ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    : CURSE :นักสืบต้องคำสาป {WonKyu}

    ลำดับตอนที่ #1 : CURSE:: INTRO!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 898
      7
      23 ต.ค. 56


    c u r s e d

    .




    ในเช้าวันจันทร์ที่สดใส ใครบางคนกำลังฝันหวานอยู่บนเตียง

    Arrrrhhhhhh Arhhhhh
    เสียงปลุกจากนาฬิกาอนาล็อกที่อยู่หัวเตียง ทำให้คยูฮยอนเงื้อมมือมาปิดด้วยความรำคาญ


    โจว คยูฮยอน วัย 24 ปี นักสืบเอกชน



    ทันทีที่ตาคู่กลมจ้องเขม็งมาที่หน้าปัดนาฬิกาอนาล็อกที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง


    "ฉิบหายแล้ว"



    ดวงตาเบิกโตทันทีที่เห็นว่ามันแปดโมงกว่าแล้ว..


    ร่างบางยันตัวเองให้ลุกจากเตียงนุ่มๆ ก่อนที่จะรีบร้อนออกจากห้องนอน
    ..ถ้าวันนี้ไปสายอีก ตาผู้กองชีวอนต้องฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆแน่


    นี่ก็ร่วมเดือนแล้วที่นักสืบเอกชนอย่างเขาถูกทางการจ้างมาดูแลคดีในเขตกังนัมร่วมกับทางกองตำรวจท้องถิ่น ตอนนี้ทางการคงขาดแคลนทรัพยากรที่จะมาช่วยไขคดีมากจนถึงกับยอมจ้างหน่วยงานนักสืบเอกชนซึ่งหน้าเลือดอย่างหน่วยงานที่เขาได้ทำงานอยู่ด้วยตอนนี้..





    ร่างบางนั่งหุนหันอยู่ในแท็กซี่ มองออกไปข้างนอกผ่านกระจกฟิล์ม แค่เห็นรถติดแบบนี้ก็ท้อซะแล้ว พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลังพบว่ามันสั่นเรียกอยู่นาน


    "ฮัลโหล มีอะไรหรอครับ?"

    ((ฮัลโหลคุณคยูฮยอน อยู่ไหนแล้วครับตอนนี้ อยากให้ช่วยไปที่Elllui club ในย่านชองดัมตอนนี้เลยครับ))

    "เอ๊ะ..เกิดคดีอะไรขึ้นหรอครับ"

    ((เดี๋ยวค่อยคุยกันนะครับ ผมก็กำลังจะไปที่นั่น))




    จบเสียงของปลายสาย คยูฮยอนก็เร่งให้คนขับเปลี่ยนเส้นทางทันทีหลังได้รับคำสั่ง


    เมื่อมาถึง เทปกาวสีเหลืองที่เกี่ยวกันไปมาล้อมที่เกิดเหตุบ่งบอกได้ว่าภายในนี้เกิดเหตุร้ายขึ้น ร่างบางเดินข้ามเทปเหลืองนั่นเข้ามาในไนต์คลับแห่งนี้


    คยูฮยอนเดินเข้ามากำลังเห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งสอบสวนผู้พบศพเป็นคนแรก


    "พบศพผู้ตายได้ยังไงครับ"

    "คือดิฉันเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาน่ะค่ะ พอคลับปิดเราก็กำลังจะออกไป แต่นานะเธอบอกว่าจะขอเข้าห้องน้ำก่อน ดิฉันก็เลยออกมารอข้างนอกน่ะค่ะ พอเห็นว่านานไปแล้ว เลยเข้ามาตาม...ก็เห็นเธอตายแล้วค่ะ"




    "ตอนที่เข้ามาอีกรอบนี่กี่โมงครับ?"
    คราวนี้เป็นฝ่ายของคยูฮยอนที่เข้าไปแทรกถามอย่างเสียมารยาท



    "เอ่อ..น่าจะหกโมงครึ่งได้มั้งคะ เพราะที่คลับนี้ปิดหกโมงเช้าค่ะ"


    หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวด้วยความสลด หลังจากนั้นทีมชันสูตรก็พาก็เข้ามาพร้อมแบกร่างของหญิงสาวที่ก่อนหน้านี้เธอเสียชีวิตอยู่หน้าห้องน้ำหญิง โดยลักษณะคว่ำหน้าอยู่ มือของเธอกำไว้หลวมๆเหมือนกำลังถืออะไรซักอย่าง

    หลังจากที่ชันสูตรเสร็จก็ได้ข้อมูลว่าศพน่าจะเพิ่งตายได้ซักสองชั่วโมงเศษ ซึ่งก็สอดคล้องกับคำให้การของหญิงคนนั้น นอกจากนี้ยังพบร่องรอยฟกช้ำบนร่างกายหลายแห่ง ทั้งที่เป็นของเก่าและของใหม่ แปลว่าก่อนหน้านี้ผู้ตายก็มีการทะเลาะวิวาทกับใครซักคนมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่แน่ๆสาเหตุการตายของเธอคงไม่ได้มาจากรอยช้ำพวกนั้น แต่หากเป็นเศษแก้วขนาดใหญ่ที่ทิ่มอยู่ที่คอของเธอต่างหาก ..


    "ผู้ตายคือบริกรหญิงของคลับแห่งนี้ครับ" เจ้าหน้าที่คนเดิมบอกกับคยูฮยอนก่อนที่เขาจะเพิ่งนึกได้ว่าตนเป็นเพียงแค่นักสืบเอกชนที่ทางรัฐจ้างมาเท่านั้น

    "ขอโทษที่ทำเกินหน้าที่ไปเมื่อซักครู่นะครับ"

    "ไม่เป็นไรหรอกครับ^^"



    ทันใดนั้น ผู้กองชีวอนก็เดินเข้ามาในเหตุการณ์พร้อมกับพูดราวกับพระเอกของเรื่อง

    "ผู้ตายถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอนครับ"

    เรื่องแบบนี้ ให้เด็กประถมดูก็ดูออกแต่แรกแล้ว เพียงแต่คยูฮยอนไม่เข้าใจว่าตาผู้กองนี่จะพูดขึ้นมาทำไม

    "คงเป็นแบบนั้นจริงๆนั่นแหละครับ ว่าแต่ใครจะเป็นฆาตกรหรอครับ "
    ในใจที่หมันไส้ผู้กองขี้เก็กคนนี้เต็มประดาแต่ในฐานะผู้ถูกจ้างงานอย่างเขา คงจะพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

    ผู้กองละสายตาจากชายร่างบางก่อนที่จะมองเขม็งไปที่หญิงสาวผู้พบศพคนแรก


    "ตอนที่คุณรอผู้ตายอยู่ข้างนอก ตอนนั้นในคลับมีใครอยู่อีกบ้างครับ ผมหมายถึงนอกเหนือจากผู้ตายนะ"


    "ฉันคิดว่าไม่มีแล้วนะคะ ปกติดิฉันกับนานะจะออกจากคลับเป็นคนสุดท้ายประจำเพราะกุญแจประตูอยู่ที่เธอน่ะค่ะ"


    "หืม ทำไมเธอถึงได้ถือกุญแจของคลับนี้ล่ะครับ"


    "เป็นแค่กุญแจสำรองค่ะ คงเพราะเธออยู่ที่นี่มานาย ผู้จัดการก็เลยไว้ใจมั้งคะ"


    คำให้การของหญิงคนนี้ล้วนเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น อย่างแรกคือคนร้ายน่าจะเข้ามาทางประตูแต่ไม่ใช่อย่างนั้นเพราะหญิงสาวที่เป็นเพื่อนผู้ตายรออยู่หน้าประตูตลอด ถ้าแบบนั้นคนร้ายอาจซ่อนตัวอยู่ในคลับจนทั้งสองคนคิดว่าไม่น่ามีใครอยู่แล้ว


    "คนร้ายอาจซ่อนตัวอยู่ในคลับจนคลับปิดทุกคนเริ่มกลับกันหมดแล้วก็รอจังหวะฆ่าผู้ตาย"



    ขโมยสิ่งที่ผมคิดออกมาพูดหน้าตาเฉยเลยอ่ะ -*-

    นักสืบที่ถูกจ้างมาอย่างเขาไม่อาจจะทนนิ่งอยู่ได้ ถ้าฝีมือและความสามารถของตาผู้กองนี้เจ๋งจริงจะต้องมาจ้างนักสืบเอกชนอย่างเขามาทำไม


    "ก็อาจเป็นจริงอย่างที่ผู้กองว่านะครับ แต่สมมตินะครับ ถ้าคิดในมุมของคนร้ายการซุ่มรอจนกว่าคนจะออกไปหมดก็ต้องใจเย็นอย่างมากเลยนะครับ เพราะปกติพอคลับปิดปุป คนที่มาอาจจะยังอยากสนุกต่อ อาจไม่ยอมกลับง่ายๆ ถึงแม้ว่าคลับนี้จะค่อนข้างเข้มงวดก็ตาม อีกอย่างตามสภาพของศพก็ไม่เหมือนกับการถูกฆ่าโดยฆาตรกรที่ใจเย็นอย่างนั้น ฆาตรกรน่าจะไม่ได้เตรียมการมาล่วงหน้า เพราะอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นเศษแก้วซึ่งน่าจะเป็นแก้วของในคลับ หากฆาตรกรได้เตรียมการมาก่อนล่วงหน้า เขาคงจะเตรียมอาวุธที่ดีกว่านี้ และคงไม่ทิ้งหลักฐานสำคัญอย่างเศษแก้วนี้ไว้แน่นอนครับ เป็นไปได้ว่าหลังก่อเหตุแล้ว ผู้ร้ายอาจเสียสติจนวิ่งหนีออกไปโดยลืมเก็บอาวุธที่ใช้ฆ่าเหยื่อแแบบนี้ก็ได้ครับ"




    ทุกคนฟังแล้วก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วย ไม่เว้นไปแต่ผู้กองชีวอนที่ปกติจะคอยเก็ก วางมาดเป็นคุณตำรวจคนเก่ง


    "เพราะฉะนั้น
    หลังจากกองพิสูจน์หลักฐานตรวจลายนิ้วมือบนเศษแก้วนั่นก็รู้แล้วล่ะครับ ว่าใครคือคนร้าย"



    โจว คยูฮยอน เด็กหนุ่มวัย 24 ปี ปิดคดีนี้ได้อย่างงดงาม

    หลังจากนั้นเขาและเหล่าตำรวจก็ได้กินเลี้ยงฉลองกันร้านเนื้อย่างที่อยู่ติดกับสถานีเขตกังนัมที่ตำรวจเหล่านี้รวมทั้งผู้กองชีวอนได้ทำงานอยู่

    "เก่งจริงๆนะเจ้าเด็กนี่" จ่ารูปร่างอวบคนหนึ่งเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม คยูฮยอนได้แต่ยิ้มเขินๆรับคำชมทั้งๆที่ไม่ได้ปรีดาอะไรกับคำพูดพวกนั้นหรอก แต่คนคนหนึ่งที่บอกว่าจะเป็นเจ้ามืออย่างผู้กองชีวอน ตอนนี้เขาไม่เห็นพูดอะไรบ้างเลย เอาแต่ยกเหล้าดื่มอย่างเดียว


    เด็กชายวัย 24 ปี ได้แต่นั่งมองผู้กองหนุ่มตาไม่กระพริบ ท่าทางขรึมๆที่เป็นธรรมชาติของผู้กองคนนี้ ดูดีกว่าตอนที่เขาเก็กเป็นไหนๆ สายตาคมกริบมองมาทางคนตรงข้ามที่กำลังลักลอบมองเขาอยู่อย่างรู้ทัน
    คยูฮยอนแทบจะหลบสายตานั้นไม่ทัน

    ทั้งๆที่ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะกลัวสายตาของคนคนนั้นไปทำไม..
    หลังจากกินกันจนอิ่มหนำสำราญต่างก็ค่อยๆแยกย้ายออกไปทีละคน จนตอนนี้เหลือแค่คยูฮยอนกับชีวอน

    "คดีหน้าก็คงต้องรบกวนเหมือนเดิมนะ.." คนหน้าหล่อเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

    "ไม่หรอกครับ มันเป็นหน้าที่" หมอนี่คิดเซ็งอะไรอยู่ หรือว่ายังเสียหน้าเรื่องเมื่อเช้า โถ่ เป็นแบบนี้มาร่วมเดือนก็น่าจะชินได้แล้วนะ คยูฮยอนคิด พลางมองอีกคนไม่ละสายตา

    "งั้นขอถามอีกอย่างสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่เห็นคนร้ายล่ะ ถ้าคนร้ายวิ่งออกไป.." พูดอะไร จับใจความไม่ค่อยได้ ถึงผู้กองจะดูเมาๆแล้ว แต่เขาก็ยังคงถามถึงคดีเมื่อเช้า จะค้างคาอะไรหนักหนา

    "ก็ประตูหนีไฟยังไงล่ะครับ ทุกคลับก็ต้องมีทางหนีไฟทั้งนั้น แบบนี้คนร้ายก็อาจจะวิ่งไปทางบันไดหนีไฟซึ่งอยู่ด้านหลัง ทั้งนี้ก็ไม่มีใครเห็นแล้วครับ เพราะตอนนั้นแถวนั้นมีแค่ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนผู้ตายซึ่งเธออยู่ฝั่งด้านหน้าของคลับเลยไม่ได้ยินเสียงคนวิ่งลงบันหนีไฟนั่น"


    ผู้กองพยักหน้าฟังพลางยกแก้วขึ้นมายกดื่มอีกครั้งด้วยหน้าที่แดงก่ำ

    "ปกติดื่มจัดแบบนี้ทุกวันเลยหรอครับ" คยูฮยอนยังคงมองอีกคนที่ดื่มไปไม่รู้กี่รอบแล้ว


    "ไม่หรอก วันนี้วันเกิดฉันน่ะ"


    "อ่า..สุขสันต์วันเกิดครับ แต่ดื่มแต่วันแบบนี้ มันไม่ดีนะครับ พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลย.."


    "งั้นเหรอ..แต่ไม่เป็นไร ฉันยังไม่เมา"


    "...." ดื้อด้าน หัวแข็ง นี่คือนิสัยของผู้กองที่คยูฮยอนสัมผัสได้จากการได้ร่วมงานกันมาเกือบหนึ่งเดือน
    ถ้าเจ้าตัวยืนยันอย่างนั้น คยูฮยอนก็ไม่มีอะไรที่จะพูดต่อ เพียงแต่ตอนนี้เพื่อนตำรวจของเขาก็กลับไปหมดแล้ว


    "เรื่องวันเกิดฉัน มีแค่นายนะที่รู้.."

    "หืม..อย่างงั้นหรอครับ"

    "แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันก็รู้ ฉันหมายถึง เพื่อนร่วมงานของฉันไม่มีใครรู้หรอก ..แล้วก็ไม่มีใครถามด้วย"

    อย่างหลังนี่ฟังดูน่าเศร้าไปเสียหน่อย แต่ทำไมคยูฮยอนกลับแอบรู้สึกดีใจขึ้นมา อาจเพราะนี่มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองพิเศษ?..

    "อย่าอยู่ให้เย็นมากเลยครับ นี่ใกล้จะหกโมงแล้ว รีบกลับกันเถอะครับ" ทันทีที่ร่างบางมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือของตนก็พูดจาเร่งรีบขึ้นมา

    "กลับไปก่อนเถอะ ฉันจะฉลองให้ตัวเองอีกแปปนึง" ผู้กองที่ดูเมามากแล้ว ยังคงพูดเหมือนคนหดหู่พาลทำให้คยูฮยอนหนักใจ

    "เมาแบบนี้ จะไหวไหมครับเนี่ย คุณต้องกลับแท็กซี่นะครับ ห้ามขับรถ"

    "นี่นายสั่งตำรวจอย่างฉันหรอ ฮ่าๆ ฉันรู้น่า"

    นี่ดูเขาเมาจริงๆ ทั้งๆที่เป็นวันเกิดของตัวเอง แต่กลับมาทำตัวอย่างนี้
    หนักใจจริงๆ

    "มาครับ ผมไปส่งที่บ้าน"

    ".."




    ร่างสูงโปร่งนั้นถูกแบกขึ้นแท็กซี่อย่างทุลักทุเล คยูฮยอนผลักให้ชีวอนไปนั่งฝั่งขวาด้านหลังคนขับก่อนที่ตนจะเข้าไปนั่งฝั่งซ้าย

    "บ้านคุณอยู่ไหนครับ"

    "หืม มม? อัพกูจอง.." บอกขึ้นราวกับละเมอ ก่อนที่จะบอกให้แท็กขับไปตามคำละเมอนั่น
    อยู่แถวอัพกูจองหรอ... งั้นก็เป็นพวกลูกคนรวยสินะ ทำไมถึงมาเป็นตำรวจได้ล่ะนี่


    คยูฮยอนคิดขณะที่มองอีกคนอย่างหนักใจ นี่ก็หกโมงครึ่งแล้ว เขาได้แต่ภาวนา






    ขอให้พระอาทิตย์อย่าเพิ่งตกดิน...






    "หนุ่มน้อย ขอบใจมากนะ" อยู่คนที่หน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้าก็เอ่ยขึ้น

    "ครับ แต่กรุณาอย่าเรียกแบบนั้นเลย ผมมีชื่อ.."

    "ฮ่าๆ ทำไมเรียกไม่ได้หรอ ฉันแก่กว่านายตั้งหลายปีนะ เจ้าหนุ่มน้อย" หงุดหงิดจริงๆ แต่ก็ยังต้องยึดคติ อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา โจว คยูฮยอนเลยไม่ได้ตอบโต้อะไรผู้กองนี่ รอพรุ่งนี้เช้าก่อนเถอะ

    ในที่สุดก็มาถึง ร่างบางควักเงินจ่ายค่าแท็กซี่ก่อนจะออกมาอย่างทุลักทุเลเพราะต้องพยุงร่างหนักๆที่เมาจนยืนเองไม่ไหว
    ทุเรศจริงๆ คยูฮยอนคิด แต่ทันใดทีลงมาหารถ พระอาทิตย์ที่ค่อยๆลงดิน แสงสีส้มเริ่มอ่อนลง...

    มันมาแล้วซินะ



    .



    .
    .















    ...............................................................................................................................
    เช้ารุ่งขึ้น



    "คุณหนู ตื่นได้แล้วค่ะ"

    เสียงแม่บ้านที่รับใช้ตระกูลชเวมานานกว่าสิบปี เอ่ยปลุกคุณหนูคนเดียวของที่นี่
    ชีวอนตื่นมาพร้อมกุมขยับตัวเอง ไม่มีอารมณ์ทักทายแม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่มักจะเข้ามาปลุกเขาทุกวัน


    ชเว ชีวอน วัย 32 ปี ลูกชายคนเดียวของเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในย่านอัพกูจอง

    แต่ในที่ทำงาน เขาคือผู้กองซีวอน เจ้าตำรวจแห่งเขตกังนัม




    หรืออาการแฮงค์มันกำลังทำงาน เขาถึงได้รู้สึกปวดหัวขนาดนี้



    "ผมกลับบ้านมาได้ยังไงครับเนี่ย.."

    "แหมม ดื่มไปหนักก็เลยจำอะไรไม่ได้สินะคะ ..มีผู้หญิงมาส่งคุณไงคะ "

    "ห๊ะ...ผู้หญิงเนี่ยนะ.."

    เป็นไปได้ยังไง ก็เท่าที่นึกออกเขาไปกินเนื้อย่างกับพวกเพื่อนตำรวจ มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น



    "คุณป้าแน่ใจหรอครับ.."

    "แน่สิค่ะ ดิฉันถึงแก่ แต่หูตายังไม่ฟ่าฟางถึงขนาดมองผิดได้ขนาดนั้นหรอกนะคะ"

    คำยืนยันของแม่บ้านประจำตระกูลของผู้กองชีวอน ยิ่งสร้างความสร้างฉงนแก่ตัวเขา




    ผู้หญิงที่ไหนกันที่มาส่งเขาถึงบ้าน












    ..................................................................................................................

    ร่างบางยืนแปลงฟันอยู่หน้ากระจกในตอนเช้า พลางนึกถึงเรื่องวุ่นๆเมื่อวาน..
    หลังจากแท็กซี่มาส่งเสร็จ พระอาทิตย์เจ้ากรรมก็ดันมาตกดิน สรีระของคยูฮยอนในตอนนั้น



    ก็เลยกลายเป็นผู้หญิงซะได้....





    โจว คยูฮยอน วัย 24 ปี นักสืบเอกชน ....ผู้เกิดมาพร้อม กับคำสาป












    ร่างกายของเขาจะกลายเป็นผู้หญิงทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน...










    TO BE CONTINUE....

















    ป.ล. นี่คือคูยอนตอนถูกคำสาป อิอิ




    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×