ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dr.Pop's The White Road 1 (Re-birth)

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 2 : What Do You Want ? (Final Part)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.65K
      9
      26 ก.ค. 51

    เอ่อครับ

    สายตาทุกคู่หยุดอยู่ที่ผม และผมทำท่าประมาณว่า ฮะ ฉันหรอ เป็นฉันจริงๆหรอ

    ทุเรศชะมัด

    นายเท่ห์ลากไส้ ? เสียงหนึ่งกระซิบกระซาบอย่างคาดไม่ถึง

    ทำไมไม่ส่งอับดุลถาม

    เอ่อ….” ผมอ้าปากหวอ ระหว่างรอให้สมองประมวลคำแก้ตัว

    ยืนขึ้น

    ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก รู้สึกได้ว่าหน้าซีดเผือดราวกับคนเป็นลูคีเมียระยะสุดท้าย โอเค ผมรู้แล้วว่าพวกที่ถูกประจานเมื่อกี้รู้สึกยังไง มองไปทางไหนก็เห็นทุกอย่างชัดไปหมด ทั้งแววตาใคร่รู้ สงสัย แม้แต่อำลาอาลัย อย่างนี้จะไม่ให้ผมกลัวจนฉี่จะแตกได้ไง!

    ผม เอ่อเพิ่ง เข้าเรียน วันนี้วันแรกครับ

    งั้นก็แสดงว่าเธอไม่ได้สละเวลาเพื่อศึกษาเดอะไกด์บุ๊คเลย จึงไม่รู้ว่ามีการบ้านรออยู่?อับดุลเลิกคิ้ว นั่นคือเหตุผลที่แปลอีกอย่างว่าไม่ใส่ใจหรือเปล่า?

    เอ่อ….”

              ผมทอดสายตาขอความช่วยเหลือให้รีเมียส จูเลีย และเจอร์รี่ แต่พวกเขาทั้งสามก็ดูจะหมดหนทาง บัดนี้ผมเป็นเหมือนนักโทษประหาร และนั่งรอให้เพชรฆาตฟันคอขาดก็เท่านั้น

                    !?

              จู่ๆนาฬิกาก็สั่น ผมก้มลงและพบกับข้อความประหลาด

                    กดปุ่ม I ซะ

                    ผมเหลียวซ้ายแลขวาหาต้นตอว่ามันมาจากไหน

                    จนได้สบตากับเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ซึ่งเป็นผู้คิดค้นคำว่า เท่ห์ลากไส้

                    ตอบฉันมา อับดุลเร่งเร้า ผมสะบัดหน้ากลับไปหาเขา

                    กดซิ!” เด็กคนนั้นกระซิบกระซาบ

                    โอเค ผมเกลียดเขา เหม็นขี้หน้าเขา แต่ตอนนี้ผมกำลังจะคอขาด และผมอาจจะกลายเป็นพวกจิตตก ฟุ้งซ่าน กลัวห้องประชุม กลัวฝูงชน หรือเลยเถิดไปถึงฆ่าตัวตาย ผมไม่อยากจะกลับไปเป็นอย่างพอลในโลกใบเก่าอีกแล้ว ผมต้องการเริ่มชีวิตใหม่ ผมต้องการเป็นคนใหม่!

                    ปิ๊บ

                    และเมื่อผมกด กระดาษสีขาวแผ่นน้อยก็พุ่งออกไป ดูสว่างไสวราวกับนางฟ้าแห่งความหวัง

                    อับดุลยกมือขึ้น หยุดมันไว้กลางอากาศด้วยแววตาสงสัย เขาค่อยๆใช้พลังจิตดึงมันเข้าไปดูใกล้ๆ ขณะที่ผมลุ้นระทึกแทบไม่หายใจ

                    เอ่อ ผมแค่สับสนกับการใช้งานนาฬิกานิดหน่อย สมองผมเพิ่งประมวลผลเสร็จ คือมันมีปุ่มเยอะแยะไปหมด แล้วก็โฟลเดอร์เยอะมากมาย มันยากที่จะใช้ได้คล่อง

                    สตอสุดๆ เสียงหนึ่งกระซิบ

              เกิดความเงียบอันแสนกระอักกระอ่วนอีกครั้ง อับดุลกำลังจ้องมองผมอย่างจับผิด ทุกคนยังไม่ละสายตาจากผม และหัวใจผมก็ไม่หยุดเต้นแท๊ปซะที

                    ความจริงมันก็ไม่วุ่นวายอะไร แค่คุณฝึกใช้มันบ่อยๆ อับดุลเอ่ยด้วยเสียงที่อ่อนลง ก่อนจะเก็บไฟล์นั้นเข้าไปในนาฬิกา เชิญนั่ง

                    เอ่อขอบคุณครับ

    ผมโค้งคำนับ โดยไม่รู้ว่าจำเป็นต้องทำหรือไม่

                    เท่ห์ลากไส้

                    ผมขอจบการอบรมเพียงเท่านี้ หวังว่าอาทิตย์ต่อไปคงไม่มีใครต้องขายหน้า เลิกเรียนได้

              นักเรียนพร้อมใจกันยืนขึ้นทำความเคารพอีกครั้ง เมื่อเหล่าผู้คุ้มกฏจากไป เสียงเคลื่อนไหวเสียงพูดคุย และเสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน

                    ไง นายเท่ห์ลากไส้ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลกอดคอผมราวกับสนิทกันมาแสนนาน

                    ฉันชื่อว่าพอล เอลแกน จะเรียกพอลก็ได้ผมพูดด้วยเสียงเซ็งสุดๆแล้วเดินจากไป แต่คลื่นนักเรียนดันมาปิดทางผมไว้ ทำให้เราทั้งสามยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น

                    เยี่ยมเลย

                    ไม่มีฉันนายตายไปแล้ว ไอ้หนุ่มผมตั้งบอก

              บังเอิญฉันเคยเขียนของฉันไว้อันหนึ่ง แต่พอเฟริสอ่าน เขาดูเหมือนจะคิดว่ามันไร้สาระ ฉันเลยเขียนอันใหม่

              สรุปที่นายส่งไปก็คือเรียงความที่ไร้สาระนั่นเอง

                    เอ่อ   

                    ไฮ พอล

    เสียงดัดจริตของเจอร์รี่ดังมาแต่ไกล มองไปเห็นคนชุดขาวสามคนคือเธอ จูเลีย และรีเมียส ไม่นึกว่าเธอจะเป็นผู้ชายที่รับผิดชอบถึงเพียงนี้ เธอดีกว่ากาลิเลโอที่ค้นพบว่าโลกกลมเสียอีก โอ้ว รู้จักพวกนี้ด้วยเหรอ ?

              เจอร์รี่ดูตกใจ แววตาเธอเหมือนกำลังบอกตัวเองว่า ไม่นะ ไม่ใช่เรื่องจริง มันไม่จริง!

                    ไม่แปลก จูเลียยังรู้จักเธอได้ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลตอบ เจอร์รี่เชิดใส่

                    ว้าว โลกกลมดีแท้ จูเลียเอ่ย

                    ฮะ ? ผมงง

                    อเล็กซ์ โทนี่ เฟริส เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเรา

    จูเลียบอก พลันนั้นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลก็ยื่นมือมา

                    ฉันอเล็กซ์ สตีฟสัน

                    ฉันโทนี่ ปาร์กเกอร์ หนุ่มผมตั้งทำตาม ส่วนไอ้หนุ่มโคตรหล่อนั้นเฟริส ซี เบอร์ตัน เขาเป็นทายาทผู้คิดค้นระบบนาฬิกาอัจฉริยะ และเป็นหัวหน้าห้องที่ไม่ค่อยพูดซักเท่าไหร่

                    เอาจริงๆ ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดเลย อเล็กซ์เสริม 

                    สรุป พวกเธอรู้จักกันแล้วหรือยัง? จูเลียงุนงง ขณะที่ทั้งสองยังคงค้างมือไว้กลางอากาศ

                    ฉันยังไม่รู้จักเขา แต่เราช่วยเขาไว้สองครั้ง อเล็กซ์บอก

    ครั้งแรกในซีมูเลชั่นสปีด เรารู้เขาจัดการไอ้ซูวี่ไม่ได้แน่ๆ ก็เลยช่วยชีวิตเขาโทนี่เสริม

    ทำให้เขาได้คะแนนไปห้าพันแบบไม่ต้องเหนื่อย  

    อีกครั้งก็เมื่อกี้ที่ส่งการบ้าน ฉันส่งไฟล์เก่าของฉันให้เขา

    เขาก็เลยไม่ต้องกลายเป็นพวกจิตตกเหมือนกับบิสมัส

    เขาถือเราเป็นฮีโร่เลยล่ะ ?

    ใช่ไหม ?

    ทั้งสองสลับกันพูดเร็วรัวเหมือนตัวการ์ตูน ก่อนจะจบที่การฉีกยิ้ม แบบตัวการ์ตูน

    ผมมองพวกเขาอย่างไม่แน่ใจ พวกนี้ดูเหมือนจะร้าย เอ๊ะ หรือไม่ร้ายกันแน่? แต่ถึงจะยังสงสัย ผมก็รู้สึกด้วยสัญชาตญาณได้ว่าสองคนนี้ไม่มีภัย และประสบการณ์ก็บอกให้ผมรู้ว่า คนทุกคนที่มีแววตาแบบนี้ ล้วนเป็นคนจริงใจ

    แม้เขาจะเรียกคุณว่าเท่ห์ลากไส้ก็ตาม

                    ว่าไงพอล บอกฉันทีว่าเธอเป็นเพื่อนกับชิปมั้งค์พวกนี้ เจอร์รี่กอดอก

                     ผมคิดทบทวนในใจ จนในที่สุดก็ได้คำตอบ

    ใช่ เราเป็นเพื่อนกัน

                    เห็นไหม เขาเห็นฉันเป็นฮีโร่!” อเล็กซ์ร้องแล้วคว้ามือผมไปเขย่า

                    แต่ฉันยังไม่ได้ยินเขาพูดแบบนั้นเลย โทนี่แย้ง เขย่ามือผมบ้าง

              โอเค พวกเขาเหมือนชิปมั้งค์จริงๆ

                    ไปกันเถอะ จูเลียเอ่ย แล้วเดินนำออกไป

                    ไปไหน? ผมถาม

                    อ้าว ก็ไปทานอาหารกลางวันไง เธอบอก และผมนิ่งเงียบ

                    ทานอาหาร น่ะ อเล็กซ์กับโทนี่ทำท่าโกยอาหารใส่ปากเสริมความเข้าใจ

                    แต่ผมไม่ได้ใบ้ แล้วก็ไม่ได้โง่

                    เพียงแค่งงเพราะไม่เคยมีใครชวนผมทานอาหารกลางวันเลยซักคน

                    ไม่มีจริงๆ

    พอล ? โทนี่โบกไม้โบกมือ และผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าเหม่อลอยด้วยหัวใจที่พองโต

    เอ่อ ไปซิ

    ผมรู้สึกเปรมปรีดิ์ที่ได้มีโอกาสพูดคำนั้น เราทั้งหมดพากันเดินออกห้องไป มันช่างเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ

     

     

     

     

    ปลาวาฬสีน้ำเงินแหวกว่ายอยู่ในทะเลสีครามอันกว้างใหญ่ ในดงปะการังมีปลาตัวเล็กๆสีสีสันสดสวยอาศัยอยู่เพียบ ปลาสีม่วงที่หางสยายเป็นสายกำลังหยอกล้อกับดอกไม้ทะเลสีชมพูอ่อน ฝูงแมงกะพรุนสีฟ้าไสส่องแสงวูบวาบอยู่ไกลๆ และปลาหมึกยักษ์ตัวเบ้อเริ่มเพิ่งโฉบผ่านหัวผมไป

    ที่นี่ไม่ใช่อควาเรี่ยม และไม่ใช่วอเตอร์เวิร์ล

    แต่เป็นโรงอาหารซึ่งอยู่ชั้นใต้ทะเลของไวท์พอยต์!

    มันเป็นห้องทรงโดมขนาดสนามฟุตบอลสองสนาม เรียงรายด้วยโต๊ะอาหารนับพัน พื้นห้อง ผนัง และเพดานทำจากวัตถุใสที่รีเมียสบอกว่าแข็งกว่ากระจกหลายพันเท่า ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็สามารถรื่นรมย์กับทรรศนีย์ภาพใต้ทะเลได้อย่างอัศจรรย์ใจ โอ้ ดูนั่น ปลาหมึกยักษ์เพิ่งจะเขมือบปลาฉลามเข้าไป     

                    พวกเขาเอาเงินจากไหนมาสร้างที่แบบนี้? ผมถาม ยังคงไม่ละไปจากปลาฉลามไส้แตก

                    อาการ์เซียมีโรงเรียนแค่ไม่กี่แห่ง ภาษีของประชากรทั่วโลกต้องแบ่งมาเพื่อสร้างโรงเรียนเสมอ มันเป็นกฏหมายรีเมียสบอก

                    หมายความว่าคนบนโลกนี้ส่งเราเรียน

                    ก็ถูก โทนี่ตอบ

                    แม้ว่านักเรียนส่วนหนึ่งจะมาจากโลกมนุษย์เนี่ยนะ

                    มันก็ใช่ว่างบการสร้างโรงเรียนจะมาจากภาษีทั้งหมด เงินบริจาคอะไรก็มีเยอะ ไวท์โรดไม่ได้เป็นแค่โรงเรียน มันเป็นเหมือนธุรกิจ มีการลงทุน และอะไรอีกมากมาย ซึ่งผู้อำนวยการจะเป็นผู้รับผิดชอบ จูเลียบอก

                    ในตลาดหุ้นอาการ์เซีย ก็มีหุ้นของไวท์โรด รีเมียสเสริม ทุกโรงเรียนในอาการ์เซียล้วนประกอบธุรกิจ ไม่แปลกที่เราจะมีสถานที่ดีๆให้อาศัย

                    อ้อ ผมส่งเสียงเข้าใจ ตอนนี้เจ้าปลาหมึกว่ายจากไปแล้ว

    โอ้ว ดูนั่นปลาวาฬผสมพันธุ์

     

    เมนูของท่านพร้อมเสิร์ฟในสิบวินาที

     

                    เสียงคอมพิวเตอร์ดังขึ้นจากที่รองจานของอเล็กซ์

    ที่นี่ไม่มีแม่ค้า ไม่มีการต่อแถว ทุกโต๊ะล้วนมีที่รองจานลักษณะเหมือนแผ่นใสหนาห้ามิลลิเมตร บนจานรองจะมีจอภาพสำหรับสั่งอาหารที่ราบเรียบไปกับพื้นผิว เพียงแค่เลือกเมนูตามใจสั่ง ระบบจะประมวลราคา หยิบไวท์การ์ดขึ้นมา กดปุ่มดังปิ๊บ มันก็จะหักเงินจากบัญชี อเล็กซ์ยกแขนออกจากจานรอง เมื่อเวลานับถอยหลังเสร็จ ชุดอาหารกลางวันอันประกอบด้วย แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย น้ำอัดลม และสลัดก็ปรากฏ พร้อมตุ๊กตากระต่ายสีขาวตาแดงเถือก ที่อเล็กซ์บอกว่าสะสม ส่วนผมยังยึดติดกับแซนด์วิชปลาทูน่า เหมือนมื้อเย็นที่แล้ว เพราะคิดไม่ออกว่าจะลองอะไรใหม่ๆดี

                    แต่เอทำไมวันนี้ผมถึงรู้สึกว่าแซนด์วิชมันอร่อยกว่าเดิม

    เขาใส่อะไรเพิ่มลงไปหรือเปล่า?

              แล้วผู้คุ้มกฏพวกนั้นเป็นใคร ทำไมถึงดูจะสั่งอะไรได้ทุกอย่าง?ผมตั้งคำถาม

                    พวกเขาก็เหมือนพวกอาจารย์ฝ่ายปกครองบนโลกมนุษย์ รีเมียสบอก ผมส่งเสียงอ๋อในใจ มิน่าล่ะ ผู้คุ้มกฏมีหน้าที่สอนนักเรียนให้อยู่ในกรอบกฏ คอยเป็นหูเป็นตาแทนอาร์คีดีมัส ถ้ารองจากผู้อำนวยการแล้ว ผู้คุ้มกฏถือว่าใหญ่ที่สุด รองลงมาก็พวกอาจารย์ แล้วก็พวกกรรมการนักเรียน

                    ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าพวกนักเรียนสูทสีขาวคือกรรมการนักเรียน ไวท์โรดรุ่นนี้มีรีเมียส เดเซอร์ริสเป็นประธาน รองประธานคือจูเลีย คาร์ตัน และเจอร์รี่ เอเวอร์ร่า เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจกรรม

    ซึ่งอเล็กซ์แอบกระซิบกับผมว่าเธอเหมาะกับตำแหน่งนางพญาหอนางโลมมากกว่า

                    อันนี้ก็จริง

                    แล้วอับดุล อะไรนั่น เขาเป็นอย่างนี้เสมอเหรอ? ผมสงสัย

                    นายควรจะถามว่าเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ชาติที่แล้วเหรอ? อเล็กซ์ดูรังเกียจ

                    อันที่จริง เขาเพิ่งเข้ามาที่นี่เมื่อสี่ปีที่แล้ว รีเมียสบอก เขาเป็นหัวหน้าหน่วยรบ L.D.T คนในหน่วยรบนี้เป็นแบบนี้เกือบทั้งหมด

              ธรรมเนียมปฏิบัติแย่ๆ เหมือนพวกโรคจิตที่ชอบโชว์ของลับ เหมือนสุนัขที่ชอบดมก้น เจอร์รี่เสริม

    โอเค ภาพชัดเจนขึ้นเยอะ

                    หน่วยรบ L.D.T” ผมพยายามนึกว่าเคยได้ยินที่ไหน

                    เป็นหน่วยรบสุดยอดของโลก!” โทนี่บอกอย่างตื่นเต้น หน่วยรบที่พร้อมสรรพทั้งอาวุธไฮเทค โดดเด่นด้วยการต่อสู้ เป็นสายลับที่เก่งกาจ

                    แบบเจมส์ บอนด์ผสมแรมโบ้ อเล็กซ์เสริม พวกไฟท์เตอร์ส่วนใหญ่อยากเข้าร่วมหน่วยรบทั้งนั้น

              เพราะคนส่วนใหญ่อยากเป็นเจมส์ บอนด์ผสมแรมโบ้ โทนี่บอก

                    เอ่อ แล้วทำไมผมไม่อยาก ?

              หรือว่า...เพราะผมชอบเอ็กซ์เมน ?

                    แล้วทำไมเขาถึงเข้ามาในไวท์โรดเมื่อสี่ปีที่แล้ว?

                    บังเกิดความเงียบกระทันหัน ราวกับใครถอดปลั๊กลำโพงในคอพวกเขา

    ทุกคนเหลือบตามองกันและกัน ยังไม่มีใครพูดอะไร

    ไม่มีเลยจริงๆ

                    ฉันคัพดี!”

    เจอร์รี่ทำเสียงดังอย่างจงใจ

    ความเงียบสงัดสุดตะลึงสาดเข้าใส่ ทุกคนพร้อมใจกันอ้าปากค้าง

    ไม่ใช่แค่เรา โต๊ะข้างๆก็ด้วย

    เธอคัพอะไร? เจอร์รี่ต่อยอดคำถามไปทางจูเลีย

    คัพบี ว้าย เธอถามอะไรเนี่ย! จูเลียเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัว รีเมียสอ้าปากหวอ อเล็กซ์กับโทนี่ตาถลน เฟริสยกแก้วค้างอยู่กลางอากาศ จูเลียส่ายหน้าแรงๆ แล้วพูดอีกครั้งด้วยใบหน้าสีแดงจัด พอล วันแรกเป็นไงบ้าง?

    เธอคัพบีจริงๆเหรอ? เจอร์รี่ยังไม่หมดข้อสงสัย

    ก็ฉันยังไม่ได้เสริม!” จูเลียดุ

    โอเค จบ เจอร์รี่รีบยัดผักใส่ปาก

                    เป็นวันที่ดี ผมรีบต่อบทสนทนาด้วยระดับเสียงเริงร่า ได้ลองเป็นมาธาร์ดอร์ ได้ปีนต้นไม้ ได้โดนกระทิงขวิด ได้พังกระทิงแช่เย็น ได้คาถาเท่ห์ลากไส้ แล้วก็ได้เพื่อนใหม่ ใครที่ไหนจะได้อะไรมากมายในหนึ่งวันแบบฉัน

                    เขาเห็นฉันเป็นฮีโร่เสมอ อเล็กซ์ยักคิ้วให้โทนี่ ทั้งที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรซึ่งสื่อความหมายแบบนั้น

    แต่จะว่าไป มันก็ช่างเป็นวันแรกที่สมบูรณ์แบบจริงๆ

    สมบูรณ์แบบจนลืมไปว่า ผมเป็นคนแปลกหน้าในโลกใหม่

    ฉันก็ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ โทนี่บอก แล้วยกแก้วขึ้น

    เช่นกัน อเล็กซ์ยกตาม

    ขอดื่มให้สมาชิกคนใหม่ จูเลียยกแก้ว ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก

    มิตรภาพใหม่ๆ รีเมียสก็ด้วย

    ผู้ชายคนใหม่ เจอร์รี่ยก

    บอกตรงๆผมไม่เคยนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับใครมากอย่างนี้ และก็ไม่เคยมีใครแสดงการต้อนรับกับผมขนาดนี้ ยิ่งได้เห็นคนที่เงียบสุดๆอย่างเฟริสส่งสายตาเป็นมิตรมาให้ ยอมรับแบบไม่อายเลยว่าผมแทบจะร้องไห้

    สิบแปดปีที่ผ่านมา ผมเหมือนมีความว้าเหว่ติดตามเป็นดั่งเพื่อนสนิท

    นี่เป็นวันแรกที่มีคนยื่นความช่วยเหลือให้ผมแบบไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

    เป็นวันแรกที่มีคนชวนผมคุยระหว่างเบียดเสียดไปกับฝูงชน

    เป็นวันแรกที่ผมมีใครให้สบตานอกจากร้องเท้า

    เป็นวันแรกที่มีคนชวนให้ผมนั่งทานอาหารกับพวกเขา  

    ผมนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายนาทีก่อน ที่ถามตัวเองว่าทำไมแซนด์วิชวันนี้ถึงอร่อยกว่าเมื่อวาน ไม่ใช่เพราะเขาใส่อะไรเพิ่มหรอก แต่เป็นเพราะนี่คือเป็นวันแรกที่ผมได้ทานแซนด์วิชด้วยความอิ่มเอมใจกว่าครั้งไหน  มันอร่อยได้เพราะรสชาติแห่งมิตรภาพที่ผมไม่เคยได้จากที่ใด

    เป็นวันแรกที่ผมได้ร่วมโต๊ะอาหารกับใครที่ไม่ใช่กระเป๋าตัวเอง

    และเป็นวันแรกที่ผมอยากจะตะโกนให้ลั่นฟ้าว่า

     

    ผมมีเพื่อนแล้ว!

     

    ขอบคุณ ผมพูดจากใจ และพยายามยิ้มข่มความตื้นตันไม่ให้น้ำตาไหล ไม่ว่าพวกเขาจะคิดกับผมในระดับเพื่อนใหม่ หรือระดับไหน

    แต่สำหรับผมพวกเขาคือชีวิตใหม่ ที่มีค่ามากกว่าสิ่งใด

    และผมสัญญา ว่าจะรักษามันไว้ โดยไม่ให้อะไรต้องพรากไป   

    เชียร์ส!”

    เราพูดพร้อมกัน

     

    และเราชนแก้วกัน

     

     


                   

     

     

     

                    เราทุกคนมีความต้องการต่างกัน และหลายคนก็ไขว่คว้าทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งนั้น

                    บางคนถึงขั้นยอมโกหกตัวเองว่า เรามีทุกสิ่งที่ต้องการพร้อม

     

    โฮการ์ด บิสมัสเดินออกจากไวท์พอยต์ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ไม่ว่าเพื่อนๆจะพูดอะไร หรือบอกให้เขาใจเย็นแค่ไหน มันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ทางจิตใจของเด็กหนุ่มดีขึ้น

     

    บางคนมีความต้องการที่ไม่รู้จักจบสิ้น

     

    มาโคโมรี่ ซีเวสเตอร์กำลังนั่งจ้องพิซซ่าถาดใหญ่บนโต๊ะ แม้ผนังห้องจะมีคำเตือนจากโรงพยาบาลที่สั่งให้คุมอาหาร แต่กลิ่นอันหอมหวานกับสีสันของพิซซ่าจานร้อน ช่างเป็นอะไรที่ยั่วยวนเกินกว่าจะอดใจ

    ในที่สุดซีเวสเตอร์ก็กุมมือ หลับตาพริ้ม แล้วเอ่ยว่า

    ขอพระเจ้า อภัยให้ลูกด้วย

    ก่อนจะฉกพิซซ่าขึ้นมากินอย่างตะกละตะกลาม

     

    และบางคนก็มีความต้องการที่ใครหลายคนไม่เข้าใจ

     

    อับดุล ราดะฮินเดินนำขบวนผู้คุ้มกฏไปตามทางที่เหล่านักเรียนพากับหลบหนี เขาไม่ได้สนใจท่าทีหวาดกลัว และไม่ใส่ใจสายตานินทาว่าร้ายเหล่านั้น อับดุลเดินต่อไปด้วยท่วงท่าของผู้ชนะที่ร้ายกาจ ซึ่งใครก็ไม่อาจจะสบตาเขาในระยะประชิด

     

    แต่ไม่ว่าเราจะต้องการอะไร ทุกความต้องการล้วนมีเป้าหมายเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป

    บางครั้งอาจจะเป็นความรู้สึกดีๆที่ไม่ได้จากที่ไหน

     

    ลองกินดูนะ

    จูเลียตักเนื้อปลาดิบสีชมพูประหลาดใส่ในจานพอล

     

    บางครั้งอาจจะเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่เคยได้ยินจากที่ใด

     

    แกเห็นไหม ว่าวันนี้บิสมัสทำหน้ายังกับแดร็กคิวล่าท้องผูกอเล็กซ์เริ่ม

    ฉันว่าเหมือนแฟรงเก้นสไตน์อุจจาระหักในมากกว่า โทนี่เสริม เฟริสยิ้มมุมปาก

     

    บางครั้งอาจจะเป็นความสดใสใหม่ๆที่ไม่เคยได้จากใคร

     

    แหวะ!” เจอร์รี่ทำหน้าสะอิดสะเอียน วางมีดกับซ้อมเสียงดัง ดีนะที่ฉันคัพดี

    จูเลียกลอกตา

     

    และบางครั้ง ก็อาจจะเป็นอะไรซักอย่างที่เรียกว่าความจริงใจ

                   

    พอล ขอโทษด้วยที่ฉันช่วยนายไม่ได้เลยตอนอยู่ในห้องประชุม รีเมียสเอ่ย ท่าทางเขาเหมือนจะอึดอัดใจมานาน ตอนนั้นมัน…”

                    ไม่เป็นไรหรอก พอลรีบแทรก ฉันก็เอ่อขอโทษนายเรื่องเมื่อวานเหมือนกัน

              ทั้งสองยิ้มให้กัน

                   

                    นั่นและ คือสิ่งที่ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตต่อไปบนโลกอันกว้างใหญ่

                    โดยที่เราไม่มีวันรู้เลยว่า

    ใครบางคน อาจกำลังจ้องมองเรา

    และเขาอาจกำลังต้องการบางอย่าง

    จากเรา

     

    ปิ๊บ ปิ๊บ

              เสียงนาฬิกาดังขึ้นตอนสามทุ่ม ขณะที่ผมกำลังเล่นอินเตอร์เน็ต

              ว่าไงจูเลีย?ผมพูดกับเธอผ่านหูฟังบลูทูธ

                    ทำอะไรอยู่?

                    เล่นอินเตอร์เน็ตน่ะ เธอล่ะ?

                    ดูหนัง

                    เรื่อง?

                    ผีในห้องเช่า

                    โอ้ว ท่าทางน่ากลัวเนอะ

                    มันฉายซ้ำรอบที่แปดแล้ว จูเลียหัวเราะ ว่าแต่เธอโอเคมั้ย?

              โอเคอะไร?

              ก็เรื่อง เอ่อ ที่โต๊ะอาหาร

                    โต๊ะอาหาร?

                    เธอหมายถึงเรื่องคัพดี หรือเรื่องคัพบีล่ะ

                    ก็เรื่องนั้นน่ะ

    จูเลียดูอึดอัดใจ ฉิบหายแล้วซิ ผมควรจะตอบยังไง?

    คัพบีก็โอเคนะ เป็นตัวอักษรที่สองของภาษาอังกฤษ บี เบิร์ดนก หมายถึงอิสระภาพ หรือ

    คัพบีก็ดีนะ มากจาก Brilliant ที่แปลว่าสุดยอด

    ให้ตายซิ ผู้หญิง!

              เรื่องที่เธอถามเกี่ยวกับการเข้ามาในไวท์โรดของอับดุลน่ะ

                    อ๋อออ ผมลากเสียงยาว พลางรู้สึกดีใจที่ไม่ได้เกิดมาเป็นคนปากไว

                    ตอนนั้นเรามัวแต่อึ้งๆกัน กลัวเธอจะคิดมาก

                    คิดมากเหรอ ? ไม่เล้ย ฉันลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

    ผมลืมจริงๆนั่นแหละ

                    ฉันแค่อยากถามให้แน่ใจ กลัวเธอแบบว่าเอ่อ คิดเล็กคิดน้อย

                    ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นซักหน่อย

              ความจริงผมอยากตอบว่า ฉันไม่ใช่ผู้หญิงซักหน่อย

                    งั้นก็ไม่เป็นไร ฉันแค่ประมาณว่าเป็นห่วง

                   

            ตึก! ตึก!

             

    เสียงประหลาดดังขึ้น และผมหันควับไปทางห้องครัว

     

    พอล?

    ฮะ ?

    เป็นอะไรหรือเปล่า?

                    อ๋อ เปล่าๆ ไม่มีอะไร

                   

    ตึก! ตึก!

             

    เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผมมั่นใจแล้วว่ามันเป็นเสียงฝีเท้า!

              แป๊บนึงนะ

    ผมบอกจูเลียแล้วลุกขึ้นช้าๆ หน้าจอไอคอมของผมยังสว่างไสว แต่ผมไม่ได้เปิดไฟดวงไหนเลยผมชะโงกเข้าไปในทางเดินห้องครัว แสงจากดวงจันทร์ส่องให้เห็นเงาหน้าต่างบนพื้นดูสลัว แต่ก็ไม่มีเงาอะไรนอกจากเงาดำๆของตู้เย็น เก้าอี้ และโต๊ะอาหาร ผมค่อยๆย่องเข้าไป สองหูเปิดรับการได้ยินอย่างเต็มที่

           

    ตึก! ตึก!

             

    โอเค มีอะไรอยู่ในห้องนี้แน่ๆ และมันไม่ใช่หนู ไม่ใช่แมลงสาบ

    เป็นอะไรที่ตัวใหญ่กว่านั้น  

    เหมือนเสียงฝีเท้าของคน

    โอ้ ไม่นะ

              พอล เกิดอะไรขึ้น?จูเลียถาม เธอคงได้ยินเสียงผมหายใจกระตุก   

              เอ่อปะ..เปล่าผมตอบเสียงสั่นพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ต่อให้คนโง่ที่ไหนก็ต้องบอกว่าประตูห้องไม่สามารถเปิดเองได้ ยิ่งกับห้องที่การปกป้องสมบูรณ์แบบอย่างนี้ ใครจะเข้ามาได้ยังไงถ้าเจ้าของห้องไม่ได้เปิดต้อนรับ! โอเค พอลใจเย็นๆ มีสติ มันอาจจะเป็นหนู นี่อาการ์เซียนะ ขนาดกระทิงเจ็ดเมตรยังมีได้ หนูสองเมตรก็ไม่น่าจะหาดูได้ยาก

                    เวรแล้วไง หนูสองเมตร น่ากลัวว่าผีอีก!

              โอเค มันอาจจะเป็นหนูตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารัก สีขาวสะอาด แต่เท้าโตเหมือนเท้าคน ผมยอมรับว่ามันอาจจะดูไม่สมประกอบ  แต่โลกนี้อะไรๆก็เกินจินตนาการได้ทั้งนั้น ดูอย่างเจอร์รี่ซิ เธอมีคัพดีตั้งแต่สิบแปด ใจเย็นๆ หายใจช้าๆ นั่นแหละ อย่างนั้น บัดนี้ผมกำลังคืบคลานทีละเล็กทีละน้อยไปหาเจ้าปุ่มพาวเวอร์บนผนัง หัวใจผมเต้นตูมตามจนรู้สึกได้ว่าอกซ้ายกระเพื่อม มือของผมกำลังเอื้อมออกไป สองตาผมสอดส่ายไปในความมืด แล้วผมก็กดปุ่ม

                    ก่อนจะพบความจริงว่า ไฟดับ

              นรกชัดๆ

                    จะจูเลีย ไฟห้องเธอติดไหม?ผมฝืนทำเสียงใส

                    ติดซิ เธอแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร?

                    ผมเงยหน้ามองผนังหัวเตียงที่แสดงสถานะหัวใจว่า เต้นเร็วด้วยความกลัว

                    วินาทีต่อมาไฟทั้งห้องก็สว่างไสว  

                    เปล่าเล๊ย ทุกอย่างโอเคสุดๆผมฉีกยิ้ม

                    แต่จู่ๆมันก็ดับ

    ดับทั้งไฟ ดับทั้งพวกหน้าจอปฏิบัติการ

    ตอนนี้ไม่โอเคแล้ว ผมเสียงสั่น และพบว่าตัวเองตกอยู่ในความมืดสมบูรณ์แบบ

     

                    ปึง! ปึง! ปึง!

     

              เสียงกระแทกประตูดังสนั่นจนผมแทบกรีดร้อง

                    นั่นอะไร? จูเลียยังติดตามสถานการณ์

                    เอ่อ มีคนเคาะประตู

     

                    ปึง! ปึง! ปึง!

     

              และสิ่งที่จะเคาะประตูด้วยเสียงแบบนั้นได้ ก็มีแค่สามประเภท คนที่อยากจะถ่ายทุกข์จนกลั้นไม่อยู่ เจ้าหนี้ และสุดท้าย ก็คืออดีตชาติของมนุษย์

    ซึ่งน่ากลัวที่สุด!

    ปึง! ปึง! ปึง!

    ฉันจะโทรบอกพนักงานรักษาความปลอดภัยให้นะ

    จูเลีย ? ผมร้องเรียก แต่สายเธอตัดไปซะแล้ว

    ปึง! ปึง! ปึง!

                    ใครน่ะ ? ผมทำเป็นกล้าหาญ แต่มันไม่ตอบ

    ปึง! ปึง! ปึง!

                    มันยังเคาะอยู่

              อออออ ออออออ

                    ไม่ใช่แค่เคาะ มันยังส่งเสียงที่ฟังดูวิปริตเกินกว่าจะเป็นเสียงมนุษย์ด้วย

                    โอเค แกอยากจะเล่นเกมส์จิตวิทยากับฉันใช่ไหม ได้!

              ผมเดินบึ่งเข้าไปด้วยใจฮึกเหิม

    ก่อนจะหยุดหน้าประตูด้วยความรู้สึกวูบวาบในท้องน้อยเหมือนฉี่จะแตก

    ปึง! ปึง! ปึง!

                    ประตูสั่นจนผมสะดุ้ง

              อออออออออออออออออ

                    เสียงของมันยิ่งฟังใกล้ๆยิ่งขนหัวลุก

    ปึง! ปึง! ปึง!

    ห้องน้ำอยู่ขวามือ แวะปลดทุกข์ก่อนหน่อยดีไหม

    ปึง! ปึง! ปึง!

                    เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

              ผมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ตามองตรง มือขวานาบอยู่ที่สวิทซ์บนแผงควบคุม

    อออออออออออออออออออออออออออออออออ

    เมื่อเสียงนั้นดังอีกครั้ง ผมก็กด!










    ติดตามการเจาะลึกทุกแง่มุมของการกำเนิดใหม่ได้ในวันพรุ่งนี้ เวลา 2 ทุ่มตรง
    พร้อมตัวอย่างตอนต่อไปของ The White Road : Rebirth 

    ห้ามพลาด!!!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×