birth)

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 3 : Message (Part1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.62K
      6
      2 ส.ค. 51

    ฟองของเหลวสีขาวฟูฟ่องกำลังไหลย้อยลงมาจากปากมัน!

    มือสองข้างของมันกำแน่นพร้อมที่จะกระหน่ำประตูอีกครั้ง!

    ผมกำลังสบตาคู่ที่เปี่ยมล้นด้วยความพยาบาท มากด้วยความอาฆาต!

    มันคือ!

     

    มันคือ!

     

    อเล็กซ์กับฟองยาสีฟัน

    .

    .

    .

    เขาเบียดผมเข้ามาด้วยโทสะ ก่อนจะเข้าไปบ้วนปากในห้องน้ำ แล้วส่งเสียงค่อกๆแค่กๆ

    นายไม่ได้ยินหรือไง?อเล็กซ์โมโหพลางปาดคราบน้ำบนปาก

    เอ่อ…” ผมไม่รู้จะกลัวหรือจะตลกดี เพราะตอนนี้อเล็กซ์สวมชุดนอนลายเสือน้อยแบบเด็กๆ คราบยาสีฟันไหลเป็นทางอยู่บนเสื้อเขา แถมอเล็กซ์ยังสวมรองเท้ารูปหัวกระต่ายตาแดงอีกด้วย

    ฉันกำลังหลับ

    โอ้ อเล็กซ์หน้าเสีย

    การเอาตัวรอดที่ดีที่สุดทางหนึ่งก็คือทำให้คนอื่นรู้สึกผิด เพื่อกลบเกลื่อนความผิดตัวเอง

    ขอโทษที

    ไม่เป็นไร ผมทำหาว

    คือว่าไฟมันดับ ฉันเข้าห้องน้ำไม่ได้ แถมน้ำก็ไม่ไหล โทนี่เปิดประตูห้องไม่ได้ เฟริสก็หลับ เป็นนายคงไม่อยากปลุกคนที่สามารถแช่แข็งเราได้ใช่ไหม ให้ตาย นรกชัดๆ!” อเล็กซ์บ่น ฉันต้องขึ้นลิฟต์มาด้วยสภาพที่ยาสีฟันเต็มปากอย่างนี้ แถมต้องตะโกนเรียกชื่อนาย ทั้งที่ยาสีฟันเต็มปากแบบนี้ หวังว่านายจะเข้าใจฉันเขาหน้าจ๋อย

    ฉันเข้าใจ

    ผมทำตาปรือ ประจักษ์แล้วว่าเสียง อออออ ก็คือ พอลลลลล นั่นเอง

    งั้นฉันไปล่ะ ขอบใจที่นายช่วยชีวิตฉันก่อนจะสำลักยาสีฟันตาย

    เรื่องเล็กน้อย

    แล้วอเล็กซ์ก็จากไป

    ผมหัวเราะกับตัวเองเมื่อประจักษ์แล้วว่าต้นเหตุของความกลัวคืออะไร

    บ่อยครั้งที่เราคิดว่าเห็นผี ทั้งที่จริงเรากลัวความมืด

    บ่อยครั้งที่เราคิดว่าเป็นปีศาจ ทั้งที่จริงมันก็แค่เงาต้นไม้

    บ่อยครั้งที่เราตีความเสียงกุกๆกักๆในผนังเป็นอย่างอื่น ทั้งที่จริงมันเกิดจากหนูเล่นวิ่งไล่จับ

     

    ใช่ ผมกำลังจะบอกว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนส่งข้อความถึงเรา

    เพียงแต่เราจะเห็นมันอย่างที่มันต้องการบอกหรือไม่

     

    ถ้าคำตอบคือไม่ ความไม่เข้าใจ อาจจะพาให้เราหลงทางตลอดไป

     

    แต่กระนั้น ผมก็ยังมีหนึ่งคำถามที่ยังไม่จากไปไหน

     

    เสียงฝีเท้านั่นล่ะ เป็นของใคร ?

     

     

     

     

     

    Chapter 3

    MESSEGE

     

     

     

     

     

    นายดูเหมือนซอมบี้แร๊คคูนที่เมายาปราบศัตรูพืชเลย

    โทนี่ทักทายเมื่อเราอยู่ในคาบแรกของวันศุกร์ วิชาอุปกรณ์ไฮเทค มันเป็นห้องที่ครอบคลุมด้วยสีดำสนิททุกตารางนิ้ว มีพลังสีฟ้าไหลเวียนเป็นสายอยู่ในนั้น สร้างความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกจินตนาการออกแนววิทยาศาสตร์ เป็นห้องประหลาดเหมือนไม่มีอาณาเขตไม่มีจุดสิ้นสุด แต่ผมรู้ได้ว่าตรงไหนคือหน้าห้อง โดยดูจากคริสตัลรูปทรงจูบาจุ๊บ

    ซึ่งเหมือนจะเป็นโพเดียมอาจารย์ที่ต้องมีไว้ให้สักการะในทุกชั้นเรียน    

    นายแย่มากที่ไปปลุกเขา นิสัยไม่ดี นิสัยไม่ดี โทนี่หันไปต่อว่าอเล็กซ์

    ฉันขอโทษที่ทำให้นายดูโทรมยังกับนรกอย่างนี้ อเล็กซ์เม้มปากสำนึกผิด

    ความจริงสาเหตุที่ทำให้ผมดูโทรมยังกับนรกอย่างนี้ไม่ใช่เพราะอเล็กซ์ แต่เพราะผมต้องใช้สมาธิอย่างมากในการทำให้ตัวเองหลับ ผมไม่รู้ว่าจะนอนท่าไหนดี ถ้านอนหงายผมอาจจะเห็นอะไรบนเพดาน ถ้าตะแคงผมก็อาจจะเห็นอะไรมานอนอยู่ข้างๆ ถ้าคลุมโปงก็อาจจะมีอะไรมาอยู่ในผ้าห่มกับผม ผมดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียงนอนด้วยความรู้สึกไม่น่าอภิรมย์ และไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยจนตีสาม มันเป็นความรู้สึกที่แย่ แย่ แย่มากๆ

    สรุป มันเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน? ผมถามอย่างไม่พยายามใส่ใจสภาพตัวเอง

    ได้ข่าวว่าระบบขัดข้องนิดหน่อย อเล็กซ์บอก

    แต่มันเป็นอย่างนี้ไม่บ่อยหรอก โทนี่เสริม

    เสียงพูดคุยของนักเรียนหายไปเมื่อชายในชุดสูทสีขาวเดินเข้ามา

    ถ้าดูจากตารางสอน คนๆนี้น่าจะเป็นอาจารย์แบรี่ โวลกัน เขาสูงประมาณหกฟุต ตัวใหญ่ หัวโล้น ไว้เครา สวมแว่นตาดำ ใบหน้าเหี้ยมประมาณหัวหน้าแก๊งค์ชอปเปอร์ บางมุมก็ดูมีสไตล์แบบสายลับ บางมุมก็ดูเหมือนพวกหมกมุ่นกับการดาวน์โหลดคลิปโป๊ แต่โดยรวมแล้วเขาดูโก้ประมาณพวกบอดี้การ์ด ซึ่งก็เหมาะกับวิชาที่เขาสอนดี 

    คนไหนนักเรียนใหม่ ?

    ผมยกมือ

    มิสเตอร์พอล เอลแกน?

    ครับ

    เธอไปทำอะไรมา สภาพถึงโทรมยังกับนรกอย่างนั้น?

    ผม…”

    ไม่เป็นไร เรื่องธรรมดาของเด็กผู้ชาย อย่าหักโหมแล้วกัน

    อาจารย์โวลกันปิดการสนทนา แล้วผมพบว่าตัวเองยืนเอ๋ออยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะ

    เมื่อเขาสัมผัสคริสตัล อักษรดิจิตอลมหาศาลก็พรั่งพรูออกมา แล้วก่อร่างสร้างตัวกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า ราวกับมหานครในห้องเรียน!

    วันนี้เราจะเรียนรู้การใช้สลิงกันอาจารย์โวลกันโชว์สิ่งที่เรียกว่าสลิงกัน ซึ่งก็คือปืนสีดำที่ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าโทรศัพท์มือถือ

    มิสเตอร์เอลแกน เธอจะให้เกียรติเป็นผู้สาธิตคนแรกได้ไหม?

    เอ่อ…”

    อ้อ โทษที ลืมไปเธอกำลังเหนื่อย งั้นมิสเตอร์ ซี เบอร์ตัน เชิญ

    ทุกคนปรบมือให้เฟริส ผมเห็นได้ชัดว่าสาวๆหลายนางทำตาเป็นรูปหัวใจ ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นห้องเรียน พวกเธอคงจะชูป้ายไฟ เฟริส แต่งงานกับฉันไหม? ด้วยเป็นแน่ โอเค ผมยอมรับว่าเขาหล่อ หล่อแบบคนที่ไม่เคยเอ่ยปากพูด ไม่แม้แต่จะอุทาน เหมือนฮันนิบาลตอนหนุ่มๆ ที่คุณไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังคิดจะเฉือนสมองคุณไปจิ้มซอสแทนอาหารทะเล หรือวางแผนแงะกระดูกคุณออกมาทำของประดับแขวนผนัง ดวงตาเขาเป็นสีน้ำเงินสนิท ดูแล้วช่างอำมหิต!

    ก่อนอื่นจับสลิงกันให้เหมาะมือ จากนั้นก็กดปุ่มสีแดงตรงนี้ เฟริสทำตามคำอธิบาย แล้วหน้าจอสี่มิติอันเล็กๆก็ปรากฏขึ้นมาในระดับสายตา เมื่อมองผ่านหน้าจอ เธอจะเห็นจุดเล็งของมัน ลองเล็งไปที่จุดไหนก็ได้ แล้วเหนี่ยวไก

    เฟริสเหนี่ยวไก สลิงสีดำพุ่งออกไป แล้วปักตัวยึดเกาะที่ส่วนปลายกับดาดฟ้าของตึกหนึ่ง

    ถ้าเธอต้องการยกเลิกเป้าหมาย ก็ให้กดปุ่มสีแดง สลิงจะถูกดึงกลับออกมา แต่ถ้าแน่ใจแล้ว ก็กดเหนี่ยวไกอีกที มันจะกระชากเธอด้วยความเร็วห้าร้อยเมตรต่อวินาที

    เฟริสทำตาม แล้วเขาก็พุ่งฉิวขึ้นไปในอากาศ! เฟริสตีลังกากลางอากาศสองรอบ แล้วทรงตัวบนดาดฟ้าอย่างสง่างาม เพอร์เฟค ทุกคนปรบมือ

    จำไว้ว่าอย่าเหนี่ยวไกระหว่างเหินเวหาเป็นอันขาด เพราะมันจะเป็นการดึงสลิงกลับ บวกสิบคะแนนสำหรับลีลา อาจารย์โวลกันยิ้มร่า เอาล่ะ มิสเตอร์เอลแกน คงไม่ยากเกินไปใช่ไหม?

    ผมกลืนน้ำลายแล้วตอบอย่างฝืนความจริงว่า ไม่มันไม่ยากเลย

    เมื่ออาจารย์โวลกันทำหน้าที่เป็นแกนนำเสียงปรบมือ อึดใจต่อมาผมก็พบว่าตัวเองกำลังถือ

    สลิงกันที่ถูกยัดเยียดมาให้ นี่มันคอมมิวนิสต์ชัดๆ!

    เลือกที่ไม่ต้องสูงมากก็ได้ โอเค๊? อาจารย์โวลกันสัมผัสบ่าผมเบาๆ

    แม้อาจารย์จะพูดว่าไม่ต้องเลือกตึกที่สูง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีตึกไหนเลยที่สูงน้อยกว่าห้าสิบชั้น! ผมจินตนาการไม่ออกว่าจะเป็นยังไงหากเชือกขาดระหว่างทาง? ผมจะตกลงมาตายไหม? หรือจมหายไปกับพื้นที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่ตรงไหน? แล้วใครจะเป็นผู้พบศพผม ?

    นี่มันนรกยิ่งกว่าสภาพผมตอนนี้อีก!

    กดปุ่มสีแดง อาจารย์โวลกันเร่งเร้า ผมรีบกด หน้าจอแสดงจุดเล็ง

    เหนี่ยวไก เหนี่ยวไก เหนี่ยวไก อาจารย์ทำเสียงเหมือนเชียร์บอลและทั้งห้องก็มีส่วนร่วม

    โดยเฉพาะเสียงอเล็กซ์กับโทนี่ที่ดังมาก

    ผมตัดสินใจเหนี่ยวไก ตัวยึดเกาะพุ่งออกไป โอ้ พระเจ้า ผมยิงพลาดไปถูกตึกร้อยชั้น!

    ใจเด็ด ใจเด็ด ใจเด็ด อาจารย์โวลกันชักชวนผองเพื่อนเปลี่ยนทำนอง ผมมองเห็นอนาคตตัวเองที่ริบหรี่เต็มทน

    เหนี่ยวไก เหนี่ยวไก เหนี่ยวไก

    เมื่ออาจารย์โวลกันเปล่งเสียงเชียร์อีกครั้ง ผมก็หลับตาปี๋ และ

    ฟิ้ว!!

    ผมรู้สึกได้เลยว่าท้องน้อยพลันวาบหวิว เมื่อผมพุ่งฉิวขึ้นไปด้วยความเร็วสูง! – ฝูงคนข้างล่างกลายเป็นเล็กจิ๋วในเสี้ยววินาที! ผมลอยอยู่กลางแผ่นฟ้าที่เย็นเหมือนจริง มีนกบินตัดหน้าเหมือนจริงและสูงจนเห็นทิวทัศน์รอบเมืองจริงๆ! ผมแหกปากส่งเสียงร้องก้องกังวานไปไกล ให้ตาย ผมกำลังจะถึงดาดฟ้าตึกร้อยชั้นแล้ว!

    กำลังจะถึงแล้ว!

    ??

    ความตื่นเต้นทำให้ผมลืมตัวเหนี่ยวไกอีกครั้ง

    แล้วสายสลิงก็หดกลับเข้ามาในกระบอก

    ผมหยุดลอยนิ่งๆ ที่ระยะห่างจากพื้นดินสองพันฟุต ดูเหมือนพวกตัวการ์ตูนโง่ๆ ที่มักจะพูดคำว่า โอ๊ะโอ่ ก่อนแรงดึงดูดของโลกจะกระชากผมกลับด้วยความเร็วมหาศาล!

    ม่ายยยยยยยยยยยย

    ผมร้องโหยหวนและแหวกว่ายปีนป่ายไปในอากาศเหมือนคนบ้า! พวกนักเรียนกรีดร้อง ผมรู้สึกได้ว่าหัวใจปลิวไปทางหนึ่ง ตัวอยู่ทางหนึ่ง สติอยู่อีกทางหนึ่ง เมย์เดย์ เมย์เดย์ ผมกำลังจะโหม่งพื้น!ผมกำลังจะตาย!ร่างกายผมคงแหลกสลาย! คอผมคงหมุนได้สามร้อยหกสิบองศา!

    ??

    แต่เมื่อสัมผัสพื้นห้องผมกลับเด้งขึ้นมา

    เด้งดึ๋ง เด้งดึ๋ง? เหมือนถูกรองรับด้วยเบาะสปริงหนานุ่มที่มองไม่เห็น?

     

    อัตราการเด้งของผมช้าลงๆ เตี้ยลงๆ

    แล้วในที่สุดผมก็ปลอดภัย

    ว้าว น่าประทับใจ อาจารย์โวลกันเอ่ย ผมนอนอ้าปากหายใจหอบ ฉันไม่เคยเห็นใครตะเกียกตะกายด้วยท่าอุรังอุตังคลั่งแบบนั้นเลย

    ทุกคนหัวเราะ

     

     

     หลังรอดชีวิตจากการพุ่งวิบากมาได้ ผมก็รู้สึกดีใจไม่น้อย เพราะมีหลายคนปอดแหกไม่ผ่านการทดสอบเหมือนกัน อาจารย์โวลกันสั่งให้ผมดาวน์โหลดอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆจากคริสตัลหน้าห้อง พร้อมสั่งการบ้านให้ผมกลับไปเรียนรู้วิธีการใช้มันทั้งหมด จากนั้นเราก็ย้ายคาบไปเจออาจารย์แม๊กเนสอีกครั้งในวิชาแบทเทิล ซึ่งมีนักเรียนถึงแปดสิบคน เป็นการรวมนักเรียนไฟท์เตอร์สองห้องเข้าด้วยกัน อเล็กซ์บอกว่านักเรียนต่างห้องที่เจอในวิชานี้ แต่ละวันจะไม่เคยซ้ำ ขึ้นอยู่กับการสุ่มของระบบ

    วิชาแบทเทิลมีจุดประสงค์ให้พวกเธอเรียนรู้เทคนิคการสู้ตัวต่อตัว ที่เราต้องรวมนักเรียนสองห้องก็เพื่อให้พวกเธอได้พบกับคนที่มีความสามารถใหม่ๆ ฝึกการเอาตัวรอดในรูปแบบใหม่ๆ และรู้จักเพื่อนใหม่

    หรือศัตรูหน้าใหม่

    ถึงอาจารย์แม็กเนสจะเกริ่นเพื่อให้ผม(นักเรียนใหม่)ได้รู้จุดประสงค์ แต่การที่ต้องนั่งบนอัฒจันทร์สองฟากซึ่งหันหน้าเข้าหากัน มันก็เป็นการบอกใบ้ในตัวอยู่แล้วว่าเราสองห้องไม่ถูกกัน

    เหลือแค่เอาคำว่า VS. มากั้นกลางก็เท่านั้น

    อย่าลืมว่าการต่อสู้มีผลต่อคะแนน ใครที่ยังตักตวงจากซีมูเลชั่นสปีดไม่พอก็ขอให้ตั้งใจในวิชานี้ อาจารย์แม็กเนสสัมผัสมือบนแท่นคริสตัล แล้วเสียงคอมพิวเตอร์ก็ดังขึ้น

     

    ดำเนินการสุ่ม

     

    นาฬิกาไวท์โรดสว่างวูบวาบๆยังกับไฟเธค ท้ายที่สุดทุกหน้าจอก็แสดงคำว่า

    การสุ่มสำเร็จ

    จากนั้นเหล่านักเรียนก็เรืองแสงสีขาว และหายไปจากอัฒจันทร์

     

    ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง เพื่อจะพบว่าตัวเองยืนอยู่บนพื้นดินสีฟ้ากว้างใหญ่ ที่รายรอบด้วยหินผาสีฟ้า ภูเขาสีน้ำเงิน และท้องฟ้าสีเขียวอ่อน  

    11:10 am

     

    LP       2000 / 2000

    PO                        0

    AR                 1000

    SC                  5000                

     

     

     

     

     

     

     


    นาฬิกาของผมแปรสภาพเป็นแบบซีมูเลชั่นสปีดอีกครั้ง แม้คะแนนจะเพิ่มถึงห้าพัน แต่ค่าไลฟ์พอยต์ของผมก็ยังอยู่ที่สองพัน ถ้าวัดจากความรู้สึกส่วนตัว ผมว่าผมไม่ได้เก่งขึ้นเลย

    !!

    ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากฟากฟ้า ผมแหงนหน้ามอง แต่ไม่พบสิ่งใด

    ปิ๊บ ปิ๊บ

    นาฬิกาส่งสัญญาณเตือนภัย มันเปลี่ยนหน้าจอเป็นการแสดงผลแบบเรดาห์ ที่แสดงให้เห็นว่าจุดสีแดงกำลังเคลื่อนไหว!

    ไม่ต้องมีใครสอน ผมก็รู้ได้ว่ามันคืออันตราย

    จุดสีแดงกำลังเข้ามาใกล้ แต่ผมไม่เห็นมันแม้แต่ร่องรอย!

    ฟ้าววว

    เสียงแหวกอากาศดังขึ้น สัญชาตญาณสั่งให้ผมกระโจนหลบ! พริบตาต่อมาพื้นที่ตรงจุดที่ผมเคยอยู่ก็ระเบิดอย่างรุนแรง! – แสงสีฟ้ากับประกายแปลบปลาบของกระแสไฟส่องวูบวาบ ผมนอนคว่ำกับพื้นด้วยสายตาตื่นตระหนก เสียงฟ้าวดังขึ้นอีกครั้ง! – แต่ผมไม่สามารถหลบได้ทัน พลังประหลาดนั้นพุ่งเข้ากระแทกผมอย่างจัง!  

    เปรี้ยง!

    แรงระเบิดส่งผมลอยคว้างไปในอากาศ ก่อนจะหล่นตุ๊บห่างจากจุดเดิมหลายเมตร แม้จะไม่มีบาดแผล และปราศจากซึ่งอาการบาดเจ็บ แต่ผมก็ถูกเหน็บชากินไปทั้งตัวจนขยับไม่ได้

                    ผมรู้สึกราวกับโดนไฟช๊อต!

                    กระจอก

                    เสียงลึกลับดังขึ้น ผมมองออกไป และเห็นร่างปริศนากำลังเท้าแขนกับหินผาไม่ไกล

                    ไม่ซิ ไม่ใช่ร่างปริศนา

                    ผมสีฟ้าตั้งเด่แบบนั้น ท่าทางกวนประสาทแบบนั้นช่าง

    ใช่! เขาคือโฮการ์ด บิสมัส ผมเคยเห็นเขาแล้วในห้องประชุม เขาคือคนที่พร้อมจะมีเรื่องกับอับดุล!

                    พวกปลายแถว

                    เขาหัวเราะเยาะ ผมพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่เหน็บชาก็กระชากร่างผมลงอย่างหมดหนทาง

                    ถ้าหลบสายฟ้าของฉันไม่ได้ อยู่หรือตายก็มีสภาพไม่ต่างกัน  

    โฮการ์ดเป็นเด็กหนุ่มประเภทที่ตัวใหญ่และมีฮอร์โมนเพศชายพลุ่งพล่านออกมาจากทุกรูขุมขน มัดกล้ามของเขาทำให้คุณรู้สึกอ่อนแอได้เมื่ออยู่ใกล้ๆ และด้วยความสามารถพิลึกพิลั่น โฮการ์ดสามารถข่มให้คุณอยากร้องไห้หาแม่ได้อย่างง่ายดาย

                    ดูนั่น เขาทำลายไลฟ์พอยต์ผมไปตั้งห้าร้อย! พอๆกับโดนซูวีรัสขวิดเลย!

             ไหนดูซิว่าแกมีอะไร? โฮการ์ดเดินเข้ามาแล้วคว้าแขนผมขึ้นไปจ้องนาฬิกา โว้ว ไลฟ์พอยต์พันห้าจากสองพัน คะแนนแค่ห้าพัน นี่แกมัวแต่ไปถักโครเชต์อยู่หรือไง?

                    ฉันนักเรียนใหม่ ไอ้โง่!”

              ผมทำได้แค่คิด และกลืนประโยคนั้นลงไป 

                    โฮการ์ดสลัดมือผมทิ้ง ใบหน้าเขาระบายด้วยรอยยิ้มแห่งความพอใจ ถ้าแกทำอะไรฉันไม่ได้เลย ฉันก็จะได้คะแนนโบนัส

              โฮการ์ดใช้เท้าเขี่ยผมนอนหงายแล้วใช้สองมือกระชากคอเสื้อ ผมไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถยกผมให้ลอยได้ด้วยมือเดียว

                   ถ้าฉันจิ้มตรงนี้

    !!!
                    ตัวผมสั่นสะท้าน เมื่อโฮการ์ดช๊อตไฟฟ้าผ่านนิ้วชี้ลงบนต้นแขนขวา
    !

    ไลฟ์พอยต์แกก็จะหายไปอีกสองร้อยห้าสิบ แล้วถ้าฉันจิ้มตรงนี้

                    มันเปลี่ยนตำแหน่งไปที่แขนซ้ายผม!

                    ไลฟ์พอยต์แกก็จะหายไปอีกสองร้อยห้าสิบ แต่ถ้าฉันจิ้มตรงนี้

              มันช๊อตลงไปในจุดที่อ่อนแอที่สุดของลูกผู้ชาย เล่นเอาผมดิ้นพล่านจุกจนตัวงอ!

                    ไลฟ์พอยต์แกก็จะหายไปอีกสามร้อย ฮ่า ฮ่า ฮ่า

                    มันหัวเราะร่า ผมร้องโหยหวนทุรนทุราย เมื่อมันจี้ลงจุดเดิมอีกครั้ง!

     ไอ้เวร!

              โอ้ว ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ โฮการ์ดยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย

    ช่างเป็นการต่อสู้ที่อัปยศที่สุด ช่างเป็นการพ่ายแพ้ที่บัดซบที่สุด แม้ผมจะเดือดดาลสุดๆ แต่ก็ไร้หนทางจะตอบโต้ถึงที่สุด กระแสไฟของโฮการ์ดราวกับจะทำให้ผมเป็นอัมพาต แม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่มันก็ขยับไม่ได้จริงๆ

    แค่กระดิกนิ้วยังทำไม่ได้เลย

                    แล้วถ้าฉันทำแบบนี้ โฮการ์ดนาบฝ่ามือที่กลางหน้าอกผม พอแกออกจากระบบปั๊บ โบนัสห้าพันคะแนนก็จะเป็นของฉัน

    บังเกิดประจุไฟฟ้าส่องแสงแปลบปลาบอย่างน่ากลัว พร้อมเสียงปะทุดังปุๆ เหมือนไส้หลอดไฟแตก!

    ขอบใจว่ะ เพื่อนฝูง

              เปรี้ยง!!

              ลำแสงสายฟ้ากระแทกผมพุ่งออกไปในแนวขนานกับพื้นโลก! ผมรู้สึกได้ถึงลมเย็นๆที่ตีสวนกลับมา เสียงโครมครามดังติดๆกันหลายครั้งเมื่อผมพุ่งทะลุเหล่าหินผา! ผมทำได้แค่หลับตา แต่ความรู้สึกชาทำให้ผมไม่สามารถยกแขนขึ้นมาปัดป้องได้ หลังผมกระแทกเข้ากับภูเขาลูกใหญ่ดังปึง! ผมรู้สึกได้ถึงแรงอัดมหาศาล! ร่างกายผมไถลครูดลงมาท้ายที่สุดก็นอนคว่ำไปกับพื้น ถ้าเป็นความจริง ผมคงหลังหัก กระดูกแตก กบาลแหก เกิดใหม่ไปแล้ว!

              และคงเป็นหมันด้วย!

    ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่โหดเหี้ยมแบบนี้อยู่ในโลก ลืมพวกนักเลงคอร์เคล ลืมพวกผู้ก่อการร้ายได้เลย แค่โฮการ์ดคนเดียวก็สามารถเปลี่ยนพวกนั้นเป็นเด็กหัดพูดได้สบายๆ

    เฮ้ย! แต่ดูนี่ ผมยังไม่ตาย 

    ทำไม ผมถึงยังไม่ออกจากระบบ?


                    ผมเอียงศีรษะไปกับพื้น สายตามองตรงไปยังข้อมือ
    และนั่น บนนาฬิกานั่น ไลฟ์พอยต์ผมเหลือห้า!

    ไม่ว่าปาฏิหาริย์ครั้งนี้จะหมายถึงอะไร แต่ผมก็ได้ลั่นสัญญากับตัวเองว่า จะต้องจัดการไอ้บ้านี่ให้ได้!

    ไอ้เวร

    ผมส่งเสียงครางแผ่วออกไปในอากาศ

    ในสภาพที่เงียบสนิทเช่นนี้ ผมมั่นใจว่าสารรักจากผมจะส่งถึงโฮการ์ดได้ไม่ยาก


                   และเขาก็หยุดแบบคนที่ได้ยิน


             “
    แกว่าอะไรนะ?

    อะ อะไอ้ เวร ผมเค้นเสียงอีกครั้งทั้งกำมือฝืนแรงกาย

    จะบ้าตาย แม้แต่จะยกหัวขึ้นยังทำไม่ได้เลย!

    โฮการ์ดเดินบึ่งเข้ามาด้วยใบหน้าเหมือนกระทิงคลั่ง และผมนอนกองอยู่ตรงนั้น รอให้มันคว้าหยิบอย่างเสรี

    แกว่าใครไอ้ขี้แพ้!”

    มันตะคอกจนน้ำลายกระเด็นเป็นฟองฟ่อด ดวงตาถลึง ลมหายใจร้อนผ่าวเยี่ยงคนเถื่อน!

    ไอ้เวร

    ผมเน้นพยางค์ชัดๆ รู้สึกสะใจที่อย่างน้อยก็ยิ้มมุมปากท้าทายมันได้ โฮการ์ดยกผมขึ้นด้วยสองมือแล้วดันไปกระแทกกับภูเขา จนได้ยินเสียงสะเก็ดหินแตกกระจาย!

    อึดนักใช่ไหม! ได้ ฉันจะทำให้แกหายไปเดี๋ยวนี้!”

    มือทั้งสองที่จับคอเสื้อผมสว่างโรจน์ด้วยแสงประจุไฟฟ้า

    ผมรวบรวมแรงทั้งหมด เกร็งแขน กำมือขึ้น แล้วเขวี้ยงทรายใส่ตามัน!

    อั๊ก!”

    โฮการ์ดเสียหลัก มันปล่อยมือ ผมล้มลง

    ฉันไม่กระจอก รู้ไว้ซะ

    ผมยืนขึ้นด้วยสภาพเหมือนคนเมาที่จะล้มมิล้มแหล่ แต่ใจบอกตัวเองว่าต้องทรงตัวให้ได้ แม้มันจะลำบากยากเข็ญแค่ไหน ผมต้องเดินต่อไป โฮการ์ดกำลังขยี้ตา ผมเซถลาหน้าแทบคว่ำ แต่ก็ฝืนใจหยัดยืนไว้ โฮการ์ดแผดเสียงสาปสบถ เขาหันกลับมาอีกครั้ง ผมกำหมัด แล้วซัดมันไปเต็มๆแก้ม!

    แกอดโบนัสแล้ว…”

    ผมพูดด้วยรอยยิ้มที่กวนตีนที่สุด

    โฮการ์ดแยกเขี้ยวเกรี้ยวกราดยังกับสุนัขบ้า! – มือทั้งสองของมันสว่างจ้า มันพุ่งเข้ามา พร้อมแสงสายฟ้าและเสียงคำราม!

    ไปตายซะ!!”


              เปรี้ยง
    !


                    พลันนั้นรอบกายผมก็ปกคลุมด้วยแสงสีขาว  เพียงพริบตา ผมก็กลับมาอยู่บนอัฒจันทร์อีกครั้ง เสียงก้องจากพลังของโฮการ์ดยังได้ยินติดหู และรู้ได้เลยว่าผมเป็นคนแรกที่ออกจากระบบ

    อาจารย์แม๊กเนสเงยหน้ามองผม ท่าทางเขาไม่ประหลาดใจนัก

    อีกเดี๋ยวมันจะดีขึ้น

    เขาพูด และเรายิ้มให้กัน 

    หลังจากนั้นเหล่าผู้แพ้ก็ทยอยปรากฏตัวตามมา บางคนมีสีหน้าขัดเคืองใจ บางคนพูดว่า อีกนิดเดียวเชียว และบางคนก็ทำท่าเหมือนจะเกลียดตัวเอง อเล็กซ์กับโทนี่ไม่ได้ออกมาเร็วอย่างที่ผมคิด ตรงกันข้าม เขาเป็นพวกท้ายๆที่อยู่ในกลุ่มผู้ชนะด้วยซ้ำ

    ซึ่งก็แน่นอนคนสุดท้ายก็คือเฟริส ซี เบอร์ตัน

    ฉันอุตส่าห์ออมมือให้หล่อนแล้วนะ อเล็กซ์พยักเพยิดไปยังผู้หญิงที่กำลังซับน้ำตา แต่ไม่นึกว่าจะมีคนที่โง่พอจะสะดุดรองเท้า จนหน้าปักแง่งหินแล้วออกจากระบบไปเอง

    เซ็งแทน โทนี่เอ่ย

    นาทีต่อมาหน้าจอสี่มิติสี่จอก็ปรากฏกลางอากาศ มันแสดงลำดับคะแนนนักเรียนในชั้นทั้งหมด สูงที่สุดคือเฟริส ห้าแสนแปดหมื่นคะแนน (โอ้ แม่เจ้า) อเล็กซ์กับโทนี่อยู่ที่อันดับสิบห้ากับสิบเจ็ด สองแสนสองหมื่นคะแนน

    และผม ซึ่งหาไม่ยาก หนึ่งหมื่นสองพันคะแนน อันดับโหล่พอดี

    หนึ่งหมื่นสองพันคะแนน ?


             “
    โว้ว คะแนนนายเพิ่มขึ้นมาตั้งเยอะ!” อเล็กซ์ร้อง

    ใช่ เพิ่มมาตั้งเจ็ดพัน!

    ไปฟัดกับควายที่ไหนมา!?” โทนี่ใคร่รู้

    ทำไมเหรอ? ผมฉงน

    ถ้าได้สู้กับคนที่คะแนนเยอะมากๆ ยิ่งนายซัดเขาได้มากเท่าไหร่ นายก็จะได้ส่วนแบ่งคะแนนมากขึ้นเท่านั้น อเล็กซ์อธิบายอย่างตื่นเต้น

    สรุป นักเรียนผู้โชคร้ายคือ? โทนี่ถาม

    ตอนนั้นเองที่ผมกับโฮการ์ดสบตากันอย่างไม่ตั้งใจ แววตาคู่นั้นดูกระหายการฆ่า เขาทำท่าเอานิ้วปาดคอเหมือนตัวละครโรคจิตในหนังต้นทุนต่ำ

    โอ๊ะโอ่ สองเพื่อนซี้ส่งเสียงรับรู้ ดูเหมือนทั้งคู่จะกลัวอีกฝ่ายจนแกล้งมองผ่านไป

    ผมเงยหน้ามองจอคะแนนอีกครั้ง และพบว่าโฮการ์ดอยู่อันดับที่ห้า

    ห้าแสนสองพันคะแนน!






    ติดตามตอนต่อไป
    Chapter 3 : Message Part2 
    ได้ในวันพรุ่งนี้
    August 2nd 2008


    ที่นี่ ที่เดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×